“ฉันบอกแล้วไงว่าคุณพ่ออยากจะผูกปิ่นโตที่ร้าน แล้วฉันก็อยากกินอาหารฝีมือคุณลักษณ์อีก แล้วฉันก็ชอบหนูกานพูล แล้วฉันก็ชอบคุณลักษณ์ด้วย” กรรณิการ์เน้นย้ำทุกคำที่พูด“แล้วทำไมคุณต้องห้ามไม่ให้ฉันมาที่นี่ อีกอย่างเมื่อวานคุณก็เจอฉัน คุณได้บอกคุณลักษณ์เรื่องของฉันหรือเปล่า”“เปล่า”“คุณนี่แปลกนะ ลูกค้ามาถึงที่กลับไล่ไม่อยากให้ขายดีหรือไง” กรรณิการ์ไม่เข้าใจการกระทำของรวิชจริงๆเธอไม่สนหรอกว่ารวิชจะไม่ชอบขี้หน้าด้วยเรื่องอะไร แต่แค่สงสัยว่าทำไมต้องกีดกันไม่อยากให้ได้พบลักษณ์นันท์ กรรณิการ์เคยคิดเรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่ลักษณ์นันท์เคยบอกว่ารวิชไม่ใช่พ่อของกานพูลดังนั้นรวิชคงไม่ใช่สามีของลักษณ์นันท์แน่นอน เขาอาจจะเป็นคนที่มาติดพันและหวงก้างไม่อยากให้ทุกคนเข้าใกล้ เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่เรื่องโอกาสการทำมาหากินดีๆ แบบนี้ เขาก็ไม่ควรทำตัวไล่แขกให้ไปไกลๆ ไม่ใช่หรือ“ผมบอกแล้วไงว่าร้านปิด” รวิชอ้างคำเดิม“ฉันรู้ ฉันบอกคุณพ่อแล้ว แต่ท่านบอกว่าถ้าไม่ขายที่ร้านก็ทำปิ่นโตส่งให้ก็ได้ ฉันจะให้คนรถมารับหรือไม่ก็มารับเอง เรื่องค่ากับข้าวเสนอมาได้เลยไม่มีปัญหา”“ขอถามหน่อยเถอะ ทำไมต้องกินที่นี่ด
กรรณิการ์ตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่จะรักษาโทรศัพท์ให้อยู่ในมือได้เลย แม้แต่ตัวเองก็ไม่อาจจะประคองสติไว้ได้ ยิ่งสองมือของรวิชรวบเอวสวยเข้ามาแนบตัวเธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไปเมื่อไร เพราะต้องใช้สองมือดันอกแข็งแรงของเขาไว้ไม่ให้แนบชิดตนเอง แต่ท้ายสุดจูบของรวิชก็ปิดทุกสิ่งรวมถึงสติสัปปะชัญญะที่ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆจูบที่เกิดขึ้นราวฟ้าผ่าแม้กระพริบตาก็กลับกลายเป็นดั่งสายฝนที่ชุ่มฉ่ำเย็นใจ รวิชไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นคนไร้มารยาท แถมตอนนี้กลายเป็นคนเอาแต่ใจไปเสียด้วยก็ใครใช้ให้เธอตอบโต้รสสัมผัสได้ถูกใจเล่า แม้เริ่มต้นอาจจะเงอะงะไม่ประสา แต่เวลานี้ความไม่ประสานั้นหายไป กลายเป็นคำว่าร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันอย่างดีเสียแล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องโทรศัพท์หรือจะเรียกว่าลืมไปแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งที่หน้าสนใจกว่าคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า รวิชค่อยๆ ถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เขาคาดว่าสิ่งที่ได้รับคงเป็นฝ่ามือที่ประทับบนใบหน้าแน่ๆ แต่ที่ไหนได้กลับได้เห็นใบหน้าของกรรณิการ์ชัดๆ เต็มสองตาและตอนนี้แก้มสาวแดงก่ำเป็นลูกตำลึง หอบหายใจเบาๆ จนทำให้อยากจะดึงเข้ามากอดแล
