Share

บทที่ 660

Author: ลั่วหูโยว
และที่สำคัญที่สุดคือ ลุงเย่มู่ซื้ออาหารพวกนี้มาเยอะมากแล้ว ถ้าให้ลุงโม่ไป๋มา...

“พี่ชาย……”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะได้ทันคิด เสิ่นเหมิงเหมิงก็หิวมากจนเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปและเริ่มกระตุกชายเสื้อของเขา

เสิ่นซือเหนียนรู้สึกหมดหนทาง ในตอนที่กำลังจะขอโทรศัพท์คืนจากฉินเย่ จู่ๆฉินเย่ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งสองคน

“ซุบซิบอะไรกันอยู่หรอครับ?”

ทันทีที่เธอเห็นเขา เสิ่นเหมิงเหมิงก็หันหนีจากเขาทันที

ฉินเย่เอื้อมมือออกไปแตะหัวของเธอเบา ๆ “โกรธลุงเย่มู่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

"ฮึ"

เสิ่นเหมิงเหมิงไม่อยากคุยกับเขาเลยสักนิด

ฉินเย่ทำได้เพียงใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่หลังคอของเธอ "ลุงเย่มู่ผิดไปแล้ว ขอโทษเหมิงเหมิงกับพี่ชายด้วยนะ พวกหนูสองคนให้อภัยลุงเย่มู่ได้ไหมครับ?"

"ไม่ได้!"

เหมิงเหมิงซึ่งแต่เดิมต้องการเมินเขาพูดด้วยความโกรธทันที

“ไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร แต่พวกหนูจะไม่กินจริงหรอ? จะให้ตัวเองอดตาย เดี๋ยวก็หิวจนเป็นลมพอดี ถ้าหม่ามี๊ตื่นขึ้นมาไม่เห็นพวกหนูทำยังไงล่ะ?”

ช่วยไม่ได้ ฉินเย่ทำได้เพียงใช้วิธีอ้อมๆเท่านั้น

เด็กก็เป็นแค่เด็กอยู่วันยังค่ำ เมื่อได้ยินฉินเย่พูด
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 661

    ดังนั้นในท้ายที่สุด เสิ่นซือเหนียนจึงวางมือเล็กๆของเขาลงไปบนมือใหญ่ๆที่ดูอบอุ่น และเขาก็ถูกจูงไป หลี่มู่ถิงซื้อของมากมายหลายอย่างเพราะเขาไม่รู้ว่าเด็กๆชอบกินอะไร เขาจึงซื้อของกินมาเกือบทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อจัดวางพวกมันไว้บนโต๊ะ ของกินที่ดูน่าเอร็ดอร่อยก็ดูมีให้เลือกเต็มไปหมด เสิ่นเหมิงเหมิงถูกอุ้มมาวางลงบนเก้าอี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด “ลุงเย่มู่ ทั้งหมดนี่สำหรับเหมิงเหมิงกับพี่ชายหรอคะ?” "ใช่ครับ"ในขณะที่พูด ฉินเย่หยิบผ้าเช็ดปากสีขาวสองผืนออกมาแล้วปูบนโต๊ะด้านหน้าของเสิ่นเหมิงเหมิงและเสิ่นซือเหนียน ช่วงนี้เขาดูแลพวกเขามานานมากแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเด็กสองคนนี้ชอบอะไร แต่หลี่มู่ถิงก็รู้ว่าเด็กๆต้องใช้อะไรบ้างในการรับประทานอาหาร ดังนั้นตอนที่ไปซื้อของเมื่อครู่นี้ เขาก็ซื้อมันมาด้วย เสิ่นเหมิงเหมิงกับเสิ่นซือเหนียนนั่งอยู่ที่นั่น เขามองดูฉินเย่ยุ่งหัวหมุนอยู่กับสองพี่น้อง เสิ่นเหมิงเหมิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากที่เมินและปากแข็งกับเขาในตอนแรก กลายเป็นค่อยๆลดความระมัดระวังลง และเริ่มพูดสั่งฉินเย่ “ลุงเย่มู่ หนูอยากกินอันนี้!

