“มันยังเป็นรูโบ๋อยู่เลย….”พี่เข้มเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะเงยหน้าจากร่องก้นของผมมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความเขินอายพี่เข้มจ้องมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่สื่อว่าเขาเห็นใจผมและสงสารผม ผมจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของพี่เข้ม“แล้วพี่มีความสุขไหมครับ….กับเรื่องเมื่อคืนนี้ของเรา…”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงกระเส่าพร้อมกับกดปลายจมูกโด่งของตัวเองแนบลงไปบนแก้มนวลของพี่เข้มที่ไร้สิวแต่กลับเนียนเรียบจนน่าตกใจ“แล้ว…เอ็งล่ะ…มีความสุขไหม…?”พี่เข้มไม่ตอบผมแต่กลับเอ่ยถามผมต่อโดยที่เขายื่นริมฝีปากมาคลอเคลียที่ริมฝีปากของผม ผมก็กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาก่อนกดริมฝีปากหนักๆลงแนบไปบนริมฝีปากของพี่เข้ม พี่เข้มเองก็กดทับริมฝีปากของผมกลับมาก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายผละออกมาจากใบหน้าเข้มของเขาแทน“ผม…มีความสุขมากครับ…ที่ได้ตกเป็นของพี่เข้ม…”ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับยื่นมือไปลูบไล้ต้นคอของพี่เข้มขยับเลื่อนลงมาที่หน้าอกแกร่งของเขาพร้อมกับลูบไล้อย่างลุ่มหลง ผมไม่เคยตกเป็นของใครและผมเองก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนด้วยมีอะไรกับผู้หญิงก็อาจจะมีบ้าง เวลาเหงา แต่ผมรู้ใจตัวเองดี….ว่าพวกเธอไม่ใช
“มานะ…มาให้เห็นข้ากลืนกินเอ็งเสียดีๆ…”พี่เข้มบอกผมเสียงเข้มพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะจับเอวสอบของผมให้นั่งทาบทับลงไปบนตัวเขาโดยที่ผมนั่งยองๆบนตักเขาเพื่อจะทำการสอดใส่ลำกายใหญ่ของเขาเข้ามาในประตูหลังของผม“อื้ออออ…”“เบาๆนะครับ….ผมเจ็บ…”ผมเอ่ยบอกพี่เข้มไปเสียงกระเส่า…พี่เข้มก็ไม่ตอบอะไรผมกลับยื่นใบหน้าเข้มของเขามาบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็วและมอบจุมพิตที่เร้าร้อนให้ผมจนผมลืมเรื่องท่อนล่างไปเลย“อื้อออออ…”ผมครางอื้ออึงในลำคอเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังค่อยๆคลืบคลานเข้ามาในช่องทางรักที่คับแน่นประตูหลังของผมอย่างช้าๆทำให้ผมจิกเล็บลงไปบนไหล่กว้างของพี่เข้มเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดลง หลับตาปี๋เพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดเเล่นเข้ามาในร่องสวาทของผมทำให้ร่างกายของผมสั่นระริกไปทั้งร่าง“อ๊าาาาาาาห์….”พี่เข้มขู่คำรามออกมาอย่างเสียวซ่านและสุขสมใบหน้าเหยเกพอๆกับผม เพราะด้านหล้งของผมมันยังคงคับแน่นและตอดรัดลำกายใหญ่ที่ใหญ่โตของพี่เข้มถี่รัวทำให้ร่างของพี่เข้มเองก็สั่นระริกไม่ต่าวจากผม“ปวดคว….”พี่เข้มเอ่ยบอกผมเสียงสั่นขาดหาย ผมก็มองหน้าเขาเขม่น ตัวเองเจ็บแค่ลำกายผมนี่เจ็บตู
