บทที่ 21 เชื้อเชิญมาเป็นช่างตัดเย็บ“ชุดแต่งงานนี้ฉันให้ราคาสองพันหยวน ส่วนผ้าเช็ดหน้าฉันให้ผืนละสิบห้าหยวน ราคานี้คุณพอใจหรือไม่ ราคาสองพันหยวนนี่ นับว่าเป็นผลงานตัดเย็บชิ้นแรกที่ฉันซื้อเข้าร้านในราคาแพงที่สุดแล้วนะคะ”ซ่านหลิงพูดไม่ผิดนักหรอก เนื่องจากชุดแต่งงานทั่วไปเธอรับซื้อแค่สองร้อยถึงสามร้อยหยวนเท่านั้น และถ้าเป็นผ้าจากร้านของเธอเองราคาจะลดลงอีกสองเท่าตัว แต่ครั้งนี้ผ้าผืนนี้นับว่าเป็นของเก่าแก่ และชุดแต่งงานนี้ก็ปักเย็บได้อย่างประณีตสวยงาม ราคานี้ไม่นับว่าสูงเท่าไร เนื่องจากเธอสามารถทำให้ราคาเพิ่มได้เกือบเท่าตัวเช่นกันแม้ว่าจะอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพง แต่อย่าลืมว่าในเมืองใหญ่และเมืองหลวง คนที่มีฐานะและมีเงินจำนวนมาก ๆ นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ยิ่งกลุ่มคนชั้นสูงแบบคนที่มาจากตระกูลใหญ่ ตระกูลที่มีหน้ามีตาสักหน่อย ล้วนก็อยากได้ของดี มีความหรูหราและทรงคุณค่า เพื่อนำไปประดับบารมีกันทั้งนั้น เช่นนั้นซ่านหลิงจึงยอมซื้อด้วยราคาสองพันหยวนยังไงล่ะเมื่อได้ยินราคาชุดแต่งงานและผ้าเช็ดหน้าที่เธอนำมาขาย หยางเหมยจินจึงเงยหน้ามองตงเหวินหมิง เธอเห็นว่าชายหนุ่มพยักหน้าตกลง หญิงสาวจึงตอบกลับซ่านห
บทที่ 22 ถังจินเยว่เมื่อทั้งสองเดินออกไปแล้ว ซ่านหลิงจึงเรียกให้พนักงานของร้านเข้ามาในห้องก่อนจะออกคำสั่ง“พี่หม่าอินนำชุดแต่งงานนี้ไปใส่ในหุ่นไม้เพื่อโชว์ในร้านนะคะ แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าพวกนี้ไปใส่ตู้กระจกเพื่อวางขายด้วยค่ะ”“ชุดนี้ตั้งราคาไว้เท่าไรค่ะคุณซ่าน ลวดลายนั้นสวยงามมาก และดูจากการเย็บแล้วน่าจะเย็บด้วยมือทั้งชุด” ช่างเย็บประจำร้านถามขึ้น แม้ว่าเธอจะเป็นช่างเย็บมือดี หากเทียบกับช่างที่เย็บชุดแต่งงานนี้นั้นความสามารถเธอด้อยลงทันตา“ชุดนี้ตั้งราคาขายสามพันห้าร้อยหยวนนะ” ซ่านหลิงบอกราคากับพนักงานอย่างมั่นใจว่าจะต้องขายได้ สายตาของเธอนั้นคาดการณ์ไม่ผิด“หากจะมองว่าแพงก็คงไม่ผิด แต่ถ้าเกิดคนที่ซื้อไปรู้ถึงคุณค่าของเนื้อผ้าและฝีเข็มในการเย็บ ฉันบอกได้เลยว่าราคานี้ยังถูกเสียด้วยซ้ำ ว่าแต่ช่างคนนี้เป็นใครคะ” หม่าอินพูดออกมาอย่างคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องการตัดเย็บ ก่อนจะถามเกี่ยวกับช่างที่ตัดเย็บชุดนี้“เรื่องนี้ฉันคงบอกพี่หม่าอินไม่ได้หรอก เพราะได้สัญญากับช่างคนนี้ไว้แล้ว แต่ถ้าเธอมาวันไหน ฉันจะลองบอกว่าพี่อยากพบก็แล้วกันนะ” ซ่านหลิงถือว่าตนเองได้รับปากไว้แล้ว เลยไม่อยากผิดคำพูดตนเอง ซึ
