เขาเอ่ยขึ้นทันใด “ถูกต้อง ข้าเลินเล่อแล้ว”“เช่นนั้นข้าน้อยขอลา!” จ่านเหยียนเขียนตำรับยาแล้วจึงเอ่ยใต้เท้าเหลียงชะงักงัน “นี่คุณชายจะกลับแล้วหรือ?”จ่านเหยียนมองเขา แล้วถามด้วยความฉงน “ยังมีสิ่งใดต้องการจากข้าน้อยหรือ?”ใต้เท้าเหลียงมองประเมินนาง แล้วจึงเอ่ย “คุณชายช่วยลูกสาวของข้า หรือว่าไม่อยากได้สิ่งใด หรือต้องการให้ข้าทำอะไรให้คุณชายหรือ?”หากไม่มีจุดประสงค์ เหตุใดต้องเสี่ยงภัยใหญ่หลวงช่วยคนด้วย? หากตรวจสอบพบ ต้องโทษถึงประหารชีวิตทั้งครอบครัวเชียวนะไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่ามีคนดี แต่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ไม่มีใครหวังดีเสี่ยงถูกประหารชีวิตเพื่อช่วยคนหรอกอย่างน้อยเขาก็ไม่ ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าหลงอู่จะช่วยคนเพียงเพราะมีจิตเมตตาจ่านเหยียนหัวเราะแล้วเอ่ย “อาจจะมี แต่มิใช่เวลานี้ แต่ใต้เท้าโปรดวางใจ สิ่งที่ข้าน้อยต้องการ ใต้เท้าต้องให้ได้แน่ ข้าน้อยจะไม่ทำให้คนลำบากใจ”ใต้เท้าเหลียงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายกล่าวหนักไปแล้ว ขอเพียงไม่ผิดต่อมโนธรรม ไม่ว่าคุณชายต้องการให้ข้าทำสิ่งใด หากอยู่ในขอบเขตความสามารถของข้า สามารถให้ได้ สามารถทำได้ ข้าจะต้องทำให้อย่างแน่นอน”จ่าน
อาเสอหัวเราะ ไม่ได้อธิบาย เพียงกดปุ่มบนประตูเหล็ก ประตูอัตโนมัติค่อย ๆ เปิดออก ที่แสดงอยู่ตรงหน้าทั้งสามคือบ้านเดี่ยวสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปในยุคปัจจุบันจ่านเหยียนเดินเข้าห้องรับแขก การตกแต่งในห้องรับแขกล้วนเป็นเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ทั้งหมด จ่านเหยียนเดินไปนั่งอยู่บนโซฟาผ้าสีอ่อนนุ่มนิ่มอบอุ่น จากนั้นก็วางท้าวอยู่บนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์อาหูเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม ยืนอยู่ในรับแขกแทบไม่รู้ควรทำอย่างไรดี หมุนศีรษะสามร้อยหกสิบองศา ถอนหายใจด้วยความตะลึงไม่หยุดทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบุรุษจึงสะดุ้ง หันไปมองรอบ ๆ กลับเห็นของสีดำทรงสี่เหลี่ยมอยู่บนผนัง จู่ ๆ ก็มีภาพสีฉายออกมา ยังมีคนเดินไปเดินมา เสียงดังออกมาจากหน้าจอสีดำนั้นนั่นแหละ“นี่คือสิ่งใดกัน?” อาหูตั้งท่าเตรียมต่อสู้รอปะทะด้วยเหตุนี้ อาเสอจึงได้แต่ลากนางเข้าห้อง เล่าเรื่องที่บ้านตั้งอยู่ตรงประตูมิติเวลาให้นางฟังหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ...แต่เห็นได้ชัดว่าอาหูไม่เข้าใจ นางกะพริบดวงตาเครื่องหมายคำถามกับอาเสอไม่หยุดอาเสอจึงได้แต่บอกง่าย ๆ ว่า “สรุปแล้ว เรือนหลังนี้เชื่อมต่อกับสองมิติเวลา ถ้าเจ้าเดินออกประตูทางขวาก็คือแคว้นต้าโจวที่เจ้า