ลักษณ์นันท์หยุดยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านที่คุ้นเคย แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยลืมว่าสถานที่แห่งนี้มีความทรงจำแห่งความสุขมากเพียงใด พชรพาเธอและลูกมาบ้านพักตากอากาศของเขา เด็กหญิงกานพูลซึ่งเพิ่งเห็นทะเลต่อหน้าต่อตาครั้งแรกดูจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ“แม่ขา” เสียงร้องตะโกนของเด็กหญิงดังมาแต่ไกลพชรอาสายกของเข้าไปเก็บในบ้านและพาเด็กหญิงสำรวจด้านใน ลักษณ์นันท์จึงเดินมายืนรับลมทะเลเงียบๆ และคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพียงลำพัง เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นได้ลูกสาวสุดที่รักของเธอมีความสุขตลอดการเดินทาง ไม่ร้องโยเยหรือง่วงนอนแม้แต่น้อย ซ้ำยังดูจะตื่นเต้นกับเส้นทางใหม่ของชีวิตอีกด้วย พชรยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม้เขาทำหน้าที่พลขับมือเดียวมาตลอดทาง แต่ยังให้ความสุขรอยยิ้มเสียงหัวเราะกับกานพูลตลอดเวลา“ไปกินข้าวกัน” ขายหนุ่มจูงกานพูลมาหา“คุณพ่อจะพาไปกินอาหารทะเลค่า” เด็กหญิงเอ่ยเสียงใส“กานพูล อย่าเรียกแบบนี้ซิคะ” ลักษณ์นันท์รีบห้ามลูก แต่พชรหัวเราะชอบแล้วอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาในอ้อมอก“ไม่เห็นเป็นไรเลย เรียกบ่อยๆนะคะ พ่อชอบ มา ขอชื่นใจหน่อย”ว่าแล้วพชรก็หอมแก้มกานพูลซ้ายขวา ทั้งสอ
“นั่นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ” ลักษณ์นันท์แข็งใจตอบเธอพยายามเลี่ยงการอยู่กับเขาเพียงลำพัง ยิ่งในเวลานี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง บ้านพักตากอากาศหลังนี้เป็นสถานที่ซึ่งมีเรื่องราวดีๆ มากมายระหว่างทั้งสอง ความสุขที่ท่วมล้นทั้งกายและใจกระจายเต็มอยู่ในทุกพื้นที่“จะไปไหน”เขารั้งแขนเรียวเล็กที่ยังคงน่าสัมผัสไว้ ลักษณ์นันท์กำลังจะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับตนอย่างเห็นได้ชัด“จะไปดูกานพูลค่ะ” หญิงสาวยกเอาเด็กน้อยมาอ้าง“หลับสบายอยู่บนเตียงแล้วจะไปปลุกลูกทำไม มานี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน ยาวด้วย” น้ำเสียงพชรจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเขาดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบตัว กลิ่นหอมจากเรือนร่างนี้ช่างเย้ายวนความปรารถนาที่ฝังลึกในหัวใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะกี่ปีหรือเมื่อไร จะมีเครื่องหอมราคาแพงเท่าใดอยู่ตรงหน้า ก็ไม่หอมเท่าเนื้อตัวของคนในอ้อมกอดลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอเธอในเวลานี้ ริมฝีปากที่พรมจูบลงบนบ่าบ่าง อ้อมแขนที่โอบรัดแนบชิด เรือนร่างของลักษณ์นันท์ขยับตามแรงหมุนตัวด้วยฝ่ามือของเขาอย่างง่ายดาย เมื่อต้องเผชิญหน้ากันและไม่อาจหนีไปไหนได้ ทางที่ดีอย่าขัดใจพชรเลยดีกว่า“ลักษณ์” เสียงกระซิบเรียกที่ข้างหูแ
เด็กหญิงกานพูลเป็นลูกสาวของพชร ลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของแม่ลักษณ์นันท์คนนี้“ไม่จริง ทุกอย่างยังไม่ได้จัดการอะไรเลยต่างหาก” ชายหนุ่มแย้ง“ไม่เห็นมีอะไรต้องจัดการนี่คะ คุณรู้ว่ากานพูลเป็นลูกสาว ไว้มีโอกาสเหมาะๆ ฉันจะบอกกับแกเองว่าคุณคือพ่อ”“แค่นี้เองเหรอ” เขาสบตาคนพูดด้วยความขัดใจ“ใช่ค่ะ เรื่องคุณกับกานพูลเป็นพ่อลูกกัน พี่รวิชคงบอกแล้ว ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังคุณ เพียงแต่ตอนแรกไม่คิดว่าคุณจะสนใจ”“ลูกทั้งคน จะไม่สนใจได้อย่างไร แล้วอีกอย่างลักษณ์ก็ทำให้ช่วงเวลาดีๆ ของผมกับกานพูลหายไป ห้าปีเลยนะ ไม่ใช่ซิ หกปี ช่วงเวลาที่ยายหนูอยู่ในท้องอีกล่ะ” คนเป็นพ่อทวงสิทธิ์ของตนหน้าตาเฉย“ช่วงเวลาเหล่านั้น คุณเพชรจะได้รับมันอย่างแน่นอนค่ะ และอาจจะดีกว่าช่วงเวลาของยายหนูอีก”“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” พชรย้อนถาม“เมื่อไรที่คุณแต่งงานกับคุณกรรณิการ์ สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ด้วยการมีลูก สิ่งที่คุณบอกว่าหายไปมันจะกลับคืนมาอย่างหวานชื่นแน่นอนค่ะ” ลักษณ์นันท์พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ขยับตัวเดินออกห่าง พชรรั้งตัวเธอกลับมาในอ้อมแขนแล้วสบตาแน่วแน่ก่อนจะพูดว่า“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับกรรณิการ์ เธอต่างหากที่ต้องเป็น
ลักษณ์นันท์ก็เช่นกัน ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่มอบกายมอบใจให้ไม่มีอื่น เขาจะเป็นโลกทั้งใบของเธอทั้งยามตื่นและยามหลับ ทั้งยามสุขและยามทุกข์ พชรคนเดียวเท่านั้นที่ลักษณ์นันท์พร้อมมอบความสุขทุกสิ่งให้แม้ไม่มีคำพูดใดนอกจากเสียงครางจากไฟเสน่หา และเรือนร่างที่เคลื่อนไหวราวกับพู่กันระบายสี ทั้งคู่แต่งแต้มสีสันแห่งไฟรักให้กันและกันด้วยความคิดถึงโหยหา สายรุ้งที่ทั้งคู่ร่วมกันวาดระบายสี กำลังจะทอดสายปรากฎบนฟากฟ้างามอีกครั้ง พร้อมๆ กับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งรอบด้าน ที่ร่วมเป็นพยานให้พชรและลักษณ์นันท์กลับมามีกันและกันอีกครั้งหนึ่งเสียงหัวเราะชอบใจรอยยิ้มที่มีความสุขของเด็กหญิงกานพูล ช่างเป็นความสุขใจให้กับพชรยิ่งนัก สามคนพ่อแม่ล้อมวงรอบหม้อสุกี้ในร้านดัง ใบหน้าทุกคนมีรอยยิ้มทั้งสองได้ทำหน้าที่พ่อและแม่ที่ดีให้กานพูลมีความสุข พชรไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสเช่นนี้เหมือนคนอื่นบ้าง“อร่อยไหมคะ” เขาถามเด็กน้อยอย่างเอาใจใส่จากที่ถูกชะตาเพราะความเฉลียวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกัน ยิ่งพอรู้ว่าคือลูกสาวก็ยิ่งทำให้เพิ่มพูนความรักความเอ็นดูมากยิ่งขึ้น แต่พอได้คำว่าครอบครัวและได้สัมผัสพลังแห่งรักนี้พชรกล้าพูด
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาอาการของเด็กหญิงกานพูลดีขึ้นจนหายเป็นปกติ คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว โชคดีที่พชรตัดสินใจพาสองแม่ลูกกลับมากรุงเทพฯทันทีที่สงสัยในอาการป่วยของเด็กหญิง“กลับบ้านนะคะ” ลักษณ์นันท์ติดกระดุมเสื้อให้บุตรสาวหลายวันมานี้กานพูลอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีตนและพชรเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เด็กหญิงไม่โยเยเชื่อฟังตามที่หมอสั่งทุกอย่าง ส่วนพชรแทบจะไม่ห่างจากเด็กหญิงเลย จะมีบ้างแค่ช่วงเวลาที่เขาต้องปลีกตัวไปจัดการเรื่องงานเท่านั้น“ไป ลูก” พชรช้อนตัวเด็กหญิงขึ้นมาอุ้มแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่กานพูล ลูกสาวตัวน้อยของเขาน่ารักที่สุด ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ได้อยู่ด้วยกัน พชรชื่นชมลักษณ์นันท์เหลือเกินที่เลี้ยงลูกสาวของตนได้เป็นอย่างดีกานพูลไม่ดื้อ ไม่ร้องไห้ ไม่งอแง แม้ในช่วงที่ไม่สบายตัวเพราะเป็นไข้หรือว่าต้องกินยาตามคำสั่งคุณหมอ เด็กหญิงก็ว่าง่ายทำตามแต่โดยดี ซ้ำยังเป็นห่วงกลัวว่าแม่และพ่อจะต้องลำบากในการดูแลตนเองอีกพชรไม่รู้จะบรรยายคำว่าความสุขในชีวิตในเวลานี้ได้ออกมาเป็นคำไหน เขาได้ ’ผู้หญิงของพชร’ คืนกลับมา พร้อมกับคำว่าครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ไม่มีสิ่งใดเลยจะมีความสุขมากไปกว่า การได้มีลูกสาวตัวน้อยใ