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 662

    ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน มีเพียงแสงสลัวๆจากไฟดวงเล็กๆที่เปิดอยู่ในห้องผู้ป่วย แสงไฟนุ่มนวลไม่แทงตา ดังนั้นเมื่อเสิ่นหยินอู้ลืมตาขึ้นมา เธอจึงไม่ได้รู้สึกไม่สบายตา เมื่อมองไปรอบๆ ในไม่ช้าเสิ่นหยินอู้ก็เห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ ฉินเย่... เสิ่นหยินอู้ซึ่งแต่เดิมสมองยังคงว่างเปล่า หลังจากเห็นฉินเย่ เธอก็นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ สติของเธอหายไปหลังจากที่หน้าผากของเธอไปกระแทกโดนอะไรบางอย่าง และเธอก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ได้เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าในตอนนั้นเธอคงจะได้รับบาดเจ็บ แล้วฉินเย่ก็มาส่งเธอที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ? โรงพยาบาล…… แล้วเหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนล่ะ? เมื่อเขาคิดถึงพวกเขา เสิ่นหยินอู้ที่ยังคงนอนอย่างสงบอยู่ก็รู้สึกกระวนกระวายจนอยากจะลุกขึ้นมานั่งในทันที แต่ทันทีที่เธอส่งเสียง เธอก็ปลุกฉินเย่ที่กำลังพิงขอบเตียงเพื่อหลับตาพักผ่อนอยู่ ฉินเย่ลืมตาสีดำเข้มของเขาขึ้น เธอสบตากับเขาเข้าโดยไม่คาดคิด วินาทีต่อมา ฉินเย่ยืนขึ้นเพื่อมาพยุงเธอ “ตื่นแล้หรอ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของเขาฟังดูต่ำและแหบแห้ง ราวก

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 663

    สีหน้าของฉินเย่แข็งทื่อ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปูดขึ้นเพราะคำพูดของเธอ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาเป็นปกติ ราวกับว่าเขาได้กำจัดอารมณ์ลบๆเมื่อครู่นี้ทั้งหมดแล้ว “คุณหิวน้ำไหม เดี๋ยวผมเทน้ำอุ่นให้นะ” เสิ่นหยินอู้จ้องมองเขาอย่างเรียบเฉย ฉินเย่สบตาเธอหลายวินาที จากนั้นลุกขึ้นไปรินน้ำอุ่นให้เธอ "ผมวัดอุณหภูมิแล้ว น่าจะกำลังพอดี" เสิ่นหยินอู้มองแก้วน้ำตรงหน้าเธอแล้วปฏิเสธ: "ไม่กิน" “คุณไม่ได้กินอะไรเลยทั้งคืน แล้วก็นอนมานานตั้งแล้ว ดื่มน้ำอุ่นๆให้ชุ่มคอก่อนเถอะ” ในขณะที่พูด ฉินเย่ก็เอาแก้วน้ำเข้าไปใกล้ๆปากของเสิ่นหยินอู้ เสิ่นหยินอู้ขมวดคิ้วและหันหน้าหนี: "ฉันบอกว่าไม่กิน" ฉินเย่อยู่ท่าเดิมครู่หนึ่ง และในที่สุดก็วางแก้วน้ำลง “งั้นกินอะไรหน่อยไหม? คุณอยากกินอะไร?” ในขณะนี้ เสิ่นหยินอู้ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดเช่นไร เธอหัวเราะเยาะเบาๆแล้วพูดว่า: "ฉันไม่อยากกินน้ำ ไม่อยากกินอะไร แล้วก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณด้วย ถ้าคุณรู้สึกผิดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เลยอยากทำอะไรเพื่อฉัน งั้นก็โทรตามโม่ไป๋มาที่นี่ให้ฉัน” หลังจากที่เธอพูดชื่อโม่ไป๋ ฉินเย่ซึ่งสงบมาโดยตลอดก็หน้าบูดบึ้

