"เหมือนได้มีเพื่อนเล่นด้วย?" คำพูดนี้เช่นนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ย่นจมูก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว” โจวชวงชวงยกคางของเธอขึ้นมาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า "เธอคงรู้ว่าเล่นกับเด็กตัวน้อยๆสนุกแค่ไหน ถูกไหม? ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง เธอก็แต่งตัวให้เธอได้ทุกวัน มันก็เหมือนกับว่าเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตเลยนะ เธอเคยเล่นหนวนหนวนสุดมหัศจรรย์ไหมหละ? ก็เหมือนกับแต่งตัวให้กับตุ๊กตาในเกมแต่งตัวอะ" เสิ่นหยินอู้ "....." เสิ่นหยินอู้ผู้ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน มองโจวชวงชวงที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างพูดอะไรไม่ออก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชวงชวงจะมีแนวคิดแบบนี้ “จริงสิ ถึงตอนนั้นให้ฉันเป็นแม่บุณธรรมของลูกเธอก็ได้นะ” โจวชวงชวงประสานมือของเธอด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นอย่างยิ่ง โดยมีแสงสว่างซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ “ถึงตอนนั้นถ้าเธอยุ่ง ฉันจะย้ายไปอยู่กับเธอเลย ฮ่าๆๆ ขอบอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้จะย้ายไปอยู่กับเธอแค่เพื่อจะไปเล่นกับลูกเธอนะ” “.....”ทันใดนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมโจวชวงชวงถึงอยากให้เธอเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ “จริงสิ” จู่ๆโจวชวงชวงก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง “ฉัน
เสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์เอาไว้ เธอคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ “ทำไมเธอถึงช่วยฉันหละ” ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจียงฉูฉูไม่ได้ดีนัก พวกเธอพบกันผ่านเพื่อนของฉินเย่ และทั้งคู่ก็ไม่กินเส้นกัน เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันแต่อย่างใด ต่อมา หลังจากที่รู้เกี่ยวกับความรู้สึกของฉินเย่ที่มีต่อเจียงฉูฉู่แล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ทำตัวเย็นชาต่อเธอมากขึ้น และจะไม่ยุ่งอะไรกับเธอเท่าที่เป็นไปได้ อย่างไรเสีย เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนใจกว้าง เธออาจจะไม่เคียดแค้นหรือเกลียดเธอ แต่เธอจะไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเจียงฉูฉู่เด็ดขาด เธอจึงคิดไม่ถึงว่าเจียงฉูฉู่จะช่วยเธอจริงๆ หลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ เจียงฉูฉู่ก็ยิ้มเบาๆ "หยินอู้ เธอเป็นเพื่อนของเย่นะ เพื่อนของเย่ก็คือเพื่อนของฉันเหมือนกัน แน่นอนว่าฉันต้องช่วยเธออยู่แล้ว แล้วเธอก็ไม่ต้องรู้สึกติดค้างอะไรทั้งนั้น เรื่องที่ฉันช่วยเธอ เธอไม่ต้องเอาไปพูดกับใครทั้งนั้นนะ ถือซะว่าเป็นเย่ที่เป็นคนช่วยเธอก็แล้วกัน” เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ จะมีอะไรที่เสิ่นหยินอู้ยังไม่เข้าใจอีกหละ? ฉูฉู่ช่วยเธอเพราะเห็นแก่ฉินเย่ เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากที่ซีดเล็ก
บุญคุณ มันก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอติดฉูฉู่ และเมื่อเสิ่นหยินอู้ไปขอให้ผู้คนช่วยเหลือเธอตามสถานที่ต่างๆในเวลาต่อมา เธอก็พบว่าการโทรมาของเจียงฉูฉู่ในตอนนั้นมาได้ทันท่วงทีมากเพียงใด ทรัพย์สินของตระกูลเสิ่นทั้งหมดโดนยึดไป เหลือแค่เพียงบ้านหลังนั้นเท่านั้น ต่อมา เมื่อเธอเริ่มตั้งตัวได้ ความตั้งใจของเสิ่นหยินอู้คือเธอต้องการขายบ้านหลังนั้นและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยและบอกเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “บ้านหลังนั้นจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ลูก ในเมื่อแต่ก่อนพ่อสามารถทำธุรกิจได้สำเร็จโดยเริ่มจากการที่ไม่มีอะไรเลย ในอนาคตจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ลูกเอาบ้านหลังนั้นไปจำนองให้กับคนพวกนั้นได้เลย และวันหลังก็เลี้ยงข้าวฉูฉู่เป็นการตอบแทนด้วย แล้วถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากลูก ก็รีบตอบแทนบุญคุณของเธอให้เร็วที่สุด” "พ่อ……" บุญคุณที่ติดฉูฉู่อยู่ จะไปตอบแทนได้ง่ายๆแบบนั้นได้ที่ไหนกัน? คุณพ่อเสิ่นลูบหัวลูกสาวของตนด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น “ถึงพ่อจะไม่มีอะไรเลย แต่พ่อก็จะไม่ยอมให้นั่วนั่วของพ่อต้องก้มหัวให้กับศัตรูหัวใจของลูก ไม่ต้องห่วงนะ พ่อต้องกลับมาอีกครั