บ่ายวันเดียวกันบ้านพรานเข้ม…. พรึบ“โอ้ยยย….!”ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดที่ด้านหลังในก้นของผมที่รับรู้ได้ถึงความระบมจากการที่ผมโดนพี่เข้มจัดเต็มไปเมื่อคืนและยังต่อด้วยเมื่อเช้านี่อีกยกหนึ่งรูทวารผมคงจะระบมหนักเกินไปแล้ว ก็แน่ล่ะ ของพี่เข้มแกเล็กๆซะที่ไหนกัน ใหญ่กว่าของผมที่ผมก็คิดว่าใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทยมากแล้ว แต่กลับเจอของพี่เข้มใหญ่กว่าของผมอีกอ่ะและตอนนี้ผมก็กำลังพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนรูทวารหนักของผมจนมากเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะมันจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้ครั้งแรกมันเจ็บก็รู้แต่ครั้งสองนี้กลับสมยอมให้เขาอีกซะอย่างงั้น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันพรึบ“เป็นอะไรของเอ็งล่ะ…เดินแปลกๆชอบกล…?”เสียงสงสัยดังมาจากลุงสิงห์ที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งที่แคร่ไม้หน้าบ้านแกเช่นเดิมมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมก็ยิ้มแหยๆให้เขา โดยไม่รู้จะตอบอะไรเขา จะให้บอกไปตรงๆว่าลูกชายแกเป็นคนทำก็ไม่ใช่เรื่อง พรึบ“หึ…”เสียงแค่นหัวเราะจากผู้ชายที่กำลังนั่งใช้ขวานผ่าไม้เพื่อจะนำไปทำฟืนอยู่ข้างบ้านถัดจากตีนบันไดบ้านดังมาทำให้ผมหันขวับกลับไปมองค้อนเขาอย่างเอาเรื่อง ตัวเองเป็นคนทำแท้ๆยังจะมีหน
“มันไม่หายไปไหนหรอก…จ้องขนาดนั้น….”ลุงสิงห์เลยขึ้น ทำให้ผมหันกลับมามองหน้าแกอย่างเขินอาย ที่เขารู้ทันผม แกก็ลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เข้มเดินถือสากกระเบือกลับมายื่นส่วให้ลุงสิงห์พอดี “พี่เข้มกินข้าวแล้วเหรอครับ?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงอ่อน พี่เข้มก็นั่งลงข้างๆผมก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบว่าเขายังไม่ได้กินข้าวผมก็ขมวดคิ้วมองแกอย่างสงสัย ว่าทำไมเขายังไม่กินอีก ทั้งๆที่เขาออกจากบ้านมาก่อนผมอีกน่ะ “มันจะกินได้ยังไง…ก็มันรอเอ็งอยู่น่ะสิ…”ลุงสิงห์เอ่ยขึ้นมาทำให้ผมมองหน้าพี่เข้มอย่างเค้นคั้นเอาคำตอบว่าที่ลุงสิงห์พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่ว่าพี่เข้มรอกินข้าวพร้อมผมน่ะ “ไปๆๆไปยกสำรับข้าวมากินไป๊…ข้าหิวแล้ว..”ลุงสิงห์ว่าเสียงเข้มพลางโบกมือไล่พี่เข้ม พี่เข้มที่หน้าแกแดงก่ำก็รีบหลบสายตาผมอย่างเขินอายหันไปก้มศีรษะหงึกๆเป็นคำตอบให้ลุงสิงห์ก่อนที่แกจะลุงขึ้นยืนและเดินซอยเท้าถี่รัวออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว พรึบ “ข้าจะบอกกับคนในหมู่บ้านว่าเอ็งเป็นหลานของข้าแล้วกัน….” “ส่วนเอ็งก็แสร้งทำเป็นหลานชายข้าที่มาจากในเมืองไปก่อนล่ะกัน…”ลุงสิงห์ว่าในขณะที่แผ่นหลังของพี่เข