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 664

    “ไม่ต้องเฝ้าหรอก” ฉินเย่เม้มริมฝีปากบางของเขาแล้วมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ลุกขึ้นและออกไป เสิ่นหยินอู้: "..." ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าสายตาของฉินเย่ที่มองมาที่เธอเมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าเขาน้อยใจ หลังจากตอบสนองได้ จู่ๆเสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาน้อยใจอะไร? คนเจ็บคือเธอ ไม่ใช่เขา มีอะไรให้เขาน้อยใจกัน? ปัง ประตูห้องผู้ป่วยถูกปิดลง และฉินเย่ก็ออกไป เสิ่นหยินอู้พลิกตัวเบาๆ บาดแผลยังคงเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่เธอพลิกไปจนสามารถที่จะมองเห็นเด็กๆ เธอนอนตะแคงและมองดูพวกเขา เด็กน้อยสองคนนอนหลับสนิทปราศจากความกังวล เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ หรือเพราะพวกเขารู้ว่าคนในห้องผู้ป่วยคือฉินเย่? เนื่องจากแผลบนหน้าผากของเธอยังเจ็บอยู่ เสิ่นหยินอู้จึงไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องอื่น ในไม่ช้าสติของเธอก็เลือนลางลง ดังนั้นเสิ่นหยินอู้จึงหลับไปอีกครั้งโดยหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เพียงแต่เธอไม่ได้หลับสนิท สติของเธอฟื้นคืนมาและหายไปเป็นครั้งคราว บางครั้ง เธอก็นึกถึงบุคคลที่อยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วย แต่เหตุผลของเธอทำให้เธอไม่สามารถคิดอะไรไร้

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 665

    เธอไม่ได้ตกลง แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน หัวใจของฉินเย่ซึ่งแขวนอยู่บนด้ายตั้งแต่แรก ในที่สุดก็สงบลง เขามองแผนหลังของเธอที่นอนตะแคงอยู่และยกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้เธอสงสาร... แต่เพราะตอนนี้อุณหภูมิภายนอกเป็นเลขหลักเดียว เขารู้สึกหนาวจริงๆเมื่อต้องอยู่ข้างนอกด้วยเสื้อกล้ามเพียงตัวเดียว อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้พักหนึ่งเขามีเลือดออกในท้องแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ร่างกายจึงมีความบกพร่องบ้างเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาสามารถบอกให้หลี่มู่ถิงไปหาเสื้อคลุมอีกตัวมาให้เขาได้ แต่ก็แค่ต้องใช้เวลาเล็กน้อย หลี่มู่ถิงก็เสนอเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ แต่ในขณะนั้น ฉินเย่อยากลองเข้ามาและมันก็จะดีถ้าได้อยู่ด้านใน แน่นอนว่าเขาทำสำเร็จ แม้ว่าในห้องจะหนาวเหมือนกัน แต่หัวใจของฉินเย่ก็ค่อยๆอบอุ่นขึ้นเมื่อเขาเห็นสภาพของเธอและลูกๆที่นอนอย่างสงบอยู่บนเตียง หลังจากนั่งได้สักพักเขาก็ลุกขึ้นไปเทน้ำร้อนให้ตัวเอง เสียงน้ำดื่มของเขาดูดังขึ้นมาเล็กน้อยท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงบ ตั้งแต่เย็นจนถึงตอนนี้ เสิ่นหยินอู้กังวลมากจนยังไม่ได้กินอะไรหรือดื่มน้ำเลยสักอึก และตอนนี้เธอก็รู้สึกกระหายน้ำเล

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 666

    หลังจากพูดจบ เธอก็ดื่มน้ำในแก้วที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจนหมด แล้วจึงยื่นให้เขา ฉินเย่เอื้อมมือไปรับมันด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย: "คุณอยากไปเข้าห้องน้ำไหม?" เสิ่นหยินอู้: "..." ทำไมเป็นคำถามนี้อีกแล้ว? เธอต้องการที่จะปฏิเสธมาก แต่ให้ตายเถอะ ดูเหมือนเธอจะอยากไปห้องน้ำขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจริงๆ... ดังนั้น ใบหน้าของเสิ่นหยินอู้จึงบูดบึ้งขึ้นมา ประเด็นคือ ฉินเย่ทำท่าเหมือนจะเข้าใจจริงๆ "เดี๋ยวผมอุ้มคุณไป" จากนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งและพาเธอไปที่หน้าห้องน้ำ โชคดีที่ตอนนี้น้ำเกลือหมดแล้ว มือของเธอเป็นอิสระขึ้นมาก และอาการบาดเจ็บก็อยู่ที่หน้าผาก ดังนั้นการเข้าห้องน้ำจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร หลังจากเข้าห้องน้ำ ฉินเย่เปิดฝาชักโครกให้เธอและเตรียมทิชชู่ให้เธอล่วงหน้า หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็พูดกับเธอว่า: "ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอก เสร็จแล้วบอกผม" แล้วเขาก็ออกไป พร้อมกับปิดประตูให้เธอ อย่างไรก็ตาม เสิ่นหยินอู้ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา: "คุณอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?" เสียงของฉินเย่จากข้างนอกดังเข้ามาทันที

