เซียวหนิงหลงกับกองทัพเริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวงได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว เขาได้รับจดหมายที่เจียวมิ่งส่งมาบอกเล่าเรื่องการทำการค้าของลู่ชิงกับครอบครัว เพียงสงครามสงบได้ไม่ถึงสัปดาห์ นางก็มีสินค้าใหม่ส่งให้เถ้าแก่หงนำไปขายแล้ว ไหนจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเพิ่มอีก ยามนี้ยังมีแผนการขยายร้านเพิ่มที่เมืองหย่งจินเซียวหนิงหลงไม่คิดว่าลู่ชิงกับครอบครัว จะขยันทำการค้ามากถึงเพียงนี้ เขาจึงกำชับเจียวมิ่งกับคนอื่น ๆ มิให้ประมาทเรื่องคนที่ล่ะโมบโลภมาก การเฝ้าระวังยามวิกาลยังต้องทำต่อไป เมื่อใดที่เขากลับถึงเมืองหลวงแล้ว จะเร่งมือเรื่องการหาร้านค้าให้อีกทางหลังจากเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมาหลายวัน มีลูกค้าเป็นเด็กเพิ่มเข้ามา เพราะชอบที่เส้นใหญ่มันกินง่ายและน้ำซุปใสก็เหมาะสำหรับเด็ก ตอนนี้ในตำบลหย่งฝูหากมีใครเดินถือเถาใส่อาหารบนถนน ย่อมไม่มีใครสงสัยว่าถือกันทำไม เพราะทุกคนล้วนเห็นว่าเป็นลูกค้าที่ออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวตระกูลสวีนั่นเองและนี่จึงกลายเป็นที่นิยมของคนที่นี่ เมื่อเดินออกมาซื้ออาหาร มักจะมีเถาสำหรับใส่อาหารติดมือมาเสมอ บางครั้งโต๊ะในร้านทั้งสองฝั่งไม่มีโต๊ะพอให้ลูกค้าได้นั่ง การซื้อกลับบ้านจึงเป็นการช่
เพราะเสียงของฟางซินกับก้งเยว่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้ลู่เวินรีบหยุดรถม้าทันที เพื่อจะถามกับทั้งสามคนที่อยู่ด้านใน ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เรียกชื่อของลู่ชิงด้วยเสียงที่ดังเช่นนี้“เกิดอะไรขึ้นน้องหญิง ชิงเอ๋อร์เป็นอะไรเหตุใดถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้” ลู่เวินเปิดผ้าม่านที่ปิดประตูรถม้าขึ้นเพื่อถามเรื่องราวกับภรรยา“ท่านพี่เดี๋ยวค่อยให้ชิงเอ๋อร์เล่าให้ฟังนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านเรียกเจียวมิ่งกับก้งคุณมาใกล้ ๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ” ฟางซินบอกกับสามีให้เรียกทั้งสองคนที่ขี่ม้านำอยู่ด้านหน้ากลับมาที่รถม้า“ได้ เจียวมิ่ง ก้งคุนพวกเจ้ารีบมาทางนี้หน่อย ชิงเอ๋อร์มีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้า” ลู่เวินทำตามที่ฟางซินบอกทันที“มีอะไรหรือขอรับนายท่านสวี” เจียวมิ่งวนกลับมาก็รีบถามทันที“พวกเจ้าสองคนมองไปทางด้านหลังรถม้าฝั่งซ้ายมือของข้า มีสตรีสองคนเดินก้มหน้าและมีชายฉกรรจ์สองคนเดินตามหรือไม่” ก้งเยว่โผล่หน้าออกมาบอกให้เจียวมิ่งทำตามที่ตนบอก“อ่อ มีตอนนี้พวกเขากำลังเดินตรงมาทางพวกเราอยู่ แล้วมันเกี่ยวกับพวกเรายังไงล่ะก้งเยว่” เจียวมิ่งที่มองคนทั้งสี่ตามที่ก้งเยว่บอกก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับคุณหนู“เพราะเรื่องนี้คุณหนูเ
