หลังจากวันที่ส่งปาเซี่ยกลับเมืองหลวง พร้อมของฝากแล้ว ร้านอาหารตระกูลสวียังคงขายดี มีลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เริ่มมีพ่อค้าเร่จากเมืองอื่น เข้ามาที่ตำบลหย่งฝูมากขึ้นส่วนใหญ่ที่เดินทางมา เพราะได้ยินเรื่องอาหารรสชาติอร่อย และยาสมุนไพรที่รักษาอาการเจ็บป่วยได้ดีมาก ทั้งมียาน้ำของเด็กยาน้ำสำหรับสตรีที่
“อ้อ ท่านหมออย่าได้กลัว ข้าเป็นคนของคุณหนูลู่ชิงขอรับ ก่อนจะปิดร้านเมื่อตอนเย็น คุณหนูได้ไหว้วานให้มาตรวจตราแถวร้านของท่าน เพราะคุณหนูกังวลว่าท่านจะมีคนที่เสียผลประโยชน์ปองร้าย และมันก็เป็นจริงอย่างที่คุณหนูคาดการณ์เอาไว้ขอรับ” เจียวมิ่งอธิบายที่มาที่ไปของตนแก่ท่านหมอเกา“นั่นสิตอนที่ลู่ชิงนางมาเสนอ
เมื่อยามเช้ามาถึงก้งเยว่และก้งเจี้ย ที่ตื่นก่อนใครรีบมาที่ร้านอาหารเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในคืนที่ผ่านมาให้ลู่ชิงและครอบครัวได้ฟัง ทุกคนตกใจไม่น้อยกับเรื่องดังกล่าว ลู่ชิงไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะลงมือเร็วถึงเพียงนี้“คืนนี้คงจะเป็นคนของเหลาอาหารจิ้นหย่งเหอ ที่จะลงมือกับครอบครัวข้าสินะเจ้าคะ รบกวน
ทั้งสามคนขึ้นมาถึงบนชั้นสอง หลงจู๊ไห่สั่งอันธพาลสองคนยืนเฝ้าด้านหน้าห้องนอนห้องแรกไว้ ส่วนตัวเขาจะเข้าไปจับตัวเด็กสาวคนนั้นออกมาเอง ด้วยความมืดทำให้เขามองคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ชัด จึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ อีกหน่อย พอยื่นมือหมายจะดึงผ้าห่มออก หลงจู๊ไห่กลับรู้สึกว่ามีอะไรเย็น ๆ วางพาดอยู่ที่คอของตนเอง จนได
เมื่อรุ่งอรุณวันใหม่มาถึง ที่หน้าศาลาว่าการมีเสียงตีกลองร้องทุกข์ดังขึ้น เรียกความสนใจของชาวบ้านมากมายได้เป็นอย่างดี รอไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ออกมาสอบถามว่า ผู้ตีกลองนี้เป็นผู้ใดและนำไปรายงานท่านนายอำเภอ ก่อนจะเปิดที่ทำการเพื่อพิจารณาคดีความ ภายหลังนายอำเภอนั่งประจำตำแหน่งผู้ตัดสินคดีความ ด้านหน้าก็มี
“เป็นคำกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผลสิ้นดี หากพ่อครัวเหลาอาหารของท่านเก่งจริง ทำไมถึงไม่คิดสูตรอาหารที่ดีกว่าออกมาขาย หรือว่าที่จริงแล้วพ่อครัวไม่ได้ทำอาหารเก่ง แต่เป็นเพราะสูตรอาหารที่ไปขโมยคนอื่นมาต่างหาก ข้าพูดถูกหรือไม่เถ้าแก่จาง” ลู่จื้อที่ทนไม่ไหวกับการไร้เหตุผลของคนชั่วพวกนี้ ถึงได้พูดตอกหน้าเถ้าแก่จ
จวนขนาดใหญ่หลังหนึ่งในเมืองหลวง หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งเจ้าของจวนแห่งนี้ก็คือนายท่านอู๋เจียงสง ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน อดีตผู้นำตระกูลที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว เคยมีโอกาสได้เป็นวาณิชหลวง ส่งผ้าไหมและเครื่องประดับที่หายากถวายให้กับเชื้อพระวงศ์ ทำให้ตระกูลอู๋มีชื่อเสียงเหนือกว่าร้านค้าอื่น ๆ จ
“ท่านพ่อ!!!” ลู่เวินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขาไม่คิดว่าบิดาจะเชื่อคนง่ายเช่นนี้ไม่คิดจะตรวจสอบให้ดี ก็ตัดสินว่าเขาเป็นคนผิดเสียแล้วลู่เวินทำเพียงคุกเข่าคำนับบิดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของบิดาไป เมื่อมาถึงเรือนพักของตนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทำให้ฟางซินผู้เป็นภรรยาถามขึ้นด้วยความห่วงใย
