Share

บทที่ 666

Penulis: ลั่วหูโยว
หลังจากพูดจบ เธอก็ดื่มน้ำในแก้วที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจนหมด แล้วจึงยื่นให้เขา

ฉินเย่เอื้อมมือไปรับมันด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นก็พูดออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย: "คุณอยากไปเข้าห้องน้ำไหม?"

เสิ่นหยินอู้: "..."

ทำไมเป็นคำถามนี้อีกแล้ว?

เธอต้องการที่จะปฏิเสธมาก แต่ให้ตายเถอะ ดูเหมือนเธอจะอยากไปห้องน้ำขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจริงๆ...

ดังนั้น ใบหน้าของเสิ่นหยินอู้จึงบูดบึ้งขึ้นมา

ประเด็นคือ ฉินเย่ทำท่าเหมือนจะเข้าใจจริงๆ "เดี๋ยวผมอุ้มคุณไป"

จากนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งและพาเธอไปที่หน้าห้องน้ำ

โชคดีที่ตอนนี้น้ำเกลือหมดแล้ว มือของเธอเป็นอิสระขึ้นมาก และอาการบาดเจ็บก็อยู่ที่หน้าผาก ดังนั้นการเข้าห้องน้ำจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

หลังจากเข้าห้องน้ำ ฉินเย่เปิดฝาชักโครกให้เธอและเตรียมทิชชู่ให้เธอล่วงหน้า หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็พูดกับเธอว่า: "ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอก เสร็จแล้วบอกผม"

แล้วเขาก็ออกไป พร้อมกับปิดประตูให้เธอ

อย่างไรก็ตาม เสิ่นหยินอู้ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา: "คุณอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?"

เสียงของฉินเย่จากข้างนอกดังเข้ามาทันที

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Orawin
ฉินเย่คุยให้เข้าใจนะ อย่าให้เข้าใจผิดอีก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 667

    คำพูดที่บอกว่าเขาไม่ต้องการลูกทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วและตอบกลับโดยไม่รู้ตัว: "ผมบอกตอนไหนว่าผมไม่ต้องการลูก?" ปฏิกิริยาของเขาทำให้ เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่ามันน่าขันมากขึ้นไปอีก “หยุดทำไขสือได้แล้ว อย่าคิดว่าเพราะคุณไม่ได้พูดออกมาจากปาก มันก็เลยกลายเป็นว่าคุณไม่ได้ทำ” คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้ว เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแก้ต่างให้ตัวเอง “ในเมื่อผมไม่ได้พูดออกมาจากปากผมเอง แล้วทำไมผมถึงเป็นคนทำล่ะ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็แสดงสีหน้าที่ยากจะเชื่อบนใบหน้าของเธอ "ฉินเย่ คุณไม่กล้าพอที่จะยอมรับหรอ?" ฉินเย่รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย “ในเมื่อผมไม่ได้พูดเอง ทำไมผมต้องยอมรับด้วย?”เสิ่นหยินอู้ยิ้มอย่างดูถูก: "ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้ คุณไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับในสิ่งที่คุณทำแล้วยังมาเล่นเกมปั่นประสาทกับฉัน" “ผมไปเล่นเกมปั่นประสาทกับคุณตั้งแต่เมื่อไร?” เสิ่นหยินอู้: "ไม่ได้เล่นเกมปั่นประสาทแล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมรับล่ะ?" “คุณจะให้ผมยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำได้ยังไง?” เธอรู้สึกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาแค่พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานด้วย