ระหว่างที่ลู่ชิงกับครอบครัวทำขนมไว้รอ ก้งเจี้ยกลับมาถึงก่อนและได้บอกเล่าสถานการณ์ในหมู่บ้านอันผิงให้ฟัง ตอนนี้ที่หมู่บ้านยังถือว่าโชคดี แม้จะไม่มีบุตรหลานบ้านไหนที่เป็นสตรีหายไป แต่ก้งเจี้ยก็ได้กำชับทุกคนให้ช่วยกันสอดส่องดูแล รวมถึงระวังคนแปลกหน้าเอาไว้หากมีคนที่ไม่รู้จักเข้าไปในหมู่บ้านจากนั้นไม่นานเจียวมิ่งกับก้งคุนก็มาถึง ทั้งสองคนพูดถึงการเข้าไปช่วยเหลือสตรี และจับกุมตัวพวกคนร้ายเหล่านั้นเอาไว้ ตอนนี้นำตัวไปขังคุกที่เมืองหย่งจินเรียบร้อยแล้ว ส่วนสตรีเหล่านั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหารพาไปส่งจนถึงบ้านทุกคนที่ตำบลหย่งฝูเองนายอำเภอ เมื่อได้รับแจ้งเรื่องราวจากก้งเยว่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปป่าวประกาศตามหมู่บ้าน และพื้นที่ในตำบลจึงทำให้ทุกบ้านเริ่มระวังตัวกันมากขึ้นกว่าเดิม กำชับบุตรหลานที่เป็นสตรีมิให้ออกจากบ้านเพียงลำพังเด็ดขาด“พวกเราคงช่วยได้เพียงสถานการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น สำหรับการตรวจสอบขุนนางตำแหน่งใหญ่โต คงต้องพึ่งพาผู้มีอำนาจเพื่อจัดการคนชั่วเหล่านี้ให้หมดไป หากยังปล่อยให้คนชั่วได้ใจเรื่องนี้ย่อมเกิดขึ้นอีก” ลู่เวินฟังจากที่เจียวมิ่งเล่ามาก็คิดว่า อย่างน้อยวันนี้ยังได้ช่วยกำจัดคนชั่ว
เมื่อชุนชานพาท่านหญิงกลับมาถึงจวน ก็พบว่าพระชายามายืนรออยู่หน้าจวนด้วยความเป็นห่วง ด้านเซียวเยว่เล่อที่เห็นมารดายืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวายอยู่หน้าประตูจวน ก็รีบลงจากรถม้าเดินไปหามารดาอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่เหตุใดออกมายืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้เจ้าคะ” เซียวเยว่เล่อรีบเข้ามาประคองมารดากลับเข้าจวน“แม่เป็นห่วงเจ้าอย่างไรเล่า ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงระหว่างทางใช่หรือไม่” พระชายาเป็นห่วงบุตรสาวเกรงจะเกิดเรื่อง ตอนที่คนติดตามไม่อาจเข้าใกล้นางได้“ไม่มีเหตุการณ์อันใดเจ้าค่ะ พี่ชุนชานไปเจอข้ากับสหายที่หน้าร้านน้ำชาพอดี จึงได้บอกให้สหายระวังตัวและมีองครักษ์ของเราตามไปส่งที่จวนแล้ว แต่ตอนที่นั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านกับสหายมีหลานสาวของพระสนมเยี่ยซูเฟย นางเข้ามาพูดจาตำหนิสั่งสอนข้าหาว่าข้าทำตัวเถลไถลไม่ยอมกลับจวนพวกเราจึงมีปากเสียงกันเล็กน้อย ที่สำคัญนางยังบอกอีกว่าพระสนมเยี่ยซูเฟยอาของนาง จะทูลขอสมรสพระราชทานให้นางกับพี่ชาย ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะของกองทัพด้วยเจ้าค่ะ” เซียวเยว่เล่อพูดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง“พระสนมเยี่ยคิดจะใช้หลานสาวของนางคนนี้ เข้ามาคอยสืบข่าวในจวนของเรากระมัง นางก็น่าจะร
การเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสาขาแรก สามารถมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด ด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าจากลูกจ้างของทางร้าน การพูดจาที่ไพเราะรู้จักพูดแนะนำวิธีการกินก๋วยเตี๋ยว ไหนจะขนมบัวลอยน้ำกะทิ แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นขนมหวาน เมื่อได้ชิมจะรู้ว่ารสชาติมิได้หวานจนเลี่ยนบาดคอคนกินทุกคนที่เข้ามาเป็นลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นลูกจ้างเป็นคนพิการแต่พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ่งกว่าคนปกติเสียอีก อาจจะมีลูกค้าบางคนถามกับลูกจ้างตรง ๆ และคำตอบที่ได้คือเถ้าแก่ร้านให้โอกาสกับคนพิการได้ทำงานเพราะพวกเขาไม่ใช่คนป่วย ยังมีแรงกายทำงานได้และเถ้าแก่ร้านไม่ดูถูกพวกเขา ลูกค้าที่ถามถึงกับนับถือน้ำใจของเถ้าแก่ร้านจากใจ จนกระทั่งต้นยามเซินก๋วยเตี๋ยวชามสุดท้าย ก็ถูกขายออกไปเรียบร้อยเมื่อช่วยกันเก็บกวาดล้างถ้วยชามแล้ว ลู่เวินจึงเรียกทุกคนมานั่งพูดคุยกันเล็กน้อย“พวกเจ้าทุกคนมาครบกันหมดแล้ว ก็นั่งลงพักผ่อนเสียก่อนวันนี้เปิดร้านวันแรกก็จะเหนื่อยหน่อยนะ เดี๋ยววันต่อ ๆ ไปคงจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้เอง และลูกค้าอาจจะมากแต่ไม่เท่าวันแรกแน่นอน” ลู่เวินเห็นทุกคนทำงานอย่างทุ่มเทก็รู้สึกดีมาก“ท่านอาท่านน้าทุกท่านทำงานเหนื่อยมาทั
เจียวมิ่งคาดการณ์ได้ถูกต้องยามนี้เซียวหนิงหลงใกล้จะถึงเมืองหลวงเข้าไปทุกที ก่อนจะเข้าเมืองเซียวหนิงหลงแวะไปที่หมู่บ้านนอกเมือง เพื่อคัดเลือกหน่วยลับเข้าไปช่วยติดตามขุนนางทั้งหมด แม้ว่าจะมีหน่วยลับแฝงตัวอยู่ในจวนเหล่านั้นแล้วก็ตาม ใช่ว่าพวกเขาจะติดตามออกจากจวนได้เซียวหนิงหลงจึงต้องใช้คนเพิ่มและยามจื่อคืนนี้เขาจะลอบเข้าเมืองหลวงอย่างที่เคยทำ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคนขององค์ชายสาม เพราะตอนนี้กำลังที่จะช่วยก่อกบฏไม่มีแล้ว จึงต้องเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ดูท่าทีขององค์ชายคนอื่น ๆ ไปก่อนส่วนพระสนมเยี่ยซูเฟยสายของเขารายงานว่า เริ่มมีอาการป่วยแสดงออกมาบ้างแล้ว เซียวหนิงหลงคิดว่าตนคงต้องหาโอกาสเข้าวังไปพบเสด็จลุงสักครั้ง เพื่อหารือป้องกันและแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เมื่อเซียวหนิงหลงมาถึงหมู่บ้านนอกเมือง หัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบดูแลที่นี่ก็ทำความเคารพเขาทันที พร้อมกับแปลกใจว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้“คารวะซื่อจื่อขอรับ มิใช่ว่าตอนนี้ท่านอยู่ระหว่างเดินทางมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ขอรับ” หลี่เฉียงที่เป็นหัวหน้าหน่วยลับ ประจำหมู่บ้านถามเซียวหนิงหลงด้วยความแปลกใจ“ข้าได้ร
