ตอนที่ 14 เข้าขาหลังจากที่เจียงอันเล่อกลับมาถึงเรือน หลีอันก็เข้ามาปรนนิบัตินางอย่างเอาใจเฉกเช่นเดิม เจียงอันเล่อเหม่อลอยกับจุดผิดพลาดที่เกิดขึ้น นางลืมไปเสียได้ว่าบัดนี้นางเป็นหลงซีอ่าวผู้ยากไร้ จากนั้นเจียงอันเล่อจึงหันมาหาหลีอันในทันที“หลีอัน เจ้าจงไปหาบ้านเช่าขนาดเล็กพอหนึ่งคนอยู่อาศัยสักหลังให้ข้าที”หลีอันเงยหน้าขึ้นมองเจียงอันเล่ออย่างนึกสงสัย “คุณหนู...ท่านจะหาบ้านด้วยเหตุอันใดเจ้าคะ”“วันหน้าข้าย่อมได้ใช้ประโยชน์เป็นแน่ เจ้าก็อย่าปากมากนักรีบไปทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”หลีอันรีบปิดปากตนเองในที่สุด ก่อนจะพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายเจียงอันเล่อล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยใบหน้าที่ฉายความสุขขึ้นมา ความทรงจำในวันนี้ช่างวิเศษยิ่งนัก นางได้เห็นมุมมองที่หลากหลายมากขึ้นของหานอี้หลง และยิ่งหลงใหลชื่นชมในตัวของเขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวทีเดียว “หานอี้หลง...ท่านช่างเหมาะสมกับการเป็นติ่งของข้ายิ่งนัก”เจียงอันเล่อเพ้อออกมาอย่างสุขใจ พร้อมกับหลับตาลงราวกับคืนนี้นางจะต้องฝันดีที่สุดในชีวิตเป็นแน่หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา เจียงอันเล่อก็ได้รับความไว้วางใจจากหานอี้หลงเป็นอันมาก หานอี้หลงมักเรียกใช้เขา
บทที่ 15 เกะกะลูกตาแสงแดดยามสายส่องลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ในห้องทำงานของหานอี้หลง เผยให้เห็นภาพของชายหนุ่มกำลังยืนอยู่หลังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ข้างกายของเขาคือหลงซีอ่าวที่กำลังง่วนอยู่กับการคลี่ม้วนกระดาษไปมาด้วยความตั้งใจ สายตาคมของเขาจับจ้องลงบนแผนที่ตรงหน้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องสำคัญ“ใต้เท้า...ข้าว่าหากเราเลือกเดินทางด้วยเส้นทางนี้ การขนส่งสินค้าจะรวดเร็วกว่าเดิมนะขอรับ” เจียงอันเล่อเสนอความเห็นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สายตาเธอเหลือบมองหานอี้หลงเล็กน้อยเพื่อรอคำตอบ“อืม เส้นทางที่เจ้าว่าแม้จะย่นระยะได้ดี แต่ว่าเส้นทางนี้กลับเต็มไปด้วยโจรป่า หากเราใช้เส้นทางนี้ก็ย่อมมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอย่างมาก” หานอี้หลงโต้แย้งออกมาพร้อมกับคิดชั่งใจ ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดคุยกันต่อ เสียงฝีเท้าของบ่าวรับใช้ก็ดังขึ้นมา ก่อนชายหนุ่มคนดังกล่าวจะโค้งตัวพร้อมกับรายงาน “ใต้เท้าขอรับ ฮูหยินหานมาขอพบท่านขอรับ”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หานอี้หลงก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ เขาเปลี่ยนท่าทีของตนเองภายในพริบตา ดวงตาคมเข้มที่ดูเคร่งเครียดก่อนหน้าพลันสายแววอ่อนโยนขึ้นมาในทันที รอยยิ้มอบอุ่นป
บทที่ 16 งานเลี้ยงชมดอกไม้ลมฤดูใบไม้ผลิพัดแผ่วเบา กลิ่นหอมของดอกเหมยและดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่งอบอวลอยู่ในอากาศ ลานกว้างของพระราชวังหลวงที่ถูกจัดเตรียมสำหรับงานเลี้ยงชมดอกไม้เต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก ร่มเงาของต้นหลิวโยกไหวตามสายลมให้ความรู้สึกผ่อนคลายฮองเฮาเม่งฉีเต๋อมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ขึ้นภายในสวนหลวง โดยได้เชิญให้เหล่าบรรดาฮูหยินและคุณหนูจากจวนต่างๆ เข้ามาร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว เสียงเครื่องดนตรีดังแว่วมาจากด้านหน้าของลานกว้าง โต๊ะเก้าอี้และบรรดาเครื่องอาหารถูกจัดเตรียมพร้อมสำหรับเหล่าผู้ร่วมงานทั้งหลายที่ต่างแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมหลากสีสันราวกับต้องการมาประจันโฉมกันและกันเจียงอันเล่อก้าวเข้าสู่บริเวณงานเลี้ยงด้วยเป็นหนึ่งในตระกูลที่ถูกเชิญเข้าร่วมงาน แม้บิดาของเขาจะมิได้รับราชการเฉกเช่นคนอื่น แต่ด้วยตำแหน่งท่านโหวของแคว้นทั้งฮ่องเต้ยังให้ความสำคัญกับเจียงเสิ่นเย่วเป็นอย่างมากทำให้ตระกูลของนางมิอาจถูกละเลยไปได้เจียงอันเล่อสวมชุดผ้าไหมสีเขียวอ่อนลายปักดอกไม้สีทองที่เข้ากับสีผิวขาวนวลอย่างวิจิตรงดงาม เรือนผมยาวดำขลับถูกรวบไว้อย่างประณีตและประดับด้วยปิ่นหยกที่แวววาว นางก้าวเข้
บทที่ 17 หมายตา“คุณหนูเจียง...” เสียงทุ้มดังขึ้นเอ่ยทักเจียงอันเล่อที่กำลังนั่งเหม่อลอยรอเวลางานเลี้ยงให้สิ้นสุดลงอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายเจียงอันเล่อเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะรีบลุกขึ้นย่อกายเคารพชายตรงหน้าตามมารยาทที่ควรทำ “คารวะ...องค์ชายเก้า”หงฟางซินยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างรู้สึกเก้อเขิน “คุณหนูเจียงอย่าได้มากพิธี...ข้าเพียงเห็นคุณหนูเจียงดูเบื่อหน่าย จึงอยากมาพูดคุยเป็นเพื่อน”“ออ...เอ่อ...ขอบคุณองค์ชาย” เจียงอันเล่อกล่าวตอบอย่างขอไปทีหงฟางซินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกมากขึ้น “มิรู้ว่าข้ามารบกวนเวลาของเจ้าหรือไม่”“มิได้เจ้าค่ะ...ข้าเพียงพูดไม่ค่อยเก่งนัก” เจียงอันเล่อกล่าวปัดไป สองมือบีบกำไปมาอย่างรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ดังกล่าว“เช่นนั้นหรือ...เอาไว้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่จวนบ่อยๆ ทำความคุ้นเคยกันให้มากขึ้น ต่อไปพวกเราคงมีเรื่องพูดคุยมากหน่อยกระมัง” หงฟางซินยังคงตื๊อไม่เลิก“คงเช่นนั้นกระมัง” เจียงอันเล่อก้มหน้าต่ำลงอย่างหลบเลี่ยงสายตาของหงฟางซินที่จ้องมองนางไม่หยุด“คารวะองค์ชาย...” เสียงเจื้อยแจ้วของเฉินเส้าหว่านดังขึ้นทำลายบรรยากาศอันน่าตึงเครียด เจียงอันเล่อ
บทที่ 18 พักแรมเมื่อเจียงอันเล่อก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องโถง นางก็รีบตรงไปยังเจียงเสิ่นเย่วซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงด้านหน้าห้องอย่างกำลังใช้ความคิด“ท่านพ่อ...ข้าพบองค์ชายเก้าที่ด้านหน้าจวน...เขามาทำธุระอันใดหรือ” เจียงอันเล่อกล่าวออกมาอย่างร้อนรนเจียงเสิ่นเย่วหันมามองเจียงอันเล่อในสภาพของบุรุษอย่างหลงซีอ่าวก็อดนึกอ่อนใจขึ้นมา “องค์ชายเก้ามาที่นี่เพราะเจ้าเช่นใดเล่า”เจียงอันเล่อเบิกตากว้างพลางหน้างุ้มงออย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านพ่อได้ถามหรือไม่ว่าเขามีธุระอันใดกับข้า”เจียงเสิ่นเย่วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “หากข้าเดามิผิด...ข้าคิดว่าองค์ชายเก้าคงนึกชมชอบเจ้าอยู่ไม่น้อย”“ไม่ได้นะท่านพ่อ...ข้าไม่ยอม” เจียงอันเล่อรีบโวยวายออกมาในทันที นางเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าด้วยวัยของนางในสถานที่แห่งนี้เป็นวัยที่ต้องเสาะหาคู่ครองเพื่อออกเรือนแล้วเจียงเสิ่นเย่วลุกขึ้นเดินมาตรงด้านหน้าของเจียงอันเล่อ พร้อมยกมือขึ้นลูบหลังนางอย่างเอ็นดู “เล่อเอ๋อร์...เจ้าอย่าได้กังวลไป ข้ามิมีวันยินยอมผูกด้ายแดงให้เจ้ากับตระกูลหงเป็นแน่”เจียงอันเล่อได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจโล่งออกมา นางพอเข้าใจได้ว่าเจียงเสิ่นเย่วย่อมมิมีวัน
