หลินเนี่ยเฟยส่งยิ้มให้หยงว่านชิงพร้อมกับท่านอ๋อง“อ้อ ว่าที่พระชายา…ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าหลินเนี่ยเฟย คู่หมั้นของท่านอ๋องชิง”ว่านชิงหันมามองหน้าท่านอ๋องที่ดูตกใจไม่ต่างกัน นางจึงหันไปยิ้้มให้กับหลินเนี่ยเฟย “ยินดีที่ได้รู้จัก คู่หมั้นของท่านอ๋องนะเจ้าคะ”“เจ้าไม่ถามข้างั้นหรือว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง”“จริงหรือไม่ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ คิดว่าข้าคงไม่ต้องพูดให้ผู้ใดเสื่อเสียเจ้าค่ะ"“นี่เจ้า!!” "คุณหนูหลิน อย่าได้สร้างปัญหา เจ้าเองก็รู้ดีว่าข้าไม่ได้ชอบเจ้า ตลอดเวลาก็เป็นเจ้าเป็นคนพูดทึกทักเอาเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้โตแล้วเจ้าไม่อายบ้างหรืออย่างไร”“พี่เย่หาน!!”“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูจวนพักระหว่างที่อยู่ที่นี่”“ข้าพักที่นี่หรือเพคะ”“ใช่ เจ้ามีปัญหาหรือ”“แล้วพวกท่านพักที่ใด”“ข้ากับว่านชิงย่อมต้องพักอยู่ตำหนักอ๋อง”“เช่นนั้นข้าก็จะไปพักที่ตำหนักอ๋องเช่นกัน เหตุใดมาแยกเรือนพักข้าด้วย ข้าเป็นถึง…”“หลินเนี่ยเฟย หากเจ้าไม่เลิกพูดเพ้อเจ้อ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า ข้าจะส่งเจ้ากลับเมืองหลวงทันที ข้ากล้าพูดกล้าทำ เจ้ารู้จักนิสัยข้าดีอย่ามาท้าทายข้าอยู่ตรงนี้”หลินเนี่ยเฟยมองเขาอย่า
รุ่งเช้าตื่นขึ้นมา ว่านชิงยังรู้สึกว่าเวียนหัวอยู่ไม่น้อย นางไม่เคยดื่มสุรามากเท่านี้มาก่อน แม้ว่าจะมีบางครั้งที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบเพื่อใช้ในการรักษา แต่การดื่มรวดเดียวเช่นนี้พึ่งเคยทำเป็นครั้งแรก หากไม่นับครั้งที่พบท่านอ๋องที่หอเซียงเฟยครั้งแรก“ปวดหัวเสียจริง”“ว่านชิง เหตุใดจึงรีบลุก เจ้ายังไหวอยู่หรือไม่”“เย่หาน เมื่อคืนนี้ท่านเอาสิ่งใดให้หม่อมฉันกินกันแน่เพคะ ตื่นมาจึงรู้สึกว่าจวนหมุนเสียขนาดนี้”“วันนี้เจ้านอนพักเสียหน่อยเถิด เจ้าน่าจะไปทำงานไม่ไหวแล้ว ข้าจะส่งคนไปบอกใต้เท้าเว่ยเอง งานที่คั่งค้างก็หยุดเอาไว้ก่อน เชื่อข้านะ”“อืม…เพคะ หม่อมฉันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย”“เขาเรียกว่าเมาน่ะ อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งให้อาลี่ต้มน้ำแกงแก้เมามาให้เจ้าดื่ม กินเสียหน่อยแล้วนอนพักจะได้ดีขึ้น”“ท่านอ๋อง แล้ววันนี้พระองค์…”“ข้าก็ไม่ไปเช่นกัน วันนี้จะอยู่เฝ้าเจ้าที่นี่ ก็ข้าเป็นต้นเหตุนี่”“กอดข้าหน่อยสิเพคะ”“ว่านชิงเจ้าคงไม่ได้เมาหรอกนะใช่หรือไม่ เหตุใดกลายเป็นแมวขี้อ้อนขึ้นมาได้”“ไม่กอดหรือเพคะ”“กอดสิ มานี่มา”ว่านชิงซุกเข้าหาแผงอกที่เปิดอ้ารับนางทันที หิมะในฤดูหนาวเริ่มตกแล้ว อากาศเริ่มเย