ก้งเยว่รีบพาลู่ชิงกลับมาหาลู่เวินเพราะเห็นว่าลู่ชิงมีสีหน้าซีดเซียวลงไปทุกที พอลู่เวินเห็นอาการของบุตรสาว ก็รับตัวนางมากอดไว้อยู่กันมาหลายเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง“ไม่เป็นไรแล้วพ่ออยู่กับเจ้าตรงนี้ ถ้าเจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด” ลู่เวินยังไม่อยากถามอะไรกับบุตรสาวในตอนนี้ เห็นท่าทางของนางแล้วก็ทำได้เพียงกอดปลอบนางอยู่นิ่ง ๆ“ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ท่านพ่อ ข้ากลัวมากเลยเจ้าค่ะ ฮึก พวกมัน ฮึก พวกมันใจร้ายมาก ฮือ ๆ ๆ” ลู่ชิงทนอัดอั้นไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมาในอ้อมกอดของบิดา“ชิงเอ๋อร์ใจเย็น ๆ นะลูก ทำใจให้สงบก่อนแล้วค่อยเล่าให้พ่อฟังนะ ไม่ต้องรีบร้อนพ่อรอได้ก้งเยว่รอได้” ลู่เวินค่อย ๆ พูดให้บุตรสาวสงบสติอารมณ์ให้ดีก่อนค่อยคุยเรื่องอื่น“ฮึก ฮึก ขอโทษเจ้าค่ะข้ากลัวจะสูญเสียพวกท่านไป ก็เลยควบคุมสติของตนเองไม่ได้” ลู่ชิงที่ได้ร้องไห้และได้รับการปลอบโยนจากบิดาก็เริ่มใจเย็นลง“เอาล่ะ ถ้าชิงเอ๋อร์ใจเย็นลงแล้ว ลองเล่าให้พ่อกับก้งเยว่ฟังสิว่าเจ้าได้ยินอะไรมา พวกเราจะได้ช่วยกันวางแผนรับมือได้ทันอย่างไรเล่า” ลู่เวินลองถามบุตรสาวเมื่อเห็นว่านางเริ่มคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว“ใช่เจ้าค่ะคุณห
บนที่นอนเก่า ๆ มีร่างของเด็กสาวอายุสิบสองหนาวที่นอนป่วยติดต่อกันมาห้าวันแล้วกำลังขยับตัว ร่างผอมบางแทบจะปลิวหากถูกลมแรง ๆ พัดมา จนลืมตาขึ้นมาได้ก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวไปหมด เมื่อปรับสายตาได้จึงมองสำรวจรอบ ๆ ก็แปลกใจว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เข็มขาวจำได้ว่าเธอถูกรถชนอย่างแรง และตายไปแล้วแต่ตอนนี้ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังใส่ชุดเหมือนคนจีนโบราณเมื่อนั่งทบทวนเรื่องราวอยู่จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างแรงและมีความทรงจำของร่างนี้ มันกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอจนต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่เกือบหนึ่งเค่อ อาการปวดหัวเหล่านั้นจึงเริ่มดีขึ้น เธอเรียบเรียงความทรงจำของร่างนี้ ก็พบว่าร่างที่เธอเข้ามาอยู่นั้นมีชื่อว่าสวีลู่ชิงอายุสิบสองหนาว ท่านพ่อของนางถูกท่านปู่แท้ ๆ ไล่ออกจากตระกูล เพราะมีคนสร้างหลักฐานเท็จใส่ร้ายว่า ท่านพ่อทำบัญชีปลอมเพื่อโกงเงินร้านค้าผ้าเมื่อมีหลักฐานชี้ชัดก็ไม่อาจก้ตัวอะไรได้ ท่านพ่อจึงพาทุกคนเดินทางมาบ้านเดิมของท่านย่าที่หมู่บ้านอันผิง ยามออกจากจวนพวกเขาไม่อาจหยิบของมีค่าติดตัวมาได้ โชคดีที่ท่านแม่แอบนำตั๋วเงิน มาเย็บไว้ในเสื้อผ้าของลู่ชิงจึงพอมีเงินจ่ายค่าเดินทาง จากพ่
ก้งเยว่รีบพาลู่ชิงกลับมาหาลู่เวินเพราะเห็นว่าลู่ชิงมีสีหน้าซีดเซียวลงไปทุกที พอลู่เวินเห็นอาการของบุตรสาว ก็รับตัวนางมากอดไว้อยู่กันมาหลายเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง“ไม่เป็นไรแล้วพ่ออยู่กับเจ้าตรงนี้ ถ้าเจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด” ลู่เวินยังไม่อยากถามอะไรกับบุตรสาวในตอนนี้ เห็นท่าทางของนางแล้วก็ทำได้เพียงกอดปลอบนางอยู่นิ่ง ๆ“ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ท่านพ่อ ข้ากลัวมากเลยเจ้าค่ะ ฮึก พวกมัน ฮึก พวกมันใจร้ายมาก ฮือ ๆ ๆ” ลู่ชิงทนอัดอั้นไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมาในอ้อมกอดของบิดา“ชิงเอ๋อร์ใจเย็น ๆ นะลูก ทำใจให้สงบก่อนแล้วค่อยเล่าให้พ่อฟังนะ ไม่ต้องรีบร้อนพ่อรอได้ก้งเยว่รอได้” ลู่เวินค่อย ๆ พูดให้บุตรสาวสงบสติอารมณ์ให้ดีก่อนค่อยคุยเรื่องอื่น“ฮึก ฮึก ขอโทษเจ้าค่ะข้ากลัวจะสูญเสียพวกท่านไป ก็เลยควบคุมสติของตนเองไม่ได้” ลู่ชิงที่ได้ร้องไห้และได้รับการปลอบโยนจากบิดาก็เริ่มใจเย็นลง“เอาล่ะ ถ้าชิงเอ๋อร์ใจเย็นลงแล้ว ลองเล่าให้พ่อกับก้งเยว่ฟังสิว่าเจ้าได้ยินอะไรมา พวกเราจะได้ช่วยกันวางแผนรับมือได้ทันอย่างไรเล่า” ลู่เวินลองถามบุตรสาวเมื่อเห็นว่านางเริ่มคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว“ใช่เจ้าค่ะคุณห
เจียวมิ่งคาดการณ์ได้ถูกต้องยามนี้เซียวหนิงหลงใกล้จะถึงเมืองหลวงเข้าไปทุกที ก่อนจะเข้าเมืองเซียวหนิงหลงแวะไปที่หมู่บ้านนอกเมือง เพื่อคัดเลือกหน่วยลับเข้าไปช่วยติดตามขุนนางทั้งหมด แม้ว่าจะมีหน่วยลับแฝงตัวอยู่ในจวนเหล่านั้นแล้วก็ตาม ใช่ว่าพวกเขาจะติดตามออกจากจวนได้เซียวหนิงหลงจึงต้องใช้คนเพิ่มและยามจื่อคืนนี้เขาจะลอบเข้าเมืองหลวงอย่างที่เคยทำ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคนขององค์ชายสาม เพราะตอนนี้กำลังที่จะช่วยก่อกบฏไม่มีแล้ว จึงต้องเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ดูท่าทีขององค์ชายคนอื่น ๆ ไปก่อนส่วนพระสนมเยี่ยซูเฟยสายของเขารายงานว่า เริ่มมีอาการป่วยแสดงออกมาบ้างแล้ว เซียวหนิงหลงคิดว่าตนคงต้องหาโอกาสเข้าวังไปพบเสด็จลุงสักครั้ง เพื่อหารือป้องกันและแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เมื่อเซียวหนิงหลงมาถึงหมู่บ้านนอกเมือง หัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบดูแลที่นี่ก็ทำความเคารพเขาทันที พร้อมกับแปลกใจว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้“คารวะซื่อจื่อขอรับ มิใช่ว่าตอนนี้ท่านอยู่ระหว่างเดินทางมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ขอรับ” หลี่เฉียงที่เป็นหัวหน้าหน่วยลับ ประจำหมู่บ้านถามเซียวหนิงหลงด้วยความแปลกใจ“ข้าได้ร
การเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสาขาแรก สามารถมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด ด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าจากลูกจ้างของทางร้าน การพูดจาที่ไพเราะรู้จักพูดแนะนำวิธีการกินก๋วยเตี๋ยว ไหนจะขนมบัวลอยน้ำกะทิ แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นขนมหวาน เมื่อได้ชิมจะรู้ว่ารสชาติมิได้หวานจนเลี่ยนบาดคอคนกินทุกคนที่เข้ามาเป็นลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นลูกจ้างเป็นคนพิการแต่พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ่งกว่าคนปกติเสียอีก อาจจะมีลูกค้าบางคนถามกับลูกจ้างตรง ๆ และคำตอบที่ได้คือเถ้าแก่ร้านให้โอกาสกับคนพิการได้ทำงานเพราะพวกเขาไม่ใช่คนป่วย ยังมีแรงกายทำงานได้และเถ้าแก่ร้านไม่ดูถูกพวกเขา ลูกค้าที่ถามถึงกับนับถือน้ำใจของเถ้าแก่ร้านจากใจ จนกระทั่งต้นยามเซินก๋วยเตี๋ยวชามสุดท้าย ก็ถูกขายออกไปเรียบร้อยเมื่อช่วยกันเก็บกวาดล้างถ้วยชามแล้ว ลู่เวินจึงเรียกทุกคนมานั่งพูดคุยกันเล็กน้อย“พวกเจ้าทุกคนมาครบกันหมดแล้ว ก็นั่งลงพักผ่อนเสียก่อนวันนี้เปิดร้านวันแรกก็จะเหนื่อยหน่อยนะ เดี๋ยววันต่อ ๆ ไปคงจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้เอง และลูกค้าอาจจะมากแต่ไม่เท่าวันแรกแน่นอน” ลู่เวินเห็นทุกคนทำงานอย่างทุ่มเทก็รู้สึกดีมาก“ท่านอาท่านน้าทุกท่านทำงานเหนื่อยมาทั
เมื่อชุนชานพาท่านหญิงกลับมาถึงจวน ก็พบว่าพระชายามายืนรออยู่หน้าจวนด้วยความเป็นห่วง ด้านเซียวเยว่เล่อที่เห็นมารดายืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวายอยู่หน้าประตูจวน ก็รีบลงจากรถม้าเดินไปหามารดาอย่างรวดเร็ว“ท่านแม่เหตุใดออกมายืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้เจ้าคะ” เซียวเยว่เล่อรีบเข้ามาประคองมารดากลับเข้าจวน“แม่เป็นห่วงเจ้าอย่างไรเล่า ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงระหว่างทางใช่หรือไม่” พระชายาเป็นห่วงบุตรสาวเกรงจะเกิดเรื่อง ตอนที่คนติดตามไม่อาจเข้าใกล้นางได้“ไม่มีเหตุการณ์อันใดเจ้าค่ะ พี่ชุนชานไปเจอข้ากับสหายที่หน้าร้านน้ำชาพอดี จึงได้บอกให้สหายระวังตัวและมีองครักษ์ของเราตามไปส่งที่จวนแล้ว แต่ตอนที่นั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านกับสหายมีหลานสาวของพระสนมเยี่ยซูเฟย นางเข้ามาพูดจาตำหนิสั่งสอนข้าหาว่าข้าทำตัวเถลไถลไม่ยอมกลับจวนพวกเราจึงมีปากเสียงกันเล็กน้อย ที่สำคัญนางยังบอกอีกว่าพระสนมเยี่ยซูเฟยอาของนาง จะทูลขอสมรสพระราชทานให้นางกับพี่ชาย ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะของกองทัพด้วยเจ้าค่ะ” เซียวเยว่เล่อพูดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง“พระสนมเยี่ยคิดจะใช้หลานสาวของนางคนนี้ เข้ามาคอยสืบข่าวในจวนของเรากระมัง นางก็น่าจะร
ระหว่างที่ลู่ชิงกับครอบครัวทำขนมไว้รอ ก้งเจี้ยกลับมาถึงก่อนและได้บอกเล่าสถานการณ์ในหมู่บ้านอันผิงให้ฟัง ตอนนี้ที่หมู่บ้านยังถือว่าโชคดี แม้จะไม่มีบุตรหลานบ้านไหนที่เป็นสตรีหายไป แต่ก้งเจี้ยก็ได้กำชับทุกคนให้ช่วยกันสอดส่องดูแล รวมถึงระวังคนแปลกหน้าเอาไว้หากมีคนที่ไม่รู้จักเข้าไปในหมู่บ้านจากนั้นไม่นานเจียวมิ่งกับก้งคุนก็มาถึง ทั้งสองคนพูดถึงการเข้าไปช่วยเหลือสตรี และจับกุมตัวพวกคนร้ายเหล่านั้นเอาไว้ ตอนนี้นำตัวไปขังคุกที่เมืองหย่งจินเรียบร้อยแล้ว ส่วนสตรีเหล่านั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหารพาไปส่งจนถึงบ้านทุกคนที่ตำบลหย่งฝูเองนายอำเภอ เมื่อได้รับแจ้งเรื่องราวจากก้งเยว่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปป่าวประกาศตามหมู่บ้าน