กรรณิการ์เป็นผู้หญิงที่ดี และเหมาะสมในทุกคุณสมบัติที่จะอยู่เคียงข้างพชร ที่สำคัญมีคุณหญิงมุกดาออกหน้าต้อนรับสำหรับการเป็นสะใภ้ ลักษณ์นันท์ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ทุกคนมีปัญหา เธอกับลูกไม่จำเป็นต้องมีตัวตนในชีวิตใครก็ได้“ฉันจะคุยกับณิการ์เอง ที่ผ่านมาเป็นฉันที่ปล่อยให้คุณแม่ทำตามใจ” พชรตัดสินใจแล้วเรื่องเขากับกรรณิการ์เป็นความเหมาะสมทางสังคม เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการแกมบังคับ กรรณิการ์เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกสิ่งในสายตาเขา เพียงแต่จนกระทั้งถึงวันนี้ พชรก็ยังไม่มีความรู้สึกถึงคำว่าก้าวไปสู่ครอบครัวกับเธอหากพูดความจริงกับคู่หมั้นสาว ก็ไม่รู้ว่าเธอจะตำหนิต่อว่าหรือมีปัญหาอะไรอื่นตามมา ไหนจะมารดาที่ไม่เคยเห็นเมียและลูกเขาในสายตาเลย แต่ไม่ว่าเรื่องอะไร นาทีนี้มีสิ่งเดียวที่พชรแน่ใจก็คือ เขาจะไม่ยอมเสียลักษณ์นันท์และกานพูลไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว ไม่แม้แต่จะคิดว่าจะมีวันนั้นด้วยซ้ำ“ลักษณ์ บอกฉันคำเดียวว่าเธอยังอยากอยู่กับฉันไหม” พชรเอ่ยถาม คล้ายกับขอน้ำทิพย์ชโลมใจให้ตัวเองมีพลังยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต“คุณเพชร” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าเขาจะถามคำนี้“ช่วยบอกหน่อย เรายั
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้
รวิชเล่าเรื่องราวหลังคืนนั้นให้เขาฟังโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีเงื่อนไขที่ตกลงกับคุณหญิงมุกดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณ์นันท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแต่ตั้งใจจะไม่บอก รวิชจึงต้องรับหน้าที่ดูแลสองแม่ลูกจนทุกอย่างกระจ่างพชรไม่ถามเหตุผลมารดาว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ เขารู้นิสัยคุณหญิงมุกดาดีว่าเป็นเช่นไร คำว่ารักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมาที่หนึ่ง จึงไม่แปลกเมื่อเรื่องลักษณ์นันท์กับรวิชซาลง คุณหญิงมุกดาจึงรีบจัดแจงให้เกิดการหมั้นระหว่างเขากับกรรณิการ์โดยเร็วที่สุด“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงไม่ถามว่ากานพูลเป็นลูกใครนะครับ” พชรเอ่ยตรงไปตรงมา“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง เจ้าเพชร” คุณหญิงมุกดาย้อนถามเสียงแข็งเด็กหญิงกานพูลจะเป็นลูกใครได้ ในเมื่อถอนเค้าโครงเกือบทั้งหมดของพชรออกมาขนาดนั้น นางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องไร้สาระเช่นนั้นด้วย“ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังหลงหลาน” พชรพูดด้วยรอยยิ้มอย่าว่าแต่คุณหญิงมุกดาหลงรักเด็กหญิงตัวน้อยเลย เขาเองทุกลมหายใจเข้าออกก็คิดถึงแต่ลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา“ถ้าไง เรารับทุกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรให้ถูกต้องทั้งตามธรรมเนียมและตามกฎหมายดีไหมครับ”