“จงหมิง ส่งแขก”หลินเนี่ยเฟยทรุดตัวลงกับพื้นห้องโถงที่เย็นจัด แต่ก็ยังไม่เท่าสายตาของชิงเย่หานที่มองมาที่นาง สายตาที่ไร้เยื่อใย สายตาที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง“คุณหนูหลิน เชิญเถอะขอรับ”“ข้าเพียรดั้นด้นเดินทางหลายร้อยลี้มาหาเขาถึงที่นี่เพื่ออะไร สุดท้ายก็แพ้ให้คณิกาไร้ค่าเพียงคนเดียว”“คุณหนูหลิน ข้าขอเตือนท่านด้วยความหวังดี คุณหนูหยงมิใช่คนที่ท่านจะดูแคลนได้ นางมิใช่คณิกาอย่างที่ท่านได้รับข่าวมา แต่นางเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถสูงและเป็นที่ยอมรับของพวกเราทั้งหมดที่นี่ ท่านอย่าได้ดูหมิ่นนางต่อหน้าข้าเป็นอันขาด เชิญกลับเถอะขอรับ รถม้ารออยู่หน้าตำหนักเรียบร้อยแล้ว”หลินเนี่ยเฟยหันไปมองจงหมิง องครักษ์ที่อยู่กับท่านอ๋องชิงมาโดยตลอด แม้แต่เขาก็ยังพูดออกหน้าให้สตรีผู้นั้น ดูท่าครั้งนี้ นางจะเดินทางมาที่เฉินตูอย่างเสียเปล่าแล้ว“แม่นางหลินกลับไปแล้วหรือเพคะ”“ใช่ กลับไปแล้ว”“เหตุใดดูพระองค์อารมณ์เสียเช่นนั้นเล่าเพคะ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”“ข้า….ช่างเถอะ นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่”“ตรวจสอบบัญชีของสองปีก่อนหน้านี้เพคะ”“ทำไม มันมีอะไรผิดปกติงั้นหรือ”“ใต้เท้าเว่ยแค่ให้หม่อมฉันนำมาเรียนรู้เ
“ว่านชิง เจ้า..ตื่นแล้วงั้นหรือ”“ท่านอ๋องเหตุใดพระองค์มานอนตรงนี้เพคะอากาศหนาวเย็นนักเดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอกเพคะ”“ใครใช้ให้เจ้าหนีเข้าไปแล้วลงกลอนเล่า ข้าจะไปรู้ได้เช่นไรว่าเจ้าจะใจร้ายปล่อยข้านอนข้างนอกนี่ทั้งคืน”“เหตุใดพระองค์ไม่กลับไปนอนที่ห้องบรรทมของตัวเองเล่าเพคะ มานั่งรอตรงนี้ทำไม”“ก็เจ้าโกรธข้านี่”“หม่อมฉัน! ลุกขึ้นมาก่อนเถิดเพคะ ตัวพระองค์เย็นไปหมดแล้ว เข้าไปที่ห้องก่อน”“เจ้าหายโกรธหรือยัง”“หม่อมฉันหรือเพคะจะกล้าโกรธพระองค์ เร็วเข้า นั่งตรงนี้ นี่เตาอุ่นมือ พระองค์ถือเอาไว้ก่อน”ชิงเย่หานยอมรับเตานั้นมาพร้อมกับมองว่านชิงที่นำผ้าห่มมาห่มให้เขาพลางบ่นไปด้วย ช่างเป็นภาพที่น่ามองจนเขานึกอยากให้นางทำเช่นนี้บ่อยๆ นางกระวนกระวายที่รู้ว่าเขานั่งตากลมหนาวหน้าห้องนางทั้งคืน และตอนนี้ก็ยังหาทั้งเตาอุ่นมือและผ้าห่มหนามาโปะตัวจนเขาหนักจะแย่อยู่แล้ว“ว่านชิง ข้ารู้สึกร้อนแล้ว หากเจ้าห่มให้มากกว่านี้ มีหวังข้าคงหายใจไม่ออกแทนแล้วล่ะ”“คนบ้า ใครใช้ให้พระองค์นั่งตากลมตรงนั้นทั้งคืนเล่าเพคะ”“เฮ้อ…แต่มันก็คุ้มนี่”“วันนี้ก็อยู่ในนี้แหละ หากพระองค์ยังกล้าทำเช่นนี้อีกก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้
เหมินฮูหยินไม่พอใจที่หลินเนี่ยเฟยต่อว่าบุตรสาวตนเองขึ้นมากลางงานเลี้ยง บัดนี้เหมินอี้เหนียงนั้นนั่งหน้าชาอยู่ที่โต๊ะของตนเองโดยที่มิได้ตอบโต้อะไรออกไป“ข้าเพียงพูดความจริงเท่านั้น ที่สำคัญ สุราของท่านอ๋องก็มี องครักษ์ประจำกายท่านอ๋องย่อมรู้หน้าที่ดี