และพื้นที่ในตำบลจึงทำให้ทุกบ้านเริ่มระวังตัวกันมากขึ้นกว่าเดิม กำชับบุตรหลานที่เป็นสตรีมิให้ออกจากบ้านเพียงลำพังเด็ดขาด“พวกเราคงช่วยได้เพียงสถานการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น สำหรับการตรวจสอบขุนนางตำแหน่งใหญ่โต คงต้องพึ่งพาผู้มีอำนาจเพื่อจัดการคนชั่วเหล่านี้ให้หมดไป หากยังปล่อยให้คนชั่วได้ใจเรื่องนี้ย่อมเกิดขึ้นอีก” ลู่เวินฟังจากที่เจียวมิ่งเล่ามาก็คิดว่า อย่างน้อยวันนี้ยังได้ช่วยกำจัดคนชั่ว
เพราะเสียงของฟางซินกับก้งเยว่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้ลู่เวินรีบหยุดรถม้าทันที เพื่อจะถามกับทั้งสามคนที่อยู่ด้านใน ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เรียกชื่อของลู่ชิงด้วยเสียงที่ดังเช่นนี้“เกิดอะไรขึ้นน้องหญิง ชิงเอ๋อร์เป็นอะไรเหตุใดถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้” ลู่เวินเปิดผ้าม่านที่ปิดประตูรถม้าขึ้นเพื่อถามเรื่องราวกับภรรยา“ท่านพี่เดี๋ยวค่อยให้ชิงเอ๋อร์เล่าให้ฟังนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านเรียกเจียวมิ่งกับก้งคุณมาใกล้ ๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ” ฟางซินบอกกับสามีให้เรียกทั้งสองคนที่ขี่ม้านำอยู่ด้านหน้ากลับมาที่รถม้า“ได้ เจียวมิ่ง ก้งคุนพวกเจ้ารีบมาทางนี้หน่อย ชิงเอ๋อร์มีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้า” ลู่เวินทำตามที่ฟางซินบอกทันที“มีอะไรหรือขอรับนายท่านสวี” เจียวมิ่งวนกลับมาก็รีบถามทันที“พวกเจ้าสองคนมองไปทางด้านหลังรถม้าฝั่งซ้ายมือของข้า มีสตรีสองคนเดินก้มหน้าและมีชายฉกรรจ์สองคนเดินตามหรือไม่” ก้งเยว่โผล่หน้าออกมาบอกให้เจียวมิ่งทำตามที่ตนบอก“อ่อ มีตอนนี้พวกเขากำลังเดินตรงมาทางพวกเราอยู่ แล้วมันเกี่ยวกับพวกเรายังไงล่ะก้งเยว่” เจียวมิ่งที่มองคนทั้งสี่ตามที่ก้งเยว่บอกก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับคุณหนู“เพราะเรื่องนี้คุณหนูเ
เซียวหนิงหลงกับกองทัพเริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวงได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว เขาได้รับจดหมายที่เจียวมิ่งส่งมาบอกเล่าเรื่องการทำการค้าของลู่ชิงกับครอบครัว เพียงสงครามสงบได้ไม่ถึงสัปดาห์ นางก็มีสินค้าใหม่ส่งให้เถ้าแก่หงนำไปขายแล้ว ไหนจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเพิ่มอีก ยามนี้ยังมีแผนการขยายร้านเพิ่มที่เมืองหย่งจินเซียวหนิงหลงไม่คิดว่าลู่ชิงกับครอบครัว จะขยันทำการค้ามากถึงเพียงนี้ เขาจึงกำชับเจียวมิ่งกับคนอื่น ๆ มิให้ประมาทเรื่องคนที่ล่ะโมบโลภมาก การเฝ้าระวังยามวิกาลยังต้องทำต่อไป เมื่อใดที่เขากลับถึงเมืองหลวงแล้ว จะเร่งมือเรื่องการหาร้านค้าให้อีกทางหลังจากเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมาหลายวัน มีลูกค้าเป็นเด็กเพิ่มเข้ามา เพราะชอบที่เส้นใหญ่มันกินง่ายและน้ำซุปใสก็เหมาะสำหรับเด็ก ตอนนี้ในตำบลหย่งฝูหากมีใครเดินถือเถาใส่อาหารบนถนน ย่อมไม่มีใครสงสัยว่าถือกันทำไม เพราะทุกคนล้วนเห็นว่าเป็นลูกค้าที่ออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวตระกูลสวีนั่นเองและนี่จึงกลายเป็นที่นิยมของคนที่นี่ เมื่อเดินออกมาซื้ออาหาร มักจะมีเถาสำหรับใส่อาหารติดมือมาเสมอ บางครั้งโต๊ะในร้านทั้งสองฝั่งไม่มีโต๊ะพอให้ลูกค้าได้นั่ง การซื้อกลับบ้านจึงเป็นการช่
