"พ่อขา ฮึก หนูผิดไปแล้ว ฮึก ให้อภัยหนูเถอะนะคะ"
"แกบอกฉันมาก่อนว่าใครคือพ่อของเด็กในท้องลูกของแก" "ฮึก หนูบอกไม่ได้" "แกปกป้องมันอย่างนั้นเหรอฮะต้นน้ำ"ผู้เป็นพ่อเดินปรี่เข้าไปหาลูกสาวด้วยอารมณ์ขาดสติ ต้นกล้าเมื่อเห็นทีท่าเริ่มไม่ดีกลัวว่าพี่สาวจะถูกผู้เป็นพ่อทุบตีก็รีบหยัดกายลุกขึ้นไปห้าม "พ่อครับ อย่าทำอะไรพี่ต้นน้ำเลยนะครับ" "แกอย่ามาห้ามพ่อต้นกล้า วันนี้แหละพ่อจะสั่งสอนพี่สาวไม่รักดีของแก"แม้ต้นกล้าจะเข้าไปห้ามแต่ด้วยอารมณ์โทสะของผู้เป็นบิดานั้นมีมากกว่า มารดารีบลุกขึ้นมาช่วยห้ามปรามฉุดรั้งท่อนแขนของสามีเอาไว้ด้วยความสงสารลูก "คุณคะ อย่าทำอะไรลูกเลยนะคะ ต้นน้ำกำลังท้องอยู่" "นี่คุณเข้าข้างลูกอย่างนั้นเหรอ คุณไม่เห็นเหรอว่ามันสร้างความอับอายให้ครอบครัวของเรามากแค่ไหน"ต้นน้ำก้มหน้าร้องไห้ร่างกายสั่นไหวด้วยแรงสั่นสะอื้นจนต้นกล้าน้องชายต้องรีบเข้าไปโอบกอด "ไม่เป็นอะไรนะพี่ กล้าอยู่ตรงนี้" ฮึก ฮึก "ถึงตอนนี้เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว"ผู้เป็นแม่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมยิ่งเห็นสภาพของลูกสาวเธอยิ่งสงสารจับใจแม้ว่าตัวเธอนั้นจะรู้สึกเสียใจก็ตาม "ทำไมมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้ฮะแค่มันบอกว่าใครคือพ่อของเด็ก แต่นี่มันไม่ยอมบอก" "คุณไม่รู้หรอกว่าผมผิดหวังในตัวลูกสาวของคุณมากแค่ไหน ทำตัวมักง่ายใฝ่ต่ำ" "พะ...พ่อ"น้ำเสียงแผ่วเบาของลูกเอ่ยเรียกพ่อผู้บังเกิดเกล้าที่เธอรักพลางน้ำตาไหลหัวใจปวดหนึบเมื่อเงยหน้าสบตาคู่นั้นของท่าน "ฉันล่ะไม่น่าทำให้แกเกิดมาเลยจริง ๆ ต้นน้ำ" "พ่อครับ" "คุณคะ"ทุกคนพากั้นตกตะลึงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของ เดชา บิดาของทั้งคู่ จริยาเม้มริมฝีปากเข้าหามองหน้าของสามีสลับไปมากับลูกสาวปล่อยน้ำตาความโศกเศร้าให้ไหลออกมา "ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย พูดออกมาว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง"แม้จะรู้ตัวเองดีว่าพูดรุนแรงใส่ลูกสาว แต่วินาทีนี้คงไม่มีใครเข้าใจหัวอกของผู้เป็นพ่อดีไปกว่าเขา เดชามองหน้าลูกสาวด้วยสายตาแสดงถึงความผิดหวังเป็นอย่างมากจนอยากจะกระชากไม้เรียวออกมาเฆี่ยนตีให้หลาบจำ "บอกพ่อไปเถอะพี่ต้นน้ำ เราจะได้ช่วยกันหาทางปรึกษาถึงเรื่องเจ้าตัวเล็กไง"แม้จะนึกเห็นใจและสงสารพี่สาว แต่เขาเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าไอ้หมาตัวไหนมันกล้ามาเหยียดหยามน้ำใจของพี่สาวฝาแฝดให้บอบช้ำ "พี่บอกไม่ได้ต้นกล้า" "ทำไมล่ะพี่ ถ้าพี่บอกบางทีพ่ออาจจะใจอ่อนยอมหายโกรธพี่ก็ได้ พี่ไม่สงสารเจ้าตัวเล็กในท้องหรือไงตัวเล็กต้องการพ่อนะพี่" "ฮึก พี่บอกไม่ได้จริง ๆ ต้นกล้า พี่บอกไม่ได้"ต้นน้ำยืนยันคำเดิมว่าจะไม่บอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ถึงแม้หัวใจของเธอจะยกให้พ่อของลูกไปหมดแล้วแต่เชื่อเถอะว่าทุกคนไม่มีทางเห็นด้วยที่จะให้เธออยู่กินแบบสามีภรรยากับผู้ชายคนนั้น "พ่ออย่าบังคับหนูเลยนะคะ หนูบอกไม่ได้จริง ๆ " "ทำไมแกถึงบอกพ่อไม่ได้ฮะ มันเป็นเพราะอะไร"ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดชักอยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครแทบใจจะขาด เขาอยากจะซัดกำปั้นหนัก ๆ ใส่หน้าของหมอนั้นเต็มทน "หนูบอกไม่ได้จริง ๆ ค่ะ"เดชารู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมาก ถ้าหากต้นน้ำไม่ใช่ลูกสาวในสายเลือดก็คงไม่มีโอกาสได้นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงคนไข้แบบนี้ "ได้ ในเมื่อแกไม่ยอมบอกว่าพ่อของเด็กในท้องคือใครก็ไม่ต้องบอก" "แต่จำเอาไว้ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใครฉันเอามันตายแน่ ส่วนแกเตรียมตัวไปยื่นเอกสารลาออกจากโรงเรียน"ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกสาวด้วยสายตาเรียบนิ่งน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง "ส่วนลูกในท้องของแก ฉันไม่มีวันยอมรับว่ามันเป็นหลานของฉัน" "ต้นน้ำ ทานข้าวสักหน่อยเถอะนะลูก"น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่เอ่ยเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ยอมทานข้าว ด้วยอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็พานจะทำให้อาเจียนออกมา แม้แต่ข้าวปลาอาหารตกถึงท้องได้เพียงไม่กี่คำก็ต้องอาเจียนออกมาจนหมด "หนูกินไม่ลงค่ะแม่ แม่เอาไปเก็บเถอะ" "แต่หนูไม่ได้ทานอะไรมานานแล้วนะลูก ฝืนใจทานข้าวสักหน่อยเถอะนะ"ผู้เป็นแม่คะยั้นคะยอแต่ก็ได้รับคำปฏิเสธอยู่ร่ำไป จริยารู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเรื่องอาการแพ้ท้องจนไม่สามารถทานอะไรได้และไหนจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนสร้างเพจล้อเลียนเรื่องการลาออก 'ประธานนักเรียนหญิงเรียนดีของโรงเรียนเอกชนชื่อดังท้องไม่มีพ่อ' แค่หัวข้อพาดข่าวก็ทำเอาโลกในกระแสโซเชียลต่างให้ความสนใจและพากันมาออกความคิดเป็นไปในทางลบ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของว่าที่คุณแม่อย่างต้นน้ำ ยิ่งเธอได้อ่านคอมเมนต์ของแต่ละคนความสร้างยิ่งดำดิ่งลงลึกสู่ก้นเหวเป็นถึงประธานนักเรียนหญิงดีเด่นของโรงเรียนแต่กลับมีข่าวเสียหายให้ใครต่อใครได้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากยิ่งสร้างความอับอายให้ครอบครัวไปทั่วจนผู้เป็นพ่อถึงกับเครียดหนักพนักงานในบริษัทนินทากันสนุกปากไม่สนว่าเป็นเรื่องของลูกสาวเจ้านาย และไม่ว่าจริยาจะเดินไปทางไหนก็ได้พบเห็นต่อสายตาของคนรอบข้างต่างพากับพูดดูถูกลูกสาว"ต้นกล้า ทำไมกลับมาสภาพถึงได้เป็นแบบนี้"ผู้เป็นแม่ร้องถามเมื่อเห็นสภาพลูกชายหลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน มุมปากมีรอยฟกช้ำคิ้วแตกจนมีเลือดไหล ชุดนักเรียนยับเต็มไปด้วยเศษฝุ่นและหยดเลือดที่แห้งเกรอะ"ไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วใช่ไหม ต้นกล้า""ครับ""กล้า แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปมีเรื่องกับใคร แม่สอนกี่ครั้งไม่เคยจำแล้วนี่ดูสภาพของลูกสิ ถ้าหากทางโรงเรียนรู้เข้า ลูกอาจจะถูกถอนออกจากนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนได้เลยนะ"ผู้เป็นแม่บ่นร่ายยาวเพราะไม่อยากให้ลูกไปมีเรื่องชกตีกับใคร แต่ผู้ชายเลือดร้อนในวัยคึกคะนองมีหรือจะทนได้เมื่อคนในโรงเรียนมาต่อว่าให้ร้ายพี่สาวฝาแฝด"อยากจะถอนก็ให้ถอนไปเลยสิแม่ ผมไม่แคร์หรอกกะไอ้แค่นักกีฬาของโรงเรียน""ทำไมต้นกล้าถึงได้พูดแบบนี้ นักกีฬาบาสเกตบอลมืออา
"อย่าไปว่าคุณน้าเลย ท่านแก่แล้วคงอยากมีใครมาช่วยดูแล""จะหาใครมาช่วยดูแลฉันไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่ไม่เอาพวกผู้หญิงแบบนั้นเข้ามาอยู่ในครอบครัวของฉันก็พอ""คิดมาก"ต้นกล้าวางฝ่ามือลงบนศีรษะเล็กพร้อมโยกไปมา ดวงตาอ่อนโยนมองใบหน้ายิ้มกริ่มของแฟนสาวราวกับต้องมนต์สะกด"อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบหนึ่งปีที่เราเป็นแฟนกัน ฝันมีอะไรจะให้กล้าด้วยนะ""อะไร""ไม่บอกหรอก รอลุ้นเอาเอง""อย่าบอกนะว่าเป็นไม้ตียุงเหมือนปีที่แล้วอีก""บ้าน่า ปีที่แล้วเป็นของขวัญสำหรับเพื่อน แต่ปีนี้เป็นของขวัญสำหรับแฟนมันต้องพิเศษหน่อยสิ"วาดฝันว่าอย่างอารมณ์ดี