ไม่ต้องลำบากให้บุตรสาวท่านเจ้าเมืองลำบากมารินให้พระองค์หรอกหากข้าไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าพวกท่านอยากยกบุตรสาวให้เป็นหญิงรับใช้ท่านอ๋องเสียอีก”หลินเนี่ยเฟยยกชาขึ้นดื่มพลันมองไปยังเหมินอี้เหนียงที่ยิ้มและมองมาที่นางเช่นกัน แม้นางจะยิ้ม แต่สายตาของเนี่ยเฟยก็มองออกว่านางมิได้มีความจริงใจ นางมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน“ขอบคุณในน้ำใจของท่านเจ้าเมือง ข้ายินดีร่วมดื่มกับท่าน ดื่ม”“ท่านอ๋องเชิญพ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าจะไม่ถูกต้องนัก แต่เขาก็ต้องขอบคุณเนี่ยเฟยที่พูดออกมาแทนเขา เพราะหากว่าบุตราสาวเจ้าเมืองเดินมานั่งรินสุราให้เขาจริงเขาเองไม่รู้จะปฏิเสธเช่นไร เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้ว นางก็หาจังหวะเข้ามาเองจนได้เมื่อหลินเนี่ยเฟยเดินออกไปพบแขกด้านนอก“ท่านอ๋องเพคะ สุราพระองค์หมดแล้ว หม่อมฉันนำสุรามาเพิ่มให้นะเพคะ”“ขอบคุณ คุณหนูเหมิน”“มิได้เพคะ หม่อมฉันได้ยินเ
“ว่าน…”ว่านชิงขึ้นรถม้าไปแล้วและสั่งให้ออกรถทันที เย่หานเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นนางกลับไปเช่นนี้ เขารีบเดินกลับเข้ามาในจวน ตั้งใจจะเดินมาบอกลาเจ้าเมืองแต่กลับถูกพวกเขารั้งเอาไว้เขาในฐานะราชวงศ์ที่คอยดูแลเมืองเฉินตูไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ในยามนี้ แต่ว่านชิงกล่าวได้ถูกต้อง เขาต้องอยู่ร่วมงานก่อน มีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่ตำหนักอ๋อง“จงหมิง เร็วเข้า รีบกลับ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องใจร้อนดั่งไฟเมื่อบอกลาท่านเจ้าเมืองได้เขาก็รีบเดินออกมาขึ้นรถม้าเพื่อจะกลับตำหนักทันที แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขึ้นก็มีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้“ท่านอ๋องเพคะ”เขาหันกลับไปมองด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เหมินอี้เหนียงนางอีกแล้ว เหตุใดวันนี้เขาไปที่ใดก็จะพบแต่นางจนเขาปลีกตัวออกมาหลายครั้งก็จะพบว่านางมักจะปรากฏตัวตรงหน้าเขาอยู่เสมอเหมือนจงใจ“แม่นางเหมิน เจ้ายังมีธุระอันใดกับข้าอีก”“อี้เหนียงมาเป็นตัวแทนท่านพ่อเพื่อขอบพระทัยท่านอ๋องที่มาร่วมงานในวันนี้เพคะ”“ไม่เป็นไร ขอตัวก่อน”“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋องเพคะ อีกสิบห้าวันข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงที่จวนหม่อมฉัน เป็นวันเกิดท่านพ่อและหม่อมฉัน พวกเราเกิดวันเดียวกันแต่คนละปี
“พระองค์คิดว่าหม่อมฉันจะหนีงั้นหรือเพคะ เหตุใดต้องคิดว่าหม่อมฉันจะหนีด้วยเพคะ”“ข้ากลัวน่ะ กลัวไปเอง แม้เพียงแค่เจ้าห่างกายข้าเกินครึ่งชั่วยามและข้าหาเจ้าไม่เจอ ใจข้าก็ร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา ไหนเลยจะยอมให้เจ้าห่างกายไปได้ แต่วันนี้เจ้ากลับไปพบข้าในงานด้วยสถานการณ์เช่นนั้น ข้าย่อมต้องกลัวว่าเจ้าจะโกรธจนหนีข้าไปน่ะสิ”“พระองค์กลัวมากขนาดนั้นเลยหรือเพคะ”“ไม่เคยกลัวสิ่งใดมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ว่านชิง เจ้ารับปากข้าหากว่ามีเรื่องอันใดที่เจ้าไม่พอใจหรือโกรธ ขอให้เจ้าบอกข้าตรงๆได้หรือไม่”“หม่อมฉันก็ทำเช่นนั้นทุกครั้งนะเพคะ”“เช่นนั้น….”