บทที่ 23 เราทั้งสองต่างก็มีอดีตเหมือนกันตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เกาซื่อหลินไม่คิดจะป่าวประกาศว่าตนเองเป็นใคร คนเราชื่อแซ่มีซ้ำกันเยอะแยะไป คงไม่มีใครคิดว่าเธอมาจากตระกูลนายพลแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้หรอก แต่วันนี้เพราะอีกฝ่ายรนหาที่เอง อีกประเด็นเพราะต้องการปกป้องคุณหนูของตน เธอจึงเลือกที่จะทำแบบนี้ แม้ว่าวิธีนี้จะนำความยุ่งยากและความวุ่นวายเข้าตัวเองก็ตามและเหมือนจะเป็นอย่างที่หญิงสาวคิด เมื่อทุกคนรู้เบื้องหลังของเธอ ชาวบ้านจึงพากันส่งเสียงอื้ออึงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเกาซื่อหลินที่มักจะอยู่เงียบ ๆ และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จะกลายเป็นคุณหนูลูกท่านนายพลคนหนึ่งแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้และหนึ่งในคนที่ตกใจมากก็รวมถึงตู้อี้ข่ายด้วย ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวที่ตนเองแอบรัก จะอยู่สูงจนยากที่จะเอื้อมถึงแบบนี้ เกาซื่อหลินหาได้สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรเมื่อเธอเปิดเผยตัวว่ามาจากไหนและเป็นใคร เมื่อสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเลิกงาน เธอก็นำอุปกรณ์ไปเก็บ ก่อนจะเดินมาต่อแถวเพื่อลงชื่อรับคะแนนทันที หลังจากลงคะแนนเสร็จแล้ว ยุวปัญญาชนชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ทำไมเรื่องที่คุณเป็นลูกสาวท่านนายพลเกา ถึงไม่
บทที่ 24 ไม่ใช่คู่หมั้นปลอม ๆ อีกแล้ว“แต่เราสองคนเพิ่งเจอกันได้ไม่นานเลยนะคะ”หยางเหมยจินตอบกลับมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดออกมาแบบนี้ และใจที่เคยตายไปแล้วของเธอกลับมาเต้นอีกครั้งเพราะชายที่เพิ่งเจอกันไม่นานอย่างตงเหวินหมิง“วันเวลามันสำคัญด้วยเหรอ คู่แต่งงานบางคู่ไม่เคยพบหน้ากันเลยด้วยซ้ำ เจอกันก็วันแต่งงานทีเดียว แต่กลับรักกันจนแก่เฒ่า มีลูกหลานเต็มบ้านไปหมด เวลานี้พี่ยังตอบไม่ได้หรอกว่าพี่รักอาเหมย แต่พี่พูดได้เลยว่าอยากมีอาเหมยอยู่ข้าง ๆ คอยอยู่เคียงข้างทุกเวลา และอยากให้อาเหมยมาเป็นแม่ของลูกพี่ อยากเห็นรอยยิ้ม อยากได้ยินเสียงหัวเราะ ในฐานะคนรัก ไม่ใช่ผู้มีพระคุณหรือว่าคู่หมั้นปลอม ๆ ได้ไหมครับ”ตงเหวินหมิงพูดความรู้สึกของตนเองออกมาอย่างอ่อนโยน เขาพูดไปก็หน้าแดงไปด้วยอย่าคิดว่าการสารภาพรักแบบนี้แล้วผู้ชายจะไม่เขิน สำหรับคนอื่นนั้นไม่รู้ แต่ตงเหวินหมิงนั้นเวลานี้นั้นเขาเขินมาก แต่เพราะอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นคนรักและคู่หมั้นจริง ๆ เขาเลยเลือกที่จะพูดออกมาอย่างนี้การที่ชายคนหนึ่งจะรู้สึกดีกับใครสักคน เวลาช้าหรือเร็วมันไม่สำคัญหรอกนะเมื่อได้ฟังความในใจของชายหนุ่ม หยางเหมยจินต
บทที่ 25 เติมเต็มหัวใจ“น้าเหมยของลูกย่อมต้องแต่งงานกับพ่ออยู่แล้ว เพราะพ่อไม่มีทางพลาดพลั้งและไม่มีทางทำผิดกับคู่หมั้นตนเองแน่นอน เรื่องนี้ลูกมั่นใจได้เลย พูดมากแบบนี้จะเอาไหมจักรยานน่ะ พรุ่งนี้พ่อจะเข้าเมืองไปสั่งซื้อให้” ผู้เป็นพ่อย้อนลูกสาวตัวเองขึ้นมาบ้าง เขาเป็นพ่อแท้ ๆ แต่กลับไม่เข้าข้างกันเลย“หึ๊ย! พ่ออย่าพูดเลย น้าเหมยหรอกที่ซื้อให้ลี่ลี่กับพี่ใหญ่ แล้วพ่อไม่ต้องเถียงลูกแล้ว เพราะเถียงไปลูกก็ชนะ เพราะลูกเข้าทางน้าเหมย หรือว่าพ่อกล้า” ตงฟางลี่โต้ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มพี่ชายฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนได้แต่ส่ายหน้าระอาให้กับน้องสาวของตนเองก่อนจะพูดขึ้น “ลี่ลี่ พูดดีๆ มีอย่างที่ไหนเอาน้าเหมยมาขู่พ่อ” “ก็มันจริงนี่นา แต่จากภาพที่เห็นทั้งสองกอดกัน คิดเหรอว่าพ่อจะชนะน้าเหมย ไม่มีทางเสียหรอก” ตงฟางลี่ลอยหน้าลอยตามพูดอย่างไม่ยอมแพ้แต่ทว่าคำตอบของเธอทำให้หยางเหมยจินก้มหน้าลงเพราะเขินอายตงเหวินหมิงเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เขาลืมได้อย่างไรว่าลี่ลี่ของเขาคือเจ้าตัวแสบของบ้าน ต่อไปเขาจะกอดหญิงสาวต้องระวังไม่ให้ลูกสาวเห็นแล้ว“เอาเถอะ พ่อไม่เถียงแล้ว ส่วนพรุ่งนี้พ่อจะไปจับจองพื้นที่หมู่บ้านข้าง
บทที่ 26 พบเจอโดยบังเอิญ“หืม วันละห้าเหมาเยอะไปหรือเปล่า แค่ต่อเติมบ้านเองนะ ค่าแรงคนละสามเหมาก็พอแล้วละมั้ง อย่าลืมสิ ปีหน้านายต้องแต่งภรรยาเข้าบ้าน เก็บเงินไว้บ้างเถอะ” หัวหน้าอี้ไม่เห็นด้วยที่จะให้ค่าแรงคนละห้าเหมา อีกทั้งยังมีอาหารมื้อเที่ยงให้กินอีกด้วย แม้ว่าจะต่อเติมบ้านก็น่าจะใช้เวลาหลายวัน คนหนึ่งก็สามารถเก็บเงินได้เป็นหยวนแล้ว จึงแนะนำราคาที่เป็นธรรมให้คนละสามเหมาต่อวัน“ไม่เป็นไรหรอกครับ คนละห้าเหมาน่ะดีแล้ว พร้อมกับเลี้ยงอาหารมื้อเที่ยง ยังไงขอรบกวนหัวหน้าช่วยประกาศหน่อยนะครับ ผมต้องการขยายห้องเพิ่มอีกสองห้อง จริงสิครับ ช่วงที่บ้านผมกำลังต่อเติม ผมขอไปอาศัยที่ห้องพักติดห้องของซื่อหลินได้หรือไม่ครับเห็นเธอบอกว่าห้องนั้นว่างอยู่ ผมจะได้ไม่ต้องเข้าไปเช่าโรงแรมในเมือง” ชายหนุ่มยังยืนยันราคาเดิม และพูดเข้าเรื่องที่ต้องการทันที เขาได้สอบถามแล้วว่าห้องนั้นว่างอยู่“ได้สิ นายอย่าคิดมากเลย เช่นนั้นนายก็ไปสั่งของที่ใช้ในการต่อเติมบ้านมาพร้อมเลยก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคนงาน ฉันจะไปเกณฑ์คนมาให้เองเอาคนที่มีความรู้ด้านนี้และเคยทำงานก่อสร้างมาก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่นายจะเอากี่คนต่อวันกันล่ะ”
บทที่ 27 เลือกที่จะไม่หนีเมื่อมีจักรยานคันใหม่เข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่พบเห็นต่างก็ตกใจเมื่อเห็นว่าใครปั่นจักรยานเข้ามา ท่าทางของชาวบ้านไม่ได้ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกอะไร เนื่องจากเวลานี้มีเรื่องด่วนยิ่งกว่าทันทีที่จักรยานจอดหน้าบ้าน เกาซื่อหลินรีบใส่กุญแจประตูรั้วทันทีอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นทั้งสามคนจึงพากันเข้าบ้านเพื่อพูดคุยกับเรื่องที่หญิงสาวทั้งสองคนพบเจอมาหยางเหมยจินไม่มีไว้ตัวอะไรอีกแล้ว เธอโผเข้ากอดชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของตนด้วยร่างกายที่สั่นเทา แม้จะไม่พูดอะไรออกมา ทว่ามีหรือที่คนอย่างตงเหวินหมิงจะรับรู้ไม่ได้ว่าหญิงสาวที่กำลังกอดเขาอยู่นั้นคล้ายกำลังหวาดกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงยกมือทั้งสองข้างโอบกอดเธอไว้และลูบหลังเบา ๆ เพื่อปลอบโยน“พี่บอกแล้วใช่ไหมครับว่าอาเหมยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอาเหมยได้เด็ดขาด ว่าแต่น้องเจอเรื่องอะไรมา บอกพี่ได้หรือไม่ครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างดูอบอุ่นยิ่งนัก ทำให้หยางเหมยจินรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูด ก่อนที่เธอจะคล้ายอ้อมกอดออกมา เพื่อจะสบตาเขาด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยว “ฉันเจอผู้ชายคนนั้นค