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอยุ่งอยู่กับงาน คุณย่าฉินจึงอนุญาตให้เธอและฉินเย่ไปเยี่ยมเยียนเฉพาะในวันอาทิตย์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปเยี่ยมในเวลาอื่น ไม่เช่นนั้นคุณย่าจะโกรธ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เสิ่นหยินอู้กับฉินเย่จะไปเยี่ยมเยียนคุณย่าในทุกวันอาทิตย์ เมื่อคืนเขาเมาขนาดนั้น และยังไปด้วยกันกับเจียงฉูฉู่ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะ... ในเวลานี้คนขับก็ถามขึ้นมาพอดีว่า "จะโทรหาคุณผู้ชายไหมครับ?" ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เรียกสติกลับคืนมา และพูดโดยไม่รู้ตัวว่า "ไม่ต้องหรอก เขาไม่ว่าง" คนขับ"......" “วันนี้ฉันจะไปเองแล้วกัน” คนขับทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเงียบๆ แล้วก็ขับต่อไป หลังจากอยู่ในตระกูลฉินมาเป็นเวลานาน เขาก็มองออกว่าช่วงนี้บรรยากาศภายในบ้านนั้นค่อนข้างผิดปกติ และเขาก็เคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของเสิ่นหยินอู้ในตอนนี้ เขาก็รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมากแต่เขาก็เป็นแค่คนขับรถเท่านั้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องไปกังวลกับมันแต่อย่างใด - ณ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหนานเฉิง ทันทีที่เสิ่นหยินอู้มาถึง พยาบาลต้อนรับก็ทัก
เมื่อพูดถึงฉินเย่อ ในหัวของเสิ่นหยินอู้ก็กลับมานึกถึงฉากที่เธอเห็นนอกร้านเหล้าเมื่อคืนนี้ แล้วเขาหละ? แน่นอนว่าเขาคงถูกเจียงฉูฉู่พาตัวกลับไปแล้วแหละ สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เขาทำเมื่อคืนนี้ การที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคุณนายจนถึงตอนนี้ เสิ่นหยินอู้นั้นรู้อยู่แก่ใจ เธออารมณ์เสียมาก แต่เธอไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าคุณนายฉินได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่แก้ตัวให้ฉินเย่ด้วยเสียงเบาๆซึ่งจะไม่ง่ายที่จะถูกจับได้ในภายหลัง “เมื่อคืนเขานอนดึกมาก วันนี้ก็เลยตื่นไม่ไหวค่ะ” หลังจากพูดเช่นนั้น ทันใดนั้นเสิ่นหยินอู้ก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง เขานอนดึกมากจริงๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรในช่วงนั้น เมื่อคุณนายฉินได้ยินเช่นนั้น เธอก็แสดงท่าทางที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาในทันที "อายุขนาดนี้แล้วยังนอนดึกอยู่อีก" เสิ่นหยินอู้ยิ้มและไม่พูดอะไร คุณนายฉินมองดูท่าทางอารมณ์ดีของเธอแล้วถอนหายใจ "คงมีแค่หนูคนเดียวที่สามารถทนนิสัยแบบนี้ของเขาได้" “ไม่หรอกค่ะ” เสิ่นหยินอู้พูดด้วยเสียงต่ำ เธอไม่ต้องการที่จะพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีกต่อไป เธอจึงบอกให
เขามีรูปร่างที่สูงและผอม มีใบหน้าอันหล่อเหลา แต่ดวงตาของเขากลับเยือกเย็น เมื่อพวกเขาปะทะกัน เสิ่นหยินอู้ก็หยุดฝีเท้าของเธอลงเฉิน “ฉินเย่?” คุณนายฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเธอเห็นฉินเย่มาที่นี่ "คุณย่า" ฉินเย่เรียกคุณนายฉินด้วยเสียงต่ำทุ้ม เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย ให้ความรู้สึกที่น่าดึงดูดใจทางเพศ เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบาๆ เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนว่าฉินเย่จับสังเกตในสิ่งที่เธอทำได้ เขาจึงลากสายตาขึ้นมามองที่เธออย่างจริงจัง “แกเป็นอะไรไป? เสิ่นหยินอู้บอกว่าแกนอนดึก ก็เลยตื่นไม่ไหว ฉันคิดว่าวันนี้แกจะไม่มาแล้วด้วยซ้ำ” ฉินเย่ไม่คิดว่าเสิ่นหยินอู้จะแก้ตัวให้กับตัวเองเช่นนั้น เขาเม้มริมฝีปากบางของเขา แล้วพูดกับคุณนายฉินด้วยน้ำเสียงประจบประแจงว่า "อย่าพูดว่านอนดึกเลยครับ ต่อให้นอนเช้า ผมก็ต้องมาเยี่ยมคุณย่าอยู่แล้ว" “พูดไปเรื่อย” คุณนายฉินตำหนิเขาโดยแสร้งทำเป็นไม่ชอบ แต่เธอก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจบนใบหน้าของเธอได้ จากนั้นฉินเย่ก็เดินไปหาเสิ่นหยินอู้แล้วพูดว่า "ผมเข็นเอง" เมื่อเขาเข้าใกล้ เสิ่นหยินอู้ไ
