เว่ยเหวินเซียนมองดูทหารองครักษ์พาตัวหานสิงเวยไป ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะมาหยุดสายตาที่สามคนพ่อแม่ลูกแซ่เผย
“ในอดีตที่เกิดขึ้นหากพระชายาของข้ามิเอาความ ข้าเองก็ไม่ถือสา แต่นับจากบัดนี้เป็นต้นไป มิว่าผู้ใดทำให้พระชายาของข้าต้องเจ็บปวดจะทางกายก็ดีทางใจก็ดี ข้าจะลากมันผู้นั้นมาลงโทษด้วยตนเอง และมิเพียงเท่านั้นข้าจะจับมันผู้นั้นแห่ให้ทุกคนในเมืองหลวงได้รับรู้ ถึงความกล้าหาญที่กล้าทำร้ายสตรีของข้า” พูดจบเว่ยเหวินเซียนก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับไปยังเรือนนอนของเผยตั้นเยี่ยนทันที
เมื่อเขาเข้ามาในห้องนอนของภรรยาตัวน้อย บุรุษหนุ่มเห็นฉุยฉุยกำลังนั่งซับเหงื่อให้กับสตรีที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง จึงได้ให้สาวรับใช้ถอยออกมาแล้วตนเองเข้าไปนั่งแทนที่เพื่อเช็ดซับเหงื่อให้เผยตั้นเยี่ยน
“พระชายาของข้าความจำเสื่อมตั้งแต่เมื่อใด” เว่ยเหวินเซียนเอ่ยถามออกมาตรง ๆ ในขณะที่มือกำลังซับเหงื่อให้สตรีที่หลับใหลอยู่ เพราะเขาคิดว่าในบรรดาคนรับใช้ทั้งสามฉุยฉุยน่าจะรู้เรื่องของเผยตั้นเยี่ยนมากที่สุด
“ทูลท่านอ๋อง ตั้งแต่วันท
ครั้นม้าของเว่ยเหวินเซียนเหยียบเข้าเมืองหลวง เขาก็ขอพระเชษฐาแยกไปยังจวนของตนเองทันที เจ้าของบัลลังก์ไม่คิดห้ามเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้พระอนุชาของเขายังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีกเนื่องจากมาถึงเมืองหลวงพระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว หากเว่ยเหวินเซียนยังไปที่จวนตระกูลเผยก็กลัวคนจะพูดกันไปต่าง ๆ นานาจึงมิได้ไปหาเผยตั้นเยี่ยน ทว่าก็ยังมิวายเรียกคนของตนให้มารายงานอาการของนางวันต่อมาเว่ยเหวินเซียนนำรถม้าประจำตำแหน่งมารับเผยตั้นเยี่ยนกับเผยตั้นเหม่ยที่หน้าจวน เพื่อจะไปยังเรือนนอกเมืองของตระกูลเผิงตามที่คุณหนูใหญ่เผยกับคุณหนูสามเผิงได้ตกลงกันไว้ ที่เขานำรถม้าส่วนตัวมาในครั้งนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้ล่วงรู้ว่าเขาไปที่ใดและมีผู้ใดไปด้วยบ้าง และอีกหนึ่งเหตุผลคือเขาอยากร่วมนั่งในรถม้าไปกับพระชายาของตนเอง เพราะหากนั่งกันสามคนรถม้าทั่วไปคงเล็กเกินกว่าที่จะให้บุรุษอย่างเขานั่งร่วมไปกับสตรีทั้งสองเพียงรถม้าของเว่ยเหวินเซียนมาจอดหน้าจวนตระกูลเผยได้ไม่นาน เผิงซิ่วอิงกับเผิงเจียวเจี๋ยและเว่ยหลิงเฮ่อก็มาถึงจวนตระกูลเผยเช่นกันเผยตั้นเหม่ยยังคงรู้สึกหวาดกลัวเว่ยเหวินเซียนกับเรื่องที่เขาลงท