“ข้าไม่รับรองความปลอดภัย…..”พี่เข้มว่าพลางหรี่ตามองต่ำลงไปที่ด้านหลังของผม นั่นคือก้นงอนที่อวบอั๋นของผมนั่นเอง“กะก็ได้…ผมจะไปรอพี่ที่บ้าน….”ผมจำใจบอกพี่เข้มไปพลางทำหน้าเบะอย่างอิดออดใจที่ไม่ยอมรับในคำสั่งห้ามของพี่เข้ม“เข้าใจข้าเถอะ…วันนี้มันไม่ดี….”พี่เข้มว่าพร้อมกับจ้องมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง“ก็ได้ครับ…..”ผมเอ่ยต่อเสียงอ่อนก่อนจะทำท่าหันหลังให้พี่เข้มแต่ก็โดนพี่เข้มคว้าข้อมือของผมไว้ซะก่อนพรึบทำให้ผมต้องหันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับพี่เข้มตามเดิมพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาสงสัย หรือเขาจะเปลี่ยนใจให้ผมตามไปเล่นน้ำตกด้วยแล้ว“ไม่ต้องยิ้มกริ่มขนาดนี้…ข้าพูดแล้ว..ไม่มีวันเปลี่ยนใจ…”พี่เข้มว่าเสียงเข้มพร้อมกับทำหน้าตาจริงจังใส่ผม ผมก็หน้าสลดลงทันที “แล้วรั้งผมไว้ทำไม?”ผมถามเขาเสียงเข้มพร้อมเบะปากใส่เขา พี่เข้มก็มองหน้าผมก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองข้างของเขาไปปลดสร้อยเชือกเทียนถักมือเส้นสีดำที่ผมเห็นเขาใส่ติดตัวไว้ตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขาพรึบพี่เข้มปลดสร้อยเชือกเทียนถักเส้นก็ยื่นมันส่งมาให้ผม ผมก็มองหน้าพี่เข้มกับสร้อยเชือกสลับกับอย่างสงสัย“ข้าจิตใจพะว้าพะวัง…เป็นห่วงเอ็งยังไงชอบกล”พี่เข้ม
เวลาหัวค่ำบ้านพรานเข้ม….พรึบ“วันนี้ผมขอไม่ดื่มเหล้าด้วยนะครับ…”ผมว่าเสียงอ่อนพร้อมกับทำหน้าแหยๆให้ลุงสิงห์ไป ลุงสิงห์ที่ล้างมือเสร็จเพราะเราเพิ่งจะกินข้าวเย็นกันเสร็จโดยกับข้าวเย็นฝีมือพี่เข้มตามเดิมก็หันกลับมามองหน้าผมโดยยิ้มเยาะผม“ทำไม….เหล้าต้มของข้ามันไม่ถูกปากเอ็งเหรอไง?”ลุงสิงห์เอ่ยถามผมพร้อมกับหยิบไหใบเล็กขึ้นมากระดกดื่ม ผมว่าแล้ว กิจวัตรประจำวันของลุงสิงห์กับพี่เข้มคือ พอตอนเย็นกินข้าวเสร็จก็ต้องดื่มเหล้ากันต่อแบบนี้เป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้ผมขอบายดีกว่า…รู้สึกเพลียๆยังไงไม่รู้และผมไม่ชอบดื่มเหล้าด้วย“คือผม…เป็นคนไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าสักเท่าไหร่นะครับ…”ผมบอกลุงสิงห์ไปพร้อมกับยิ้มบางๆให้แกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนทั้งสองข้างของตัวเองที่มันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาวันนี้อากาศดูเย็นๆหนาวๆกว่าเมื่อวานนะ“นั่นไง…ข้าบอกแล้วว่าให้ดื่มนี่แก้ร้อน…”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับยื่นไหใบเดียวกันกับแกส่งมาให้ผมแต่ผมก็ยกมือโบกไปมาเป็นการปฏิเสธแก“ไม่กินก็ได้…แล้วแต่..ของอร่อยๆๆ…อึกๆๆ”ลุงสิงห์พลางยกไหกลับกระดกดื่มเองอีกหลายอึก ผมก็หันไปมองพี่เข้มที่กำลังนั่งก่อกองไฟให้เราสองคนอยู่ ใช่วันนี้อากาศหนา
ผมก็หันไปคลี่ยิ้มบางๆให้พี่เข้มพี่เข้มก็ยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าเขินอายก่อนจะหลบสายตาผมกลับไปให้ความสนใจกับกองไฟของเขาต่อ ที่ในตอนนี้เขากำลังนำมีดปลายแหลมเล่มยาวคล้ายๆดาบลนไฟอยู่น่ะ เห็นเขาพูดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเข้าป่าไปล่าสัตว์ผมก็มองพี่เข้มด้วยแววตาหวานเยิ้มและหลงใหลใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นผมคงจะหลงรักเขาไปแล้วล่ะครับตึกๆๆพรึบๆๆแอดดดดดผมเดินขึ้นบันไดห้องพี่เข้มมาอย่างช้าๆเหมือนเดิมเพราะผมยังไม่หายเจ็บระบมรูทวารหนักของผม