“พี่ลู่หาน เดินช้าๆเพคะ อย่าเร่งนัก”“ไปเถอะ เจ้าเดินตัวเปล่ายังเดินช้ากว่าข้าอีก นี่เยว่ซิน เจ้าฝึกยุทธ์มาจริงหรือไม่เหตุใดจึงดูเหนื่อยนักเล่า”“ข้ามิได้เหนื่อยแต่ว่าไม่ไ่ด้อยากจะเร่งถึงเพียงนั้น ยังเดินไม่ทั่วเลย”“เอาไว้เดินวันอื่นบ้าง มาเถอะวันนี้พอแค่นี้ รีบกลับจวนก่อน”จวนพักท่านอ๋อง“เยว่ซินเจ้าจะอาบน้ำก่อนหรือไม่”“อะ…อาบน้ำงั้นหรือเพคะ”“ใช่ หรือว่าอยากจะอาบกับข้า”“ไม่!! ท่านอย่าได้คิดรังแกข้านะจวินลู่หาน”“ข้าก็แค่จะสำรวจก่อนเท่านั้น”“ข้าจะไว้ใจท่านได้อีกเท่าใดกัน”“นี่น้องหญิงจะช้าหรือเร็วพวกเราก็ต้อง…”“พี่ลู่หานท่านคิดมากไปแล้ว”“ไม่แกล้งเจ้าแล้วไปอาบน้ำเถอะ”หลันเยว่ซินเดินหนีเขาเข้าไปที่ห้องอาบน้ำทันที แม้ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำที่ดูใหญ่แต่ก็ยังเล็กกว่าที่ตำหนักอ๋องที่เฉินโจว เยว่ซินเดินลงไปแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย ระหว่างเดินทางมาที่นี่นางยังไม่เคยได้แช่น้ำหรืออาบน้ำดีๆเลยสักครั้ง ครานี้จะได้ลองใช้สบู่ที่พึ่งซื้อมาจากร้านในตลาดเสียที“หอมจริง”เยว่ซินอาบน้ำพลันถูสบู่ไปทั่วกายจนไม่ได้นึกสังเกตว่ามีคนกำลังเดินตรงมาที่สระน้ำที่นางอาบอยู่“หอมงั้นหรือ เช่นนั้นอาบให้ข้าด้วยสิเ
ท่านอ๋องจับเยว่ซินพลิกตัวเบาๆ ทั้งๆที่ทั้งคู่กายด้านล่างยังคงประสานกันอยู่ เขาค่อยๆถอนกายของเขาออก และยกบั้นท้ายกลมกลึงที่เคยเห็นไกลๆนั้นขึ้นมาพร้อมกับฝังจมูกลงไปดอมดมกลิ่นสาปสาวของนาง“หอมยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก อื้มม เยว่ซิน เจ้าจะทำให้ข้าคลั่งตายอยู่แล้ว”“ไม่นะเพคะ อ๊าา ทะ…ท่าแบบนี้….มัน…อื้ออ”“เจ็บหรือ ข้าดันเข้าไปลึกเกินไปหรือไม่”“อื้อ…จุกเพคะ เบาๆหน่อย อ๊าา อ๊าาา อืมม….”มือของเยว่ซินคว้าผ้าห่มและกำหมอนเอาไว้แน่นเมื่อท่านอ๋องเริ่มกระแทกเข้ามาถี่ขึ้น เขาค่อยๆเพิ่มความแรงไปที่บั้นท้ายของนางจวินลู่หานพึ่งพบว่าเขาแพ้บั้นท้ายที่งดงามตรงหน้านี้ พอได้เห็นและสัมผัสใกล้ๆทำเอาเขาอดกลั้นอารมณ์และความปรารถนานั้นไม่อยู่“ไม่ไหวแล้วเยว่ซิน ท่านี้มันบีบรัดและลึกมากเกินไป แล้วเจ้าก็…อ๊า…งามเกินจะทน…ไหว…อาา…..”เขารู้สึกว่าน้ำรักที่สู้อุตส่าห์กลั้นไว้เสียตั้งนานพ่นเข้าไปยังด้านในกายของเยว่ซินอย่างแรง เขารู้สึกทั้งเหมือนถูกบีดรัด เกร็งไปทุกส่วนและเสียวซ่านจนทนแทบไม่ไหวความรู้สึกเช่นนี้พึ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก แม้ว่าเขาจะผ่านสตรีมามากมาย แต่เขาเข้าใจแล้วว่า การได้ร่วมรักกับคนที่รักจริงๆ ม