คำพูดของสตรีตรงหน้าบวกกับน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทำให้บุรุษตัวสูงราวถูกตบอย่างแรงจากบุรุษร่างกำยำ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนจุกอยู่ในอก เขารู้ว่าต่อให้พร่ำขอโทษนางเป็นร้อยเป็นพันครั้ง นางก็ไม่ยินดีที่จะฟังและไม่คิดยกโทษให้ เนื่องจากครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่เขาทำผิดต่อนาง เว่ยเหวินเซียนจึงคิดใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะคงเป็นการดีกว่ามานั่งอธิบายให้เอ่ยคำทำร้ายจิตใจกันไปเรื่อย ๆ เช่นตอนนี้เผยตั้นเยี่ยนเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบกลับจึงเอ่ยต่อ “อีกอย่างเมื่อวานตอนที่เสวี่ยเฟิงมารายงานหม่อมฉัน ท่านอ๋องก็ทรงได้ยินความชั่วของหม่อมฉันในวัยเด็กไปแล้วมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นครั้งนี้หม่อมฉันลงมือเองน่าจะเป็นผลดีต่อท่านอ๋องนะเพคะ เมื่อถึงเวลาที่ท่านอ๋องสังหารหม่อมฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาข้ออ้างมาอธิบายให้ไทเฮาและเหล่าขุนนางฟัง ท่านอ๋องเพียงบอกไปว่าหม่อมฉันเป็นสตรีที่อกตัญญูเผาบ้านทำลายทรัพย์สินตระกูล อีกทั้งยังฟ้องศาลเอาผิดบิดาผู้ให้กำเนิดและมารดาผู้เลี้ยงดู มิเพียงเท่านั้นยังเป็นสตรีจิตใจชั่วช้าพาน้องสาววัยเยาว์ไปปล่อยทิ้งให้หลงทาง สตรีเช่นนี้ย่อมไม่สมควรได้เป็นพระชายา แต่เพรา
เผิงซิ่วอิงเห็นสีหน้าของเว่ยหลิงเฮ่อที่แสดงออกชัดว่าไม่พอใจ ที่พี่ชายของนางให้ความสำคัญกับเว่ยชินอ๋องมากกว่า จึงเอ่ยเพื่อปลอบใจ“องค์รัชทายาทเพคะ อยากโกรธไปเลยเพคะ พี่รองของหม่อมฉันมิได้เห็นว่าท่านอ๋องสำคัญกว่าองค์รัชทายาทหรอกเพคะ เพียงแต่พี่รองรู้ว่าหากเชิญท่านไปพร้อมท่านอ๋อง ทั้งสองพระองค์ก็จะทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น แต่หากจะให้หม่อมฉันเป็นคนนำทางท่านอ๋อง ก็กลัวหม่อมฉันประหม่าเพราะระหว่างท่านอ๋องกับองค์รัชทายาท หม่อมฉันคุ้นเคยกับองค์รัชทายาทมากกว่าเพคะ” คุณหนูแซ่เผิงพยายามเอ่ยอย่างสตรีในห้องหอเมื่อไตร่ตรองตามคำพูดของเผิงซิ่วอิง เว่ยหลิงเฮ่อก็พอเข้าใจได้ทว่าในใจก็ยังรู้สึกฉุนเฉียวอยู่หลายส่วน “เข้าใจแล้ว” เขาตอบห้วน ๆ“ท่านนี่ไม่ต่างจากแต่ก่อนเลยนะเพคะ” น้ำเสียงของเผิงซิ่วอิงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ‘ในเมื่อเจ้ามิคิดพูดจากับข้าเหมือนสตรีทั่วไป เช่นนั้นข้าก็มิจำเป็นจะต้องใช้คำพูดอ่อนโยนกับเจ้าเช่นกัน’ คุณหนูสามตระกูลเผิงรู้สึกหงุดหงิดที่ตนเองพยายามอ่อนโยน แต่บุรุษตรงหน้ากลับพูดเหมือนไม่พอใจนาง อีกทั
“การแข่งขันในครั้งนี้ไม่เร่งร้อนหาผู้ชนะ ขอเพียงตลอดงานเลี้ยงในวันนี้ผู้ใดที่ดื่มสุราได้มากที่สุดก็จะถือเป็นผู้ชนะ แต่หากผู้ใดอาเจียนหรือสลบไปก่อนจะถือว่าแพ้ทันที เช่นนั้นหวังว่าทุกคนจะประมาณตนเองได้ ส่วนรางวัลของผู้ชนะคือจะมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากคนแพ้โดยที่คนแพ้จะต้องห้ามปฏิเสธ และทำตามคำขออย่างเต็มใจไม่คิดแค้นต่อกันในภายหลัง มิทราบว่ามีผู้ใดไม่พอใจกับกฎการแข่งขันนี้หรือไม่ หรือว่ามีผู้ใดรู้ตัวว่าจะแพ้และกลัวจะต้องทำตามคำขอของผู้ชนะ ก็สามารถถอนตัวก่อนที่จะเริ่มแข่งขันได้เลยนะเจ้าคะ” เผิงซิ่วอิงเอ่ยพลางกวาดตามองเหล่าบุรุษทั้งสามหญิงสาวจากตระกูลเผิงรู้ว่าบุรุษทั้งสามต้องยอมรับกติกาอย่างแน่นอน เพราะหากไม่ยอมรับก็จะเท่ากับตนเองแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง บุรุษทุกคนล้วนกลัวเสียหน้ามีหรือจะไม่เห็นด้วยกับกฎและรางวัลที่นางตั้งขึ้นซึ่งการที่สตรีแซ่เผิงตั้งกฎนี้ขึ้นมา นางก็ได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังหาวิธีให้พี่ชายของนางชนะการดวลสุราในครั้งนี้อีกด้วย เผิงซิ่วอิงใช้ช่วงเวลาที่กำลังปรับเปลี่ยนสถานที่ใหม่ ไปหาฉุยฉุยเพื่อถามหายาที่ช่วยให้ไม่เมา ซึ่งถือว่าสวร
“หากยังดื่มไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ก็คงยืดเยื้อกินเวลาอีกเป็นชั่วยาม เช่นนั้นเรามาดวลกันไปเลยดีหรือไม่ จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะหากยังดื่มกันแบบนี้ดูท่าแล้วพระอาทิตย์ตกดินพวกเจ้าก็คงไม่ยอมแพ้เสียที” เว่ยเหวินเซียนตอบกลับหลานชายหน้านิ่ง ไม่แม้แต่จะหันไปมอง“หม่อมฉันยอมแพ้เพคะ” เผยตั้นเยี่ยนรู้ตัวดีว่าสุขภาพยังไม่แข็งแรงดีดั่งเดิม แต่ที่ยอมร่วมแข่งขันด้วยเนื่องจากอยากร่วมสนุกกับสหายเท่านั้น“หม่อมฉันก็ขอยอมแพ้เช่นกันเพคะ หากดื่มมากไปกว่านี้กลัวว่าสภาพที่กลับไปถึงจวนคงทำให้ตระกูลขายหน้าแล้ว” เผยตั้นเหม่ยกลัวว่าหากเมาอาจทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าบุรุษผู้สูงศักดิ์แล้วจะส่งผลไปถึงวงศ์ตระกูลเว่ยหลิงเฮ่อกับเผิงเจียวเจี๋ยได้ยินบุตรีคนรองตระกูลเผยกล่าวก็คิดขึ้นมาได้ หากพวกเขายังคิดเอาชนะเว่ยชินอ๋องอีก นอกจากจะอับอายเพราะพ่ายแพ้ยังอาจจะต้องอับอายเพราะเผลอทำเรื่องขายขี้หน้าเนื่องจากไม่มีสติอีกด้วย‘หากยังดื่มต่อเราเองก็อาจทำตัวเสียอาการต่อหน้าพวกนาง ถึงอย่างไรจะเอาชนะคนที่มีท่าทางราวกับดื่มน้ำเปล่าคงเป็นไปได้ยาก’
“เจียวเจี๋ยก็แค่เสนอความคิดเห็นด้วยความหวังดีเท่านั้น เสด็จอาอย่าทรงเป็นกังวลไปเลย ตราบใดที่เสด็จอาดูแลตั้นเยี่ยนได้ดี พวกเราก็เป็นบุรุษใจกว้างพอที่จะให้ตั้นเยี่ยนอยู่กับบุรุษที่ดีกับนาง ทว่าหากไม่ใช่” เว่ยหลิงเฮ่อหยุดไม่พูดต่อปล่อยให้บุรุษอายุมากกว่าคิดเอง“เช่นนั้นพวกเจ้าก็มีชีวิตให้นานอีกหน่อย เผื่อจะมีโอกาสได้ดูแลนาง” สุรเสียงของเขาเย็นยะเยือกเมื่อบุรุษแซ่เว่ยทั้งสองปะทะฝีปากกันคนที่นั่งอยู่ตรงกลางก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังถือว่าฟ้ายังมีเมตตาที่ส่งฉุยฉุยเข้ามาทำลายบรรยากาศนี้ลง“ท่านอ๋อง น้ำแกงสร่างเมาได้แล้วเพคะ”ฉุยฉุยนำถ้วยใส่น้ำแกงสร่างเมาวางบนโต๊ะของบุรุษทั้งสาม ก่อนจะรีบออกไปจากบริเวณนั้น เพราะนางก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดลอยอยู่ทั่วบริเวณเมื่อบุรุษทั้งสามดื่มน้ำแกงสร่างเมาเสร็จ เว่ยเหวินเซียนจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะทำตามเป้าหมายของการมาที่นี่ให้สำเร็จเสียที“ในเมื่อเหล่าสตรีไปกันหมดแล้ว พวกเราก็มาสะสางเรื่องในใจให้จบลงตรงนี้เถอะ เจียวเจี๋ยเจ้ากลับไปบอกท่านผู้เฒ่าเผิง
