“ขอรับ”เซียวหนิงหลงนั่งรออยู่เพียงไม่นาน เต๋อหลินกับสหายอีกห้าคนก็เข้ามาครบคนพอดี เขาจะมอบภารกิจให้ทั้งหกคนเดินทางด้วยรถม้าคันใหญ่หกคัน พร้อมจดหมายที่เขาจะเขียนถึงลู่ชิงเพื่อให้นางตรียมสินค้าเอาไว้ เมื่อพวกเต๋อหลินไปถึงจะได้ไม่ฉุกล่ะหุก และทั้งคนทั้งม้าต้องพักเหนื่อยสักสองสามวัน จึงนำสินค้าเดินทางก
แคว้นฉู่เป็นแคว้นที่ใหญ่รองลงมาจากแคว้นซีหนาน ซึ่งมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และกองทัพที่แข็งแกร่ง ไม่แปลกที่แคว้นตงหนานต้องการยึดพื้นที่ชายแดน และแคว้นเป่ยเยี่ยนที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของแคว้นฉู่แม้การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรจะดีเหมือนแคว้นอื่น แต่แคว้นเป่ยเยี่ยนกลับมีพระสนมยศกุ้ยเฟย จากตระกูลเก่าแ
“ชิงเอ๋อร์ ๆ ๆ”“ห๊ะ อะ เอ่อ ท่านแม่เรียกข้าทำไมหรือเจ้าคะ” ลู่ชิงตกใจที่จู่ ๆ ได้ยินเสียงมารดาเรียกชื่อตนซ้ำ ๆ“แม่ต้องถามเจ้ามากกว่านะชิงเอ๋อร์ว่าเจ้าเป็นอะไร หลายวันมานี้เจ้าเอาแต่นั่งเหม่อเหมือนคนคิดไม่ตก พอจะเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทุกคนเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ก็ให้เป็นห่ว
“ครอบครัวของเราไม่เคยคิดทำร้ายใคร แต่ทำไมถึงมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวเช่นนี้ได้นะ หรือเป็นเคราะห์กรรมที่พวกเราต้องพบเจอ และหาทางผ่านมันไปให้ได้ใช่หรือไม่” ฟางซินไม่เข้าใจคนที่คอยจ้องทำร้ายครอบครัวของตนเองนัก ทั้งที่ยังมีครอบครัวที่ร่ำรวยอีกมากมาย เหตุใดเป้าหมายต้องเป็นพวกนางเสียทุกครั้ง“ท่
“กังฮุยเจ้ารีบไปเอาตัวเด็กสาวคนนั้นมาให้ข้า จะได้รีบไปจากที่นี่ก่อนเรื่องนี้จะมีใครมาพบเข้า”“ขอรับนายท่านเฮ่อ”“พรึบ! พรึบ! คิดจะลักพาตัวคุณหนูของพวกข้างั้นรึ มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกนะ” เจียวมิ่งกับก้งคุนกระโดดออกมาจากการดักซุ่มข้างทาง“เจ้าสองคนเป็นใครมายุ่งเรื่องของผู้อื่นข้าจะพาตัวเด็กสาวคนนั้นไป
“การทำพิธีของเจ้าต้องจัดการกับคุณหนูของข้าอย่างไร” เจียวมิ่งสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการทำพิธีที่เฮ่อจาวหยูพูดมา“ข้าต้องนำตัวนางไปชำระล้าง โดยการแช่น้ำท่ามกลางแสงจันทร์เป็นเวลาเจ็ดวัน หลังจากนั้นใช้เลือดจากหัวใจของนาง มอบให้กับสตรีในตระกูลได้ดื่ม ส่วนร่างของนางจะนำไปทำลายอย่างไร ที่ตระกูลข้ามีคนรับผิดชอบ
หลังจากเจียวมิ่งบอกเล่าต้นสายปลายเหตุที่เฮ่อจาวหยูต้องการจับตัวลู่ชิงไป ทุกคนทำสีหน้าเหลือเชื่อว่าผ่านมาหลายร้อยปี ยังมีคนเชื่อเรื่องพิธีกรรมแปลก ๆ เช่นนี้อยู่อีกหรือ พวกเขาคิดถึงเด็กสาวที่ต้องสังเวยชีวิต เพราะคนหลงผิดเห็นแก่ตัวทำเรื่องผิดบาปสังหารคนเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลแล้วศพพวกนั้นถูกนำไปกำ
“รับทราบขอรับข้าจะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้” ตันเจียงไม่กล้าชักช้ารีบไปจัดการตามคำสั่งทันที ส่วนจดหมายของตนค่อยอ่านทีหลัง“ตระกูลเฮ่อพวกเจ้าใช้ชีวิตให้มีความสุขไปก่อนเถิด อีกไม่นานความสุขของพวกเจ้าจะไม่มีอีกต่อไป”พระชายาไป๋ที่ทราบเรื่องว่ามีบ่าวไพร่หลายคนหมดสติ เพราะไอสังหารของบุตรชายจึงรีบรุดมาหาเขายั
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่