คงจะไม่ใช่ว่าฉินเย่อยู่ข้างๆ เธอหรอกใช่ไหม?เมื่อคิดได้แบบนี้ เสิ่นหยินอู้ก็มีลางสังหรณ์แปลกๆขึ้นมาทันทีหลังจากที่เฉียวลี่ซือวางสายเสิ่นหยินอู้ไป เธอก็เช็ดน้ำตาที่หางตาด้วยอย่างตื่นตระหนก จากนั้นก็มองไปที่ผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้า"คุณ……"จริงๆแล้วเธออยากถามว่า ทำไมคุณถึงกลับมาอีกล่ะแต่มันติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่กล้าเอ่ยพูดออกไปในขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะเริ่มต้นบทสนทนายังไง ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าก็มองโทรศัพท์เธอแวบหนึ่ง เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "เมื่อกี้คุณคุยโทรศัพท์อยู่หรือเปล่า"คำถามนี้ทำให้เฉียวลี่ซืองงงวย จากนั้นเธอก็ค่อยๆ พยักหน้า"ใช่ ใช่ค่ะ""เพื่อนคุณเหรอ?""ใช่"ฉินเย่หรี่ตา: "เมื่อคืน……คุณเป็นคนช่วยมใช่ไหม?"เฉียวลี่ซือพยักหน้าต่อ"ใช่ คุณเมามากจนล้มลงกับพื้น ฉันกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป เลยพาคุณมาพักที่โรงแรมแต่..."เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉียวลี่ซือก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก แล้วก็หยุดพูดลง"แต่อะไร?"สัมผัสที่หกอันเฉียบแหลมนั้นทำให้ฉินเย่รู้สึกได้ว่าไอ้ประโยคข้างหลังแต่นี่ต้องสำคัญมากแน่เฉียวลี่ซือเป็นคนปากไวอยู่แล้ว จริงๆแล้วไม่ได้คิดว่าจะบอกฉินเย่เกี่ยวกับสิ่งที่
เหตุการณ์พลิกผันมักจะมาโดยไม่คาดคิดเสมอก่อนหน้านี้เฉียวลี่ซือยังเศร้าเรื่องที่เธอต้องจบลงอย่างน่าสงสารอยู่เลย หลังกลับไปคิดว่าจะหาเสิ่นหยินอู้แล้วร้องไห้ใส่สักทีแด่การถูกปฏิเสธครั้งแรกไม่นึกเลยว่าผู้ชายคนนี้จะกลับมาเฉียวลี่ซือที่นั่งอยู่บนรถ ในใจเธอนั้นราวกับขึ้นรถไฟเหาะเธอเม้มริมฝีปาก รู้สึกดีใจในใจ ความกล้าของเธอก็มากขึ้นจนพยายามพูดคุยกับชายหนุ่มขณะอยู่บนรถ"เอ่อ ฉันขอถามคุณหนึ่งคำถามได้ไหม?"สีหน้าไร้อารมณ์ของฉินเย่เอาแต่มองไปข้างหน้า"ว่า""อืม คือว่า...คุณชื่ออะไรเหรอ? อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันแค่ไม่รู้จะเรียกคุณว่าอะไรดี เพราะฉันไม่รู้แม้กระทั่งแซ่คุณน่ะ""ฉิน"เขาตอบสั้นและตรงประเด็น"ฉิน? "เฉียวลี่ซือประหลาดใจเล็กน้อย: "คุณแซ่ฉินงั้นเหรอ "ท่าทีของเธอทำให้ฉินเย่นึกได้ว่าอาจมีบางอย่างเป็นไปได้ จึงเลิกคิ้วขึ้น: "รู้จักเหรอ?"เฉียวลี่ซือ: "เปล่า ฉันแค่คิดว่าแซ่คุณเพราะมาก "ฉินเย่:"……"สรุปว่าเธอเป็นเพื่อนกับคนคนนั้นแต่กลับไม่เคยมีพูดถึงเขาเลยสักประโยค?ถึงขั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาห้าปีที่ผ่านมานี้ หรือว่าเธอจะลืมตัวเขาไปแล้ว?เหอะหลังรู้แซ่เขาแล้ว เฉียวลี่ซือก็