เมื่อผมเข้ามาถึงหน้าประตูเข้าบ้านผมก็เปิดประตูไม้ระเเนงที่ถูกตอกด้วยตะปูเรียงตัวสวยเข้าไปตัวด้านในของบ้านที่ผมมุ่งตรงไปยังเตียงนอนไม้ไผ่ที่นอนของผมด้วยความเหนื่อยล้า ที่ห้องนี้ให้ความสว่างโดยแสงไฟจากตะเกียง ซึ่งเป็นตะเกียงที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเขาเรียกขานกันว่า ตะเกียงเจ้าพายุ ซึ่งผมเคยเห็นตามงานประมูลของโบราณสมัยรัชกาลที่6อยู่เป็นประจำของมันตั้งเป็นร้อยปีมาแล้วหนิเนอะ“เป็นร้อยปีมาแล้ว…?”ผมพึมพำออกมาก่อนจะเดินไปดูตะเกียงใกล้ๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากที่โต๊ะไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาดูก็เห็นความมันเงาและอายุการใช้งานของมันได้ว่าตะเกียงเข้าพายุอันนี้ไม่ม
ซู่ๆๆๆๆพรึบ“เจ้ามาทำไมกัน…?”พี่เข้มเอ่ยเสียงเข้มอย่างสงสัยพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองยังปลายเตียงนอนที่เราสองคนกำลังนั่งกันอยู่ในขณะนี้ผมก็ค่อยๆชะโงกหน้าขึ้นไปมองบ้างว่าพี่เข้มคุยอยู่กับใครและก็ต้องถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังพี่เข้มตอนนี้ก็คือผู้หญิงผมยาวสีดำคนนั้น ผมว่าถ้าเธอสวมใส่ชุดสีขาวจะเหมือนผีชุดขาวในหนังเรื่องเดอะริงเลยนะ น่ากลัวเป็นบ้า“ช่วงนี้ใกล้จะเข้าพรรษาเจ้าจำศีลภาวนาไม่ใช่เหรอ?”พี่เข้มเอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นที่เธอกำลังก้มหน้ามองพื้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่เข้ม ผมนี่ก็กอดเอวสอบของพี่เข้มแน่นเลยชายชาติตำรวจกลัวผี รู้ถึงไหนอายถึงนั้นเลยนะ“ใช่….แต่ข้าเป็นห่วงนายท่าน….”เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นพร้อมกับความหนาวที่เย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นห่วงข้า?”พี่เข้มทวนคำพูดไปอย่างงุนงง ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เข้มอย่างสงสัยและงุนงงเช่นกัน“เมื่อวันก่อน…ข้าเห็น…ไอ้พรายสมิงมันปลอมแปลงจำแลงกายเป็นชายหนุ่มที่น้ำตก…ตอนที่นายท่านไปหาปลา…”หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นยาวเยียดด้วยน้ำเสียงโทนปกติเหมือนคนอื่นเขาพูดกัน พูดดีๆก็เป็นแล้วจะพูดยานครางไปเพื่อ?ผมก็ได
“แถมมันยังเอาลูกของนางไปทำเป็นลูกกรอกเป็นกุมารพรายดำที่มีฤทธิ์เดชร้ายแรงกว่ากุมารทั่วๆไปเสียอีก…”พี่เข้มว่าเสียงเเข็งหน้าตาของแกดูโกรธเกรี้ยวไอ้พรายสมิงมาก“แต่ข้าไม่อยากให้นางทำบาปจึงอยากจะช่วยเหลือนาง….จึงไปทำการปลดปล่อยนางจากการเป็นทาสของไอ้พรายสมิง…”“จนนางได้มาอยู่กับข้า…ถึงทุกวันนี้…”“แต่วิญญาณของนางกลับไปเกิดใหม่ไม่ได้…เพราะผลกรรมที่นางทำมาทำให้นางต้องคอยจำศีลภาวนาจวบจนกรรมของนางจะทยอยลดน้อยลง….”ผมนั่งฟังพี่เข้มอยู่อย่างเงียบๆเพื่อฟังเรื่องของเมียงเร หญิงสาวที่ตกเป็นแพะรับบาปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำความผิดแถมยังต้องมาตายให้คุกอีกตั้งหากแถมยังต้องมาสูญเสียลูกไปอีก….