“พระองค์ทรงระแวงมากเกินไป หม่อมฉันเป็นคนที่มีเหตุผลมากพอที่จะไม่คิดมากเรื่องพวกนี้นะเพคะ”“ใช่ ข้ากลัวมากเกินไป กลัวว่าจะทำให้เจ้าไม่สบายใจ กลัวเสียเจ้าไป”ว่านชิงหันไปสบตาเขาพร้อมกับอิงหน้าผากไปที่หน้าผากเขาเบาๆเพื่อเป็นการปลอบประโลมท่านอ๋องของนาง เขาไม่เพียงระแวงแต่ความขี้หวงของเขานั้นซักวันอาจจะทำให้เขาเป็นบ้าได้“ผ่อนคลายเถิดนะเพคะ หม่อมฉันเป็นของพระองค์ผู้เดียว เราสัญญากันแล้วอย่างไรเล่าเพคะ”“ข้าจะพยายาม ว่านชิง ข้ารักเจ้ามาก ข้าไม่อาจทนสูญเสียเจ้าไ
จวนพักหลินเนี่ยเฟย“เรียกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้หมด”“พ่ะย่ะค่ะ”ทั้งคู่เร่งเข้าไปดูอาการของหลินเนี่ยเฟยที่อยู่บนเตียงโดยมีผ้าม่านคลุมโดยรอบ สาวใช้รีบวิ่งออกมาถวายความเคารพพร้อมกับแจ้งอาการ“หมอหลวงเล่า กลับไปหมดแล้วงั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋อง ท่านหมอ…ถูกคุณหนูไล่กลับไปหมดเลยเพคะ”“ไล่!! นางไม่อยากหายหรืออย่างไร”“ให้หม่อมฉันเข้าไปดูเองเถิดเพคะ”“อืม เจ้าไปเถอะ”“เจ้าเป็นสาวใช้ประจำตัวของคุณหนูหลินใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าคอยดูแลคุณหนูตั้งแต่เด็ก ข้าเติบโตมาพร้อมกับคุณหนูเจ้าค่ะ”“ดีแล้ว เจ้าตามข้าเข้ามาเถอะข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ว่านชิงพาสาวใช้เดินเข้าไปที่เตียงของหลินเนี่ยเฟย ซึ่งตอนนี้นางนอนหายใจเสียงดังและมีผื่นขึ้นเต็มใบหน้าและลำตัว“คุณหนูหลิน”“เจ้า!!…เหตุใดจึงเป็นเจ้า”“คุณหนูเจ้าคะ แม่นางมากับท่านอ๋องเพื่อดูอาการท่านเจ้าค่ะ”“หึ มาดูอาการหรือมาสมน้ำหน้าข้ากันแน่ แฮ่ก แฮก…”“คุณหนูเจ้าคะอย่าพึ่งพูดเลยนะเจ้าคะ…”“คุณหนูหลิน ท่านแพ้สิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่”“เจ้ามาถามข้าทำไม เจ้าต้องการอะไรเจ้าเป็นหมองั้นหรือ”“ข้าพอจะมีความรู้เล็กน้อย อาจจะพอช่วยท่านได้เพียงแต่ว่าท่านจะต้องให้ความร่วมม
สามวันก่อนวันอภิเษก“หย่งผิง เหตุใดครั้งนี้เจ้าพากู้เซียงหยีมากับเจ้าด้วยเล่า”“ข้ามิได้พานางมา นางมาของนางเองโดยทูลขอเสด็จพ่อข้า”“ท่านอ๋องฟ่านไม่น่าจะยอมโดยง่ายเช่นนี้”“หึ นางให้พ่อนางมาขอน่ะ บอกว่าอยากหาประสบการณ์ใหม่นอกเมือง เห็นว่าข้าจะเดินทางมาที่ต้าเฉินเลยถือโอกาสขอให้พานางมาด้วย แต่ข้าปฏิเสธ นางบอกว่ายินยอมตามมาและจะดูแลตัวเอง”“แต่ที่ข้าเห็น นางแทบจะตัวติดกับเจ้า”“ข้าหาได้สนใจไม่ ว่าแต่เรื่องของเจ้ากับหลินเนี่ยเฟย…เหตุใดจึง…”“นี่เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ นางไม่ได้ชอบข้าตั้งแต่แรก นางไม่รู้ใจตัวเอง นางยังเด็กแยกแยะความรักระหว่างชายหญิงไม่เป็น นางพึ่งรู้ตัวว่าข้าน่ารำคาญก็ตอนนางได้ว่านชิงเป็นพี่สาวนางนั่นแหละ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าคอยหวงพี่สาวตลอด”“เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร ข้าจำได้ว่าตอนเรียนด้วยกันที่นั่น พวกเจ้า…..”