พวกเขาเดินทางไปสำรวจแนวชายแดนที่จะใช้ทำเขื่อน ตลอดเส้นทางพบว่าชาวบ้านแถวนั้นล้วนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อีกทั้งชาวบ้านแนวชายแดนทั้งสองแคว้นยังเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาก การค้าขายทั้งสองด้านคึกคักจนท่านอ๋องนึกเสียใจที่มิได้พาหลันเยว่ซินมาด้วย นางคงชอบความคึกคักของตลาดแบบนี้เป็นแน่ เพราะลี่หลานเฟินในตอนนี้ก็ร่ำร้องให้ฟู่หย่งเล่อพานางเดินไปเที่ยวในตลาดแล้ว“หากเป็นเช่นนี้ เรื่องการเจรจาในอีกสองวันข้างหน้า กระหม่อมคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหานะพ่ะย่ะค่ะ”“คุณชายลี่ เจ้ามีแผนการเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ แนวฝั่งชายแดนทั้งสองเป็นพันธมิตรกัน สิ่งที่เขาไม่มีเราสามารถทำส่งไปได้ สิ่งที่เราขาด ทางฮั่วซูก็มีไม่น้อยที่ส่งมาขายที่เรา หากว่าสามารถกำหนดราคากลางขึ้นมาได้และตั้งหอการค้าเพื่อควบคุมสินค้าระหว่างชายแดนได้ ก็นับว่าเป็นการแก้ปัญหาได้ดีพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าช่างรอบคอบจริงๆ ไม่เสียชื่อบัณฑิตหนุ่มอนาคตไกล ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นโดยแท้”“ขอบพระทัยที่ทรงชื่นชม แต่คำชมเหล่านี้กระหม่อมคงรับได้เพียงครึ่งเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“หืม เพราะเหตุใดกัน”“เดิมทีผู้ที่คิดเรื่องการค้าและเปรียบเทียบสินค้าของสองแคว้นคือกระหม่อ
มือเรียวโอบรอบคอของท่านอ๋องเอาไว้แน่นเมื่อเขาค่อยๆปล่อยนางลงพร้อมกับปลดเปลื้องพันธนาการที่ขวางกั้นทั้งคู่ออกอย่างรวดเร็วและไม่ใส่ใจ“เยว่ซิน เจ้าแน่ใจว่าจะไม่เจ็บ”“เสด็จอาก็เบาๆสิเพคะ อ๊าา…อื้มม…”“เรียกข้าว่าพระสวามีสิ อย่าเรียกเสด็จอา มิเช่นนั้นข้าไม่หยุดเพียงรอบเดียวแน่เยว่ซิน!!”“อื้ออ…คนบ้า อ๊าา ….”นางขัดขืนเขาไม่ได้เลย ทั้งมือและลิ้นที่เริ่มจัดการหน้าอกอวบอิ่มนั้นและนิ้วที่ค่อยๆสอดเข้าไปยังร่องกลีบดอกไม้งามด้านล่างทำเอาร่างระหงนั้นดิ้นรับสัมผัสอย่างลืมตัว รอบเดียวไม่พองั้นหรือ นางก็มิได้หมายใจว่าจะให้เขาทำเพียงรอบเดียวเสียหน่อย “เยว่ซิน ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”“เพคะ เร็วเข้าเพคะ หม่อมฉัน…อื้อ…อ๊าา…ท่านพี่ อื้ออ…..อ๊ะ”นางร้องพร้อมกับดันตัวเขาออกเล็กน้อยเพราะความคับแน่นนั้นเริ่มเล่นงานนางเมื่อเขาค่อยๆสอดใส่เข้ามา ท่านอ๋องมองไปยังร่องนั้น ตอนนี้ไม่มีเลือดออกมาแล้ว มีเพียง…“เยว่ซิน เจ้าไหวแน่ใช่หรือไม่”“เพคะ เร่งเข้าเถิดเพคะ หม่อมฉันจะ…อื้ออ อึ๊ยย มันร้อนเหลือเกิน ด้านในนั้น…ท่านพี่เพคะ อ๊าาา”“เจ้าใกล้แล้วสินะ ข้าช่วยเจ้าเอง”“อ๊าา ท่านพี่….”เสียงร้องที่ดังนั้นเกือบทำคนด้านนอกจับ
ท่านอ๋องพลิกตัวนางกลับลงมาเพื่อให้นางนอนซบเข้าที่อกแทนเพื่อนางจะได้ไม่เมื่อย เขาลูบผมที่ปิดบังแก้มนวลนั้นออกไปข้างๆและเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้“ซ่งเหมยลี่เป็นผู้แนะนำสำนักศึกษาป๋อเหวินให้ข้ารู้จัก นางบอกว่าการจะได้ร่ำเรียนที่นี่มิใช่เรื่องง่ายและนางก็เห็นว่าเจ้ามีความรู้ความสามารถมาก พูดจาสารพัดจนข้าคิดว่าเจ้าอาจจะชอบร่ำเรียนวิชาที่หลากหลาย