ดังนั้นการเก็บกวาดมันจึงไม่ได้ยุ่งยาก หลังจากที่เสิ่นหยินอู้อธิบายเสร็จ เธอก็วางสายไป ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของฉินเย่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่ไพเราะดังขึ้นในรถที่ปิดอยู่ ซึ่งค่อนข้างกะทันหันเล็กน้อย เดิมทีเสิ่นหยินอู้มีรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเธอ แต่หลังจากได้ยินเสียงเรียกเข้านี้ เธอก็ชะงักไปชั่วคราว จากนั้นรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็ค่อยๆจางหายไป เธอเอนหลังพิงที่นั่งแล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่าง นอกจากเสียงเรียกเข้าในรถแล้ว มันก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป และฉินเย่ก็สังเกตเห็นมันเช่นกัน เขาใช้หางตามองไปที่เสิ่นหยินอู้แล้วพูดว่า "เสิ่นนั่วนั่ว ช่วยผมรับโทรศัพท์หน่อย" เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงปฏิเสธเขา "คุณก็รับเองสิ" "ผมกำลังขับรถอยู่" “คุณก็จอดรถไว้ข้างถนนแล้วค่อยรับก็ได้หนิ” ฉินเย่โกรธกับคำพูดของเธอ "มันยากขนาดนั้นเลยเหรอที่คุณจะรับสายแทนผม?" "ก็ไม่หรอก" อย่างไรเสียมันเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ไม่สนใจและพูดออกมาตรงๆ "แต่ฉันไม่อยากช่วยคุณ" เมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งจองหองของเธอ ฉินเ
ตามที่คิดไว้ ไม่นานหลังจากนั้น ฉินเย่ก็ถูกคำพูดและน้ำเสียงที่อ่อนโยนของคุณแม่จัดการ “โอเค คืนนี้ผมกับหยินอู้จะไปรับคุณย่ากลับบ้าน พ่อกับแม่ไม่จำเป็นต้องไปที่โรงพยาบาลแล้ว กลับบ้านเถอะครับ” “รับคุณย่ากลับบ้านหรอ?” เมื่อได้ฟังที่ฉินเย่พูด คุณแม่ฉินก็ดูเหมือนจะมีความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา จึงถามกลับไปว่า“ตอนนี้หยินอู้อยู่ข้างๆลูกไหม?” ฉินเย่ไม่ได้ตอบกลับไปว่าหยินอู้อยู่หรือไม่อยู่ แต่เขากลับชายตาไปมอง และใช้สายตาบอกใบ้ว่าหยินอู้อยู่ข้างๆเขา อย่างไรเสีย โทรศัพท์ได้ถูกเปิดลำโพงไว้ หยินอู้จึงได้ยินทุกๆอย่างที่ทั้งสองคนคุยกัน ดังนั้นหยินอู้จึงเรียกคุณแม่ฉินเพื่อเป็นการทักทาย“คุณแม่” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณแม่ฉินก็หัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน“ที่แท้ ยัยหนูน้อยของแม่ก็อยู่ด้วยนี่เอง เรื่องที่ต้องดูแลคุณย่าหนูคงเหนื่อยแย่เลย”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นห่วงนะคะ” ถึงแม้คุณแม่ฉินจะไม่ได้ดีกับหยินอู้เท่าคุณนายฉิน แต่เธอก็รักษามารยาทที่ควรมีต่อหยินอู้ได้อย่างดีเยี่ยม คุณแม่ฉินไม่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับหยินอู้เลย ตอนที่ได้ยินว่าทั้งสองคนจะแต่งงาน เธอก็ได้แต่ประหลาดใจเล็กน้อย“น
เสิ่นหยินอู้มองไปรอบๆ และค่อนข้างพอใจ "เอาต้นไม้สีเขียวมาวางเพิ่มสักหน่อย เปลี่ยนสีของผ้าม่านให้ดูหรูหราขึ้นอีกนิด แล้วก็ช่วยจุดกำยานที่ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นด้วยนะคะ" คนรับใช้ตอบตกลง หนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา ทั้งสองคนออกเดินทางเพื่อไปรับคุณนายฉินกลับจากโรงพยาบาล เมื่อหลานชายและหลานสะใภ้บอกเธอว่าพวกเขาจะไปรับเธอกลับมาอยู่ที่บ้าน ในช่วงที่รอพวกเขามาสองชั่วโมงนี้ อารมณ์ของคุณนายฉินก็ทั้งรู้สึกมีความสุขและหดหู่ ความสุขก็คือ ในที่สุดเธอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ที่หดหู่คือสภาพที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าการกลับไปจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา ไม่ว่าภายในบ้านจะเพียบพร้อมเพียงใด