“ขอรับ!” องครักษ์เอ่ยอาเสอพาเขาเข้าไปข้างใน จ่านเหยียนรออยู่ตรงหน้าระเบียงทางเดินแล้ว นางเปลี่ยนมาใส่ชุดตัวยาวลายใบไผ่เขียวอันเป็นสิริมงคล รูปร่างสูงโปร่ง ดูสูงเล็กน้อยตรงลำคอมีลูกกระเดือกเช่นเดียวกับบุรุษ ไม่ว่านางจะมีเครื่องหน้าคล้ายสตรีแค่ไหน เมื่อเห็นลูกกระเดือก อย่างไรก็คือบุรุษขนานแท้“คุณชายอู่ คุณชายท่านนี้บอกว่าต้องการพบท่าน” อาเสอกล่าวจ่านเหยียนแย้มยิ้ม “ไม่ทราบท่านคือ?”“ข้าน้อยฮุ่ยอวิ่น มาคารวะคุณชายอู่โดยเฉพาะ!” ฮุ่ยอวิ่นมองประเมินจ่านเหยียน ครั้นสายตามองไปที่ดวงหน้าของจ่านเหยียนก็ชะงักไปเล็กน้อย คนผู้นี้หน้าตามีเมตตาจ่านเหยียนอ้อ “ที่แท้ก็คุณชายฮุ่ยอวิ่น รีบเชิญเถอะ!”ทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่ อาเสอยกน้ำชามา ก่อนจะยืนอยู่ข้างตัวจ่านเหยียน“คุณชายอู่” ฮุ่ยอวิ่นจิบน้ำชาคำหนึ่ง เข้าประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม “ที่ข้าน้อยมาคารวะอย่างกะทันหันในวันนี้ ความจริงเพราะมีเรื่องต้องการร้องขอ”จ่านเหยียนยกน้ำชาขึ้นช้า ๆ เป่าฟองน้ำชา นางแปลกใจกับจุดประสงค์การมาของเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา “คุณชายอย่าได้บอกว่าขอร้องเลย มีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถอะ”ฮุ่ยอวิ่นมองอาเสอ จ่านเหยียนสา
จ่านเหยียนนิ่งงันไปแล้ว นางไม่เคยคิดถึงจุดนี้ มิเช่นนั้นตอนนั้นก็คงไม่มือบอนทำลายวิญญาณมังกร“ตอนนี้ต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” จ่านเหยียนถามฮุ่ยอวิ่นทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าท่านมีวิธี”จ่านเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง “ข้าจะไปจวนอ๋องกับท่าน เจอท่านอ๋องแล้วค่อยว่ากันเถอะ”“ได้!” ฮุ่ยอวิ่นพลันดีใจ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนจ่านเหยียนมองฮุ่ยอวิ่น “แต่ ไม่แน่ว่าข้าจะช่วยท่านอ๋องได้”ฮุ่ยอวิ่นคิดว่านางแค่พูดเผื่อเอาไว้ จึงรีบพูดว่า “คุณชายอู่โปรดวางใจ ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ ข้าน้อยจะไม่โทษคุณชายอู่เด็ดขาด”ความจริงจ่านเหยียนมิได้หมายความเช่นนั้น แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ย “ดี พวกเราไปกันเถอะ”เป็นครั้งแรกที่จ่านเหยียนย่างเท้าเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางแหงนหน้ามองป้าย ตัวอักษรลี่ซูสีทองเงาเขียนคำว่า ‘จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง’ อร่ามแวววาว ตัวอักษรหวัดเขียนได้ทรงอำนาจมากป้ายนี้เป็นของใหม่ เดิมคือจวนอันหนิงอ๋องกำแพงจวนอ๋องเคยเสริมความแข็งแรงมาก่อน มีร่องรอยของใหม่ บนกำแพงปราศจากพืชไต่ ตัวกำแพงอิฐเขียวทอดตัวยาว กินเนื้อที่ประมาณหลายสิบหมู่หน้าประตูจวนมีทหารเฝ้ายามอยู่ บนปร