บทที่ 19 สำรวจพื้นที่แสงอาทิตย์อ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้ของห้อง หานอี้หลงลืมตาตื่นขึ้นในเวลาเช้าด้วยความเคยชิน ดวงตาคมปราดมองไปรอบๆ ห้องพัก ก่อนจะค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น จากนั้นเขาจึงหยิบเสื้อผ้าที่ตระเตรียมไว้ตรงไปยังแผ่นไม้กั้นด้านข้าง พร้อมกับล้างหน้าล้างตาและแต่งกายด้านในให้เรียบร้อยด้วยความคิดหวาดระแวงที่ยังค้างคาใจกับสายตาที่หลงซีอ่าวจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตาเมื่อคืนนี้หานอี้หลงก้าวออกมาด้านนอกแผงกั้นไม้ด้วยชุดสีดำสนิทซึ่งช่วยขับให้ร่างสูงใหญ่ดูสง่างามทั้งยังเหมาะแก่การเดินตรวจตราสำรวจพื้นที่อีกด้วย ในขณะที่หานอี้หลงกำลังจัดแจงเข็มขัดอยู่นั้น เขาก็เหลือบตามองหลงซีอ่าวที่ยังคงนอนขดอยู่ในผ้าห่มที่ยับยู่ยี่ ท่าทางเมื่อคืนอากาศจะหนาวขึ้นเป็นพิเศษทำให้ร่างเล็กเอานอนคุดคู้ซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบางราวกับเด็กขี้เซาก็ไม่ปาน“ซีอ่าว...เจ้าคิดจะนอนอยู่ที่นี่ทั้งวันเลยหรือ” หานอี้หลงตวาดเสียงเข้มออกมาเพื่อปลุกเด็กขี้เซาตรงหน้าให้ตื่นขึ้นเจียงอันเล่อสะดุ้งตัวขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินเสียงดังกล่าว นางยกมือขึ้นขยี้ตาไปมา ใบหน้าที่มีรอยยับจากหมอนอันแข็งและไม่สบายมากนักทำให้เขาดูตลกเล็กน้อย
บทที่ 20 การปรากฏตัวของแม่ทัพคนใหม่ภายในสำนักโยธาเจียงอันเล่อกำลังง่วนอยู่กับการนั่งตรวจเอกสารอย่างใจจดใจจ่อจนนางลืมเลือนเวลาไปเสีย จนกระทั่งนางขยับกายบิดไล่ความขบเมื่อยที่มีจึงได้เห็นว่าเวลานี้เข้าช่วงบ่ายแก่แล้ว“เหตุใดใต้เท้าหานยังมิมาหรือ” เจียงอันเล่อเอ่ยถามขุนนางด้านข้างกายพร้อมกับหันหน้าสลับไปมาอย่างหาเงาของหานอี้หลง“ใต้เท้าหานเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทตั้งแต่เช้าตรู่แล้วขอรับ”คำตอบนั้นทำให้เจียงอันเล่อนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ภายในหัวคิดวนเวียนถึงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ในนิยายที่กำลังเกิดขึ้น ดวงตาของเจียงอันเล่อเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึงเมื่อนางคำนวณเวลาในปัจจุบันแล้วพบว่าเวลานี้น่าจะเป็นช่วงที่จางลู่เหวิน พระเอกของเรื่องปรากฏตัวขึ้นภายในท้องพระโรงแล้วสินะ“ถ้าเช่นนั้น...” เจียงอันเล่อพึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นเจียงอันเล่อก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที“ใต้เท้า...วันนี้ข้ามีธุระสำคัญ ขอตัวก่อนขอรับ” เสียงกล่าวอย่างตื่นตระหนก กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะโค้งตัวและก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเจียงอันเล่อเดินทางอย่างเร่งรีบกลับมาที่จวน จากรีบตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของเจียง
ตอนที่ 21 งานเลี้ยงในวังหลวง“เรียนแม่ทัพจาง ท่านโหวมาแสดงความยินดีกับท่านขอรับ” ขันทีน้อยแจ้งแก่จางลู่เหวินในทันที เจียงเสิ่นเย่วยืดอกเชิดหน้าขึ้น เขานึกอยากเห็นหน้าตาของแม่ทัพคนใหม่ที่ได้ยินมาว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ยิ่งนักในขณะที่จางลู่เหวินเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ค่อยๆ หันกายกลับมาทางเจียงเสิ่นเย่ว “คารวะท่านโหว ข้ายินดียิ่งที่ได้พบท่านโหว”“ท่านแม่ทัพจางอย่าได้เกรงใจ ข้ามาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับแม่ทัพจางได้ยินว่าแม่ทัพช่างเก่งกล้าสามารถ ทั้งยังทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ วันนี้ข้าได้พบท่านนับว่าเป็นเกียรติยิ่งนัก”“ท่านโหวกล่าวชมเกินไปแล้ว” จางลู่เหวินโค้งกายรับอย่างมิได้ยินดียินร้ายมากนัก“ข้าหวังว่าภายภาคหน้าแม่ทัพจางจะนำความสงบสุขและความรุ่งเรืองมาสู่แคว้นเจี้ยนได้เป็นแน่” เจียงเสิ่นเย่วตีสีหน้าอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับหันไปหาเจียงอันเล่อ “แม่ทัพจาง...นี่คือบุตรสาวของข้า...เจียงอันเล่อ...”เจียงอันเล่อย่อกายลงเล็กน้อย “คารวะ...ท่านแม่ทัพ”“คุณหนูเจียงยินดีที่ได้พบ”เจียงอันเล่อยืนนิ่งมองจางลู่เหวินอย่างไม่กะพริบตา “นี่สินะพระเอกของเรื่อง ใบหน้าหล่อเหลาและคมเข้ม ออกไปทา
ตอนที่ 53 บทสรุปของนิยายค่ำคืนในเมืองหลวงสงบเงียบลงหลังจากความวุ่นวายภายในวังหลวงได้จบสิ้นลง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจียงเสิ่นเย่วถูกริบทรัพย์สินจนหมดสิ้นเหลือเพียงเงินทองบางส่วนเพื่อประทังชีวิตอย่างไม่ยากลำบากนัก เขาถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนสกุลเจียงโดยมีทหารควบคุมเพื่อมิให้ติดต่อผู้ใดซึ่งอาจเป็นการกบฏขึ้นอีกในภายหลัง ส่วนเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้อง บ้างก็ถูกประหาร บ้างก็ถูกเนรเทศจนมิเหลือสิ้นในขณะที่องค์หญิงห้าหงอวิ๋นชิว เจียงอันเล่อรู้ดีว่านางมีความทะเยอทะยานอยากมีอำนาจเพื่อปกป้องตนเองจากความโหดร้ายของวังหลวงมากเพียงใด การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงทำให้นางได้รับความโปรดปรานจากหงจูเหลียง รวมถึงได้รับพระราชทานตรายศสำหรับละเว้นโทษให้กับนางอีกด้วยในขณะที่หงฟางซินแม้จะเป็นบุตรชายคนเล็ก แต่เพราะความเฉลียวฉลาดและผลงานชิ้นดังกล่าว เดิมทีหงจูเหลียงตั้งใจจะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้แก่เขา แต่หงฟางซินกลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทจึงยังคงเป็นของพี่ชายของตนสืบต่อไป ส่วนฮองเฮาเม่งฉีเต๋อนั้นไม่ว่าจะเป็นบุตรคนใดของนางเป็นรัชทาย
ตอนที่ 52 ล้อมจับท้องฟ้ายามราตรีถูกแต่งแต้มด้วยแสงพลุที่แตกกระจายเป็นประกายระยิบระยับ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของจางลู่เหวินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง หงจูเหลียงประทับบนบัลลังก์สูงสุด ล้อมรอบไปด้วยเหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยง เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขับกล่อม ผสมกับเสียงหัวเราะของเหล่าขุนนางและแขกที่มาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเจียงเสิ่นเย่วได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เขาสวมอาภรณ์หรูหราตามฐานะ ใบหน้าคงความสง่างามและเยือกเย็นเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แผนการใหญ่ของเขากำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้น การที่หงจูเหลียงเชิญเขามาร่วมงานในค่ำคืนนี้มิรู้ว่าจะมีแผนการร้ายอันใดหรือไม่ แต่คนอย่างเขาเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็มิอาจลงได้โดยง่าย เจียงเสิ่นเย่วจึงข่มใจปั้นหน้านิ่งขรึมและวางท่าอย่างสง่างามเพียงเท่านั้น“ท่านพ่อ...” เจียงอันเล่อมองบิดาของตนจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดและวิตกกังวล นางรับรู้ได้ถึงพายุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังใกล้เข้ามา ดวงตาของหานอี้หลงที่ยืนอยู่ด้านข้างของนางฉายแววความห่วงใยในตัวหญิงสาวข้างก