เลยลองเอาไปปรึกษาเจ้าดู แต่ไม่คิดว่า…นั่นคือแผนการของนางที่จะให้เจ้าไปจากข้า”“หากว่าเป็นเรื่องนี้ หม่อมฉันก็พอจะทราบเพคะ”“หืม เจ้ารู้งั้นหรือ รู้แล้วเหตุใดจึงยอมไปที่นั่นอีก”“หากหม่อมฉันไม่ไป นางก็คงหาเรื่องก่อเรื่องวุ่นวายจนหม่อมฉันอยู่ไม่สุขอยู่ดี ในงานเลี้ยงวันนั้นพระองค์ก็ทรงเห็นแล้วนี่เพคะ อีกอย่างหนึ่งในตอนนั้นข่าวลือพระองค์กับซ่งเหมยลี่ก็เริ่มมีคนพูดถึงแล้วหม่อมฉันเลยคิดว่าอยู่ไปก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย สู้ไปที่สำนักศึกษา อาจจะเจอเรื่องที่ดีกว่า ซึ่งก็เป็นความจริง โชคดีที่ตัดสินใจถูกต้อง”“เจ้ากำลังบอกว่าการที่เจ้าจากข้าไปคือการตัดสินใจที่ถูกงั้นหรือ”“เพคะ ในตอนนั้นถือว่าถูกต้อง และเป็นเวลาที่เหมาะสม มันพิสูจน์อะไรได้หลายๆอย่าง และยิ่งไปกว่านั้
ด้วยความนึกแปลกใจ หลันเยว่ซินจึงได้ย่อคำนับลงอีกครั้งเพื่อทูลถามฝ่าบาท“ฝ่าบาททรงรู้จักบิดาของหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ”ฝ่าบาทหันมามองหน้านางชัดๆ“เจ้า…เงยหน้าขึ้น ให้ข้ามองหน้าเจ้าชัดๆที”หลันเยว่ซินรู้สึกแปลกใจ ไม่เพียงแต่นาง แม้แต่ท่านอ๋องและคนที่เหลือเองก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนักที่จู่ๆฝ่าบาทของฮั่วซูให้ความสนใจในตัวของหลันเยว่ซิน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองไปยังพระพักตร์ที่ชราและเริ่มมีริ้วรอยที่เป็นไปตามอายุที่มองมาที่นางก่อนที่ฝ่าบาทจะค่อยๆแย้มพระสรวลออกมา“เจ้า..เหมือนบิดาของเจ้าเสียยิ่งนัก”“ฝ่าบาท กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม ฝ่าบาททรงรู้จักกับแม่ทัพหลันด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”“รู้จักงั้นหรือ ข้ากับเขาเป็นดั่งพี่น้อง ครั้งที่เขายกทัพมาช่วยข้ากอบกู้ฮั่วซูจากซุนหวงนั่น หากครั้งนั้นไม่ได้กองทัพสกุลหลันช่วยทัน คงไม่มีข้าและบัลลังก์นี่แล้ว แต่น่าเสียดาย หลังจากนั้นเพียงสองปีข้ากลับได้ข่าวว่าซุนหวงเจ้าคนชั่วช้านั่น ตามไปฆ่าล้างสกุลหลัน ข้าอยู่ไกลเกินจะไปช่วยเหลือได้ทัน กว่าข่าวจะมาถึงข้าก็รู้ว่าแม่ทัพหลันสิ้นแล้ว นับว่าฮั่วซูเป็นหนี้ชีวิตสกุลหลันแล้ว ท่านอ๋องพระชายาของท่านผู้นี้ล้ำค่าเหมาะสมกับตำ
หลันเยว่ซินที่ถูกคนข้างๆจ้องมองจนตาขวาง ในตอนนี้หลานเฟินและเข่ออ้ายเองก็เริ่มรู้สึกว่าเยว่ซินดูท่าจะลำบากไม่น้อยเมื่อท่านอ๋องดูท่าทางจะไม่ค่อยพอพระทัยเท่าใดนัก“พี่หลานเฟิน หรือนี่จะเป็น…เสด็จอาที่พี่เยว่ซินเคยพูดถึง”“ใช่ ผู้เดียวในใต้หล้าที่คว้าหัวใจสตรีอันดับหนึ่งของป๋อเหวิน และคนเดียวที่ทำให้เยว่ซินยอมได้ขนาดนี้”“แต่ว่าในตอนนั้นนางแทบจะไม่พูดถึงเสด็จอาเลย พวกเราได้รู้เรื่องก็เพราะพี่เยว่ซินไม่สบายแล้วเพ้อถึงเขา”“คืนนี้คงมีแค่เราสองคนแล้วล่ะ หากเจ้าอยากคุยกับเยว่ซินคงยากหน่อย