ความน่ารักและรอยยิ้มสดใสของเธอพอที่จะทำให้ต้นกล้าลืมเรื่องความเครียดลงไปได้บ้างต้นกล้ากับวาดฝันเป็นเพื่อนซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะพ่อของเขาและเธอเป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ความเป็นเพื่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคนรู้ใจซึ่งทั้งครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รู้เห็นและไม่คัดค้านแต่ถึงอย่างนั้นต้นกล้าก็ยังให้เกียรติวาดฝันไม่คิดล่วงเกินอย่างมากก็แค่หอมแก้มจูงมือเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจนเป็นที่อิจฉาของใครหลาย ๆ คนในโรงเรียน "แล้วนี่จะเดินกลับพร้อมฉัน
"คุณหลอกหนู"เธอกำซองจดหมายสีขาวซึ่งเป็นจดหมายของทางโรงเรียนที่ส่งมาในก่อนหน้านี้ถึงสองฉบับ มันคงเป็นความดีที่ยังคงเหลืออยู่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านหลังจากเสร็จความรักใคร่ในแบบฉบับหนุ่มสาว ซองสีขาวสอดอยู่ตรงตู้จดหมายหน้ารั่วทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนประทับไว้เด่นหรา ก่อนที่พ่อกับแม่และน้องชายจะมาเห็นเธอต้องรีบจัดการกับมัน'หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ภายในขณะนี้ค่ะ'"คุณคิดจะเฉดหัวหนูทิ้งอย่างนั้นจริง ๆ สินะคะ"นัยน์ตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเธอจะไม่ยอมเสียคนรักเสียพ่อของลูกไปเด็ดขาดในยามดึกเงียบสงัดทุกคนภายในบ้านต่างหลับกันหมดมีเพียงแต่เธอเท่านั้นที่นั่งรอเวลานี้ หญิงสาวในชุดรัดกุมก้าวเท้าออกจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง เธอตั้งมั่นว่าคืนนี้จะไปคุยกับคนรักให้รู้เรื่อง สองเท้าเล็กก้าวขาลงบันไดใช้ความชำนาญมองเส้นทางผ่านความมืดมิดก่อนจะพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู"เดี๋ยวหนูจะกลับมานะคะ พ่อแม่"ตึก ตึกสองเท้าภายใต้รองเท้าหุ้มส้นสีดำเดินย้ำเท้าไปตามเส้นทางที่คุณเคยด้วยความระมัดระวังว่ากลัวว่าใครจะ
"ทานข้าวสักหน่อยนะครับแม่เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งเอา"ต้นกล้าเอ่ยพูดกับผู้เป็นแม่ที่เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าโลงศพของต้นน้ำด้วยความเสียใจเมื่อลูกสาวคิดสั้นแขวนคอตายหมายจบชีวิตพร้อมทิ้งจดหมายคำว่า"ขอโทษ"ไว้ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ"แม่ครับทานข้าวสักหน่อยเถอะนะ""แม่ยังไม่หิว กล้าเอาไปเก็บเถอะลูก""แต่แม่ไม่ทานอะไรมาหลายวันแล้วนะครับ"ตั้งแต่ต้นน้ำตัดสินใจจบชีวิตผู้เป็นแม่ก็เอาแต่นั่งร้องไห้ไม่ยอมกินอะไรเอาแต่โทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีจนต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้"กล้าอย่าบังคับแม่เลยนะลูก ฮึก แม่ทานอะไรไม่ลงจริง ๆ "ต้นกล้ามองหน้าผู้เป็นแม่สลับกับมองรูปของพี่สาวฝาแฝดในกรอบสีทองก็พลันน้ำตาจะไหล 'พรุ่งนี้แล้วสินะที่ต้นน้ำจะต้องจากพวกเราไปยังที่ไกลแสนไกลและจะไม่มีวันได้หวนกลับมาพบกันอีก'"เป็นยังไงบ้างลูก""เหมือนเดิมครับพ่อ แม่ไม่ยอมทานอะไรเลย"เด็กหนุ่มบอกกับผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสื่อถึงความหนักใจอยู่ไม่น้อย ไม่ต่างอะไรกับผู้เป็นสามีจ้องมองแผ่นหลังของภรรยาที่นั่งอยู่บนศาลา"การที่ต้นน้ำตัดสินใจจากพวกเราไปมันเกินกว่าที่จะรับไหว คงต้องใช้เวลา ต้นกล้าลูก""ครับพ่อ""อย่าคิดน