ตอนที่ 51 เดินแผนการสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาที่บานหน้าต่างกระทบกับผิวบางที่เปลือยเปล่าของเจียงอันเล่อ นางขยับกายซุกไซ้เข้ากระชับกับแผงอกหนาอุ่นนุ่ม ก่อนจะเหลือบมองหานอี้หลงที่นอนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ดวงตาปิดสนิทกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจียงอันเล่อยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกตื้นตันใจ นางมิกล้าคิดหวังว่านางจะสมหวังเช่นนี้ เจียงอันเล่อหลับตาลงอีกครั้ง ดวงตาปิดสนิทพร้อมกับหลับใหลไปในที่สุดช่วงสายของวันใหม่หงฟางซินมายืนรออยู่ที่ด้านหน้าจวน เมื่อเขาเห็นเจียงอันเล่อและหานอี้หลงเดินออกมาพร้อมกัน คิ้วทั้งสองข้างของหงฟางซินก็กระตุกขึ้นมาในทันที สายตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน “เล่อเอ๋อร์...ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าที่ข้าคิดไว้” หงฟางซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆหานอี้หลงปรายตามองหงฟางซินอย่างไม่สบอารมณ์ เขายิ้มเยาะก่อนเอ่ยกลับออกมา “ข้ากับฮูหยินรักใคร่กันดี แล้วท่านเกี่ยวอันใดด้วยเล่า”“เจ้า” หงฟางซินกัดฟันแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง มือที่กำหมัดแน่นสั่นเล็กน้อยราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตนเอง“พอได้แล้ว ทั้งสองคนน
ตอนที่ 50 ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเจียงอันเล่อยิ้มเจื่อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานอี้หลงยังคงนิ่งเฉย นางกะพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามฉายแววแน่วแน่ พยายามรักษาศักดิ์ศรีของตนไว้ให้คงอยู่ แม้ว่าในใจจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ข้าจะส่งหนังสือหย่าให้ท่าน หวังว่าท่านจะมิทำให้ข้าลำบากใจอีก” เจียงอันเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับสั่นเครือแม้ว่าจะพยายามรักษาท่าทีมากเพียงใดก็ตาม นางตัดสินใจหมุนกายเตรียมก้าวเดินออกจากห้องไปเสียหานอี้หลงยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้าใส่ราวกับคลื่นมหาสมุทร ดวงตาคมกริบที่เคยแน่วแน่ฉายแววเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเจียงอันเล่อหันหลังให้กับเขา ความรู้สึกหวาดกลัวพลันแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนหานอี้หลงแทบหายใจไม่ออก“เล่อเอ๋อร์” หานอี้หลงร้องเรียกออกมา ก่อนจะโถมตัวเข้าสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น อ้อมแขนแกร่งรัดแน่นราวกับกลัวว่านางจะสลายหายไปในพริบตา“เล่อเอ๋อร์...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเลย ข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของหานอี้หลงสั่นไหวอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน ศีรษะก้มต่ำซบลงที่ลาดไหล่ของเจี