“เจ้าลองนึกดูให้ดีๆ ว่าที่นางทำเรื่องนี้เพราะอะไร ข้าเองก็รู้แต่ก็ต้องยอมอยู่กับนางเพราะนางเหมือนน้องสาวข้า นางไม่มีญาติที่นั่นมีเพียงข้าที่ไปกับนาง ย่อมต้องดูแลกันเป็นธรรมดา จากนั้นนางเลยยึดติดว่าสิ่งที่ทำกับข้าคือความรัก แต่แท้จริงแล้วมันคือรักแบบพี่น้องเท่านั้น ข
จวนเสนาบดีหลิน“พี่ใหญ่ท่านคุ้นชินกับเมืองหลวงแล้วหรือยังเจ้าคะ”“ข้าอยู่ที่ใดก็ได้ ว่าแต่วันนี้เจ้ากินยาแล้วหรือยัง”“กินแล้วสิเจ้าคะ นี่พี่ใหญ่อีกไม่กี่วันท่านก็ต้องแต่งเข้าตำหนักท่านอ๋องแล้ว ตลอดสิบวันที่ย้ายมาจากเฉินตูเราก็อยู่ด้วยกันตลอด ท่านแต่งออกไปแล้วข้าต้องเหงาแน่เลยเจ้าค่ะ”“เจ้าน่ะเป็นลูกคนเดียวมาตลอดมิใช่หรือ”“ก็ใช่น่ะสิ เพราะมีท่านมาเป็นพี่สาวข้าจึงมีคนให้อ้อนได้บ้าง ใครจะรู้ว่าพอมีก็จะถูกแย่งไปกันเล่า”“อีกหน่อยเจ้าเองก็จะมีคนมาแย่งไปเช่นกัน เจ้าน่ะไม่ได้ถูกใจผู้ใดเลยงั้นหรือ”“ท่านพี่อย่าล้อข้าเล่น ในชีวิตของข้าพบเจอบุรุษมาไม่กี่คนหรอกเจ้าค่ะ”“เนี่ยเฟย อาการของเจ้าตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว อาการแพ้ก็ไม่มีแล้ว ต่อไปก็ทำตามใจได้แล้วล่ะ เจ้าอยากไปไหนหรือไม่ ข้าจะได้ชวนท่านอ๋องพาเจ้าไปเที่ยว”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ไปกับพี่เย่หานที่เอาแต่ตามท่านตลอดเวลา ข้าเห็นแล้วอึดอัดแทนจริงๆ เขาไม่คิดอยากให้ท่านได้พักหายใจบ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ เอาแต่ตาม ท่านหายไปเพียงแค่ครึ่งก้านธูปก็ตามหาเสียทั่วตำหนัก ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าไม่เหมาะกับคนเช่นนี้จริงๆ ขืนมาเดินหาข้าจนทั่วเช่นนี้ ข้าคงเป็
“ไม่ได้เพคะ!! หม่อมฉันนัดท่านพ่อกับเนี่ยเฟยเอาไว้แล้วว่าจะเอายาไปให้พวกเขา”“แต่ข้าส่งจงหมิงไปยกเลิกแล้ว ส่วนยาที่เจ้าเตรียมเดี๋ยวข้าให้คนเอาไปให้เนี่ยเฟยเอง มาเถอะ ไปกับข้า”“เดี๋ยวก่อนเพคะ พระองค์จะพาหม่อมฉันไปที่ใด รถม้ายังรออยู่ข้างนอก”“ข้าเอาม้ามา เจ้าไปกับข้า”“ไปที่ใดเพคะ”“ไปถึงก็รู้เอง มาเถอะ”“เย่หาน เดี๋ยวก่อนสิ”ท่านอ๋องอุ้มนางเดินออกจากจวนสกุลหยงและขึ้นหลังม้าพร้อมกับพานางขี่ออกไปทางด้านหลังเขาเมืองเฉินตู ระยะทางเริ่มห่างจากตัวเมืองเฉินตูและเป็นเนินเขาสูงที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ด้านหลังเป็นภูเขาเซียงชีของเฉินตู“ที่นี่ งดงามยิ่งนักเพคะ”“ลงมาสิ”ชิงเย่หานพานางเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้บนหลังม้า เนินเขาสูงในทุ่งดอกไม้ ด้านล่างเป็นลำธารเขาเลือกปูผ้าตรงนี้พร้อมกับพาว่านชิงมานั่งพิงเขาพร้อมกับมองไปยังทิวทัศน์ด้านล่างที่เป็นป่าเขาสุดลูกหูลูกตา“เจ้าเห็นนั่นหรือไม่ นั่นคือเส้นทางไปเมืองหลวง”“ข้าไม่เคยออกจากเมืองเฉินตูมาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่ว่านชิง”“พระองค์