ลักษณ์นันท์ใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกานพูล พชรรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณหญิงมุกดาแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาคว้ากุญแจรถแล้วพาลักษณ์นันท์ที่น้ำตาคลอลงลิฟต์ไปที่ลานจอดเพื่อกลับบ้านทันทีเมื่อสองสามีภรรยามาถึงห้องก็พบว่ากานพูลไม่อยู่ พี่เลี้ยงที่ดูแลบอกเพียงว่าเด็กหญิงไปกับคุณหญิงมุกดา และถ่ายทอดข้อความที่อีกฝ่ายฝากไว้ว่า‘กลับบ้าน’ทีแรกพชรคิดว่าจะโทรศัพท์เพื่อหยั่งเชิงมารดา แต่เมื่อคุณหญิงมุกดาไม่ยอมรับสาย ทำให้เขาตัดสินใจเผชิญหน้าทุกสิ่งเพื่อให้ได้ลูกคืน“ลูกไม่เป็นไรแน่ลักษณ์ คุณแม่ไม่ทำร้ายกานพูลหรอก” เขาปลอบใจคนนั่งข้างๆพชรมั่นใจว่ามารดาไม่ใจไม้ไส้ระกำทำร้ายหลานตัวเองแน่ แต่คงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เขากลับบ้านเป็นแน่ สงสารก็แต่ลักษณ์นันท์ที่คงเป็นห่วงกานพูล และกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ ทุกอย่างต้องดี” พชรกุมมือของหญิงสาวไว้ ลักษณ์นันท์เชื่อเช่นนั้นและหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในที่สุดเด็กหญิงตรงหน้าละม้ายคล้ายพ่อตัวดีที่ทำเรื่องให้ปวดหัวหลายส่วน อีกทั้งท่าทีไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดูทำให้คุณหญิงมุกดาหลงรักในพริบตา กานพูลกินขนมและเล่นของเล่นที
“แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือยัง” พชรเอ่ยถาม“ณิการ์บอกคุณพ่อก่อนมาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง“คุณพ่อก็ตกใจ แต่ก็บอกว่ายินดีกับพี่เพชร คุณลักษณ์และก็น้องกานพูลด้วย คุณพ่อกระซิบว่าเอาใจช่วยให้ผ่านด่านคุณป้าได้ค่ะ”“เออ อันนี้แหล่ะเรื่องใหญ่” รวิชพยักหน้าเห็นด้วยใช่ นี่แหล่ะเรื่องใหญ่ของจริง พชรก็กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เหมือนกัน“เพราะงั้นหาทางออกเรื่องคุณป้าดีกว่าค่ะ เรื่องณิการ์จิ๊บๆ มาก คุณลักษณ์ยิ้มหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” กรรณิการ์เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้“ลักษณ์ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณณิการ์มากที่เข้าใจทุกอย่าง” ลักษณ์นันท์เอ่ยเสียงเครือ“ไม่ร้องค่ะ เลิกร้องได้แล้ว ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ณิการ์อยู่ข้างคุณลักษณ์ค่ะ เห็นคนเขารักกันมีความสุข เผื่อว่าฟ้าจะเมตตาให้ณิการ์เจอคนดีๆ ที่รักณิการ์จริงๆ ก็ได้นะคะ สาธุ” กรรณิการ์หัวเราะเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่อึมครึมคลายลงรวิชยกแก้วกาแฟขึ้นชูพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้คนพูด เจ้าของเรื่องจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นชูรับแล้วจิบอย่างมีความสุข“ต่อไปถ้าใครจะเข้ามาหาณิการ์ต้องผ่านด่านพี่ก่อน พี่จะเป็นพี่ชายที่คอยส