“หมายความว่า! นี่เสด็จอาใช้พวกนางเป็นเหยื่อล่ออย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เว่ยหลิงเฮ่อกับเผิงเจียวเจี๋ยเบิกตาโตเมื่อรู้ว่าสตรีทั้งสามกำลังอยู่ในอันตราย“เสด็จอาท่านบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ พวกนางเป็นเพียงสตรีบอบบางหากเกิดอันตรายอันใดขึ้น ท่านจะทำเยี่ยงไร” เว่ยหลิงเฮ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวเพียงเอ่ยจบองค์รัชทายาทหลิงเฮ่อก็ลุกขึ้นทันทีพร้อมหมุนตัวก้าวเท้าเดินหมายตรงไปยังอาชาเหงื่อโลหิตคู่วรกาย ส่วนคุณชายรองเผิงก็รีบลุกขึ้นเดินตามเจ้าของตำหนักบูรพาไปติด ๆ“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจตรัสเสียงดังเพียงสิ้นเสียงของเว่ยชินอ๋อง บุรุษหนุ่มทั้งสองก็หยุดก้าวเท้าทันทีแต่ว่ามิใช่เป็นเพราะคำพูดของบุรุษอายุมากกว่า แต่เป็นเพราะองครักษ์ของเว่ยชินอ๋องก้าวเท้าเข้ามาขวางทางบุรุษหนุ่มทั้งสองเอาไว้คุณชายรองเผิงหันกลับมามองหน้าพระพักตร์ของอ๋องหนุ่มก่อนเอ่ยด้วยเสียงแข็งกร้าวบ่งบอกความไม่พอใจ“ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมใจเย็นอยู่ได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อน้องสาวของกระหม่อมก็อยู่ในรถม้าด้วยเช่นกัน”
“พวกเราไปกันเถอะ”ถึงบุรุษทั้งสองจะยังสับสนอยู่ แต่เมื่ออ๋องหนุ่มให้องครักษ์คนสนิทรั้งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเหล่าสตรี พวกเขาก็พอเดาออกว่าสตรีที่เดินไปขึ้นรถม้าก่อนหน้านี้มิใช่สตรีที่เพิ่งดวลสุรากับพวกเขายามนี้ในใจของเว่ยหลิงเฮ่อกลับเปลี่ยนไป เขาเดินตามเสด็จอาไปด้วยความเดือดดาลที่ปะทุขึ้นมา ครั้นนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เสด็จอาของเขาบอกว่าจะพาเขาไปจัดการกับคนที่คิดทำร้ายว่าที่พระชายาของเขา ถึงเจ้าของตำหนักบูรพาจะยังไม่รู้ว่าเว่ยเหวินเซียนวางแผนไว้อย่างไร ทว่าการที่คนผู้นั้นกล้าคิดสังหารสตรีนางนั้นทั้งที่รู้ว่านางจะมาเป็นพระชายาของเขาในอนาคตก็ทำให้โทสะในใจของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วบุรุษที่กำลังขุ่นเคืองจึงตั้งมั่นในใจ ‘ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตรอดไปทำร้ายพระชายาตัวจริงของข้าแน่นอน’บุรุษหนุ่มทั้งสามคนควบม้ามาตามทางที่รถม้าของอ๋องหนุ่มใช้เดินทางไปยังเมืองหลวง พร้อมด้วยทหารตระกูลเผิงจำนวนหนึ่งกับองครักษ์จากตำหนักบูรพา ส่วนองครักษ์ของเว่ยชินอ๋องทั้งหมดบวกกับทหารตระกูลเผิงที่เหลืออยู่ถูกสั่งให้คุ้มครองสตรีทั้งสามโด