จงหมิงมองหน้าท่านอ๋องราวกับว่าตนเองกำลังทำผิดอย่างร้ายแรงที่บังอาจรู้ว่าหยงว่านชิงไปที่ใดในเวลานี้“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูหยง เอ้ย คุณหนูหลินบอกกระหม่อมให้เตรียมรถม้าเพื่อจะไปจวนท่านเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเหตุใดอาลี่จึงไม่รู้เล่า!!”“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้ามัวรออะไรอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบไปเอาม้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่นั่งรถม้า ข้าจะเอาม้า!!”“พ่ะย่ะค่ะ”จงหมิงรีบไปนำม้าของท่านอ๋องออกมาให้โดยเร็วด้วยเกรงว่าจะถูกลงโทษอีกเพราะความใจร้อนของท่านอ๋องในตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่าเขาโมโหและร้อนใจเพียงใดที่ตื่นมาแล้วไม่พบว่านชิงจวนเสนาบดีหลิน“ว่านชิง …..ว่านชิง”“พี่เขย ท่านมาหาพี่ว่านชิงงั้นหรือ”“เนี่ยเฟย ว่านชิงเล่า เห็นบอกว่านางมาที่นี่”“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหลินขออภัยที่มากะทันหัน แต่ว่าว่านชิงได้มาที่นี่หรือไม่”เนี่ยเฟยและเสนาบดีหลินหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจและสงสัยพร้อมกับหันไปตอบกับคนที่ดูร้อนใจที่สุดตรงหน้าในตอนนี้“พี่ว่านชิงบอกว่าจะมาหาข้าในวันนี้จริงเพคะ แต่ว่านางยังมาไม่ถึง ไม่คิดว่านางจะออกมาจากตำหนักท่านแล้ว”“นั่นสิ กระหม่อมเองก็รอนางอยู่เช่นกันเพราะวันนี้นางน
เจ้าเมืองเหมินหันไปทางท่านอ๋อง ตัวสั่นทั้งตัว เขาเองก็รู้ตัวดีว่าทำสิ่งใดลงไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมู่เสียนอี่ถูกเปิดโปงแล้วเขาจะโดนด้วย“ไม่จริงพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมเพียงแค่….แค่…มอบเป็นสินน้ำใจ หาใช่ซื้อตำแหน่งไม่ เรื่องย้ายมาที่เมืองเฉินตูนี้ เป็น…เรื่องนี้ท่านมหาเสนบดีหลินเป็นผู้แนะนำกระหม่อมต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีหลินเดินเข้ามายังเหมินสั่วถังที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับขอความเมตตาต่อท่านอ๋องอยู่จึงพูดเพื่อให้เขาได้รับรู้ความจริง“ใต้เท้าเหมิน ที่ข้าเสนอชื่อท่านต่อฝ่าบาท นั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการกำจัดขุนนางชั่วมู่เสียนอี่ เพราะเขารับสินบนจากท่านเพื่อเสนอชื่อเป็นเจ้าเมืองเฉินตูทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ท่านเป็นเพียงขุนนางในกรมวังที่แทบจะไม่มีผลงานใดๆมาก่อน ฝ่าบาทเรียกข้าเข้าไปหารือหลายรอบ และเพื่อจะล้อมจับพวกขุนนางชั่วทั้งหมดจึงได้เสนอชื่อเจ้าเพื่อมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่”เหมินสั่วถังหมดแรงล้มไปกับพื้น ที่แท้เรื่องที่เขาจะมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เสนาบดีหลิน ชิงอ๋องและฝ่าบาทวางแผนล่อพวกเขามาติดกับนี้“นำตัวเขาไป ขังที่คุกรอการตัดสินโทษ”“พ่ะย่ะค่ะ”ต