“ใครอยู่ข้างนอก?” เสียงสุขุมอ่อนล้าดังออกมาจากห้องหนังสือฮุ่ยอวิ่นผลักประตูเข้าไป “เทียน ข้าเชิญคุณชายหลงอู่มาแล้ว”จ่านเหยียนยืนอยู่ข้างหลังฮุ่ยอวิ่น เห็นมู่หรงฉิงเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือหลังฉาก ดวงหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ทั้งยังคล้ายผ่ายผอมไปประมาณหนึ่ง เบ้าตาลึกมากขึ้น แววตาดุร้ายมากกว่าเดิมไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ สมองของจ่านเหยียนก็นึกถึงคำพูดของจิ้นหรู ใบหน้าชราแดงซ่าน รีบก้มหน้าประสานมือ “หลงอู่คารวะท่านอ๋อง”มู่หรงฉิงเทียนมิได้เอื้อนเอ่ย บรรยากาศหนักอึ้งและ...อึดอัดเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดจ่านเหยียนรู้ว่าเขากำลังจ้องนางอยู่ เพราะสายตานั้นแหลมคมยิ่งนัก แทบจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่งจ่านเหยียนถอนหายใจอยู่ในใจ จิ้นหรูคิดมากไปแล้ว หากนางจะเข้าสู่พุ่มบุปผาในวัยชรา อันดับแรกจะไม่หาหนุ่มน้อย อันดับสองคือจะไม่หาคนที่สร้างความกดดันให้กับนางเช่นนี้เพราะสายตาของเขาทำให้คนประหม่าผ่านไปครู่ใหญ่มู่หรงฉิงเทียนจึงเอ่ยเรียบ “เจ้าก็คือหลงอู่?”จ่านเหยียนขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนเอ่ย “เงยหน้าขึ้น!”จ่านเหยียนทำใจให้สงบ จากนั้นก็เงยหน้ามองเขาเขาเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย มือหนึ
จ่านเหยียนอยากหมุนตัวกลับมาก ถ้านางเด็กกว่านี้สักสองร้อยปี นางคงจะไปจริง ๆ ทว่านางในตอนนี้ไม่เด็กแล้ว กอปรกับถูกเนรเทศอยู่ที่นี่ จิตใจจึงเปลี่ยนแปลงไปมากอาจเพราะนางไม่อยากให้เขาตายจริง ๆ อย่างไรก็ตาม แคว้นต้าโจวยังต้องการเขาอยู่นางเอ่ยอย่างสงบ “ท่านอ๋อง กระหม่อมกล้าพูดว่านอกจากกระหม่อม โลกนี้ก็ไม่มีใครรักษาท่านได้อีก”ใบหน้าของมู่หรงฉิงเทียนมีสีสันของการเสียดสีและเย้ยหยันเพิ่มขึ้นบางส่วน “อย่างนั้นหรือ?”“ท่านอ๋องจะไม่เชื่อก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” จ่านเหยียนเอ่ย“ข้าไม่เชื่อจริง ๆ นั่นแหละ ฮุ่ยอวิ่น ให้เงินเขาร้อยตำลึง ส่งเขาออกไป!” มู่หรงฉิงเทียนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉยชาฮุ่ยอวิ่นเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบหันไปส่งสายตากับอาซิ่น อาซิ่นพลันเข้าใจจึงวิ่งออกไปแล้วอาเสอเห็นมู่หรงฉิงเทียนโอหังเช่นนี้จึงกลั้นโทสะไม่ได้ หน้าแดงเอ่ย “คนเท่าไรเฝ้ารอให้คุณชายบ้านข้ารักษา คุณชายบ้านข้ายังไม่รับปากเลย ตอนนี้มาหาถึงที่ ท่านกลับไม่รู้คุณค่า ท่านได้เสียใจแน่”“อาเสอ!” จ่านเหยียนขมวดคิ้ว “ถอยออกไป!”แม้นางจะอารมณ์เสียเหมือนกัน เพราะมาถึงที่แล้วกลับถูกอีกฝ่ายขับไล่ไสส่ง ใบหน้าชราของนางเสียหายไม่มากก็