นั่นก็ไม่ใช่โรงพยาบาล พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะต้องมาคิดเกี่ยวกับตัวเธอเองมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เธอสับสนอยู่ไม่นาน จากนั้นก็ได้ยินเสียงของพยาบาลดังเข้ามา “คุณนายคะ คุณผู้ชายฉินและคุณหญิงมารับแล้วค่ะ” หลังจากได้ยินเช่นนั้น คุณนายฉินก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาในทันที แต่พยาบาลทั้งสองกลับดีใจมาก และพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "คุณนายคะ พวกเราได้เก็บของทุกอย่างไว้ให้คุณนายเรียบร้อยแล้วค่ะ" คุณ
หัวใจของเสิ่นหยินอู้เต้นรัว ในชั่วขณะนั้น เธอไม่รู้ว่าจะตอบคุณย่าฉินอย่างไร เธอกวาดสายตาไปมองไปที่ฉินเย่ พวกเขาที่อยู่แถวหลังยังมองเห็นเจียงฉูฉู่ได้ ไม่ต้องพูดถึงฉินเย่ที่ขับรถอยู่ข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นเจียงฉูฉู่ยังคงเป็นคนที่เขาชอบ ดังนั้นเขาจึงควรสนใจเธอมากกว่านี้ อย่างที่คิด ฉินเย่ชะลอรถในเสี้ยววิ จากนั้นก็หยุดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์ ทันทีที่รถหยุด เจียงฉูฉู่ก็ถือกระเป๋าไว้ในมือแล้วเดินอ้อมไปทางฝั่งที่นั่งคนขับ เธอยื่นมือเล็กๆออกมาแล้วเคาะกระจกรถ กระจกรถถูกเปิดออก เจียงฉูฉู่ส่งยิ้มที่แสนหวานให้ เสียงของเธออ่อนโยนมาก “เย่ คุณกลับมาแล้วหรอ คุณย่าเป็นยังไงบ้าง? ขอโทษนะ ถึงคุณบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ฉันก็ยังอยากแวะมาถามด้วยตัวเอง” หลังจากพูดจบ เจียงฉูฉู่ก็ลากสายตาไปมองที่ด้านหลังเพราะเธอไม่เห็นเสิ่นหยินอู้จากฝั่งที่นั่งข้างๆคนขับ เธอเดาว่าถ้าหยินอู้อยู่ เธอจะต้องอยู่ที่เบาะหลังอย่างแน่นอน ภายในใจของเธอยังคงรู้สึกภาคภูมิใจ ขณะที่กำลังคิดว่าเย่คงจะไม่ให้ใครนั่งข้างๆที่นั่งคนขับเพราะจะเก็บมันไว้ให้เธอ เธอก็เห็นคนสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง คนหนึ่งคือเสิ่นหยินอู้ และอีกค
แต่ถ้าจะให้เขาพูด เสิ่นหยินอู้กลัวว่าเขาจะมีพิรุธ ดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนว่า "ตอนนี้ยังไม่ดึกมากหรอก เธอขึ้นมาบนรถก่อนเถอะ วันนี้คุณย่ากลับบ้านมาพอดี เข้าไปนั่งคุยกันข้างในสักพัก เดี๋ยวฉันจะให้คนขับรถขับไปส่งเธอทีหลัง” เธอเชิญชวนเจียงฉูฉู่ด้วยน้ำเสียงที่สงบ เจียงฉูฉู่มองไปที่เสิ่นหยินอู้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดว่าหยินอู้จะเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากออกมาก่อน แต่ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจและพยักหน้า “หยินอู้ ขอบใจนะ” หลังจากพูดจบ เจียงฉูฉู่ก็เดินอ้อมไปที่ที่นั่งด้านหลังแล้วเปิดประตูรถ พวกเธอทั้งหมดผอมมาก ดังนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงสามคนในการนั่งด้วยกันที่เบาะหลังรถ เสิ่นหยินอู้นั่งข้างคุณนายฉินมาโดยตลอดตั้งแต่เธอขึ้นรถมา ดังนั้นเมื่อเธอนั่งตรงกลาง พื้นที่ข้างๆจึงมีที่เหลืออยู่มาก หลังจากขึ้นรถแล้ว เจียงฉูฉู่ก็ทักทายคุณนายฉินอย่างอบอุ่น เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ไปนั่งตรงที่นั่งข้างๆคนขับ โชคดีที่เจียงฉูฉู่ก็ฉลาดพอตัวเช่นกัน “ฉูฉู่ ย่าขอบใจที่หนูตั้งใจถ่อมาถึงที่นี่เพื่อหญิงแก่ๆแบบย่านะจ๊ะ” คุณนายฉินสุภาพกับเธอมาก และทั้งสอง