"ธุรกิจ?""ใช่สิ เพื่อนฉันอยากมีธุรกิจของตัวเองนะ"ฉินเย่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่น่าสงสัยไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาฟังคนอื่นอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเธอจากปากของคนอื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเย่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย้ยหยันในใจถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ แต่ฉินเย่ก็ยังคงสนใจเรื่องของเธออยู่ดี"เริ่มทำธุรกิจ?"ฉินเย่กุมมือวางไว้ที่หน้าตัก:"พวกคุณทำธุรกิจด้วยกันเหรอ?""ไม่ใช่"เฉียวลี่ซือส่ายหัว:"ฉันช่วยพ่อทำงานที่สนามบินน่ะ พ่อฉันไม่ให้ไปทำธุรกิจเอง หลังเรียนจบก็ให้ช่วยที่บ้านทำงาน ตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้งานที่นั่นอยู่"ทว่าหลังจากที่เธอพูดพวกนี้จบแล้ว ฉินเย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เฉียวลี่ซือมองดูท่าทีเขา คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า: " เพื่อนฉันอยากเปิดบริษัทน่ะ"ตามคาดเมื่อเธอพูดถึงเรื่องของเสิ่นหยินอู้ คิ้วของฉินเย่ก็ขยับอีกครั้ง"เปิดบริษัทอะไร?"เฉียวลี่ซือพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ: "อันนี้ฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ รู้มาแค่คร่าวๆเท่านั้น เรื่องอื่นยังไม่ได้ถามนะ "เธอรู้สึกแปลกๆ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะสนใจเสิ่นหยินอู้มากเป็นเพราะเมื่อคืนหลัง
"หยินอู้?"เฉียวลี่ซือเกือบจะหาทั้งบ้านแล้ว แต่ก็ไม่เจอเสิ่นหยินอู้"ไปไหนนะ?"เฉียวลี่ซือเลยต้องกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เห็นฉินเย่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางมองไปรอบๆ จึงได้แต่พูดว่า: "ขอโทษด้วยนะคะ คุณชายฉิน เพื่อนฉันเหมือนว่าจะไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าออกไปข้างนอกหรือเปล่า"พูดแล้ว เฉียวลี่ซือก็ต้องหาเรื่องอื่นพูด: "หรือคุณจะนั่งรอก่อน? ฉันจะโทรถามดู? ""ครับ"เดิมทีคิดว่าเขาจะปฏิเสธ ไม่คิดว่าวินาทีถัดมา ฉินเย่จะนั่งลงบนโซฟา ด้วยท่าทางเหมือนมีเวลามาก สามารถรอนานๆได้เฉียวลี่ซือรีบวิ่งไปที่ระเบียงก่อนจะโทรหาเสิ่นหยินอู้"หยินอู้ แกไปไหนน่ะ?""แกกลับบ้านแล้วเหรอ"ฝั่งเสิ่นหยินอู้ที่รับโทรศัพท์ถามกลับโดยไม่รู้ตัว"อืมๆ ฉันเพิ่งถึงบ้าน แต่ไม่เห็นแกน่ะ"เมื่อได้ยินว่าเธอกลับบ้านแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอธิบายกับเธอว่า:"ฉันออกมาทำธุระนิดหน่อย ถ้าแกไม่มีอะไร ก็อยู่บ้านไปดีๆรอฉันกลับไปมีเรื่องจะคุยกับแก""อืม ฉันก็มีบางอย่างจะบอกแก……""ลี่ซือโทรมาเหรอ?"ทันใดนั้น เสียงของโม่ไป๋ก็ดังมาจากปลายสายโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่ง"ใช่ เธอถึงบ้านแล้ว""ดีแล้ว"เดิมทีเฉียวลี่ซือตั