บทที่ 28 ตงจี้หยวนถูกเรียกผู้ปกครองย้อนกลับมาที่โรงเรียนประถมเวลานี้ถึงเวลาพักกินอาหารของเหล่าบรรดานักเรียนตัวน้อยแล้ว ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ เด็ก ๆ ต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามาที่โรงอาหารสำหรับชั้นประถม แม้ว่าทางโรงเรียนจะมีอาหารขายแต่ก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร ดังนั้นเด็กนักเรียนส่วนมากจึงห่ออาหารมากินกันเอง เหมือนอย่างสองแฝดจากบ้านตงเหล่าบรรดาสหายที่สนิทกับสองแฝดต่างก็มานั่งโต๊ะเดียวกัน ก่อนจะค่อย ๆ แกะห่อข้าวของตนเอง แต่พอเห็นว่าอาหารที่สองพี่น้องนำมานั้นก็ดวงตาเบิกกว้างทันที เพราะในกล่องข้าวล้วนแต่เป็นอาหารชั้นดีสำหรับชาวบ้านธรรมดาเช่นพวกเธอ“โอ้โห วันนี้พวกเธอสองคนเอาข้าวมากินอีกแล้วเหรอ ว่าแต่ใครทำอาหารให้กันล่ะ น่ากินทั้งนั้นเลย” สหายคนหนึ่งถามขึ้นมา“คงจะมีใครสักคน หรือไม่ก็คนข้างบ้านล่ะที่ทำให้ ก็เด็กกำพร้าแม่แบบนี้จะมีใครมาสนใจ” เด็กหนุ่มรุ่นพี่ประถมปีสุดท้ายเอ่ยขึ้น ในขณะที่เดินเข้ามาพร้อมสมุนและลูกไล่ของตนเอง“จิงเค่อ นายไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดเลยดีกว่า เราสองคนเป็นเด็กกำพร้าแล้วยังไง ไม่ได้หนักส่วนไหนบนร่างกายนายไม่ใช่เหรอ”ตงฟางลี่ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวรุ่นพี่ แม
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช
บทที่ 51 เดินทางไปปักกิ่งเมื่อมีคนมาจี้ใจดำตัวเอง ซูหว่านจึงมีท่าทีฟึดฟัดขึ้นมา ก่อนจะพูดเสียงดัง “แล้วยังไง ฉันยังหวังและเชื่อว่าฉันจะแต่งเข้าบ้านตงได้แน่นอน รอจังหวะก่อนเถอะ”ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ส่ายหน้าอย่างระอา เพราะเวลานี้ตงเหวินหมิงได้จัดพิธีแต่งงานกับหยางเหมยจินแล้ว ดูแล้วเขายังรักภรรยาคนนี้มากอีกด้วย แล้วแบบนี้คนอย่างซูหว่านจะเข้าไปแทรกกลางได้อย่างไรกัน“พี่ใหญ่ ดูเหมือนพ่อจะมีเรื่องกลุ้มใจนะ พี่คิดว่าอย่างนั้นไหม” ตงฟางลี่พูดขึ้นเพราะรู้ว่าพ่อนั้นทำงานหนัก เพราะต้องทำงานทั้งในตำแหน่งนายท่านหยาง และยังต้องทำงานในคอมมูนเพื่อต้องการปิดบังฐานะที่แท้จริงต่อคนภายนอก เธอเห็นแล้วสงสารพ่อเหลือเกิน“เรื่องนี้พี่เองก็คิดเหมือนกัน พี่เลยต้องตั้งใจเรียนอย่างไรละ เมื่อไรที่พี่โตขึ้น พี่จะทำงานและเลี้ยงพ่อกับแม่เอง รวมถึงลี่ลี่ด้วย” เด็กชายที่อยู่ในช่วงจะเข้าวัยเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คุยอะไรกันจ๊ะเด็ก ๆ รีบมากินมื้อเที่ยงได้แล้ว วันนี้แม่ทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้กินนะ มาเร็ว ๆ” หยางเหมยจินโผล่หน้ามาจากครัว ก่อนจะตะโกนเรียกลูกทั้งสองคน ทำให้สองพี่น้องรีบวิ่งมาทันทีเพราะอาหารที่แม่ของ