น่าสงสารเธอจัง…”“เมียงเรมาอยู่กับข้า…นางจะทำร้ายคนที่ไม่ดีเท่านั้น…”“ส่วนคนที่คิดดีทำดี…นางจะไม่ทำอันตรายใดๆคนผู้นั้น…”พี่เข้มว่าต่อ ผมก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากพี่เข้ม ความกลัวที่ผมกลัวเมียงเรก่อนหน้านี้ได้ลดหายไปหมดสิ้นแล้วหลงเหลือไว้แต่เพียงความสงสารและความเห็นใจที่ผมมีให้กับเธอเสียมากกว่า“แล้วเอ็งล่ะ…เป็นคนดีหรือเปล่า…?”พี่เข้มเอ่ยถามผมเสียงใส ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เข้มที่เขาเองก็จ้องมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้
ซู่ๆๆๆๆพรึบ“เจ้ามาทำไมกัน…?”พี่เข้มเอ่ยเสียงเข้มอย่างสงสัยพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองยังปลายเตียงนอนที่เราสองคนกำลังนั่งกันอยู่ในขณะนี้ผมก็ค่อยๆชะโงกหน้าขึ้นไปมองบ้างว่าพี่เข้มคุยอยู่กับใครและก็ต้องถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังพี่เข้มตอนนี้ก็คือผู้หญิงผมยาวสีดำคนนั้น ผมว่าถ้าเธอสวมใส่ชุดสีขาวจะเหมือนผีชุดขาวในหนังเรื่องเดอะริงเลยนะ น่ากลัวเป็นบ้า“ช่วงนี้ใกล้จะเข้าพรรษาเจ้าจำศีลภาวนาไม่ใช่เหรอ?”พี่เข้มเอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นที่เธอกำลังก้มหน้ามองพื้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่เข้ม ผมนี่ก็กอดเอวสอบของพี่เข้มแน่นเลยชายชาติตำรวจกลัวผี รู้ถึงไหนอายถึงนั้นเลยนะ“ใช่….แต่ข้าเป็นห่วงนายท่าน….”เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นพร้อมกับความหนาวที่เย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นห่วงข้า?”พี่เข้มทวนคำพูดไปอย่างงุนงง ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เข้มอย่างสงสัยและงุนงงเช่นกัน“เมื่อวันก่อน…ข้าเห็น…ไอ้พรายสมิงมันปลอมแปลงจำแลงกายเป็นชายหนุ่มที่น้ำตก…ตอนที่นายท่านไปหาปลา…”หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นยาวเยียดด้วยน้ำเสียงโทนปกติเหมือนคนอื่นเขาพูดกัน พูดดีๆก็เป็นแล้วจะพูดยานครางไปเพื่อ?ผมก็ได
ผมก็หันไปคลี่ยิ้มบางๆให้พี่เข้มพี่เข้มก็ยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าเขินอายก่อนจะหลบสายตาผมกลับไปให้ความสนใจกับกองไฟของเขาต่อ ที่ในตอนนี้เขากำลังนำมีดปลายแหลมเล่มยาวคล้ายๆดาบลนไฟอยู่น่ะ เห็นเขาพูดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเข้าป่าไปล่าสัตว์ผมก็มองพี่เข้มด้วยแววตาหวานเยิ้มและหลงใหลใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นผมคงจะหลงรักเขาไปแล้วล่ะครับตึกๆๆพรึบๆๆแอดดดดดผมเดินขึ้นบันไดห้องพี่เข้มมาอย่างช้าๆเหมือนเดิมเพราะผมยังไม่หายเจ็บระบมรูทวารหนักของผม เมื่อผมเข้ามาถึงหน้าประตูเข้าบ้านผมก็เปิดประตูไม้ระเเนงที่ถูกตอกด้วยตะปูเรียงตัวสวยเข้าไปตัวด้านในของบ้านที่ผมมุ่งตรงไปยังเตียงนอนไม้ไผ่ที่นอนของผมด้วยความเหนื่อยล้า ที่ห้องนี้ให้ความสว่างโดยแสงไฟจากตะเกียง ซึ่งเป็นตะเกียงที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเขาเรียกขานกันว่า ตะเกียงเจ้าพายุ ซึ่งผมเคยเห็นตามงานประมูลของโบราณสมัยรัชกาลที่6อยู่เป็นประจำของมันตั้งเป็นร้อยปีมาแล้วหนิเนอะ“เป็นร้อยปีมาแล้ว…?”