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 668

    “ผมไม่เคยเห็นมันเลยจริงๆ ไม่งั้นคุณคิดว่าผมจะไม่ตอบกลับเรื่องที่สำคัญขนาดนี้กับคุณเหรอ? เราโตมาด้วยกันนะ คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” “ใช่ไง เราโตมาด้วยกัน ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดีพอ แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณจะเปลี่ยนไปไหม? ยังไงฉูฉู่ก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของคุณ มันก็เป็นไปได้ที่คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเธอ” “หรือว่าคุณคิดว่าผมจะทำร้ายคุณลงเพื่อเธองั้นเหรอ?” คำถามนี้... เสิ่นหยินอู้มองเขาอย่างเย้ยหยัน: "หรือคุณไม่ได้ทำร้ายฉันเพื่อเธอล่ะ?" ฉินเย่ถามว่า: "เมื่อไร?" เมื่อไร? แล้วเขามีหน้ามาถามเธอว่าเมื่อไรงั้นหรอ? เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด ฉินเย่จึงพูดว่า "ถ้าคุณหมายถึงเรื่องหย่า ผมอธิบายได้" เสิ่นหยินอู้ไม่ตอบ “ตอนแรกที่เราแต่งงานกัน เราเคยคุยกันไว้ก่อนว่าจะแต่งงานปลอมๆใช่ไหม?” หลังจากได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็มองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร ฉินเย่พูดต่อ: "ตอนนั้นคุณพูดอะไรกับผมล่ะ? เราจะหย่ากันหลังจากที่คุณย่าผ่าตัดเสร็จ" “ฉันไม่ได้เป็นคนพูด” เสิ่นหยินอู้โต้กลับ “คุณเป็นคนพูดเอง” “ลืมหรอ?” รอยยิ้มของฉินเย่หดหู่เล็กน้อย: “ตอนที่เราตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันที่ห้าหลังจาก

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 669

    “ตอนนั้นที่ตระกูลเสิ่นตกที่นั่งลำบาก ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่คุณช่วยฉัน แต่คุณคงยังไม่ลืมเหตุผลที่เราแต่งงานกันใช่ไหม? เพราะร่างกายของคุณย่าไม่ดี…” เมื่อพูดถึงคุณย่า เสิ่นหยินอู้นึกถึงเรื่องที่ว่าเธอไม่เคยไปเจอคุณย่าเลยสักครั้งหลังจากที่คุณย่าจากไปแล้ว หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย และทำได้เพียงสงบลมหายใจเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด จากนั้นก็พูดว่า: "ยังไงก็ตาม พวกเราต่างก็ได้ในสิ่งที่แต่ละคนต้องการ มันไม่ต่างอะไรกับความสัมพันธ์แบบธุรกิจหรอก" "งั้นเหรอ?" สายตาของฉินเย่จับจ้องไปที่เธอ: "ถ้ามันเป็นแค่ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม แล้วทำไมคุณถึงไม่เอาเงินไปด้วยสักบาทในตอนที่คุณจากไปล่ะ? ทำไมถึงไม่ทำแท้งลูกล่ะ?" “หย่าไปแล้ว ฉันจะเอาเงินคุณไปทำไม? คุณช่วยฉันจัดการเรื่องของตระกูลเสิ่น ฉันช่วยคุณดูแลคุณย่า ทำไมฉันถึงต้องเอาเงินไปด้วยล่ะ? สำหรับเรื่องไม่ทำแท้งลูก คำถามนี้มันยิ่งน่าขำนะ ฉันไม่ได้บังคับให้คุณมาหลับนอนด้วยสักหน่อย คุณมานอนกับฉันเองนะ พอท้อง ลูกก็อยู่ในท้องฉัน ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้พวกเขาเกิดมาหรือไม่" “แต่ลูกมีสายเลือดของผม” “แล้วไงล่ะ? สายเลือดของคุณมันสูงส่งมากเหรอ? ฉันคลอดพว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 670

    ฉินเย่พยักหน้าและพูดถ่ายทอดตามสิ่งที่เธอพูดอย่างใจเย็นต่อหน้าที่อัดเสียง เสิ่นหยินอู้นอนฟังเขาค่อยๆพูดตามในสิ่งที่เธอพูดจนจบ แล้วจึงพูดว่า: "ถ้าสักวันคุณมีความคิดที่จะพรากลูกๆไปจากฉัน ถ้าจะดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือคิดจะพาลูกๆไปเป็นการส่วนตัว ฉันมีสิทธิ์ที่จะฟ้องคุณต่อศาล ถึงตอนนั้นทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อของคุณจะต้องเป็นของฉัน เสิ่นหยินอู้” เธอไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาได้ เพราะหากพูดออกไป มันก็จะมีผลในอนาคต หากเขาคิดจะพรากลูกไปจากเธอจริงๆ เขาคงจะต้องชดใช้อย่างมหาศาล ดังนั้นหลังจากที่เสิ่นหยินอู้พูดจบ เธอก็ไม่ได้หวังว่าฉินเย่จะพูดตามในสิ่งที่เธอพูด แต่ในวินาทีต่อมา ฉินเย่กลับพูดตามที่เธอพูดจนจบโดยไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่คำเดียวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เสิ่นหยินอู้: "..." เธอมองดูฉินเย่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้จนจบจริงๆ นี่มันหมายความว่าอะไร? หรือว่าเขาจะไม่ได้คิดที่จะพรากลูกๆไปจากเธอจริงๆ? ทั้งหมดล้วนเป็นเธอเองที่คิดมากไปงั้นหรอ? หลังจากคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอคงจะหวาดระแวงมากไปสินะ? เขาย้ำตั้งแต่แ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 671