เมื่อเห็นข้อความนี้ เสิ่นหยินอู้ก็เงยหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและมองไปที่ฉินเย่ เธอสบตากับดวงตาที่มืดมนและลึกลับของเขา เขามองเธอโดยไม่กะพริบตา เสิ่นหยินอู้มองดูเขาครู่หนึ่ง แล้วจึงเม้มริมฝีปากแล้วหันศีรษะไปโดยไม่สนใจเขา ฉินเย่ "....." มือถือของเธอสั่นอีกครั้ง และเสิ่นหยินอู้ก็หยิบมันขึ้นมาดู "มานี่" ไม่ เธอไม่ต้องการ “เมื่อคุณย่าผ่าตัดเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นเธออยากจะทำอะไรก็ทำ ทำตัวดีๆหน่อยสิ ให้ความร่วมมือกับผม คุณไม่ได้บอกเองหรอกเหรอว่าเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบเอื้อผลประโยชน์ต่อกัน?” หลังจากเห็นประโยคสุดท้าย ในที่สุด เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกตัว ก็ถูก พวกเขามีความสัมพันธ์แบบเอื้อผลประโยชน์ต่อกันมาตั้งแต่แรก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงทำแบบนี้? เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสิ่นหยินอู้ก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆก้าวไปหาฉินเย่อย่างช้าๆ แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ทุกย่างก้าวที่ก้าวเข้าไปหาฉินเย่นั้นดูยากลำบากมาก ในที่สุด เมื่อเธอเคลื่อนไปอยู่ข้างเขา สีหน้าของฉินเย่ก็บึ้งตึงขึ้นมา เขามองไปที่หญิงสาวตรงหน้าและไม
เสิ่นหยินอู้ล้างมือของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยสีหน้าที่เย็นชา เธอคิดว่าถ้าเธอพบกับเจียงฉูฉู่เพียงลำพัง เธอจะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ และเธอก็จะไม่คิดถึงเรื่องของเจียงฉูฉู่มากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอนึกถึงเขากับเจียงฉูฉู่ที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้ เธอก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก ความรู้สึกขยะแขยงเช่นนี้เป็นความรังเกียจที่อยู่ในจิตใจ อากาศค่อนข้างเย็นอยู่แล้ว แต่หลังจากที่เธอล้างมือไปหลายครั้ง ความอบอุ่นที่มือของเธอก็หายไปอีกครั้ง ทำให้มือของเธอนั้นเย็นจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง เสิ่นหยินอู้เช็ดมือของเธอ จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก ทันใดนั้นเธอก็หยุด และมองไปที่ฉินเย่ซึ่งกำลังยืนพิงอยู่ที่ประตู เขาพิงอยู่ตรงนั้น จ้องมองไปที่พื้นพร้อมกับลดสายตาลงเล็กน้อย ทุกส่วนบนใบหน้าของด้านข้างของเขาดูหล่อเหลาจนยากที่จะหาที่ติ และยังสามารถเห็นขนตายาวของเขาได้อีกด้วย เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเธอ สายตาที่ขุ่นมัวของเขามองไปที่มือของเธอ เสิ่นหยินอู้ล้างมือหลายครั้งจนมือของเธอแดง คำเยาะเย้ยแวบขึ้นมาในดวงตาของฉินเย่ จากนั้นริมฝีปากบางของเขา
“ซือเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของซือเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เขาถามว่ามีคุณสมบัติมากพอหรือไม่ ไม่ใช่ยินยอมหรือไม่ แม้ว่าเสิ่นซือเหนียนจะยังเด็ก แต่ความรู้ที่เขาได้เรียนมาก็มากมายพอสมควร ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของคำพูดที่ฉินเย่พูดได้อย่างรวดเร็ว เขาตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "เอ่อ...ต้องดูว่าหม่ามี๊จะยอมหรือไม่ยอมครับ" “ลุงเย่มู่หมายความว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับหม่ามี๊ เอาแค่ความเห็นของเหนียนเหนียนเองที่เป็นความคิดที่จากใจจริงที่สุด เหนียนเหนียนคิดว่าลุงเย่มู่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเป็นพ่อของเหนียนเหนียนกับเหมิงเหมิงไหม?” เสิ่นซือเหนียน: "..." "ไม่ต้องกลัว" มือใหญ่ของฉินเย่วางลงบนไหล่ของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "แค่พูดความจริงก็พอ" สิ่งที่ซือเหนียนต้องการจะพูดอาจทำให้ฉินเย่ไม่พอใจจริงๆ แม้ว่าลุงเย่มู่จะทำอะไรให้พวกเขามากมายในช่วงที่ผ่านมานี้ บวกกับที่ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาดูพวกเขาในห้องไลฟ์สดเสมอ ความยิ่งใหญ่ของชื่อ 'ลุงเย่มู่เฉิน' ยังคงทรงพลังมากสำหรับเด็กน้อยสองคน ตัวอย่างเช่น คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นพ่อแท้ๆของพวกเขา แต่หากไม่มีฉา