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 667

    คำพูดที่บอกว่าเขาไม่ต้องการลูกทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วและตอบกลับโดยไม่รู้ตัว: "ผมบอกตอนไหนว่าผมไม่ต้องการลูก?" ปฏิกิริยาของเขาทำให้ เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่ามันน่าขันมากขึ้นไปอีก “หยุดทำไขสือได้แล้ว อย่าคิดว่าเพราะคุณไม่ได้พูดออกมาจากปาก มันก็เลยกลายเป็นว่าคุณไม่ได้ทำ” คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้ว เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแก้ต่างให้ตัวเอง “ในเมื่อผมไม่ได้พูดออกมาจากปากผมเอง แล้วทำไมผมถึงเป็นคนทำล่ะ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็แสดงสีหน้าที่ยากจะเชื่อบนใบหน้าของเธอ "ฉินเย่ คุณไม่กล้าพอที่จะยอมรับหรอ?" ฉินเย่รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย “ในเมื่อผมไม่ได้พูดเอง ทำไมผมต้องยอมรับด้วย?”เสิ่นหยินอู้ยิ้มอย่างดูถูก: "ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้ คุณไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับในสิ่งที่คุณทำแล้วยังมาเล่นเกมปั่นประสาทกับฉัน" “ผมไปเล่นเกมปั่นประสาทกับคุณตั้งแต่เมื่อไร?” เสิ่นหยินอู้: "ไม่ได้เล่นเกมปั่นประสาทแล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมรับล่ะ?" “คุณจะให้ผมยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำได้ยังไง?” เธอรู้สึกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาแค่พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานด้วย

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 668

    “ผมไม่เคยเห็นมันเลยจริงๆ ไม่งั้นคุณคิดว่าผมจะไม่ตอบกลับเรื่องที่สำคัญขนาดนี้กับคุณเหรอ? เราโตมาด้วยกันนะ คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” “ใช่ไง เราโตมาด้วยกัน ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดีพอ แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณจะเปลี่ยนไปไหม? ยังไงฉูฉู่ก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของคุณ มันก็เป็นไปได้ที่คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเธอ” “หรือว่าคุณคิดว่าผมจะทำร้ายคุณลงเพื่อเธองั้นเหรอ?” คำถามนี้... เสิ่นหยินอู้มองเขาอย่างเย้ยหยัน: "หรือคุณไม่ได้ทำร้ายฉันเพื่อเธอล่ะ?" ฉินเย่ถามว่า: "เมื่อไร?" เมื่อไร? แล้วเขามีหน้ามาถามเธอว่าเมื่อไรงั้นหรอ? เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด ฉินเย่จึงพูดว่า "ถ้าคุณหมายถึงเรื่องหย่า ผมอธิบายได้" เสิ่นหยินอู้ไม่ตอบ “ตอนแรกที่เราแต่งงานกัน เราเคยคุยกันไว้ก่อนว่าจะแต่งงานปลอมๆใช่ไหม?” หลังจากได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็มองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร ฉินเย่พูดต่อ: "ตอนนั้นคุณพูดอะไรกับผมล่ะ? เราจะหย่ากันหลังจากที่คุณย่าผ่าตัดเสร็จ" “ฉันไม่ได้เป็นคนพูด” เสิ่นหยินอู้โต้กลับ “คุณเป็นคนพูดเอง” “ลืมหรอ?” รอยยิ้มของฉินเย่หดหู่เล็กน้อย: “ตอนที่เราตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันที่ห้าหลังจาก

Latest chapter

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status