ขนาดพวกข้าร่วมเดินทางมาพร้อมกันยังแทบจะไม่ได้พบหน้านางเลย เจ้าดูเอาเถอะ”“แล้วคนเช่นนี้นะหรือที่เสด็จพ่อจะส่งข้าไปแต่งกับเขา ไม่มีทางเสียล่ะ ก็ได้เช่นนั้นมีแค่เราสองคนก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้…ปรึกษาท่านเกี่ยวกับเรื่องของพี่ใหญ่ท่าน…”“หา นี่เข่ออ้าย เจ้าอย่าบอกข้านะว่า…เจ้ารู้สึกอะไรกับพี่ใหญ่ของข้าน่ะ”“ก็…เขาดูน่าสนใจกว่าท่านอ๋องผู้นั้นตั้งเยอะ ท่าทางที่เขาสู้กับข้าเมื่อครู่นี้ทำให้ข้ารู้สึกประทับใจยิ่งนัก”“เฮ้อ…เจ้านี่คงตาบอดโดยแท้ กล้าเอาเขาไปเทียบกับจวินอ๋องเชียวนะ ท่านอ๋องที่รูปงามดุจหยกประดับ กับ…เจ้าข
แม้ว่ายังไม่เข้าหน้าหนาว แต่อากาศที่ฮั่วซูในยามราตรีก็หนาวจนเยว่ซินตัวสั่น ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องกับนางจะพึ่งเสร็จสงครามรักที่เร่าร้อนบนเตียงมา แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามท่านอ๋องก็ต้องหาผ้าห่มมาเพิ่มให้นางและกอดนางเอาไว้“อุ่นหรือไม่”“อุ่นแล้วเพคะ เหตุใดถึงได้หนาวเช่นนี้”“เจ้าคงไม่จับไข้หรอกนะเยว่ซิน ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”“ไม่เป็นไรเพคะ กอดแน่นๆหน่อย หม่อมฉันหนาว”แม้ว่าท่านอ๋องจะกอดนางแต่เยว่ซินก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหายตัวสั่น จวินลู่หานคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขาที่รักนางหนักมากเกินไป เขาเองควรจะหยุดพักเสียบ้างเพราะร่างกายเยว่ซินอาจจะรับไม่ไหวเข้าสักวัน แม้ว่าความต้องการในตัวนางสำหรับเขานั้นไม่มีสิ้นสุดก็ตามห้าวันต่อมา“เสด็จพอ ครั้งนี้ข้าไปไม่นานจะรีบกลับ ไม่ต้องห่วงนะเพคะ”“เจ้าอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ท่านอ๋องกับพระชายาล่ะ”“ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันรักองค์หญิงดั่งน้องสาว ย่อมดูแลนางเป็นอย่างดีแน่เพคะ”“ท่านอ๋อง หลานสาวข้าฝากเข่ออ้ายด้วย อย่างน้อยมีเจ้าอยู่ นางก็คงจะยอมฟังบ้าง”“เพคะ”ภารกิจในเมืองกู่ที่เ่หลือหลังจากที่สองดินแดนลงนามสัญญาสร้างเขื่อนร่วมกันแล้ว ฝ่ายโยธาและ
ลี่หยางจินยืนเฝ้ามองที่ทุ่งหญ้าว่างเปล่านั้นเป็นเวลาเกือบสองเค่อ เมื่อมองออกไปอีกทีก็เห็นว่าองค์หญิงขี่ม้ากลับมาพร้อมกับม้าอีกตัว น่าจะเป็นม้าของฟู่หย่งเล่อ แต่ไม่เห็นอีกสองคน “องค์หญิง แล้ว…”“ไม่พบ แต่ไม่ต้องห่วง พี่ฟู่ไม่หลงทางหรอก”“แต่ว่าหย่งเล่อไม่เคยมาที่นี่”“ข้าพาเขามาขี่ม้าสำรวจเมื่อวันก่อน เขาบอกว่าจะมาหาที่ให้พี่หลานเฟินหัดขี่ม้า”“องค์หญิงเสด็จมากับเขาตามลำพังงั้นหรือ!!”เข่ออ้ายหันไปมองเขาอย่างนึกตกใจ เมื่อนางลงจากม้าและดื่มน้ำพักเหนื่อย เขาเดินตรงมาถามนางอย่างใคร่รู้จนนางเริ่มตกใจ“ท่านเป็นอะไรไป ข้าก็แค่พาเขามาสำรวจทุ่งหญ้าเท่านั้น”“แต่ชายหญิงห้ามอยู่ด้วยกันตามลำพัง เหตุใดท่าน…อย่าว่าแต่อยู่ด้วยกันเลย นี่ท่านกล้าพาเขาออกมาสองต่อสองในที่เช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่ทำตัวเหมือนสตรี….”