ตอนที่ 49 เหนี่ยวรั้งครั้งสุดท้ายหานอี้หลงกระชากแขนเจียงอันเล่อเข้าปะทะกับแผงอกเข้าอย่างจัง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องมีเพียงเสียงลมหายใจที่ติดขัดของทั้งสองคน พร้อมสายตาที่จ้องมองกันอย่างมิมีใครยอมใคร“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” หานอี้หลงตะคอกออกมาอย่างหมดความอดทน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับเพลิงที่ไม่มีวันดับ ดวงตาดุดันจ้องมองร่างบางที่เบื้องหน้า“ใต้เท้า...ท่านต่างหากที่คิดจะทำอันใดกันแน่” เจียงอันเล่อโต้กลับในทันที“เฮอะ...ฮูหยินของข้าออกตะลอนไปทั่วเมืองกับชายอื่น เจ้าจะให้ข้านั่งรออยู่ที่จวนเฉยๆ เช่นนั้นหรือ”“เพี๊ยะ...” เจียงอันเล่อยกมือขึ้นสะบัดไปที่ใบหน้าของหานอี้หลงจนเต็มแรง “ใต้เท้า...ท่านอย่าได้คิดว่าดูถูกข้าเช่นนี้”หานอี้หลงยกมือขึ้นลูบใบหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมาจนดูน่าหวาดกลัว เขากระชากแขนของเจียงอันเล่อเข้าหาตัวอีกครั้ง “งั้นข้าควรคิดเช่นใด...เจ้าลองตอบข้ามาสักหน่อย”เจียงอันเล่อสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา นางเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง ทว่าดวงตาของนางกลับมีร่องรอยของความผิดหวังลึกซึ้ง นางกวาดตามองหานอี้หลงอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงไปยั
ตอนที่ 48 ร้อนใจในยามสายของวันหนึ่ง เจียงอันเล่อที่นั่งพลิกอ่านสารลับที่หลีอันเพิ่งนำมามอบให้ ดวงตางดงามแต่นิ่งลึกฉายแวววิตกกังวลใจขึ้นมาในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกำสารลับไว้ในมือแน่นขึ้น “ถึงเวลาแล้วสินะ”“หลีอันรีบเตรียมรถม้าให้ข้าที” เจียงอันเล่อรีบสั่งหลีอันอย่างเร่งร้อน พลางเงยหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีครามที่ดูงดงามราวกับภาพวาดกลับมิอาจกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดภายในใจที่มี เจียงอันเล่อมิรอช้าอีกต่อไป นางรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเรียบง่าย คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีเข้มแล้วรีบออกจากจวนไปอย่างเงียบๆในขณะเดียวกันภายในห้องอักษรของจวนสกุลหาน หานอี้หลงนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ม้วนเอกสารกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้า จ้าวกงยืนรายงานความเคลื่อนไหวของกองกำลังลับที่เตรียมซุ่มโจมตีจางลู่เหวินตามแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี แต่หานอี้หลงกลับเพียงพยักหน้ารับอย่างเหม่อลอยราวกับจิตใจมิได้อยู่กับตัว“ใต้เท้า...ทหารลับรอเพียงคำสั่งจากท่าน...ชีวิตของแม่ทัพจางย่อมอยู่ในเงื้อมมือของเราขอรับ”ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลังเลใจ เขาเดินเข้ามาวางของว่างตรงหน
ตอนที่ 47 เดินตามวิถีทางภายในจวนสกุลหานกลับเข้าสู่บรรยากาศที่อึมครึม เจียงอันเล่อเอาแต่อยู่ภายในเรือนของตนเอง นางไม่คิดย่างกรายออกไปที่ใด วันๆ เอาแต่นั่งหน้าเคร่งเครียดกับเอกสารที่กองตรงหน้า มีเพียงหลีอันที่คอยวิ่งเข้าวิ่งออกภายในเรือนโดยมิให้ผู้ใดเข้าพบ แม้กระทั่งเงาของหานอี้หลงก็แทบจะมิได้พบเจอเช่นกัน ตั้งแต่วันนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหานอี้หลงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหานอี้หลงออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาในยามดึกเสมอ เขาหาได้มาหานางเฉกเช่นเคย ราวกับคนทั้งสองมิได้อยู่ร่วมจวนเดียวกัน จะมีก็แต่เพียงพ่อบ้านที่คอยเทียวไปเทียวมา รายงานความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายให้ทั้งสองรับทราบอย่างอ่อนอกอ่อนใจ“ยามพวกท่านรักกันก็ตัวติดกันเป็นตังเม ยามโกรธเคืองกัน ไฉนเลยจึงมาลงเอาที่ข้าเพียงผู้เดียว” พ่อบ้านบ่นอุบเมื่อเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวของหานอี้หลงให้ฮูหยินของจวนฟัง นางเพียงพยักหน้ารับพร้อมกับปัดมือไล่เขาออกไปในขณะที่หานอี้หลงเองเมื่อรายงานความคืบหน้าของเจียงอันเล่อเสร็จ หานอี้หลงก็เพียงเอ่ยถามเพียงว่านางได้พบผู้ใดหรือไม่ เมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ เขาก็โบกมือไล่เขาออกไปอย่างนึกรำคาญวันน
ตอนที่ 46 เจ้าช่างโง่ยิ่งนักหานอี้หลงอุ้มเจียงอันเล่อเข้าไปในเรือนของนางอย่างเร่งรีบ ร่างบางในอ้อมแขนสั่นเทาด้วยพิษไข้ที่เริ่มกำเริบ ดวงตาที่กลมโตปิดปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากซีดจะสั่นระริกอย่างต้องการเอ่ยสิ่งใดออกมา“เหตุใดเจ้าช่างโง่เช่นนี้” หานอี้หลงพึมพำอย่างหัวเสีย เขาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดทั้งเป็นห่วงร่างบางในอ้อมแขนอย่างยิ่งดวงตาหม่นเศร้าจับจ้องไปที่ใบหน้าของหานอี้หลง “ใต้เท้า...ข้ามิต้องการให้ท่านทำผิดซ้ำอีก ข้ามิต้องการให้ท่านถลำลึกไปมากกว่านี้…”หัวใจของหานอี้หลงบีบรัดแน่นกับคำพูดของเจียงอันเล่อ เขาข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงสั่นเครือ “เล่อเอ๋อร์...เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เวลานี้เจ้าควรพักผ่อนเสียก่อนเถิด”ไม่นานหมอก็รีบเข้ามาด้านในพร้อมกล่องยา หานอี้หลงเดินกระสับกระส่ายไปมา คอยเฝ้ามองเจียงอันเล่ออยู่ไม่ห่างกาย“ใต้เท้า...บาดแผลจากลูกธนูมิโดนจุดสำคัญ แต่ลูกธนูนั้นอาบยาพิษไว้ จำต้องรีบขับพิษออกจากร่างกายโดยเร็วขอรับ”หานอี้หลงรีบให้คนนำยาถอนพิษมาให้หมอ “เจ้าต้องทำทุกอย่างให้นางปลอดภัย” หานอี้หลงกำชับหมออย่างกระวนกระวายหลังจากได้รับยาถอนพิษเจียงอันเล่อก็เข้าส
ตอนที่ 45 ธนูพิษช่วงสายของวันเจียงอันเล่อลืมตาตื่นขึ้นอย่างรู้สึกสดชื่น หลีอันที่ใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามาด้านในพร้อมสำรับอาหาร“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“เจ้ามีเรื่องอันใด เหตุใดถึงดูมีความสุขเช่นนั้น” เจียงอันเล่อเอ่ยพลางลุกขึ้นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลางหลีอันที่ช่วยแต่งกายอยู่ด้านข้างก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “เมื่อคืนใต้เท้าอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูทั้งคืนนี่เจ้าคะ”เจียงอันเล่อชะงักพร้อมเลิกคิ้วขึ้น “ใต้เท้านอนที่นี่หรือ”“เจ้าค่ะ...ใต้เท้าเป็นห่วงคุณหนูมาก นอนเฝ้าไข้คุณหนูทั้งคืน เพิ่งออกจากจวนไปเมื่อตอนเช้าตรู่เจ้าค่ะ”เจียงอันเล่อเผลออมยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว แต่เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของหลีอัน นางก็กระแอมออกมาเบาๆ “เจ้าจะไปทำอันใดก็ไปเถิด...อ้อแล้วเรื่องที่ข้าให้ไปสืบ มีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว”เจียงอันเล่อลงนั่งที่โต๊ะพร้อมคีบอาหารเข้าปากอย่างหิวกระหาย หลีอันยื่นกระดาษเล็กๆ ให้กับนางในทันที เจียงอันเล่อรับกระดาษนั้นคลี่ออกอ่าน แต่แล้วใบหน้าที่แช่มชื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในทันที ความอยากอาหารที่มีหายวับไปในพริบตา “ท่านยังมิเลิกล้มความตั้งใจอยู่อีกหรือ”เจียงอันเล่อรีบลุกขึ้นจรดพู่กัน