จากคำอธิบายของเสิ่นหยินอู้ เด็กน้อยทั้งสองเชื่อว่าตอนนี้โม่ไป๋กำลังป่วยอยู่ และจะดีขึ้นในอนาคต จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะยังคงเป็นลุงโม่ไป๋ของพวกเขา หลังจากได้รู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยทั้งสองมีความสุขมาก ในเวลานี้ฉินเย่เข้ามาพอดี ทั้งสองจึงเข้าไปเกาะแกะเขา แน่นอนว่าเด็กน้อยทั้งสองยังคงเรียกเขาว่าลุงเย่มู่ เสิ่นซือเหนียนน่ะไม่เท่าไร แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับไม่คิดอะไรเลย เธอถึงกับเอื้อมมือไปทางฉินเย่เพื่อที่จะให้เขาอุ้ม ฉินเย่ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นว่าเธอต้องการให้เขาอุ้ม เขาก็คุกเข่าลงไปหาเธอ เสิ่นหยินอู้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไป “เหมิงเหมิง ลุงเย่มู่ยังบาดเจ็บอยู่” เพียงประโยคเดียวมันก็ทำให้เหมิงเหมิงหยุดการกระทำของเธอลง และมองไปที่ฉินเย่อย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงรีบดึงมือของเธอกลับมา จู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็หยุดพูด และถึงกับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อเลี่ยงไม่ให้ฉินเย่แตะต้องเธอได้ การกระทำของเธอทำให้ฉินเย่ตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า "มันเป็นแค่แผลเล็กๆน้อยๆเอง อีกอย่าง เธอยังตัวเล็กขนาดนี้ คงไม่ทำให้แผลของผมแย่ลงหรอกมั้ง?" เ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็พูดเสริมในทันที: "ใช่ครับ คุณหนูเสิ่น ประธานฉินพูดถูก การไม่มีข่าวอะไรเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สบายใจเถอะครับ เราจะตรวจสอบต่อไป ถ้ามีโอกาสช่วยเขาออกมา เราก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลอบใจเธออย่างเต็มที่ แต่อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอเอนตัวพิงไปกับหน้าต่างและมองไปในที่ไกลๆด้วยความสงบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่จู่ๆเรื่องก็กลับร้ายแรงขึ้นมาเช่นนี้“หม่ามี๊ เป็นอะไรไปหรอคะ?” เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังมาจากด้านหลัง ดึงเสิ่นหยินอู้ให้กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อเธอได้สติ เธอก็เห็นเด็กน้อยสองคนมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เหมิงเหมิง เหนียนเหนียน”พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมๆกันและกอดเธอไว้ “หม่ามี๊คะ ช่วงนี้หม่ามี๊ดูไม่แฮปปี้เลยนะคะ” ใช่สิ เธอออกมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีความสุขล่ะ อาจเป็นเพราะเรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อหน้าลูกๆทั้งสอง เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถแสดงออกมาให้ชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเ
ฉินเย่สัญญาว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอ รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้ช่วยเฉินด้วย คนของเขาสามารถจัดการเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างรวดเร็วมาก ในวันถัดมา เสิ่นหยินอู้ก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดของพวกโม่ไป๋ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ยังไม่มีร่องรอยของผู้ช่วยเฉินเลย “ไร้ร่องรอยงั้นเหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาทันที เมื่อตอนที่เธอยังอยู่ที่บ้านของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายวัน จากนั้นเมื่อเธอถามถึงเขา เขาจึงปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเขาปรากฏตัว เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญคืออาการบาดเจ็บของเขาหนักแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถรับรู้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถอดเสื้อของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ต่อมาเขาปล่อยเธอและพาเธอออกมา หลังจากที่เขากลับไป โม่ไป๋ก็คงจะยิ่งไม่เกรงใจเขามากขึ้น ตอนนี้... ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ โม่ไป๋ยังได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะโกรธมากและระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ผู้ช่วยเฉินหรือไม่? และที่นี่คือที่ต่างประเทศ ถ้าหากว่า... เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเขา “ฉันไม่ได้อึดอัด แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ได้ต้องพักผ่อนเหรอ?” "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจ: "เมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เขาคงจะไม่ได้คิดที่จะให้เธออยู่กับเขาไปตลอดใช่ไหม? เธอยังต้องไปดูแลลูกๆ “นั่วนั่ว” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ผมเป็นคนป่วย ต้องการคนอยู่ด้วยในระยะยาว" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ฉินเย่ก็ดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วเอามือพยุงไว้ที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้ว ฉินเย่ก้มศีรษะลงและโน้มตัวเอาหน้าลงไปซุกไว้ที่ซอกคอของเธอ เขาสูดดมกลิ่นของเธอด้วยความละโมบ ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่ออกมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาที่ซอกคอของเสิ่นหยินอู้ เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็วและกระตุกหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฉินเย่จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาประทับริมฝีปากบางที่นุ่มนิ่มของเขาลงไปบนซอกคอของเธอ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ในที่สุดเสิ่นหยินอ
เขาคว้าโทรศัพท์ไปทั้งเครื่อง เสิ่นหยินอู้ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย เธอไม่กล้าแย่งมันคืนมาเพราะกลัวว่าระหว่างการแย่งชิงโทรศัพท์กันจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกกว้างขึ้น “บทลงโทษอะไรกัน? ต่อให้คุณจะพูดไม่เหมาะสม แต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับบาดแผลของคุณเลย” น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฉินเย่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเธอ ราวกับว่าเขายินยอมที่จะรับบทลงโทษของตัวเอง เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขา เสิ่นหยินอู้ก็พูดได้เพียงว่า: "ต่อให้คุณจะลงโทษตัวเอง แต่ก็ใช้วิธีอื่นก็ได้" วิธีอื่นเหรอ? ในที่สุดฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ “แล้วคุณว่า ต้องลงโทษแบบไหนล่ะ?”เสิ่นหยินอู้คิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก "วิธีลงโทษคุณน่ะมี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากที่แผลคุณหายดีแล้วก่อนเถอะ" “งั้นหลังจากลงโทษแล้ว คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?” “เรื่องนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” คำพูดที่เขาพูดในวันนี้มันทำให้เธอโกรธมากจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรอีก “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรตามคุณหมอมาทำแผลให้คุณใหม่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอหลังจ
รวมถึงโม่ไป๋ด้วย การที่เขาลักพาตัวเธอไปอย่างกะทันหันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉินเย่พูดในตอนนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง “เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ มันไม่เหมาะสมที่คุณที่จะยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา” คำตอบของเธอทำให้สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย “เป็นเพราะผมยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือเพราะคุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้เลย หรือจะบอกว่าคำตอบของคุณก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก เธอพยายามจินตนาการถึงภาพนี้ในหัว หากฉินเย่ลักพาตัวเธอ และให้เธอกับลูกๆอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ได้ ต่อให้จะเป็นเขา แต่เธอก็รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขาจะสนิทสนมเพียงใด เธอก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พวกเขาทำผิดกฎหมายได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สนใจว่าคำพูดถัดไปจะทำร้ายจิตใจของฉินเย่หรือไม่ เธอพูดออกมาตรงๆ “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคุณลักพาตัวฉัน ฉันก็จะไม่อยู่กับคุณ” ดวงตาของฉินเย่มืดลง “แต่ในอีกความหมายหนึ่ง การที่ฉันไม่อยู่กับคุณมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่กับเขา ถ้าฉันจะอยู่กับคุณมัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา ราวกับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงใช้แรงดึงมือของเธอออกมาเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาของฉินเย่ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้: "..." ขณะที่เธอพยายามจะเอามือออกมา เผยจ้าวเหิงก็พูดขึ้นว่า: "ประธานฉิน คุณหนูเสิ่น เราต้องรีบไปสนามบิน ขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ เผยจ้าวเหิงก็ถือโอกาสนี้จับมือของโจวชวงชวงและพาเธอออกไป "เฮ้เฮ้..." โจวชวงชวงคิดไม่ถึงว่าเขาจะจูงเธอออกไปเช่นนี้ หลังจากตอบสนองได้แล้ว เธอก็ตะโกนบอกเสิ่นหยินอู้: "หยินอู้ งั้นไว้เจอกันที่จีนนะ ฉันจะไปหาเธอหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว"เสิ่นหยินอู้โบกมือให้เธอ “โอเค ไว้เจอกันที่จีนนะ” โจวชวงชวงถูกเผยจ้าวเหิงพาออกไป เหลือเพียงฉินเย่กับเสิ่นหยินอู้เท่านั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้น หลังจากเงียบไปหลายวินาที เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาว่า: "พวกเขาไปกันแล้ว ทำไมคุณยังไม่ปล่อยมือล่ะ?" หลังจากได้ยิน ฉินเย่ก็ก้มศีรษะลงไปมองมือที่ทั้งสองจับกันอยู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามอง “แล้วทำไมต้องปล่อยมือด้ว
ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองดูเศร้ามาก ดังนั้นฉินเย่จึงยืนเงียบๆอยู่ที่ประตูและไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ หนึ่งนาที... สองนาที... จนกระทั่งห้านาทีผ่านไป ฉินเย่เลิกคิ้วอย่างเหลืออดเล็กน้อย ต้องกอดกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคงไม่ได้คิดจะแย่งหยินอู้ไปจากเขาจริงๆใช่ไหม? "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงให้ทั้งสองกลับมาจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสิ่นหยินอู้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงและพบว่าคนที่ทำเสียงนั้นออกมาคือฉินเย่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองตรงมาที่พวกเธอ ท่าทางราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลานี้ โจวชวงชวงรีบคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว "ประธานฉิน" "อืม" ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป "พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?" แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่โจวชวงชวงก็รู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฉินเย่อย่างอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงตอบเขาด้วยความจริงใจ: "ไม่ได้พูดอะไร ฉันแค่จะไปแล้ว ก็เลยมาบอกลาเธอ" ในตอนนี้ ฉินเย่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณจะไปแล้วเหรอ?” อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งได้เจอหยินอู้เมื่อคืนนี้ แต่วันนี