"หม่ามี๊ กอดๆ"เสิ่นหยินอู้ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เสิ่นเหมิงเหมิงก็ถูกมือใหญ่ดึงไป โม่ไป๋อุ้มเธอไปนั่งบนตักเขาแม้ว่าเสิ่นเหมิงเหมิงจะไม่ได้เข้าไปในอ้อมกอดหม่ามี๊แต่ก็คุ้นเคยกับอ้อมกอดของโม่ไป๋มาก เด็กน้อยเองก็ไม่รังเกียจ แถมยังซบลงไปในอ้อมกอดของเขาทันที พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า: "อาโม่ไป๋ หนูขอนอนในอ้อมแขนได้ไหมคะ?"โม่ไป๋เอื้อมมือไปแตะจมูกเล็กๆ ของเธอ"อยากนอนก็นอนสิ อาโม่ไป๋เคยไม่ให้เมื่อไหร่ล่ะ?""ขอบคุณค่ะอาโม่ไป๋"โม่ไป๋นึกบางอย่างได้ หันไปมองเสิ่นซือเหนียนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง"เหนียนเหนียน มานั่งด้วยกันไหม"เสิ่นซือเหนียนน้อยนั่งอยู่ตรงนั่น เพราะเขาไม่ยิ้มและไม่ได้ทำท่าทางน่ารัก เขาจึงดูเก็บตัวเล็กน้อยในเมื่อโม่ไป๋หันมาชวนเขา เสิ่นซือเหนียนก็เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะปฏิเสธอย่างสุภาพ"ขอบคุณฮะอาโม่ไป๋แต่ไม่เป็นไรฮะ"โม่ไป๋ถอนหายใจอย่างเสียใจ"หนูมักทำตัวไม่สนิทกับอาโม่ไป๋ทุกทีเลย"ไม่รอให้เสิ่นซือเหนียนคิดคำตอบด้วยตัวเอง เสิ่นหยินอู้ก็พูดแทนเขาว่า:"เขาเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างเงียบน่ะ คุณก็รู้""อีกอย่างมีเหมิงเหมิงติดคุณยังไม่พออีกเหรอ?"โดนเด็กคนหนึ่งตามติดทั้ง
เสิ่นหยินอู้รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อยเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ของที่เขาให้เธอถ้าเธอไม่อยากรับ โม่ไป๋ก็จะถอยก่อนแล้วรุกใหม่ด้วยการเอาของนั้นมาให้ลูกสาวเธอและเสิ่นเหมิงเหมิง......เสิ่นเหมิงเหมิงกระพริบตาดวงตากลมโต รับกุญแจไปโดยไม่คิดอะไรเยอะในใจ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าและจุ๊บแก้มของโม่ไป๋เบาๆ"ขอบคุณค่ะอาโม่ไป๋"เสิ่นหยินอู้มองเธอด้วยสีหน้าที่บอกว่าก็ว่าแล้วนิสัยของเสิ่นเหมิงเหมิงพูดได้เลยว่าต่างจากเสิ่นซือเหนียนโดยสิ้นเชิง โดยพื้นฐานแล้วเสิ่นเหมิงเหมิงมักตอบรับน้ำใจผู้อื่นตลอด แถมยังมีความคิดทฤษฎีต่างๆ ของตัวเองก่อนหน้านี้เสิ่นหยินอู้มักสอนเธอว่าอย่ารับของจากโม่ไป๋ทุกครั้งที่เขาให้ แต่เสิ่นเหมิงเหมิงกลับเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "แต่หม่ามี๊ เหมิงเหมิงไม่ได้เอาของอาโม่ไป๋มาฟรีๆ นะคะ""ยังไงล่ะ?""อาโม่ไป๋มักมากอดเหมิงเหมิงทุกครั้ง และลูบหน้าเหมิงเหมิงแถมยังถ่ายรูปเหมิงเหมิงอีกด้วย หนูก็จ่ายเป็นค่าแรงไง"เสิ่นหยินอู้:"……"ช่างเถอะ เด็กน้อย เธอก็คงมีความคิดเห็นของตัวเองแล้วรู้สึกว่าการถูกกอด การถูกลูบแก้ม หรือแม้แต่การถูกถ่ายรูป ล้วนเป็นการใช้แรงงานเสิ่นหยินอู้เลยดีเบตกับเธอสักหน่อย"แ