“พอที!!”“เลิกเอาข้าไปเปรียบเทียบกับสตรีในดวงใจของท่าน ข้าก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว และเรื่องที่ข้าจะไปไหนกับผู้ใดก็มิใช่กงการอะไรของท่าน ขอตัวก่อน”“เดี๋ยว องค์หญิง เหตุใดท่านออกมากับคุณชายฟู่ กระหม่อมจึงไม่ทราบเรื่องนี้”เขาเอื้อมมือไปจับนางไว้พร้อมกับดึงเข้ามาถาม เมี่ยวเข่ออ้ายตกใจเมื่อเขาดึง
ฟู่หย่งเล่อและหลานเฟินกลับมายังที่พักม้า เข่ออ้ายและหยางจินรอพวกเขาอยู่ที่นั่น องค์หญิงนั้นนั่งอยู่ห่างจากหยางจินคนละทางเมื่อสาวใช้ตะโกนบอกว่าพวกเขามาถึงแล้ว“องค์หญิงเพคะ แม่นางกับท่านรองแม่ทัพมาถึงแล้วเพคะ”เข่ออ้ายรีบวิ่งไปที่ม้าของหย่งเล่อเพื่อรอพวกเขา หยางจินที่ยืนมองนางอยู่กำลังจะพูด แต่เข่ออ้ายหันมามองเขาและเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของม้าเมื่อหลานเฟินถูกอุ้มลงมาจากหลังม้าแต่นางเหมือนกับเดินไม่ไหวจนหย่งเล่อตัดสินใจอุ้มนางเดินมาหาพวกเขา“พี่หลานเฟิน เหตุใดเป็นเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น!!”“เข่ออ้าย คือว่าข้า…”หลานเฟินนั้นไม่กล้าตอบ ใครจะกล้าพูดว่าฟู่หย่งเล่อรังแกนางจนนางเดินไม่ไหวจนเขาต้องอุ้มนางนั่งม้ามาด้วยกันเช่นนี้ แต่ฟู่หย่งเล่อนั้นเก็บอาการได้ดีกว่านางมากนัก เขาเป็นผู้เอ่ยขึ้นมา“นางตกม้าน่ะ ข้าไปช่วยเอาไว้ทันแต่ขานางยังเจ็บอยู่ ช้าไปมากเพราะมัวแต่เรียกและตามหาม้าอยู่” (ม้าบอกโบ้ยความผิดมาที่ตรูเฉยเลย พวกเอ็งนั่นแหละ)“เช่นนั้น ท่านไปนั่งรถม้าดีหรือไม่”“ดีเหมือนกัน”“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง หลานเฟินอยากจะขี่ม้า ให้กระหม่อมนั่งไปกับนางจะได้ช่วยสอนไปด้วย ไม่ต้องห่วงนะพี่ลี่”“เอ่อ น้
หลานเฟินมองเขาที่ถูกนางนอนทับอยู่จึงได้จะลุกขึ้นแต่เขาดึงนางเข้ามาพร้อมกับประกบปากจูบอย่างรวดเร็วและผลักนางลงไปอยู่ด้านล่างแทนสายคาดเอวถูกปลดออกไปจนได้ด้วยมือเขาที่ดึงออกมา มือหนาเริ่มรุกล้ำไปที่ด้านในปกเสื้อผ่านชั้นในเข้าไป นางรู้ว่ามือเขาสั่นน้อยๆเมื่อสัมผัสถูกยอดปทุมด้านในนั้น“พี่หย่งเล่อ ท่าน…ตื่นเต้นหรือเจ้าคะ”“ข้า…อยากเห็นข้างใน เจ้า..จะอนุญาตหรือไม่”“เจ้าค่ะ ตัวข้า ใจข้าเป็นของท่านทั้งหมด ในเมื่อตกลงแล้วข้าย่อมยินยอม”“หลานเฟินเจ้าพูดเช่นนี้รู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าเช่นไร”“ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าในตอนนี้แผงอกกว้างของท่านยังเหมือนเดิมเหมือนครั้งที่อยู่ที่สำนักศึกษาหรือไม่”มือเรียวบางนั้นเอื้อมไปปลดเข็มขัดของเขาออกเช่นกัน ฟู่หย่งเล่อรู้งานทันที เขาถอดชุดคลุมด้านนอกออกและปูรองเอาไว้ที่พื้นและพาหลานเฟินไปนอนที่ชุดคลุมของเขาลิ้นที่ยังพัวพันกันไม่หยุดและเริ่มถอดชุดของนางออก เขาเริ่มเห็นเนินอกขาวเนียนนั้นแต่เขาอยากเห็นมากกว่านั้นเมื่อหลานเฟินเริ่มครางอย่างพอใจ“หลานเฟิน เจ้างามจริงๆ”ปากของเข้าเปลี่ยนมาครอบครองหน้าอกขาวตรงหน้าทันที ช่างพอเหมาะพอดีมือของเขาเสียยิ่งนัก เสียง
ทุ่งหญ้าแคว้นฮั่วซู“เบาๆหน่อย เจ้าอย่าดึงบังเหียนแรงเกินไปหลานเฟิน หากมันเจ็บมันจะดีดเจ้าเอา”“ข้ารู้ๆ อย่าพูดมากนัก ข้าตื่นเต้นจนลนลานไปหมดแล้ว”“เจ้าอย่าเกร็งจนหลังตรงเช่นนั้นปล่อยตัวตามสบาย”“หากท่านพูดอีกอีกคำเดียวนะฟู่หย่งเล่อ ข้าจะ ว๊าย…”“หลานเฟิน!! จับให้แน่นๆ”ม้าที่นางขี่เกิดตกใจเมื่อลี่หลานเฟินเผลอใช้เท้ากระแทกไปที่ลำตัวมันเพราะโมโหฟู่หย่งเล่อ มันจึงพานางวิ่งไปยังทุ่งหญ้ากว้างด้านล่าง ตัวนางเอนไปมาเพราะยังทรงตัวไม่ได้ ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าของเขาตามนางไป“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!”“ข้ามาแล้ว เจ้าอยู่นิ่งๆ จับให้แน่นๆนะ”“พี่หย่งเล่อ ช่วยข้าด้วย มัน…มันวิ่งไม่หยุดเลยข้ากลัว”“เจ้าอย่าตะโกนมันจะตกใจข้ามาแล้ว”ฟู่หย่งเล่อเร่งความเร็วม้าและขี่เข้าไปใกล้ม้าพร้อมกับกระโดดไปที่ม้าตัวที่นางนั่งอยู่ เขาซ้อนตัวอยู่ด้านหลังของนางและเริ่มคุมบังเหียนม้าให้นิ่ง ใช้เวลาไม่นานมันก็ค่อยๆสงบลงและลดความเร็วลง “จับดีๆ ค่อยๆลุกขึ้นมาสิเจ้าปลอดภัยแล้ว”“ข้า…ข้าอยากลง”“หากเจ้ากลัวมัน เจ้าก็จะขี่มันไม่ได้ เจ้าลองลืมตาดูสิ”“ข้ากลัว ไม่เอา”นางลุกขึ้นได้ก็หันเข้าซบอกของเขาทันที ฟู่หย่งเล่อนั้นเร
สิบวันถัดมาพิธีอภิเษกท่านอ๋องและหลันเยว่ซินถูกจัดขึ้นหลังจากที่จัดการเรื่องกบฏซ่งเสวียนและลงโทษขุนนางที่เป็นผู้ร่วมมือซึ่งถูกจับมาได้หมด ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่ก็ถูกปลดยศขุนนางและลงโทษเนรเทศออกจากเฉินโจว“พระชายาช่างงดงามยิ่งนัก”“ข้าเคยพบนางครั้งที่มาเดินตลาด ครั้งนั้นยังจ้องมองอยู่เลยแต่มิกล้าถามว่าเป็นบุตรสาวจวนใด ทั้งหน้าตาและผิวพรรณช่างแตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเหลือเกิน”“ช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องยิ่งนัก”หลังพิธีอภิเษกที่ถูกจัดขึ้นที่ท้องพระโรงแล้ว ท่านอ๋องและพระชายาก็เดินออกมาพบปะกับประชาชนที่ระเบียงชั้นสามของวังหน้า ทั้งคู่ในชุดอภิเษกสีแดงสดยืนโบกมือให้กับประชาชนด้านล่าง“พระชายา วันนี้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ เพียงแค่รอยยิ้มของทุกคนด้านล่างนั้นก็คุ้มค่าเพียงพอแล้วเพคะ”“ไปกันเถอะ เราต้องไปไหว้บรรพบุรุษและทำพิธีจารึกนามของพระชายาอีก”“เพคะ”ภารกิจหลายอย่างทั้งพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่งตั้งพระชายาและจารึกชื่อในศาลบรรพชนสกุลจวินอ๋องผ่านไปด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องส่งตัวห้องส่งตัว“หลันเยว่ซิน ในที่สุดข้าก็ทิ้งฐานะเสด็จอาได้อย่างหมดสิ้นในวันนี้เอง”“ไม่คิดว่าพระองค์จะอย