ผมพึมพำออกมาก่อนจะเดินไปดูตะเกียงใกล้ๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากที่โต๊ะไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาดูก็เห็นความมันเงาและอายุการใช้งานของมันได้ว่าตะเกียงเข้าพายุอันนี้ไม่ม
เวลาหัวค่ำบ้านพรานเข้ม….พรึบ“วันนี้ผมขอไม่ดื่มเหล้าด้วยนะครับ…”ผมว่าเสียงอ่อนพร้อมกับทำหน้าแหยๆให้ลุงสิงห์ไป ลุงสิงห์ที่ล้างมือเสร็จเพราะเราเพิ่งจะกินข้าวเย็นกันเสร็จโดยกับข้าวเย็นฝีมือพี่เข้มตามเดิมก็หันกลับมามองหน้าผมโดยยิ้มเยาะผม“ทำไม….เหล้าต้มของข้ามันไม่ถูกปากเอ็งเหรอไง?”ลุงสิงห์เอ่ยถามผมพร้อมกับหยิบไหใบเล็กขึ้นมากระดกดื่ม ผมว่าแล้ว กิจวัตรประจำวันของลุงสิงห์กับพี่เข้มคือ พอตอนเย็นกินข้าวเสร็จก็ต้องดื่มเหล้ากันต่อแบบนี้เป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้ผมขอบายดีกว่า…รู้สึกเพลียๆยังไงไม่รู้และผมไม่ชอบดื่มเหล้าด้วย“คือผม…เป็นคนไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าสักเท่าไหร่นะครับ…”ผมบอกลุงสิงห์ไปพร้อมกับยิ้มบางๆให้แกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนทั้งสองข้างของตัวเองที่มันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาวันนี้อากาศดูเย็นๆหนาวๆกว่าเมื่อวานนะ“นั่นไง…ข้าบอกแล้วว่าให้ดื่มนี่แก้ร้อน…”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับยื่นไหใบเดียวกันกับแกส่งมาให้ผมแต่ผมก็ยกมือโบกไปมาเป็นการปฏิเสธแก“ไม่กินก็ได้…แล้วแต่..ของอร่อยๆๆ…อึกๆๆ”ลุงสิงห์พลางยกไหกลับกระดกดื่มเองอีกหลายอึก ผมก็หันไปมองพี่เข้มที่กำลังนั่งก่อกองไฟให้เราสองคนอยู่ ใช่วันนี้อากาศหนา
“ข้าไม่รับรองความปลอดภัย…..”พี่เข้มว่าพลางหรี่ตามองต่ำลงไปที่ด้านหลังของผม นั่นคือก้นงอนที่อวบอั๋นของผมนั่นเอง“กะก็ได้…ผมจะไปรอพี่ที่บ้าน….”ผมจำใจบอกพี่เข้มไปพลางทำหน้าเบะอย่างอิดออดใจที่ไม่ยอมรับในคำสั่งห้ามของพี่เข้ม“เข้าใจข้าเถอะ…วันนี้มันไม่ดี….”พี่เข้มว่าพร้อมกับจ้องมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง“ก็ได้ครับ…..”ผมเอ่ยต่อเสียงอ่อนก่อนจะทำท่าหันหลังให้พี่เข้มแต่ก็โดนพี่เข้มคว้าข้อมือของผมไว้ซะก่อนพรึบทำให้ผมต้องหันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับพี่เข้มตามเดิมพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาสงสัย หรือเขาจะเปลี่ยนใจให้ผมตามไปเล่นน้ำตกด้วยแล้ว“ไม่ต้องยิ้มกริ่มขนาดนี้…ข้าพูดแล้ว..ไม่มีวันเปลี่ยนใจ…”พี่เข้มว่าเสียงเข้มพร้อมกับทำหน้าตาจริงจังใส่ผม ผมก็หน้าสลดลงทันที “แล้วรั้งผมไว้ทำไม?”ผมถามเขาเสียงเข้มพร้อมเบะปากใส่เขา พี่เข้มก็มองหน้าผมก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองข้างของเขาไปปลดสร้อยเชือกเทียนถักมือเส้นสีดำที่ผมเห็นเขาใส่ติดตัวไว้ตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขาพรึบพี่เข้มปลดสร้อยเชือกเทียนถักเส้นก็ยื่นมันส่งมาให้ผม ผมก็มองหน้าพี่เข้มกับสร้อยเชือกสลับกับอย่างสงสัย“ข้าจิตใจพะว้าพะวัง…เป็นห่วงเอ็งยังไงชอบกล”พี่เข้ม