    คำถามนี้พอถามออกไป ทั้งสองคนก็เงียบกันไปทั้งคู่
เสิ่นหยินอู้เงียบไปเพราะเธอคิดถึงเรื่องตอนที่อยู่ใต้สโมสรบิลเลียด โทรศัพท์ของเธอโดนเพื่อนของเจียงฉูฉู่เอาไปแล้วแกล้งส่งข้อความให้ตัวเองส่วนสีหน้าของฉินเย่ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขากับเสิ่นหยินอู้กำลังคิดถึงเรื่องเดียวกัน
ตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็คิดถึงเรื่องเดียวกันหลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ฉินเย่ก็มองไปที่เสิ่นหยินอู้และพูดว่า “หรือบางที ถ้าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่ผมจริงๆล่ะ?”
เสิ่นหยินอู้เม้มปาก ไม่ได้ตอบอะไรฉินเย่คว้าโอกาสนี้ไว้ จึงรีบถามต่อว่า “ถ้า หยินอู้...... ผมหมายถึงถ้า ตอนที่คุณบอกผมเรื่องนี้ โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่ผมจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะแบบนั้น คุณยังจะโทษผมอยู่ไหม?”เมื่อเสิ่นหยินอู้ได้ยินแบบนั้น เธอก็เงียบไปอีกครั้ง“ถ้าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่คุณ แล้วมันจะอยู่ที่ใคร?” เสิ่นหยินอู้จ้องเขา “โทรศัพท์ของคุณไม่เคยอยู่ห่างตัวเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้ามันไม่อยู่กับคุณจริงๆ มันก็ต้องอยู่กับคนสำคัญของคุณ ถึงแม้คุณจะไม่เห็น แล้วมันจะสำคัญอะไร?”นอกจากนี้ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเขาจะใช้วิธีนี้เพื่อ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 672

    เพราะตัวเองทำงานเป็นผู้ช่วยพิเศษ ซึ่งต้องพร้อมตลอดเวลา ดังนั้นโทรศัพท์ของหลี่มู่ถิงจึงเปิดสแตนบาย 24 ชั่วโมง
ทันทีที่โทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าใครโทรมา
แต่วันนี้อากาศหนาว ผ้าห่มก็อุ่นมาก เขาไม่อยากลุกจากที่นอนจริงๆ
เสียงโทรศัพท์ดังต่อเนื่อง......
สุดท้ายหลี่มู่ถิงก็ต้องลุกขึ้นมารับโทรศัพท์“ครับประธานฉิน?”ฉินเย่พูดวันที่หนึ่งขึ้นมา แล้วพูดต่อว่า “หาทางช่วยฉันตรวจสอบข้อความทั้งหมดที่ได้รับในช่วงเวลานั้นด้วย”หลี่มู่ถิง “……”
พอรู้ว่าประธานฉินพูดถึงวันที่ไหน หลี่มู่ถิงก็ถึงกับอึ้ง “เอ่อ ประธานฉิน......นี่มันหลายปีแล้วนะครับ จะตรวจสอบได้ยังไง?”
“คุณเป็นผู้ช่วย คุณต้องหาทางให้ได้ แม้แต่ข้อความขยะก็เช็คให้หมด”
หลี่มู่ถิงยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ทางนั้นก็ตัดสายไปแล้ว เขาจับโทรศัพท์ไว้ในมือและนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา-