จวินลู่หานถามชุนถง สาวใช้คนสนิทของเยว่ซินเมื่อเห็นนางเดินออกมาจากห้องของเยว่ซิน“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูไปอาบน้ำเพคะ”“อ่อ งั้นหรือ เข้าใจแล้วเจ้าไปเถอะ”“เพคะ”เขาเดินตามเยว่ซินเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที เมื่อเข้ามาก็เห็นว่านางนั่งพิงของสระอยู่ เขาจึงได้ค่อยๆเดินลงไปแช่น้ำกับนางทันที เมื่อลงไปแล้ว นางกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือกล่าวว่าเขา อันที่จริง นางไม่พูดเลยต่างหาก“เยว่ซิน …เจ้ามาอาบน้ำนานแล้วงั้นหรือ”“…..”เยว่ซินมิได้ตอบเขานางหันข้างให้ท่านอ๋องเล็กน้อยแต่มิได้หนีไปที่ใด เขาจึงเดินไปอีกทางเพื่อดักนางเอาไว้“เยว่ซิน เหตุใดไม่ตอบข้า เจ้ายังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ”นางเดินและเตรียมจะขึ้นเมื่อเขาดึงแขนนางเอาไว้ได้ทัน“เดี๋ยวสิอย่าพึ่งไป เจ้า….หากว่าเจ้าโกรธข้าจะด่าข้าก็ได้ หรือตีข้าก็ได้ แต่อย่าเดินหนีแล้วไม่คุยกับข้าเช่นนี้”หลันเยว่ซินหันไปมองท่านอ๋องแวบนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เรียบไร้ความรู้สึก“รีบอาบแล้วตามขึ้นมา”“เยว่ซิน…”นางสลัดมือเขาออกและเดินขึ้นไปสวมเสื้อคลุมและเดินออกไปทันที ทิ้งให้ท่านอ๋องที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีที่เย็นชานั้น เขาไม่เคยง้อสตรีที่มีอาการเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าต
มีดปลายแหลมซึ่งเป็นอาวุธลับของแคว้นอวิ๋น ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ ซึ่งอาวุธนี้มีเพียงคนของแคว้นอวิ๋นเท่านั้นที่มีใช้เพราะพวกเขาทำขึ้นมาเอง ทั้งร้ายแรงและคมดุจกระบี่และยังอาบยาพิษร้ายแรงอีกด้วย ซ่งเหมยลี่พุ่งตัวเข้าไปบังท่านอ๋องไว้ พร้อมกับมีดสั้นสีเงินด้านหลังที่พึ่งปักไปที่กลางหลังของซ่งเสวียน“เยว่ซิน!!”“แม่นางซ่ง!!”ซ่งเหมยลี่ใช้ตัวบังท่านอ๋องไว้ ครานี้นางได้ปกป้องชีวิตของเขาเอาไว้ตามแผนการที่บิดานางวางไว้เสียทีในที่สุด แต่อาวุธที่ปักที่อกของนางกลับเป็นมีดที่พ่อนางซัดใส่เองกับมือ“เหมย…เหมยลี่ ทำไม!!”ร่างของนางล้มลงพร้อมกับบาดแผลจากเลือดสีแดงสด เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำเพราะยาพิษที่อาบเอาไว้ที่มีด ท่านอ๋องรับซ่งเหมยลี่เอาไว้ในอ้อมแขน ซ่งเสวียนถูกฟู่หย่งเล่อจับตัวเอาไว้ แต่เขาเองก็กำลังหายใจรวยรินอยู่เช่นกันเพราะมีดของหลันเยว่ซินที่พุ่งมาปักกลางหลังของเขา“ท่านฆ่าพ่อข้าสินะ ข้าจะไม่กลายเป็นคนบ้านแตก หากมิใช่การกระทำของท่านในครั้งนั้น วันนี้ยังกล้าลอบสังหารท่านอ๋อง ท่านคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นหรือ!!”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ นึกไม่ถึง….ว่าข้าจะถูกบุตรของศัตรูฆ่าเอาได้ เดิมทีคิดว่าจะตายเพร