“แล้วฝ่าบาทต้องการให้เหวินเซียนทำอันใดอีกเล่าเพคะ หรือท่านอยากเล่นเป็นบทคนดีแล้วให้เขาเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาทบอกว่าเขาติดอิสตรีจนไม่เอาการเอางาน เช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่ย้อนคิดหน่อยหรือเพคะ ว่าตอนที่ฝ่าบาทหลงใหลสนมอวี๋มีสภาพเช่นไร” สตรีเจ้าของวังหลังที่เพิ่งเดินเข้ามาตรัสด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันเจือโทสะเสิ่นฮองเฮาวางถ้วยโอสถลงบนโต๊ะเล็กที่วางอยู่บนตั่ง ถ้วยยากระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง แรงกระแทกทำให้ยากระฉอกออกมาจากถ้วย เหล่านางกำนัลขันทีก้มหน้าก้มตาเป็นพัลวัน ก่อนจะรีบออกไปจากห้องทรงอักษรเมื่อเห็นไป๋กงกงสะบัดมือไล่ท่าทางและน้ำเสียงของเสิ่นฮองเฮาทำให้บุตรชายถึงกับตกตะลึง เพราะปกติมารดาของเขาจะไม่ยุ่งเรื่องของวังหน้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ และมิว่าจะโกรธเพียงใดก็จะเก็บอารมณ์เอาไว้เสมอ แต่ครานี้กลับต่างจากที่เขาเคยเห็นอย่างลิบลับ ทำให้เจ้าของตำหนักบูรพานึกขยาดกลัว จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด ไม่เพียงเท่านั้นเว่ยหลิงเฮ่อยังก้มหน้าเพื่อหลบสายตาเจ้าของบัลลังก์ เพราะกลัวว่าเสด็จพ่อจะส่งสายตามาขอความช่วยเหลือไม่เพียงแต่บุตรชายที่แปลกใจ แม้แต่เจ้าของบัลลั
หลังจากเว่ยเหวินเซียนกับเผยตั้นเยี่ยนทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ให้ฉุยฉุยไปตามคุณหนูอีกสองคนมาพบ พร้อมกับให้เรียกองครักษ์สาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย เพื่อบอกองครักษ์หญิงทั้งสองให้รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องคุ้มกันคุณหนูสามเผิงกับคุณหนูรองเผยกลับเมืองหลวง และหากใครถามถึงเผยตั้นเยี่ยนก็ให้บอกไปว่านางยังไม่หายป่วยครั้นบอกรายละเอียดทุกอย่างแล้วเว่ยชินอ๋องก็ไล่ให้พวกนางออกจากห้องไป แต่ทว่าก่อนที่สตรีทั้งห้าจะออกไป เว่ยเหวินเซียนก็ไม่ลืมเอ่ยคาดโทษพวกนางทั้งห้าที่ลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงขึงขัง“เรื่องที่พวกเจ้าลงไปในบ่อน้ำพุของข้า ข้าจะยังมิลงโทษ แต่มิใช่ว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าหรอกนะ เพียงแต่เมื่อวานนี้ข้าลงทัณฑ์คนมามากแล้ว เหนื่อยแล้ว เอาไว้ข้าจะลงโทษพวกเจ้าทีหลังแล้วกัน” เขามิได้จะลงโทษพวกนางจริง ๆ เพียงแค่อยากให้พวกนางทั้งห้าติดค้างเขาเอาไว้เท่านั้น“ขอบพระทัยเพคะ” สตรีทั้งห้ารีบตอบพร้อมกัน ก่อนจะรีบยอบกายแล้วถอยหลังออกจากห้องไปเช้าวันต่อมาเผยตั้นเยี่ยนได้เดินมาส่งสตรีทั้งสี่ที่หน้าจวนด้วยใบหน้าเบิกบาน ต่างจากเว่ยเหวินเซียนที่ใบหน้าหม
เว่ยชินอ๋องพยายามลุกออกจากเตียงด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้สตรีที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้วเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ครั้นบุรุษสายเลือดมังกรเห็นภรรยาตัวน้อยตื่นก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที“ปล่อยนางเข้ามา” น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากจนหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนสะดุ้งกลัวกระแสเสียงของอ๋องหนุ่มทำเอาหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นเต็มตา หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมจัดแจงอาภรณ์ของตน เพียงครู่เดียวสตรีที่ทำให้เจ้าของเรือนอารมณ์เสียก็เดินเข้ามา เผยตั้นเยี่ยนเบิกตาโตเมื่อรู้ว่าคนของตนเองทำให้บุรุษตรงหน้ามีโทสะ“หม่อมฉันขออภัยเพคะที่เข้ามารบกวน เพียงแต่ใกล้ถึงเวลาที่คุณหนูต้องดื่มยาแล้ว หม่อมฉันจึงได้ทำอาหารมาให้คุณหนูรับประทานก่อนดื่มยาเพคะ อาการของคุณหนูเกี่ยวกับภายในของสตรีมีผลถึงการสืบสายเลือดของท่านอ๋อง หม่อมฉันจึงมิอาจปล่อยผ่านไปได้เพคะ หวังว่าท่านอ๋องจะให้อภัยหม่อมฉันนะเพคะ” ฉุยฉุยพยายามควบคุมความกลัวของตนเองเอาไว้ เพราะรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุให้เว่ยชินอ๋องหงุดหงิดความโกรธก่อนหน้าหายไปในช่ว
ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินเข้ามาในเรือนเขาก็รู้แล้วว่าสตรีทั้งหกอยู่ที่บ่อน้ำพุ ถึงยามแรกจะไม่คิดว่าสตรีทั้งหมดจะลงไปแช่ตัว แต่เมื่อเห็นองครักษ์ตะโกนเสียงดัง อีกทั้งเผยตั้นเยี่ยนเดินมาหาเขาเพียงลำพัง จึงทำให้มั่นใจว่าสตรีที่เหลือลงแช่บ่อน้ำพุร้อน ไม่เช่นนั้นคนใช้ทั้งสามจะปล่อยให้เผยตั้นเยี่ยนไปไหนมาไหนโดยไม่เดินตามได้เช่นไรเผยตั้นเยี่ยนรู้ดีว่าไม่อาจขัดขืนบุรุษตัวสูงได้จึงไม่เอ่ยอันใด เพราะนี่คงเป็นวิธีการทรมานนางอย่างหนึ่งที่เขาใช้ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนเพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อนที่ถูกเขากระทำอย่างรุนแรง“ถอยออกไป หากข้าไม่ได้เรียกอย่าคิดเข้ามาใกล้ และอย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้ากับพระชายาเข้าใจหรือไม่” เว่ยชินอ๋องหันมาเอ่ยกับองครักษ์ที่เดินตามมาก่อนจะเดินต่อไปยังห้องนอนของตนเองเมื่อมาถึงห้องบุรุษหนุ่มวัยกำหนัดก็มิรอช้าวางหญิงสาวในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล ทว่าภาพอุ่นเตียงคราก่อนยังฝังลึกอยู่ในหัวของสตรีร่างบาง ร่างกายจึงสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้“กลัวข้าสินะ ต่อไปข้าจะไม่รุนแรงกับเจ้าเช่นนั้นอีก ดีหรือไม่”
หลังจากทรมานบุรุษตระกูลหยางเสร็จอ๋องหนุ่มก็ไม่รอช้าควบม้ากลับไปยังจวนข้างค่ายทหารของตนทันที แล้วปล่อยให้ลูกน้องที่ตนเองไว้ใจสองคนตรวจสอบจวนขุนนางร่วมกับแม่ทัพใหญ่เหยียน เพราะอย่างไรขุนนางจวนต่อไปก็เขียนหนังสือสำนึกผิดแล้วในเมื่อแค่ต้องเข้าไปในจวนเพื่อตรวจสอบขุนนางว่าเขียนสารภาพผิดตามความจริงหรือไม่ ไยจะต้องให้อ๋องหนุ่มเช่นเขาลงมือทำด้วย เพราะอย่างไรเรื่องลงทัณฑ์เสด็จพี่ของเขาก็เป็นผู้ตัดสินอยู่แล้ว เว่ยชินอ๋องจึงไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่กับสตรีที่ตนรักไปกับเหล่าขุนนางพวกนี้จวนนอกเมืองของชินอ๋องขณะที่เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย คุณหนูทั้งสามคนที่อยู่ในจวนข้างค่ายทหารของเว่ยชินอ๋องกลับกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ เพราะจวนของอ๋องหนุ่มแห่งนี้มีบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติอยู่ในจวน ถึงการตกแต่งจวนจะไม่หรูหราแต่มองแล้วสบายตายิ่งนักจวนแห่งนี้มีรั้วกั้นสูงมองไม่เห็นภายใน คราแรกที่คุณหนูทั้งสามเห็นก็รู้สึกหวั่นวิตกอยู่มาก แต่เพียงเดินเข้ามายังด้านในกลับเสมือนมีคนนำเรือนหลังหนึ่งมาวางเอาไว้ท่ามกลางน้ำตก ที่โดยรอบมีดอกไม้และต้นไม้สูงต่ำสลับกันไป
เช้าวันต่อมา ณ ท้องพระโรงเหวินหลิงฮ่องเต้สาดสายตามองเหล่าขุนนางที่ยืนอยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของเหล่าขุนนางที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากถึงเพียงนี้เก้าในสิบส่วนของขุนนางในท้องพระโรงมีสีหน้าหม่นหมองดุจเมฆฝน ใบหน้าเคร่งเครียดส่อความรู้สึกราวกับกำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ หัวคิ้วของแต่ละคนย่นชนกันอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเจ้าของบัลลังก์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นขุนนางของตนเป็นเช่นนี้“ข้าคิดว่าเมื่อคืนพวกท่านจะนอนหลับอย่างสบายใจเสียอีก ที่มีทหารรักษาเมืองหลวงคอยคุ้มกันจวนไม่ให้มือสังหารเข้าไปในจวนของพวกเจ้า ทว่าดูจากขอบตาของพวกเจ้าแล้วข้าคงคาดเดาผิดไปสินะ หากเรื่องของชาวบ้านพวกเจ้าวิตกกังวลกันจนเป็นสภาพเช่นนี้ ต้าเว่ยของข้าคงจะดีมากขึ้นไม่น้อย” ถึงสุรเสียงของฮ่องเต้แห่งต้าเว่ยจะเรียบเฉย ทว่ากลับกดดันให้สีหน้าของเหล่าขุนนางหม่นหมองลงไปอีก“ฝ่าบาททรงเข้าใจพวกกระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงวุ่นวายไปทั่วเช่นนี้ จะให้พวกกระหม่อมข่มตาหลับลงได้เช่นใดกันพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เสนาบ
“ว่าแต่เจ้าไม่เป็นอันใดจริง ๆ ใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่เป็นอันใดจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จอาของเจ้าเล่นใหญ่ไปแล้วกระมัง ใยถึงได้สั่งให้คนยิงธนูใส่เจ้าเฉียดฉิวถึงเพียงนี้ หากโดนเนื้อตัวของเจ้าขึ้นมาเสด็จแม่ของเจ้าคงไม่พบหน้าข้านานนับเดือนเป็นแน่” ช่วงประโยคหลังเหวินหลิงฮ่องเต้เอ่ยเสียงเบาลงเรื่องที่ห่วงบุตรของตนก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่เป็นกังวลไม่ต่างกันคือเรื่องที่สตรีคู่บัลลังก์จะโกรธ เพราะเรื่องตระกูลอวี๋คราก่อน กว่าจะเอาใจให้เสิ่นฮองเฮาพูดดีกับเขาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานบุรุษอายุน้อยกว่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยพึมพำถึงมารดา ทว่าเมื่อเห็นสายตาของบิดามองมาจึงกลั้นหัวเราะเอาไว้“เสด็จพ่อวางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ คนที่เสด็จอาส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น มิเพียงลูกธนูจะไม่โดนลูกแต่ยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บอีกด้วย” เว่ยหลิงเฮ่อมิอยากให้เสด็จพ่อตำหนิเสด็จอาจึงช่วยเอ่ย ถึงเขาเองก็คิดว่าเสด็จอาเล่นใหญ่มากจริง ๆ ที่ยิงธนูจวนโดนตัวเขาคราแรกที่ได้ยินแผนของเว่ยเหวินเซียน เจ้าของตำหนักบูรพาก็เตรียม