บทที่ 50 สถานการณ์คับขันหลายวันต่อมา...ท่านนายพลกุ้ยเอ่ยขอพบกับนายท่านหยางเพื่อขอซื้ออาหารเพิ่มและต้องการอาวุธที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าในมิติของหยางเหมยจินจะไม่มีอาวุธเหล่านั้น แต่เส้นสายของนายท่านหลู่กลับมี ซึ่งเป็นอาวุธคุณภาพดีจากต่างประเทศ แต่ตงเหวินหมิงยังไม่อยากให้ขาย เพราะไม่แน่ว่าคนของเขาและนายท่านหลู่อาจจะต้องใช้ และถ้าใครรับรู้ว่านายท่านหลู่ค้าอาวุธแบบผิดกฎหมาย คนพวกนั้นอาจจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานกลับก็ได้“เรื่องจัดหาอาหารนั้นผมไม่มีปัญหา แต่เรื่องอาวุธเห็นทีจะไม่ได้ เส้นสายของท่านน่าจะมี ย่อมต้องรู้ว่าผมมีเพียงอาหารเท่านั้น” ตงเหวินหมิงตอบกลับนายพลกุ้ยด้วยแววตาที่จริงจัง เขารู้ดีว่านายพลคนนี้มาหาด้วยเรื่องอะไร การขอซื้ออาวุธอาจจะเป็นแผนลวงก็เป็นได้“ไม่สามารถหาได้เลยอย่างนั้นเหรอ” นายพลกุ้ยถามย้ำอีกครั้ง เพราะคราวนี้เขาได้รับคำสั่งมาเพื่อให้ซื้ออาวุธกับอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่านายท่านหยางคนนี้กลับไม่โอนอ่อนเพื่อที่จะจัดหาอาวุธให้ทางฝ่ายเขาและแบบนี้เขาจะกลับไปตอบนายใหญ่ได้อย่างไร สีหน้าในตอนที่ถามออกมาจึงกังวลไม่น้อย“ครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้นายพลกุ้ยลองไปสอบถามพ่อค้าคนอื่นดูเถอะ
บทที่ 49 ต่างมอบความรักให้กันย้อนกลับมาที่หมู่บ้าน เวลานี้ซ่านหลิงเดินทางมาหยางเหมยจินด้วยตนเอง เพราะรู้ดีว่าสามีของน้องสาวคนสนิทนั้นมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยาง เลยตัดสินใจเดินทางมาหาด้วยตนเอง นั่นก็เผื่อว่าน้องสาวคนนี้จะบอกสามีให้แจ้งนายท่านหยางเพื่อที่จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น“อย่างไรฉันจะบอกพี่หมิงให้ก็แล้วกันนะคะพี่ซ่านหลิง เรื่องนี้ใหญ่เกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเรา แล้วอีกอย่างเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของนายท่านหยาง พี่หมิงทำได้เพียงส่งข่าวของพี่ให้นายท่านรู้เท่านั้น”หยางเหมยจินหลบเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ แม้ว่าจะสนิทกันอย่างไร เรื่องที่สามีของเธอคือนายท่านหยางนั้น เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกพี่สาวคนนี้ จึงทำเพียงพูดว่าสามีของเธอมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางเท่านั้น“เรื่องนี้ฉันเข้าใจ เธอรู้ใช่ไหมว่าใครต่อใครต่างก็อยากให้นายท่านหยางเข้าร่วมด้วย”ซ่านหลิงเองก็ไม่อยากบังคับน้องสาวคนสนิท เพราะเรื่องนี้เธอกลัวว่าตงเหวินหมิงที่รู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางจะโดนร่างแหไปด้วยหากเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงหยางเหมยจินจะเจอเรื่องเลวร้ายด้วยเหมือนกัน“ฉันเข้าใจ และขอบคุณพี่มากที่มาส่งข่าวเร