“หลวงจีน ไม่เจอกันนานเลยนะ!” จ่านเหยียนตอบรับเรียบ ๆ“ก็ไม่นับว่านาน เพียงหนึ่งปีเท่านั้น คุณชายสบายดีหรือ?” พระอาจารย์เป่ากวงกล่าวด้วยความนอบน้อมจ่านเหยียนตอบ “ยังไม่ตายก็นับว่าดีมากแล้ว”“คุณชายกล่าวหนักไปแล้ว!” พระอาจารย์เป่ากวงยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบมู่หรงฉิงเทียนกับฮุ่ยอวิ่นแปลกใจกับการกระทำของพระอาจารย์เป่ากวงมาก แม้ก่อนหน้านี้พระอาจารย์เป่ากวงจะแนะนำหลงอู่ แต่พวกเขาแค่นึกว่าพระอาจารย์เป่ากวงชื่นชมเขาเล็กน้อย ตอนนี้ดูแล้ว... ไม่เพียงแต่ชื่นชม หากมีความเคารพด้วยท่าทีของพระอาจารย์เป่ากวงทำให้มู่หรงฉิงเทียนใช้อีกมุมหนึ่งในการมองประเมินจ่านเหยียน“พระอาจารย์ ท่านเคยรู้จักกับคุณชายอู่มาก่อนหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นถามพระอาจารย์เป่ากวงยิ้มน้อย ๆ “กล่าวได้ว่าอาตมาเคารพคุณชายอู่มานาน กลับมีวาสนาได้พบเพียงหนเดียว”“อ้อ? เพิ่งพบเพียงหนเดียว?” ฮุ่ยอวิ่นประหลาดใจเล็กน้อย พบหนเดียวก็ศรัทธาอีกฝ่ายถึงเพียงนี้แล้ว? ไม่เหมือนลักษณะของหลวงจีนเฒ่าเลยนี่?“หนึ่งหนก็เป็นบุญวาสนาใหญ่หลวงในชาตินี้ของอาตมาแล้ว” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ยอย่างพึงพอใจจ่านเหยียนเหลือบมองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง “หลวงจีน คำนี้จะประจบเก
“ต้องใช้เวลานานเท่าใด?” พระอาจารย์เป่ากวงถามจ่านเหยียนคำนวณพักหนึ่ง วันนี้วันที่หก แกะสลักวิญญาณมังกรต้องใช้เวลาสองวัน แล้วค่อยให้วิญญาณมังกรดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินและแสงแห่งสุริยันจันทรา ส่วนแสงแห่งสุริยันจันทราจำเป็นต้องดูดซับในคืนพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น เร็วที่สุดก็ต้องหลังวันที่สิบห้านางเอ่ย “ให้เวลาข้าสิบวัน”“จริงหรือ?!” ฮุ่ยอวิ่นไม่ค่อยจะเชื่อ “คุณชายรู้ที่อยู่ของวิญญาณมังกรอีกชิ้นหรือ?”จ่านเหยียนผงกศีรษะ “ข้ารู้”“อยู่ที่ใด?” ฮุ่ยอวิ่นถามด้วยความยินดีพระอาจารย์เป่ากวงยื่นมือมากดฮุ่ยอวิ่นเล็กน้อย “คุณชายฮุ่ยอวิ่นมิต้องถามมาก ในเมื่อคุณชายอู่รับปากแล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”ฮุ่ยอวิ่นอ้อ ๆ แล้วมองจ่านเหยียนด้วยสายตาร้อนแรงและจริงใจมู่หรงฉิงเทียนเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลำบากคุณชายอู่พักอยู่ที่จวนอ๋องสักระยะ เจ้าแค่บอกที่อยู่ของวิญญาณมังกรกับฮุ่ยอวิ่นก็พอ เขาต้องเอามาให้เจ้าได้แน่”จ่านเหยียนเข้าใจความหมายของเขา ตอนนี้นางรู้สถานการณ์ของเขาแล้ว เขาไม่วางใจให้นางออกไปเขาไม่เคยเชื่อใจนาง ระแวดระวังนางอย่างหนัก“ได้!” จ่านเหยียนรับปากมู่หรงฉิงเทียนฮุ่ย
ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั
ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต
จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย
ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ
“ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ
ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา
ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