“มันไม่หายไปไหนหรอก…จ้องขนาดนั้น….”ลุงสิงห์เลยขึ้น ทำให้ผมหันกลับมามองหน้าแกอย่างเขินอาย ที่เขารู้ทันผม แกก็ลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เข้มเดินถือสากกระเบือกลับมายื่นส่วให้ลุงสิงห์พอดี “พี่เข้มกินข้าวแล้วเหรอครับ?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงอ่อน พี่เข้มก็นั่งลงข้างๆผมก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบว่าเขายังไม่ได้กินข้าวผมก็ขมวดคิ้วมองแกอย่างสงสัย ว่าทำไมเขายังไม่กินอีก ทั้งๆที่เขาออกจากบ้านมาก่อนผมอีกน่ะ “มันจะกินได้ยังไง…ก็มันรอเอ็งอยู่น่ะสิ…”ลุงสิงห์เอ่ยขึ้นมาทำให้ผมมองหน้าพี่เข้มอย่างเค้นคั้นเอาคำตอบว่าที่ลุงสิงห์พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่ว่าพี่เข้มรอกินข้าวพร้อมผมน่ะ “ไปๆๆไปยกสำรับข้าวมากินไป๊…ข้าหิวแล้ว..”ลุงสิงห์ว่าเสียงเข้มพลางโบกมือไล่พี่เข้ม พี่เข้มที่หน้าแกแดงก่ำก็รีบหลบสายตาผมอย่างเขินอายหันไปก้มศีรษะหงึกๆเป็นคำตอบให้ลุงสิงห์ก่อนที่แกจะลุงขึ้นยืนและเดินซอยเท้าถี่รัวออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว พรึบ “ข้าจะบอกกับคนในหมู่บ้านว่าเอ็งเป็นหลานของข้าแล้วกัน….” “ส่วนเอ็งก็แสร้งทำเป็นหลานชายข้าที่มาจากในเมืองไปก่อนล่ะกัน…”ลุงสิงห์ว่าในขณะที่แผ่นหลังของพี่เข
บ่ายวันเดียวกันบ้านพรานเข้ม…. พรึบ“โอ้ยยย….!”ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดที่ด้านหลังในก้นของผมที่รับรู้ได้ถึงความระบมจากการที่ผมโดนพี่เข้มจัดเต็มไปเมื่อคืนและยังต่อด้วยเมื่อเช้านี่อีกยกหนึ่งรูทวารผมคงจะระบมหนักเกินไปแล้ว ก็แน่ล่ะ ของพี่เข้มแกเล็กๆซะที่ไหนกัน ใหญ่กว่าของผมที่ผมก็คิดว่าใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทยมากแล้ว แต่กลับเจอของพี่เข้มใหญ่กว่าของผมอีกอ่ะและตอนนี้ผมก็กำลังพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนรูทวารหนักของผมจนมากเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะมันจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้ครั้งแรกมันเจ็บก็รู้แต่ครั้งสองนี้กลับสมยอมให้เขาอีกซะอย่างงั้น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันพรึบ“เป็นอะไรของเอ็งล่ะ…เดินแปลกๆชอบกล…?”เสียงสงสัยดังมาจากลุงสิงห์ที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งที่แคร่ไม้หน้าบ้านแกเช่นเดิมมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมก็ยิ้มแหยๆให้เขา โดยไม่รู้จะตอบอะไรเขา จะให้บอกไปตรงๆว่าลูกชายแกเป็นคนทำก็ไม่ใช่เรื่อง พรึบ“หึ…”เสียงแค่นหัวเราะจากผู้ชายที่กำลังนั่งใช้ขวานผ่าไม้เพื่อจะนำไปทำฟืนอยู่ข้างบ้านถัดจากตีนบันไดบ้านดังมาทำให้ผมหันขวับกลับไปมองค้อนเขาอย่างเอาเรื่อง ตัวเองเป็นคนทำแท้ๆยังจะมีหน