"น้ำฝนทานข้าวสักหน่อยนะ"ข้าวต้มร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมจากฝีมือผู้เป็นสามีไร้ความหมายเมื่อภรรยาไม่คิดจะสนใจคิดจะอ้าปากทานเหมือนกับอาหารมื้อก่อน ๆ ที่ผ่านมา"ฝน คุณทานข้าวสักหน่อยเถอะนะถ้าคุณไม่ทานอะไรเลยแบบนี้ต้นน้ำจะรู้สึกยังไง""..."เพียงแค่ได้ยินชื่อของบุญสาวน้ำตาของคนเป็นแม่ก็หลั่งรินไหล ไม่มีใครยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นของต้นน้ำได้ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาการจากไปของต้นน้ำยังคงกลายเป็นฝันร้ายเกาะกินหัวใจของผู้ให้กำเนิด"ผมรู้ว่าคุณเสียใจ ผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้""ฮึก""แม้ว่าลูกจะจากไปแต่ต้นน้ำยังอยู่ในหัวใจของเรานะ ลูกไม่เคยไปไหนลูกยังอยู่ตรงนี้""ฮึก ฝนคิดถึงลูก"ภรรยาโผเข้ากอดสามีด้วยความโศกเศร้าเสียงสะอื้นร่ำไห้ไม่ต่างอะไรจากมีดปลายแหลมฝังลึกลงภายในใจของคนฟัง"ทำไมต้นน้ำถึงได้ทำแบบนี้ ฮึก ฝนเลี้ยงลูกไม่ดีใช่ไหมต้นน้ำถึงได้ทิ้งพวกเราไป"ทุกวินาทีเธอเฝ้าฝันคิดถึงแต่ลูกร่ำไห้โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดีพอ"ภรรยาของผมเก่งที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลยนะที่รัก ถ้าจะให้โทษก็คงต้องโทษผม"คนเป็นพ่อน้ำตาไหลโดยไร้เสียงสะอื้นย้อนกลับไปตอนนั้นเขายังรู้สึกผิด แทนที่
วันเวลาผ่านไปร่างกายรวมไปถึงจิตใจของคนเป็นแม่ยิ่งห่อเหี่ยว ความฝันในค่ำคืนอันแสนเลวร้ายยังคอยตามหลอกหลอนเธออยู่เรื่อยไป ไม่ว่าจะเป็นยามตื่นหรือหลับตาก็ยังคงเห็นภาพใบหน้าและเสียงหัวเราะของลูกสาวอยู่ร่ำไป"ฮึก ต้นน้ำ ต้นน้ำลูกอยู่ที่ไหน"ใบหน้าของมารดาเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาร่ำร้องเรียกหาแต่ลูกสาว ยิ่งนานวันอาการของน้ำฝนยิ่งหนักขึ้นสร้างความตระหนักให้สามีที่คอยดูแลจนไม่เป็นอันทำอะไร"ฝน คุณตั้งสติก่อนสิ""อย่ามายุ่ง ฮึก ฉันจะไปหาลูก"ร่างเล็กผมแห้งพยายามลุกขึ้นนั่งแต่ด้วยร่างกายอ่อนแรงจึงต้องล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง"คุณทำอะไรกับร่างกายของฉัน ฮึก ฉันจะไปหาลูก""ที่ผมทำก็เพราะว่าอยากให้คุณหายนะฝน""ฉันไม่ต้องการ ฉันจะไปหาต้นน้ำ"ดวงตาคมมองร่างของภรรยาที่พยายามคลานลงจากเตียงด้วยความปวดใจ แม้เขาจะหาหมอดี ๆ มารักษายังไงดูเหมือนว่าร่างกายของภรรยาจะไม่ตอบรับ ยิ่งนานวันเข้าร่างกายยิ่งเป็นหนักเพราะคนเป็นแม่ยังผูกใจรักยึดติดกับลูกไม่ยอมปล่อยฉึกเข็มฉีดยาปักลงบนเนื้อตัวยาที่ช่วยในการนอนหลับแล่นสู้เข้าในกระแสเลือด นี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้"คุณไม่รักฉัน ไม่รักลูกของเราแล้วอย่างนั้นเหรอ"จริยาน้ำ
ต้นกล้ากลับเข้ามาในห้องหลังจากทานมื้อเย็นกับผู้เป็นพ่อเสร็จ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นดั่งเช่นทุกวัน"ว่ายังไงครับที่รักของกล้า"วาดฝันในชุดนอนสีชมพูสายเดี่ยวดูน่ารักกำลังนั่งมองแฟนหนุ่มผ่านกล้องโทรศัพท์ ในสายตาของเธอดูวิตกกังวลยังไงชอบกล จนแฟนหนุ่มรู้สึกเป็นกังวล"เป็นอะไรไปฝัน""กล้า"วาดฝันน้ำตาไหล ร่างเล็กร้องไห้สะอื้นก่อนจะเล่าเรื่องที่เธอฝันร้ายให้ผู้เป็นแฟนหนุ่มได้ฟัง"มันก็เป็นแค่เพียงฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอกฝันอย่าคิดมากเลยนะ"ต้นกล้าเอ่ยปลอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขาไม่อยากให้เธอคิดมากกับเรื่องราวในความฝันที่เธอได้เอ่ยบอกให้เขาได้ฟัง"ฝันขอไปนอนที่บ้านของกล้าด้วยได้ไหม ฝันไม่อยากอยู่ห่างจากกล้าเลย""ฝัน""หรือจะให้กล้ามานอนที่บ้านฝันก็ได้ เดี๋ยวฝันจะไปบอกคนขับรถให้ไปรับกล้า"ฝันร้ายทำให้เธออยากอยู่ใกล้ชิดกับคนรักตลอดเวลา มะรืนนี้ก็จะครบรอบหนึ่งปีทำไมเธอต้องมาฝันถึงเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ด้วย"อย่าร้องไห้เลยนะฝัน มันไม่มีอะไรหรอก""ถ้ากล้าไม่มาเดี๋ยวฝันจะไปหากล้าเอง""ไม่ได้นะฝัน ดึกแล้วมันอันตราย""แล้วกล้าจะให้ขวัญทำยังไง ตอนนี้ฝันเครียดจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว"วา
พรึ่บ"วาดฝัน"รูปหน้าหล่อเหลาหันมองไปยังทางอื่น ภาพประติมากรรมชั้นเอกตรงหน้าทำให้หัวใจแกร่งเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะทะลุออกมาอยู่นอกอก เมื่อชุดนอนตัวถูกถอดออกมากองตรงเอวคอด ดอกบัวตูมพอดีมือชี้เด่นทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลาย"ใส่เสื้อผ้าเถอะนะฝัน""ทำไมล่ะ กล้าไม่ต้องการฝันเหรอ"วาดฝันวางฝ่ามือเล็กลงบนแผงอกอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของแฟนหนุ่ม ดวงตากลมโตคู่นั้นชั่งเย้ายวนจนต้นกล้าใจหวั่นไหว"อย่าทำแบบนี้ เราสองคนยังเด็ก"วาดฝันส่ายหน้าปฏิเสธถอดชุดนอนตัวสวยผ่านทางศีรษะ ร่างเพรียวบางมีส่วนเว้าส่วนโค้งผิวขาวอมชมพูปีนป่ายขึ้นไปนั่งคร่อมร่างของแฟนหนุ่มโดยหันหน้าเข้าหากัน ฝ่ามือเล็กดันดวงหน้าหล่อเหลาของต้นกล้าให้หันมาสบสายตา"มองฝันสิกล้า แล้วบอกฝันมาว่ากล้าไม่ต้องการฝันจริง ๆ ""วาดฝัน"น้ำเสียงแหบพร่าเรียกชื่อของคนรักเมื่อเธอคว้ามือใหญ่ไปกอบกุมเต้าอวบทั้งสองข้าง"สัมผัสมันสิกล้า มันเป็นของกล้านะ"หญิงสาวบดเบียดกายเข้าหาโน้มศีรษะลงไปประกบริมฝีปากบดจูบ ปลายลิ้นเล็กสอดแทรกดูดดึงดื่มด่ำกับความหอมหวานอย่างใจกล้าไร้ความกลัว"ฝันรักต้นกล้านะ"ฝ่ามือใหญ่นวดคลึงเต้าอวบพอดีมือริมฝีปากของทั้งคู่ดูดดึงตวัดแลก
มีใครเคยบอกคุณไหมว่าให้ทำดีกับคนรักเอาไว้ให้มาก ๆ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราทั้งสองจะหมดบุญวาสนาตายจากกันไป ถึงครานั้นแม้เราอยากจะย้อนหมุนทวนเข็มนาฬิกาไปมากเท่าไหร่มันก็เป็นได้เพียงแค่ความคิดส่วนลึกของคนที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้นภายในห้องมืดทึบไร้ซึ่งแสงสว่างเปรียบเสมือนดั่งหัวใจของชายหนุ่มผู้นี้ ที่เอาแต่นั่งดูรูปคนรักพร้อมกับภาพอัลตร้าซาวด์ลูกน้อยซึ่งติดอยู่บนแผ่นกระดาษในสมุดฝากครรภ์เสียงสะอื้นร่ำไห้ยังคงดังติดต่อกันทุกวันทุกเวลานับตั้งแต่คนรักตัดสินใจโบกมือลาโลกใบนี้โดยไม่คิดจะหวนกลับมาหาหรือปรับความเข้าใจ"ฮึก ขอโทษ"หัวใจที่เต้นรัวแรงและความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกคมมีดกรีดแทงเกิดขึ้นเพราะอะไรมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ดีอยู่แก่ใจ"ขอโทษที่ทำร้าย"น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงบนฝ่ามือด้วยความรู้สึกรวดร้าวอาลัยหัวใจของเขาร่วงดิ่งลงสู่ห้วงทะเลลึก"กลับมานะ กลับมารักกันเหมือนเดิม""...""ขอโทษที่โกหก ขอโทษที่เอาแค่ทำร้าย ขอโทษที่ปากบอกว่าไม่รัก""...""ผู้ชายสารเลวคนนี้ยังรักวาดฝันสุดหัวใจนะรู้ไหม"น่าเศร้ายิ่งนักที่เธอไม่ทันได้ฟังคำบอกรักจากปากของเขา ความโกรธแค้นเปรียบเสมือนเกาะกำแพงสูงใหญ่คอ
พิธีในช่วงเช้าใกล้จะเริ่มขึ้น เหล่าขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวเดินทางมาถึง ใบหน้าของเจ้าบ่าวประดับด้วยรอยยิ้มพลอยทำให้ท่านอาร์มันโด้และแองเจลิน่าสบายใจเมื่อท่านทั้งสองได้รับข่าวดีเรื่องล้มเลิกการแก้แค้น ส่วนเรื่องในอดีตของชัชชัยปล่อยให้เป็นไปตามหน้ากระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ"แดดดี้ดีใจนะที่ลูกคิดได้และยอมปล่อยวาง""ผมต้องขอขอบคุณแดดดี้กับมัมมากเลยนะครับที่คอยเตือนสติไม่ทำให้ผมหลงทำผิดไปมากกว่านี้""ที่มัมกับแดดดี้คอยกล่าวตักเตือนก็เพราะไม่อยากให้ลูกทำผิดพลาด