หลังจากที่การแสดงสิ้นสุดลง ทุกคนก็เข้าไปข้างใน พ่อบ้านยังขอให้พ่อครัวเตรียมอาหารให้คุณนายฉินไว้อีกด้วย แน่นอนว่าเขาปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ก็ดึกแล้ว คุณนายฉินจึงควบคุมปริมาณการกิน หลังจากทานไปได้สองสามคำ เธอก็วางช้อนลง “ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างในวันนี้นะ” หลังจากนั้น คุณนายฉินก็เตรียมตัวที่จะไปอาบน้ำ เสิ่นหยินอู้ต้องการไปช่วย แต่ก็ถูกคุณนายฉินตีไปที่มือของเธอเบาๆ “จะช่วยทำไม ก็แค่อาบน้ำเอง ย่าไม่ใช่คนที่ขยับตัวเองไม่ได้ซะหน่อย” เสิ่นหยินอู้ต้องการพูดอะไรบางอย่างอีก แต่คุณนายฉินก็หันไปมองเจียงฉูฉู่แล้วพูดเบาๆว่า "ฉูฉู่ นี่ก็ดึกแล้ว คืนนี้หนูพักที่นี่ดีกว่าไหม? ย่าจะได้ให้หยินอู้บอกให้คนรับใช้ทำความสะอาดห้องรับแขกให้ " เจียงฉูฉู่ที่ยังคงรับประทานอาหารอย่างเหม่อลอย เมื่อจู่ๆเธอก็ถูกเรียกชื่อ เธอก็ส่ายหัวในทันทีและพูดว่า "ไม่ดีกว่าค่ะคุณย่าฉิน มันไม่เหมาะสำหรับหนูที่จะพักที่นี่หรอกค่ะ" คุณนายฉิน "มีอะไรไม่เหมาะสมงั้นเหรอ? ยังไงซะที่นี่ก็มีห้องให้พักตั้งมากมาย เรื่องทำความสะอาดน่ะไม่ได้ยากอะไรหรอก อีกอย่าง หนูก็เป็นถึงผู้มีพระคุณของตร
เจียงฉูฉู่มองไปที่ฉินเย่ด้วยสีหน้าสมเพชเล็กน้อย "เย่ เมื่อกี้ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะโกรธ ฉันว่าฉันกลับไปน่าจะดีกว่า" หลังจากพูดจบ เจียงฉูฉู่ก็ลุกขึ้นยืนและรีบเดินออกไปทางด้านนอกอย่างรีบร้อน เมื่อเดินผ่านฉินเย่ แขนของเธอก็ถูกดึงฉินเย่ดึงไว้ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "ผมให้คุณอยู่ที่นี่ คุณก็อยู่ที่นี่สิ คุณไม่ต้องไปสนใจในสิ่งที่เธอพูดหรอก" "แต่……" “คุณผู้ชายครับ ห้องของคุณหนูเจียงเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” จู่ๆพ่อบ้านก็เข้ามาและขัดจังหวะ ว่าไงนะ? เก็บกวาดเสร็จแล้วเหรอ? เจียงฉูฉู่มองไปที่พ่อบ้านคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่นี้พวกเขาออกไปได้เพียงไม่กี่นาที พวกเขาทำความสะอาดเสร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? ได้เก็บกวาดอย่างเรียบร้อยดีจริงๆหรือ? "อืม" ตอนนี้ฉินเย่ไม่มีอารมณ์ที่จะมาสนใจเรื่องนี้ เขาก้มหัวลงแล้วพูดกับเจียงฉูฉู่ว่า "คุณตามพ่อบ้านไปที่ห้อง นี่มันก็ดึกมากแล้ว จะได้พักผ่อนไวๆ" หลังจากพูดจบ ฉินเย่ก็เดินก้าวยาวๆตามไปในทิศทางที่เสิ่นหยินอู้จากไป "เย่……" แม้เจียงฉูฉู่จะตะโกนเรียกเขา เขาก็ไม่ได้ยิน และทิ้งเธอไว้ข้างหลังอย่างไม่แยแส
ในสภาพอากาศเช่นนี้ ต่อให้จะมีเสื้อคลุมหนาๆสวมอยู่บนตัวของเธอ เธอก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากผนังห้องน้ำ บนไหล่ของเธอมีมือของฉินเย่กดไว้อยู่ มือของเขาทั้งหนักและทรงพลัง เขาจับเธอไว้แน่น ทำให้เธอไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้ เสิ่นหยินอู้พยายามดิ้นรนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของฉินเย่ได้ และเธอก็เหนื่อยจนหายใจหอบออกมา เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าที่จับเธอไว้อยู่ จากนั้นก็หอบออกมาอย่างเย็นชา "นี่คุณกำลังทำอะไรบ้าอยู่? โดนฉันพูดแทงใจดำไปก็เลยโกรธจนเป็นบ้าแบบนี้ขึ้นมารึไง?" ฉินเย่จ้องเธอด้วยสีหน้าอึมครึม ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีดวงตาที่สว่างไสวคู่หนึ่งซึ่งเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นภายใต้แสงไฟที่สอดส่องลงมาในห้องน้ำ มันสวยงดงามจับใจราวกับว่าเป็นเศษเสี้ยวของแสงดาว จมูกของเธอโด่งมากและริมฝีปากสีชมพูของเธอเต็มไปด้วยความแวววาวมีเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนหลงใหล แต่ปากที่สวยงามเช่นนี้กลับพูดคำพูดที่แทงใจเป็นอย่างมากออกมา มันแทงใจเสียจนสร้างความเจ็บปวดในหัวใจ ความเจ็บปวดนั้นเจ็บปวดมากจนคนที่ฟังคนอดไม่ได้ที่จะอุดปากเล็กๆของเธอไว้ เพื่อที่จะทำให้เธอพูดออกมาไม่ได้อี