“อ้อ! ยังมีอีกเรื่อง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าไว้วางใจเจ้ามากเพียงใดจึงให้เจ้าอยู่ในตำแหน่งนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”“กระหม่อมไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมจะไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวังในตัวกระหม่อม กระหม่อมขอใช้ชีวิตของคนตระกูลเหยียนเป็นเดิมพันพ่ะย่ะค่ะ”“ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำตามที่เราสั่งเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปทำตามรับสั่งเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวงตอบรับทันที ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคำนับแล้วถอยหลังออกไป“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ให้เสด็จอาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ดีหรือไม่ เพราะมือสังหารที่ถูกทหารองครักษ์ของเสด็จอาฆ่าตาย น่าจะทิ้งหลักฐานเอาไว้ไม่มากก็น้อย และป่านี้เสด็จอาคงสืบได้เบาะแสแล้วเป็นแน่”“ได้ ทำตามเจ้าว่า” เหวินหลิงฮ่องเต้ผินพระพักตร์ไปหาขันทีข้างกาย“ไป๋กงกง ส่งคนไปตามเหวินเซียน บอกให้เขากลับเมืองหลวงมาสืบคดี”“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋กงกงรีบต
“ทูลเสด็จพ่อ โปรดออกคำสั่งให้แม่ทัพใหญ่เหยียนส่งทหารไปล้อมจวนขุนนางน้อยใหญ่ไว้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึงปนไม่พอใจที่อยู่ ๆ องค์รัชทายาทหลิงเฮ่อจะให้ทหารไปล้อมจวนของพวกเขา เหล่าขุนนางหันหน้ามองกันพลางส่งสายตาเพื่อจะหาคนเอ่ยคัดค้าน ทว่ายังมิทันที่จะหาคนกราบทูลได้เหวินหลิงฮ่องเต้ก็ทรงตรัสออกมาเสียก่อน“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเอ่ยวาจาไร้สาระอันใดออกมา”“เสด็จพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ขณะที่คุณหนูทั้งสองตระกูลกำลังจะกลับเมืองหลวงพวกนางถูกนักฆ่าดักทำร้าย เดิมที่ข้าคิดว่ามีคนอยากแก้แค้นคุณหนูใหญ่ตระกูลเผย หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเรื่องตำแหน่งพระชายาของเสด็จอา” บุรุษหนุ่มสายเลือดมังกรจงใจหยุดคำพูดของตน ก่อนใช้สายตาเหลือบมองเหล่าขุนนางเพียงได้ยินประโยคท้ายของโอรสสายเลือดมังกร ขุนนางตระกูลอวี๋กับตระกูลหยางก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาอวี๋หลี่เฉียงรีบแก้ตัวเป็นพัลวันด้วยเกรงว่าบุรุษสายเลือดมังกรจะเข้าใจเขาผิด เนื่องจากคราก่อนที่เว่ยชินอ๋องมายังจวนของเขาได้เอ่ยว่าจะปล่อยบุตรสาวของเขาให้อยู่ท