“ใต้เท้ามู่ไม่ต้องรีบร้อน ว่านชิง เจ้าว่ามา เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องที่ข้ายักยอกเงินคลังหลวงงั้นหรือ”“หม่อมฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำว่าที่มาวันนี้เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องยักยอกเงินพระคลังหลวง”มู่เสียนอี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็ว คนในห้องโถงต่างก็ตกใจเช่นเดียวกันกับมู่เสียนอี่ นั่นสิ นางเพียงแค่ยกสมุดบัญชีออกมาและบอกว่าท่านอ๋องทราบดีว่าที่นางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แต่…..“เจ้า….ว่านชิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร!!”ว่านชิงหันมามองหน้ามู่เสียนอี่พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเขาทำท่าตกใจและมือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข“ใต้เท้ามู่ ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าที่ข้ามาวันนี้เพื่อจะมาส่งรายงานของผู้ใด เหตุใดท่านจึงรีบร้อนด่วนตัดสินว่าข้าจะใส่ร้ายท่านอ๋อง ดูท่านมั่นใจเหลือเกินว่ารายงานบัญชีที่ข้าถืออยู่นี่เกี่ยวกับท่านอ๋องแล้วยังมีรายงานแก้ต่างเตรียมมาด้วย เรื่องนี้ ข้าคิดว่าท่านควรจะมีคำอธิบายหน่อยหรือไม่”“ใต้เท้ามู่ ว่าอย่างไร ที่ว่านชิงพูดมาท่านมีสิ่งใดจะแก้ต่างหรือไม่”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นาง…เรื่องนี้นาง….”มู่เสียนอี่ทำตัวไม่ถูก เขาติดกับแล้ว เขาพลาดเองที่พูดออกไปโพล่งๆโดยไม่
หลินเนี่ยเฟยเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับความแปลกใจของทุกคนในห้องโถง เหมินอี้เหนียงหน้าซีด ปากเริ่มสั่นเมื่อเห็นว่าหลินเนี่ยเฟยนั้นหายดีและไม่ได้ป่วยหนักปางตายอย่างที่นางเข้าใจ“ทำไม ผิดหวังมากงั้นหรือเหมินอี้เหนียงที่ข้ายังไม่ตายตามแผนที่เจ้าวางเอาไว้”ทั้งห้องจัดเลี้ยงเกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งท่านเจ้าเมืองเองก็ตกใจสุดชีวิตเมื่อหลินเนี่ยเฟยพูดออกมาว่าบุตรสาวของเขาเป็นผู้ทำร้ายนาง“เมื่อครู่นางบอกว่าบุตรสาวใต้เท้าเหมินเป็นผู้วางแผนทำร้ายนางงั้นหรือ”“ข้าก็ได้ยินเช่นนั้น”“นี่มันเรื่องอะไรกันละนี่”หลินเนี่ยเฟยเดินเข้ามาหาเหมินอี้เหนียงทันที“ข้าเห็นว่าเจ้าคิดถึงข้า เป็นห่วงว่าข้าถูกทำร้ายก็เลยมาหาเจ้า นึกไม่ถึงละสิว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ มิได้มีตุ่มหนองน่าเกลียดซ้ำผมและเล็บก็ยังไม่หลุดร่วงดั่งข่าวลือนั่น”“เจ้า….คุณหนูหลินหายดี ข้า…ข้าก็ดีใจเป็นที่สุด”“งั้นหรือ!! เช่นนั้นข้าต้องขอขอบใจของฝากจากขนกระต่ายที่เจ้าเทียวส่งให้ข้าไม่หยุดด้วยหรือไม่!!”อี้เหนียงเบิกตากว้างเมื่อเนี่ยเฟยพูดกระแทกใส่นาง พร้อมกับสาวใช้ด้านหลังที่เดินถือกล่องมาด้วย“ไม่นะ นี่มันคือ….ผ้าห่มอย่างดี สั่งทอพิเศ