ดูรอบๆแล้ว เสิ่นหยินอู้ค่อนข้างพอใจกับโรงเรียนนี้พอสมควร บรรยากาศในห้องเรียนเด็กๆก็ดีมาก ครูชัดและละเอียดดี ที่สำคัญคือเด็กๆให้ความร่วมมือ ดูโดยรวมทุกด้านแล้วคือดีหมดเลยดูไประดับหนึ่งแล้ว เสิ่นหยินอู้ไม่ได้เอ่ยปากตกลงทันที พูดแต่ว่าขอกลับไปคิดก่อนผู้รับผิดชอบของโรงเรียนก็ตกลงอย่างรวดเร็วและให้ช่องการติดต่อกับเธอ"โรงเรียนของเราจะมีบริการรับส่ง แต่มีบางเรื่องที่ทางเราต้องแจ้งคุณล่วงหน้า ผู้ปกครองบางท่านไม่ค่อยสบายใจที่จะให้เด็กๆนั่งรถคันเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาเลยมารับส่งเด็กๆด้วยตัวเอง หรือให้คนขับรถที่บ้านมารับส่งครับ""อืม เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ ฉันจะพิจารณาให้ดี""ครับ ครับ ทั้งสองท่านเดินทางปลอดภัยนะคะ หนูน้อยไว้เจอกันนะ"หลังจากขึ้นรถแล้วโม่ไป๋ก็ถามเธอ"เป็นไง?""ดูไม่เลวเลย แต่ฉันอยากดูที่อื่นอีก""ได้ ผมไปเป็นเพื่อน"หลังจากนั้นเสิ่นหยินอู้กับโม่ไป๋ก็ไปดูโรงเรียนสองสามแห่งในบริเวณใกล้เคียง ผลลัพธ์ไม่ค่อยน่าพอใจนัก บางแห่งมีปัญหาเรื่องสุขอนามัย บางแห่งมีปัญหาเรื่องอาหารดูจนเสร็จ เสิ่นเหมิงเหมิงก็เหนื่อยจนหลับในอ้อมแขนของโม่ไป๋เมื่อเห็นเธอหลับไปแล้ว เสิ่นหยินอู้เอ
คำพูดที่ดูต่ำต้อยแบบนี้...ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินจากปากของโม่ไป๋แต่ทุกครั้งที่เขาพูด หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดพูดตามตรงโม่ไป๋นั้นดีกับเธอมากจริงๆ เขาทุ่มเทให้ทุกอย่างขั้นสุดแล้ว อาจจะไม่มีใครในโลกนี้ที่ปฏิบัติกับเธอดีขนาดนี้อีกแล้วหัวใจของเธอก็ไม่ได้ทำจากหิน ตลอดหลายปีที่เขาดีกับเธอมา เธอเห็นหมด ถ้าเธอไม่ได้มีลูกแล้วสองคน บางที ... อาจจะเลือกที่จะคบกับเขาก็ได้ แต่เธอเองก็เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอคนเดียวก็ให้ลูกได้น้อยอยู่แล้ว ไม่มีพลังเหลือพอที่จะมีความรักหรือควรพูดว่าแบ่งพลังงานไปให้คนนอกที่ไม่ใช่เด็กสองคนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจในใจในที่สุด เธอก็เลือกที่จะบอกเขาให้ชัดเจน"คุณดีมาก โม่ไป๋ คุณดีมาโดยตลอด แต่……ฉันไม่สามารถรับอะไรดีๆจากคุณไปตลอดแต่กลับไม่เคยตอบกลับอะไรให้คุณเลย"ฟังคำพูดนั้นจบ โม่ไป๋ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า: "งั้นคุณก็ตอบรับผมนิดๆหน่อยๆได้ไหม? หยินอู้ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเยอะ"เสิ่นหยินอู้:"……"เห็นเธอไม่พูดอะไร โม่ไป๋ก็พูดอีกว่า: "ถ้าไม่เชื่อคุณลองดูก็ได้ อยู่กับผม ผมจะไม่ทำ