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน เสิ่นหยินอู้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเด็กคุยกัน รวมถึงเสียงผู้ชายแปลกหน้า และสุดท้ายก็เหมือนมีคนมาแตะที่หน้าผากของเธอเบาๆ ราวกับกำลังสำรวจบาดแผลของเธอ
เธอรู้สึกสับสน แล้วก็หลับไปอีกครั้ง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถูกมือคู่หนึ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 673

    เด็กน้อยเป่าลมใส่หน้าผากของเธอแม้ว่าการเป่าใส่หน้าผากของเสิ่นหยินอู้ที่พันผ้าก็อซไว้จะไม่ได้ผลอะไร แต่การกระทำที่เอาใจใส่แบบนี้ก็ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกอบอุ่นใจ
อารมณ์ของเธอดีขึ้น ริมฝีปากซีดๆ ก็ยกขึ้นเล็กน้อย “หม่ามี๊ ดีขึ้นหรือยังคะ?”เสิ่นหยินอู้พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อื้ม ดีขึ้นเยอะแล้ว ขอบคุณนะเหมิงเหมิง”เสิ่นเหมิงเหมิงยิ้มออกมาแล้วพูดอย่างไร้เดียงสา “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่หม่ามี๊ไม่เจ็บก็พอ”
พอดีกับที่หมอเข้ามาพร้อมกับฉินเย่ที่เดินตามเข้ามาด้วย เมื่อเห็นเสิ่นเหมิงเหมิงนอนอยู่ข้างเตียง เขาก็ตรงเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจูงเสิ่นซือเหนียนไปข้างๆ
จากนั้นหมอและพยาบาลก็ทำการตรวจเสิ่นหยินอู้และสอบถามอาการ
หลังการตรวจ หมอยืนยันว่าเธอพูดได้อย่างมีเหตุผลและชัดเจน จึงพยักหน้าให้ฉินเย่“ดูจากอาการของเธอแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร รออีกสักครู่ ผมจะเขียนใบสั่งตรวจ CT ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ครับ”
ฉินเย่ที่ยังอุ้มเสิ่นเหมิงเหมิงอยู่พยักหน้า
“ขอบคุณครับ”
จากนั้นฉินเย่ก็ไปขอยืมรถเข็นมาเพื่อพาเสิ่นหยินอู้ไปตรวจ CTเสิ่นหยินอู้ “……”
เธอเงยหน้ามองฉิ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 674

    “ฉินเย่ นี่มันหมายความว่ายังไง? เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี นายไม่ให้เกียรติฉันก็แล้วไป แต่นี่นายทำกับฉูฉู่แบบนี้ได้ยังไง? ฉันบอกเลยนะ ถึงเรื่องเมื่อคืนจะเป็นความผิดของฉันกู้เหยียนซีที่ลงมือก่อน แต่นายก็ต้องรับผิดชอบ เสิ่นหยินอู้ก็ต้องขอโทษฉูฉู่!”สายตาของฉินเย่เย็นชาลงทันที ราวกับดาบคมกริบที่พุ่งเข้าใส่หน้าเขา
“นายพูดว่าอะไร? ลองพูดอีกทีสิ?”สายตาที่ดุดันของเขาทำให้กู้เหยียนซีรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปที่เจียงฉูฉู่ที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ เขาก็รวบรวมความกล้าขึ้นมา“หรือว่าฉันพูดผิด? นายกับเสิ่นหยินอู้หย่ากันมากี่ปีแล้วล่ะ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาฉูฉู่ก็อยู่ข้างนายตลอด แล้วตอนนี้เสิ่นหยินอู้กลับมา จะมาแทนที่เจียงฉูฉู่ได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?”
“เหยียนซี อย่าพูดอีกเลย...” เจียงฉูฉู่จับมือของกู้เหยียนซีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก หยินอู้บาดเจ็บหนักมาก เย่ดูแลเธอก็สมควรแล้ว”“ฉูฉู่ พูดอะไรบ้าๆ? เสิ่นหยินอู้บาดเจ็บแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉินเย่ ดูแลเธอมันสมควรตรงไหน เสิ่นหยินอู้นั่นแหละที่ไม่มียางอาย...”
ปัง!
กู้เหยียนซียังพูดไม่ทันจบ คางของเขาก็โดนต่อยไปหนึ่งหมัด
เขายัง

Bab terbaru

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status