“ตะ…แต่ว่า….”ท่านอ๋องเพียงแค่หันมาส่งสายตาเย็นให้เขาและเดินจากไปเมื่อทหารองครักษ์ควบคุมสองพ่อลูกเดินตามท่านอ๋องเข้าไปที่ท้องพระโรงด้านในท้องพระโรงเหล่าบรรดาขุนนาง กองทัพหลวงและขุนนางบางส่วนรอพวกเขาอยู่ด้านใน บางคนถูกเรียกเข้าเฝ้าโดยด่วน ส่วนใหญ่คือกรมคลัง สำนักหมอหลวง สำนักบัญชีและรองเจ้ากรมพิธีการ“พวกท่าน….”ซ่งเสวียนมองหน้าเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่และมองมายังซ่งเสวียนสลับกับท่านอ๋องที่ขึ้นไปนั่งที่บัลลังก์แล้ว“วันนี้ข้าเรียกพวกท่านมาในเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ ต้องขออภัยด้วย แต่ข้ามีเรื่องจำเป็นจะต้องแจ้งให้ทราบคิดว่าพวกท่านบางคน น่าจะพอทราบอยู่แล้วจากข่าวลือที่เป็นที่พูดถึงกันอยู่ในตอนนี้”“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินชาวบ้านร่ำลือกันแล้วเรื่องพระชายาหลันเยว่ซิน”“ท่านอ๋อง!! แล้วบุตรีของกระหม่อมที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ข่าวลือนี้…”“ใต้เท้าซ่งคงจะหมายถึง คนที่ท่านพยายามให้ไปป่าวประกาศเรื่องที่ซ่งเหมยลี่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยข้าจากคนร้ายสินะ”“ทะ…ท่านอ๋องตรัสสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้เรื่อง”“งั้นหรือ เช่นนั้นก็…นำตัวนางเข้ามา!!”ฟู่หย่งเล่อพาต
เสียงนั้นดังไปทั่วจนคนเริ่มวิ่งหนีกันแตกตื่น คนร้ายล่าถอยไปจนหมดแล้วท่านอ๋องและเยว่ซินจึงเดินกลับมามอง จงลี่ประคองซ่งเหมยลี่เอาไว้ นางถูกแทงที่แขนขวา ซึ่งนางหันไปโดยรอบ“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่”“แม่นางซ่ง ข้าปลอดภัยดี”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันดีใจยิ่งนักที่พระองค์…..”“พานางขึ้นรถม้าไปสำนักหมอหลวง หย่งเล่อ เอาม้าให้ข้าตัวหนึ่งข้าจะพาเยว่ซินกลับตำหนัก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันจะตายหรือไม่เพคะ”ซ่งเหมยลี่เอื้อมมือมาที่ท่านอ๋องหมายจะให้เขาเห็นใจเพราะนางรับดาบแทนเขา แต่ท่านอ๋องทำเพียงหันไปมองนางเท่านั้น“บาดแผลเพียงแค่รอยถากนั่น คงไม่ถึงกับตายหรอกเจ้าเพียงแค่ตกใจเท่านั้น คุณชายลี่ ข้าฝากจัดการที่นี่ด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”“พี่ลู่หานนี่มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”“ขึ้นม้า กลับตำหนักกับข้าก่อน”“เพคะ”ท่านอ๋องพาเยว่ซินขึ้นม้าและวิ่งเข้าเมืองเฉินโจวไปทันที ท่ามกลางเสียงที่กระจายไปทั่วว่าซ่งเหมยลี่ช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องกำลังพานางกลับเข้าเมืองและคงจะแต่งตั้งพระชายาเร็วๆนี้ ข่าวนี้กระจายอย่างรวดเร็ว และคงจะเป็นที่พูดถึงอีกนานหากพระองค์ไม่ได้เสด็จเข้าประตูเมืองมาพร้อมกับหลันเยว่ซ