แม้เราจะมีเงินมีอำนาจมากเท่าไหร่แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้"คำสอนของท่านทั้งสองช่วยฉุดดึงไม่ให้เขาทำร้ายผู้หญิงที่ตนเองรักไปมากกว่านี้ "ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมเองก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ทำร้ายเธอ""มัมอยากจะขอให้ลูกเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน ต่อไปภายในภาคหน้าลูกจะต้องมีสติให้มากกว่านี้จะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก มัมรักลูกนะโทมัส""แดดดี้ก็รักลูกเหมือนกัน"โทมัสอ้าแขนโอบกอดท่านทั้งสองด้วยความรัก แม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ แต่ท่านทั้งสองก็เลี้ยงดูเขามาคอยเติมเต็มความรักให้อย่างไม่ขาดหายเช่นเดียวกับคามิล่าบุตรสาวแท้
ป้านวลทำตามความต้องการของวาดฝันเธอนำซองใส่สิ่งของมาฝากไว้กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของโทมัสพร้อมกำชับไว้อย่างดีว่าให้ส่งซองใส่สิ่งของในซองนี้ให้โทมัสในตอนเวลาเสร็จจากงานแต่งงาน"ป้าเป็นใครกัน""ป้าชื่อป้านวล เป็นคนรับใช้ของคุณหนูวาดฝัน"มือขวาคนสนิทก้มมองสิ่งขอภายในมือก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อสูทรักษามันไว้อย่างดีรอนำส่งให้กับผู้เป็นเจ้านายในวันพรุ่งนี้ตามความต้องการของหญิงสาว"โทมัส ลูกคิดดีแล้วเหรอหนูวาดฝันเธอไม่รู้อะไรด้วยเลยนะ"อาร์มันโด้เอ่ยแย้มขึ้นทันทีเมื่อเขาเดินทางมาถึงประเทศไทยพร้อมกับภรรยาเพื่อเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวในพิธีการแต่งงาน"เธอกับพ่อของเธอคือคนละคน ลูกอย่าเอาความแค้นมาปิดบังความรักถ้าพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้นมันไม่สามารถย้อนเวลากลับมาแก้ไขอะไรได้แล้วนะ"แองเจลิน่าเกลี้ยกล่อมลูกชายเพราะไม่อยากให้โทมัสทำผิดไปมากกว่านี้ แม้การกระทำจะบอกว่าเกลียดและไม่ต้องการแต่ทั้งคู่รู้ดีว่าโทมัสยังรักวาดฝันเพียงแค่เจ้าตัวปากแข็งไม่ยอมรับความจริงเท่านั้น"คิดให้ดีนะโทมัส ล้มล้างความคิดในตอนนี้ก็ยังไม่สายแดดดี้ไม่อยากเห็นลูกเสียใจไปตลอดชีวิตนะลูก"ถ้อยคำสั่งสอนของบิดาและมารดาบุญธรรมเริ่ม
"ตอนนี้นายชัชชัยไปรับตัวคุณวาดฝันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วครับท่าน""ดี ฉันจะได้จัดการพวกมันทั้งสองคนเลยทีเดียว""แต่ท่านครับ คุณวาดฝันเธอกำลังตั้งท้องท่านคิดดีแล้วหรือครับที่จะ"ปัง"ชีวิตของกูต้องพังย่อยยับเพราะพวกมัน พี่สาวของกูต้องมาผูกคอยตาย กูต้องสูญเสียพี่สาวและลูกในท้องไปพร้อม ๆ กัน""...""พ่อของมันลงมือฆ่าพ่อแม่ของกูอย่างเลือดเย็น แล้วมึงคิดจะให้กูปรานีคนอย่างพวกมันสองคนอย่างนั้นเหรอ ฮะ"ความคับแค้นใจถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ภาพการตายในอดีตของครอบครัวมันยังคอยตามติดชีวิตของเขาไม่เคยเลือนหายไปไหน"แต่คุณวาดฝันเธอน่าสงสาร เธอไม่รู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเลวที่พ่อของเธอได้ทำ""แดดดี้ส่งให้มึงมาพูดเกลี้ยกล่อมกูใช่ไหม"ลูกน้องคนสนิทยืนก้มหน้าอย่างจำยอม แม้อาร์มันโด้จะอยู่ห่างออกไปไกลแต่เรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านเขารับรู้มันทั้งหมดผ่านการรายงานของบอดี้การ์ด"เธอเป็นคนรักของนายท่าน ผมรู้ว่านานท่านยังคงรักเธออยู่ อย่าทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เลยนะครับ""ออกไป""อย่าทำร้ายคุณวาดฝันกับคุณหนูเลยนะครับท่าน ท่านยังรักคุณวาดฝันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ""กูไม่ได้รักเธอแล้ว มึงออกไปจัดการทุกอย่างตามที่กูสั
ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูไม้ดังขึ้นปลุกให้วาดฝันรู้สึกตัวตื่นนอนในยามรุ่งเช้า "ใครคะ""หนูเอาอาหารมาส่งค่ะ"เสียงคุ้นเคยของพนักงานหญิงดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าของประตู โดยที่วาดฝันไม่ได้เอะใจหรือนึกสงสัย เธอก้าวขาลงจากเตียงรีบเดินไปเปิดประตูให้พนักงานสาวที่มักจะมาส่งอาหารให้เธอในทุก ๆ เช้า "คุณพ่อ"ริมฝีปากเรียวเปล่งเสียงเรียกชื่อของบิดาเมื่อเห็นว่าท่านกำลังยืนประกบหลังพนักงานผู้หญิงคนนั้นแถมยังมองมาที่เธอด้วยสายตาแข็งกระด้าง"นี่เงินของเธอ""ขอบคุณค่ะ"พนักงานสาวคนนั้นคว้าเงินอย่างลุกลี้ลุกลนรีบวิ่งออกไปโดยทันทีหลังจากได้รับเงินค่าจ้างเสร็จ"คุณพ่อมาที่นี่ได้ยังไงคะ""พ่อต้องเป็นคนถามลูกมากกว่าวาดฝันว่าลูกกำลังเล่นอะไรอยู่ ทำไมถึงได้หนีออกมาจากบ้านของคุณโทมัสเขาแบบนั้น""เขาให้คุณพ่อมาตามหนูเหรอคะ"ริมฝีปากซีดเซียวเม้มเขาหากันด้วยความประหม่า สองเท้าเล็กก้าวถอยหลังหมายจะปิดประตูหนีแต่ลูกน้องผู้ภักดีของผู้เป็นพ่อไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้น"หนูต้องกลับไปกับพ่อเดี๋ยวนี้วาดฝัน นี่คือคำสั่ง""ปล่อยหนูไปเถอะนะคะคุณพ่อ อย่าส่งตัวหนูไปให้ผู้ชายคนนั้นเลย"เธอวิงวอนแผ่วเบาด้วยความร้าวราน หัวใจเธอพลันดิ่งว
อ้วก อ้วกเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงดังขึ้นภายในห้องน้ำพร้อมกับหยาดเลือดกำเดาไหลทะลักออกมา เส้นผมสีดำสนิทขับดวงหน้าซีดให้ขาวดังหิมะ ความมืดมิดไร้ขอบเขตกำลังห้อมล้อมรอบตัวของเธอเมื่อผลตรวจเลือดในครั้งนี้เป็นไม่น่ายินดีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างเธอเลยสักนิด'คนไข้คิดดีแล้วหรือครับ ตอนนี้เซลล์มะเร็งมันลุกลามจนน่าเป็นห่วงถ้าคนไข้ยืนยันจะรักษาเด็กในครรภ์เอาไว้หมอเกรงว่า''ฝันไม่เป็นอะไรค่ะคุณหมอ ฝันทนได้''แต่ถ้าคนไข้ไม่รักษา ทั้งตั้งคนไข้เองรวมไปถึงเด็กอาจจะ...''แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ในเมื่อฝันไม่สามารถเลือกทางไหนได้'ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนชีวิตของเธอมันก็จะต้องเกิดความสูญเสียขึ้น'ขอร้องเถอะค่ะหมอ เมตตาคนที่กำลังใกล้จะตายอย่างฝันด้วยเถอะนะคะ'"แม่ขอโทษนะลูก ถ้าหากชาติหน้ามีจริงขอให้เราสองคนได้เกิดมาเป็นแม่ลูกอย่าให้ได้มีเหตุร้ายทำให้เราสองคนต้องพลัดพรากกันอีกเลย"เธอไม่เคยท้อแท้หรือสิ้นหวังอะไรเท่านี้มาก่อน ชะตาชีวิตคงลิขิตให้เธอได้เจอแต่กับความทุกข์ไร้ความสุขจนวินาทีสุดท้ายสองเท้าก้าวไปยังเตียงนอนหลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวในชุดใหม่แต่ใบหน้าสวยยังคงขาวซีดไม่มีชีวิตชีวา ขอบดวงตาบวมช้ำ
ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดเติมแต่งดูน่าเป็นห่วงในสายตาของป้าแม่บ้านเมื่อเห็นว่าวาดฝันนั้นต้องลุกขึ้นมาทำอาหารให้กับเอ็มม่าตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งที่เธอนั้นยังตั้งท้องอ่อน ๆ"ให้ป้าทำเองจะดีกว่านะคะคุณวาดฝัน""ไม่เป็นอะไรค่ะป้า นี่มันเป็นหน้าที่ของฝัน"น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยตอบพร้อมกับตัดวางจานอาหารลงบนโต๊ะ"ได้ยังไงกันคะ คุณฝันของป้าไม่ใช่แม่บ้านอีกทั้งกำลังท้องกำลังใส่ไปนั่งพักเถอะค่ะเดี๋ยวป้าทำต่อเอง""ฝันยังไหวค่ะอีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว"สายตาของแม่บ้านมองวาดฝันจัดโต๊ะอาหารสำหรับสองท่านด้วยความเหนื่อยใจ แม้เธออยากเข้าไปช่วยแต่กลับถูกวาดฝันปฏิเสธใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในที่สุดวาดฝันก็จัดเตรียมโต๊ะอาหารเสร็จและเป็นเวลาที่เธอนั้นต้องทานข้าวเช้าและทานยาบำรุงครรภ์"สายจนป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ตื่นกันอีก"ป้าแม่บ้านขมุบขมิบพูดหลังจากเก็บจานอาหารของวาดฝันที่ทานเสร็จไปล้าง"คุณโทมัสคงเดินทางมาเหนื่อย ๆ ก็คงอยากจะพักถ้าหากพวกเขาตื่นแล้วเราค่อยเอาอาหารมาอุ่นเอาใหม่ก็ได้ค่ะป้า""ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นค่ะ ว่าแต่คุณฝันมีนัดตรวจครรภ์เมื่อไหร่อีกคะ""อาทิตย์หน้านี้ล่ะค่ะ ป้าถามทำไมหรือคะ""เปล่าหรอกค่ะ ป้าแค่ตื่
วันเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน วันนี้วาดฝันตื่นเช้ากว่าทุกครั้งหลังจากได้รับข่าวว่าโทมัสกำลังจะเดินทางกลับมา ใบหน้าของเธอดูสดใสกว่าครั้งไหน ๆ ร่างกายผมบางอยู่ในชุดคลุมท้องสีชมพูลายดอกเดซีสีหวานดูเบ่งบานมีชีวิตชีวามากกว่าทุกครั้ง"คุณฝันไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ป้าจัดการเอง""ไม่เป็นอะไรค่ะป้า ฝันอยากช่วยป้าทำ"สองมือกำลังระวิงในการจัดโต๊ะอาหารต้อนรับการกลับมาของเจ้าของบ้าน "วันนี้ดูคุณฝันมีความสุขเป็นพิเศษนะคะ""ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอคะป้า"ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี่เธอมีความสุขที่สุดเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มกำลังเดินทางกลับมาหลังจากจัดโต๊ะอาหารเสร็จก็ใกล้จะถึงเวลา หญิงสาวออกไปยืนเฝ้ารอชะเง้อคอมองหาว่าเมื่อไหร่รถของชายหนุ่มจะมา ตลอดเวลาสามเดือนที่เขาไม่อยู่มันทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าขาดอะไรไปยิ่งพอมาได้รู้ว่าเขาคือคนรักก็ยิ่งจะทำให้หัวใจตื่นตระหนักเฝ้ารอเขากลับมาอยู่ทุกเช้าค่ำ"มาแล้ว"ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นรถคันหรูขับเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน หัวใจดวงน้อยเต้นสั่นระรัวมือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มเปิดประตูเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีสง่างามดังเทพบุตรแต่แล้วความด
ยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของวาดฝันยิ่งซูบผอม จะมีเพียงแต่หน้าท้องของเธอเท่านั้นที่เริ่มนูนเด่นออกมาให้เป็นที่จับตาของทุกคน"ข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ ไม่ใส่กระเทียมเจียวไม่ใส่ต้นหอมเสร็จแล้วค่ะคุณฝัน""ขอบคุณป้ามากเลยนะคะ""มาค่ะเดี๋ยวป้าช่วย"ป้าแม่บ้านรีบเข้ามาช่วยพยุงร่างอ่อนแรงของวาดฝันให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับช่วยจัดท่าให้นั่งได้สะดวก ข้าวต้มกุ้งร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมแต่วาดฝันกลับทานเข้าไปได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้นก็ต้องอาเจียนออกมา"ว้าย คุณวาดฝัน"ป้าแม่บ้านหวีดร้องด้วยความตกใจรีบตรู่เข้าไปช่วยลูบแผ่นหลังแววตาของเธอนั้นยามมองร่างเล็กเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดูและความรู้สึกสงสารในเวลาเดียวกัน"ไหวไหมคะ ให้ป้าเรียกบอดี้การ์ดให้พาคุณฝันไปหาหมอดีไหม""ฮึก ฝันไม่เป็นอะไรค่ะป้า""จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะ คุณฝันแพ้ท้องหนักมาติดต่อกันหลายวันแล้วนะคะ ข้าวปลาก็ทานได้ไม่กี่คำ ดูสิร่างกายผอมแห้งไปหมดแล้ว"ร่างเล็กเหลือแต่ผิวหนังห่อหุ้มกระดูกผลพวงมาจากการแพ้ท้องอย่างหนักบวกกับผลข้างเคียงของมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งทำให้ร่างกายของเธอแทบจะลุกไม่ไหว"ฝันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะป้า เดี๋ยวทานยาแก้แพ้ก็คงหาย""อดทนอีกนิดนะคะคุ