เมื่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว ทางฝั่งร้านอาหารจึงปรับลดจำนวนการทำอาหารลงมาเล็กน้อย แต่ลูกค้าก็ยังสั่งทั้งสองอย่าง กลับไปกินที่บ้านกับครอบครัวเช่นเคย พอผ่านไปได้สามวันลู่ชิงไม่ลืมให้ก้งเจี้ยนำน้ำยาสระผม สินค้าใหม่ไปส่งให้กับเถ้าแห่หงจำนวนห้าร้อยขวด เพื่อเป็นการเปิดตลาดสำหรับสินค้าชนิดนี้เป็นครั้งแรกหากมียอดขายทำกำไรได้ดีย่อมมีการเพิ่มจำนวนขึ้นในภายหลัง หลังจากความสงบกลับมาเยือนการค้าขายก็เริ่มกลับมาคึกคัก และลู่ชิงคิดว่าในตำบลหย่งฝูตอนนี้ มีเหล่าพ่อค้าเข้ามามากขึ้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายพลอยขายดีไปด้วยเนื่องจากวิธีการปลูกผักที่ลู่ชิงเผยแพร่ให้กับชาวบ้านไป พวกเขานำไปใช้ในที่ดินของตนเอง จนปลูกผักออกมาขายได้มากมาย มีพ่อค้าที่อยู่หัวเมืองไม่ไกลนักมาติดต่อสั่งซื้อผักกับชาวบ้านไว้หลายคนการเดินทางของผักเพียงหนึ่งวันทำให้ผักยังสดอยู่เมื่อไปถึงที่หมาย ด้วยทุกคนอาจจะมีวิธีรักษาความสดของผักเป็นของตนเอง และวันนี้ร้านของลู่ชิงยังได้รับแขกจากเมืองหย่งจิน ที่เดินทางมาชิมก๋วยเตี๋ยวของนาง เพราะมีคำร่ำลือไปถึงที่นั่นวันนี้จึงมาลิ้มลองด้วยตนเอง“เถ้าแก่น้อยจำข้าได้หรือไม่” เจ้าเมืองไป๋เดินเข้าไปทักทา
หลังจากวันที่ได้ลงความเห็นว่า จะซื้อร้านข้าง ๆ เพื่อทำเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ลู่เวินกับลู่จื้อรีบไปจัดการในเช้าของวันถัดมาทันที เจียวมิ่งได้เข้าไปจ้างนายช่างจากเมืองหย่งจิน เพื่อมาช่วยปรับปรุงร้านค้าอีกทางหนึ่งซึ่งจะเริ่มทำการปรับปรุงในอีกสองวัน ลู่ชิงเกรงว่าการรื้อถอนไม้ จะรบกวนการทานอาหารของลูกค้า จึงเอาผ้าสำหรับทำกระโจมที่พักผืนใหญ่ออกมา ให้ทุกคนช่วยกันผูกเชือกบังด้านข้างร้านที่ติดกันเอาไว้ ป้องกันฝุ่นลอยเข้ามาภายใน และนางได้แจ้งกับลูกค้าทุกคนไว้แล้วว่า จะปรับปรุงร้านเพิ่มเพื่อเปิดกิจการอีกหนึ่งอย่าง แต่ลูกค้าสามารถนั่งทานอาหารได้ทั้งสองฝั่ง“ลูกค้าทุกท่าน ข้ามีเรื่องจะชี้แจงให้พวกท่านได้ทราบเจ้าค่ะ ตอนนี้ครอบครัวของข้าได้ซื้อร้านข้าง ๆ เอาไว้แล้ว และจะทำการปรับปรุงในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อไม่ให้การปรับปรุงร้านรบกวนการทานอาหารของพวกท่าน ข้าได้นำผ้ามากางบังด้านข้างร้านเป็นการป้องกันฝุ่นละอองที่อาจจะลอยมา ทำให้พวกท่านทานอาหารไม่สะดวกเจ้าค่ะ” ลู่ชิงชี้แจงให้ลูกค้าที่เริ่มเข้าร้านมาทานอาหาร ได้ทราบเอาไว้ล่วงหน้า“นี่เถ้าแก่น้อย เจ้าจะเปิดเป็นร้านอะไรหรือ ร้านใหม่ยังเป็นอาหารอร่อย ๆ อยู่ไห