ทั้งงานหันไปมองผู้ที่เดินเข้ามาในห้องโถง นางมาพร้อมกับสมุดบัญชีเล่มหนึ่งในมือ มู่เสียนอี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจเมื่อหยงว่านชิงยืนอยู่กลางห้องโถง“นี่เจ้า!! มาที่นี่ได้เช่นไร ข้าไม่ต้อนรับสตรีคณิกาเช่นเจ้า เด็กๆ ลากนางออกไป”“ช้าก่อนใต้เท้าเหมิน นางเป็นคนของสำนักบัญชีของข้า ให้ข้าสอบถามนางก่อนว่านางมาที่นี่ด้วยธุระอันใด”ว่านชิงหันมามองหน้ามู่เสียนอี่พร้อมกับยกสมุดบัญชีเล่มนั้นขึ้นมา “ข้ามาที่นี่เพราะสิ่งนี้”“เจ้าพูดเรื่องอะไร อย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่”“ท่านอ๋องทราบดีว่าข้า….กำลังพูดเรื่องอะไร”“ว่านชิง นี่เจ้ากำลังพูดสิ่งใดอยู่อย่างนั้นหรือ”ท่านอ๋องถามเสียงเรียบๆพร้อมกับมองว่านชิงและสมุดบัญชีในมือที่นางถือมาด้วย“ท่านอ๋อง ในนี้เป็นรายงานบัญชีที่ถูกยักยอกออกจากกรมคลังและรวบรวมหลักฐานการใช้เงินผิดกฎหมาย ปลอมแปลงตราสารและแอบอ้างฝ่าบาทเพื่อทำการค้าผิดกฎหมาย”“บังอาจ!! ว่านชิง เจ้ากล้าใส่ร้ายท่านอ๋องงั้นหรือ ข้าเป็นขุนนางของฝ่าบาท ย่อมเป็นขุนนางของท่านอ๋องด้วย บัญชีนี่ต้องเป็นของปลอม ข้าอยู่ทำงานที่นี่มานาน ตรวจสอบการเข้าออกของเงินอย่างละเอียดถี่ถ้วน ท่านอ๋องไม่เคยทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้
ว่านชิงรับสมุดบัญชีนั้นมาพร้อมกับมองหน้ามู่เสียนอี่ให้แน่ใจอีกครั้ง“สมุดบัญชีนี่ไม่ใช่ของจริง ท่านตกแต่งเอาสินะ”“เจ้า….รู้หรือไม่ว่าฉลาดเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี”“ข้าเพียงแต่อยากจะปิดช่องโหว่ หากไม่รู้ว่ามันมาจากที่ใดแล้วข้าจะปิดช่องโหว่ที่ท่านทำขึ้นมาได้เช่นไร อย่าลืมว่าเรื่องเมื่อสองปีก่อนที่ท่านทำ ก็เป็นข้าที่พบพิรุธมิใช่ใต้เท้าเว่ย”“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า”“ใต้เท้ามู่จะช่วยข้ามิใช่หรือ ข้าเพียงแค่จะช่วยท่านตอบแทน เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบายที่เขาจะโต้แย้งไม่ได้ หรือว่าท่าน…ไม่คิดเช่นนี้”มู่เสียนอี่มองนางอย่างพินิจ แต่สายตาของว่านชิงที่มองมาที่เขาตอนนี้แข็งกร้าวและดุดันจนเขาเชื่อว่านางแค้นเคืองท่านอ๋องจริงๆอย่างไม่สงสัยแม้แต่นิด เขาคิดว่านางเป็นเพียงสตรีใจง่ายที่ละโมบจะครอบครองท่านอ๋อง แต่เมื่อรู้ว่าถูกหักหลังก็พร้อมจะแว้งกัดเหมือนกับสตรีทั่วไป“เจ้าพูดมาก็ถูก เช่นนั้นข้าก็จะบอกแผนการและวิธีการทั้งหมดที่ข้าจัดทำขึ้นมา ตามมาสิ”งานเลี้ยงวันเกิดท่านเจ้าเมือง“ท่านเสนาบดี ท่านยังกังวลเรื่องของคุณหนูหลินอยู่หรือขอรับ”“ไม่ขอปิดบัง แต่ข้าคิดไม่ตกจริงๆ ตอนนี้เหลือพึ่งแค่ท่านหมอที่่รักษานางมาตั