“มานะ…มาให้เห็นข้ากลืนกินเอ็งเสียดีๆ…”พี่เข้มบอกผมเสียงเข้มพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะจับเอวสอบของผมให้นั่งทาบทับลงไปบนตัวเขาโดยที่ผมนั่งยองๆบนตักเขาเพื่อจะทำการสอดใส่ลำกายใหญ่ของเขาเข้ามาในประตูหลังของผม“อื้ออออ…”“เบาๆนะครับ….ผมเจ็บ…”ผมเอ่ยบอกพี่เข้มไปเสียงกระเส่า…พี่เข้มก็ไม่ตอบอะไรผมกลับยื่นใบหน้าเข้มของเขามาบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็วและมอบจุมพิตที่เร้าร้อนให้ผมจนผมลืมเรื่องท่อนล่างไปเลย“อื้อออออ…”ผมครางอื้ออึงในลำคอเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังค่อยๆคลืบคลานเข้ามาในช่องทางรักที่คับแน่นประตูหลังของผมอย่างช้าๆทำให้ผมจิกเล็บลงไปบนไหล่กว้างของพี่เข้มเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดลง หลับตาปี๋เพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดเเล่นเข้ามาในร่องสวาทของผมทำให้ร่างกายของผมสั่นระริกไปทั้งร่าง“อ๊าาาาาาาห์….”พี่เข้มขู่คำรามออกมาอย่างเสียวซ่านและสุขสมใบหน้าเหยเกพอๆกับผม เพราะด้านหล้งของผมมันยังคงคับแน่นและตอดรัดลำกายใหญ่ที่ใหญ่โตของพี่เข้มถี่รัวทำให้ร่างของพี่เข้มเองก็สั่นระริกไม่ต่าวจากผม“ปวดคว….”พี่เข้มเอ่ยบอกผมเสียงสั่นขาดหาย ผมก็มองหน้าเขาเขม่น ตัวเองเจ็บแค่ลำกายผมนี่เจ็บตู
“มันยังเป็นรูโบ๋อยู่เลย….”พี่เข้มเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะเงยหน้าจากร่องก้นของผมมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความเขินอายพี่เข้มจ้องมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่สื่อว่าเขาเห็นใจผมและสงสารผม ผมจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของพี่เข้ม“แล้วพี่มีความสุขไหมครับ….กับเรื่องเมื่อคืนนี้ของเรา…”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงกระเส่าพร้อมกับกดปลายจมูกโด่งของตัวเองแนบลงไปบนแก้มนวลของพี่เข้มที่ไร้สิวแต่กลับเนียนเรียบจนน่าตกใจ“แล้ว…เอ็งล่ะ…มีความสุขไหม…?”พี่เข้มไม่ตอบผมแต่กลับเอ่ยถามผมต่อโดยที่เขายื่นริมฝีปากมาคลอเคลียที่ริมฝีปากของผม ผมก็กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาก่อนกดริมฝีปากหนักๆลงแนบไปบนริมฝีปากของพี่เข้ม พี่เข้มเองก็กดทับริมฝีปากของผมกลับมาก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายผละออกมาจากใบหน้าเข้มของเขาแทน“ผม…มีความสุขมากครับ…ที่ได้ตกเป็นของพี่เข้ม…”ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับยื่นมือไปลูบไล้ต้นคอของพี่เข้มขยับเลื่อนลงมาที่หน้าอกแกร่งของเขาพร้อมกับลูบไล้อย่างลุ่มหลง ผมไม่เคยตกเป็นของใครและผมเองก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนด้วยมีอะไรกับผู้หญิงก็อาจจะมีบ้าง เวลาเหงา แต่ผมรู้ใจตัวเองดี….ว่าพวกเธอไม่ใช