“กระหม่อมเข้าใจชิงเอ๋อร์เป็นอย่างดี และไม่มีวันที่จะทำให้ชิงเอ๋อร์ต้องเสียใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามชิงเอ๋อร์อยากทำสิ่งใดกระหม่อมย่อมสนับสนุน คอยปกป้องนางให้พ้นภัยจากคนชั่ว รัชทายาทอย่าได้ทรงกังวลเรื่องนี้ หากเมื่อไหร่ชิงเอ๋อร์ต้องการไปเยือนตงเฉียน กระหม่อมจะเป็นคนพาไปด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ” “ก็ดี เปิ่นไท่
“แล้วเสี่ยวชิงเป็นอย่างไรบ้าง ทำสัญญาการค้ากับสี่แคว้น แค่วันเดียวก็ได้รับเงินแสนตำลึงแล้ว ยังไม่นับเงินส่วนต่างที่จะได้รับหลังกิจการในแต่ละแคว้นเปิดทำการอีก ต่อไปนี้ใคร ๆ ก็คงจะคิดหนักหากคิดจะจัดการตระกูลสวี” “ตอนนี้ชิงเอ๋อร์กำลังทำคู่มือสำหรับการเปิดกิจการสาขา และพ่อครัวที่ต้องเดินทางไปสอนการทำอา
เมื่อคนกลุ่มใหญ่จากสามแคว้นออกจากท้องพระโรงแล้ว ได้เสด็จตรงไปยังประตูวังหลวง เพื่อรอให้ข้ารับใช้ไปเก็บสัมภาระ ยังตำหนักรับรองที่ได้พำนักก่อนหน้านี้ รวมถึงรัชทายาทและพระชายาที่ต้องตามเสด็จกลับแคว้น แม้ภายในใจจะรู้สึกโกรธเคือง และไม่เห็นด้วยกับพระบิดาเพียงใดก็ไม่อาจแสดงออกได้มากนัก ยามนี้ยังอยู่ต่างแ
“เฮอะ มีฮ่องเต้คนใดบ้างที่ไม่มีสนม อย่างน้อยพวกนางก็ช่วยให้เรามีความสุขชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังดี ขุนนางจะดีจะชั่วใช่ว่า จะมองออกได้ง่าย ๆ ท่านคงคิดว่าตนเองเก่งมาก ที่สามารถมองคนออกว่าคนไหนดีคนไหนไม่ดีเชียวรึ” ฮ่องเต้จากซีหนานตรัสประชดประชันอย่างน่าหมั่นไส้ “ฮ่องเต้ซีหนานท่านไม่อยากเป็นฮ่องเต้ ที่เ
“จริงรึ! นี่คงเป็นลิขิตสวรรค์ ที่ได้ส่งเด็กสาวคนนี้มาเกิดบนแผ่นดินแคว้นฉู่ แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเล็ก ๆ แต่กลับช่วยผู้คนได้มากมายนัก ไว้แนะนำให้เจิ้นได้รู้จักนางบ้าง เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กันสักครั้ง” “เสด็จพ่อทรงพักผ่อนสักนิดเถิด เย็นนี้จะได้ชิมอาหารสูตรของคุณหนูสวี แล้วจะทรงเข้าพระทัยว่าเหตุใด ล
เพราะเดินทางก่อนทำให้ฮ่องเต้ตงเพ่ยจวิน เสด็จมาถึงเมืองหลวงแคว้นฉู่เป็นพระองค์แรก โดยมีรัชทายาทมารอรับเสด็จพระบิดาที่หน้าประตูวังหลวง พร้อมด้วยฮ่องเต้เซียวถิงเฟิง ชินอ๋องและขุนนางอีกหลายคนที่มารอต้อนรับด้วยเช่นกัน “ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” “รัชทายาทเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นี่มีปัญหาอันใดหรือไ
“จือเค่อเจ้าไปสังหารฮ่องเต้ส่วนข้ากับลี่จ้งจะหาของมีค่า เผื่อฝ่าบาทจะนำมาด้วยระหว่างทางหลบหนี ยังต้องใช้เงินอีกมาก”“อืม ทำเงียบ ๆ เล่าอย่าได้ส่งเสียงดังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเราสามคนคงหนีไม่พ้นเข้าใจไหม”“เชื่อมือพวกข้าสองคนเถิดน่างานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน เจ้ารอส่วนแบ่งก็พอแล้วรีบลงมือกันเถิด”จือเค่อ
ส่วนองครักษ์เหยียนกลับคิดถึงเรื่องยาพิษมากกว่า “อย่าว่าแต่เรื่องพลังยุทธ์เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนึกถึงยาพิษที่ฮองเฮาได้รับแล้วยังขนลุกได้ทุกครั้ง ยาพิษอันใดกันทำให้เจ็บปวดทรมานอยากตายก็ตายไม่ได้ แต่อยู่โดยมีพิษนี้อยู่ในร่างกายต้องทุกข์ทรมานยามตะวับลับขอบฟ้า น่ากลัวมากจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้รัชท
ตลอดระยะเวลาที่ตัวประกันที่เป็นเชื้อพระวงศ์ และต้องพำนักอยู่ที่แคว้นฉู่มาพักใหญ่ แม้จะถูกจำกัดบริเวณที่ไปได้ แต่มิได้ทำให้ทุกคนซึมเซาหรือเคร่งเครียดแต่อย่างใด เพราะกิจการของตระกูลสวีดึงดูดความสนใจของทุกคน ยิ่งร้านน้ำหอมที่ได้เข้าไปเลือกชมด้วยตนเอง จนต้องเสียตำลึงเงินไปพอสมควร จะซื้อขวดเล็ก ๆ ได้อย่า