ราวกับฉันได้หลุดไปอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ เดินไปเรื่อย ๆ ก็มีผีเสื้อบินมาเกาะที่แขน พอจะจับมันก็บินหนีไปฉันจึงไล่ตามผีเสื้อตัวนั้นทั้งที่วิ่งไล่ตามเจ้าผีเสื้อเป็นเวลานานแต่กลับไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดแต่!! จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ไหล่จนต้องทรุดตัวลงแล้วภาพก็ตัดไป…เฮือก!!!จมูกสัมผัสกับกลิ่นยาคละคลุ้ง กลิ่นแบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าที่นี่คือโรงพยาบาล สมองเริ่มประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น“อ่ะ เจ็บจัง” ม่านตาค่อย ๆ เปิดรับกับแสงสว่าง ราวกับไม่ได้เจอแสงเป็นเวลานาน“รีบโทรรายงานนาย ว่าคุณน้ำอิงฟื้นแล้ว”“เสียงใครกัน” ฉันพยายามเพ่งมองด้วยตาที่พล่ามัว ก่อนจะเริ่มปรับโฟกัสร่างหนาในชุดดำที่ยืนอยู่ได้ชัดขึ้น“อย่าเพิ่งขยับตัวนะครับ เดี๋ยวผมจะเรียกหมอมาดูอาการให้”จำได้ว่าถูกยิง… และจำได้ว่าก่อนที่ภาพจะตัดไปคุณเฟยได้ทำตามคำขอของฉันด้วย“…” คิดย้อนไปตอนคุณเฟยก้มลงมาจูบที่คอมันทำให้ฉันเขินจนเก็บอาการไม่อยู่ เรื่องที่ตัวเองถูกยิ่งมันกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยถ้าเขามา ฉันจะทำหน้ายังไงดี ต้องทำตัวแบบไหน เคยแต่ชอบเขาฝ่ายเดียวมาตลอด… พอรู้ว่าเขามีใจให้ก็ทำตัวไม่ถูกค
สุดท้ายแล้วต่อให้ฉันอยากรู้มากแค่ไหนคุณเฟยก็ไม่ยอมพูดออกมา เหมือนคนน้ำท่วมปากฉันเป็นผู้หญิงนะจะให้เผยความรู้สึกขนาดไหน เขาถึงจะยอมพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา… หรือเป็นเพราะความไม่เหมาะสมกันนะฉันมองใบหน้าคมคายก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาเบา ๆ “… พูดว่าชอบหนูสักทีสิหนูรอฟังคำนั้นจากปากของคุณอยู่นะคะ”“เธอชอบฉันเพราะอะไร?”“…” เมื่อได้ยินคำถาม ฉันก็ต้องย้อนกลับมาถามหัวใจตัวเองว่าเพราะอะไร ความรู้สึกมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีมันก็ชอบผู้ชายคนนี้มาก ๆ ไปแล้ว“ทำไมถึงไม่รีบตอบ” คุณเฟยเค้นคำตอบอีกครั้งราวกับอยากรู้มาก ๆ ว่าเพราะอะไรฉันถึงชอบเขา“เพราะคุณหล่อ”“แค่นั้น?” หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยคำถามอีกครั้ง ฉันจึงรีบตอบ ตามความคิดในตอนแรก “อ๋อ! คุณรวยด้วย รวยมาก ๆ”“ชอบเงินของฉัน?”“ตอนแรกหนูก็คิดแบบนั้นค่ะ ใครจะไม่ชอบคนรวย แถมยังเป็นคนรวยที่หล่อมาก ๆ ทั้งที่พูดว่าจะทำให้คุณหลงจนหัวปักหัวปำแต่สุดท้ายก็เป็นหนูซะเองที่หลงรู้สึกดีกับคุณหมดหัวใจ”ตอนนี้ฉันเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างเปิดเผยอีกแล้วสินะ เฮ้อ เป็นฉันทุกครั้งจริง ๆดวงตาของฉันกับคุณเฟยต่างจ้องมองกันและกัน ฉันมองเพราะอ
ผ่านมาถึงช่วงเย็นฉันหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาที่หมอให้ คิดว่าตื่นมาคงไม่เจอคุณเฟยแล้ว แต่ผิดคาด!! ลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเขานอนขดตัวอยู่บนโซฟา ภาพนักธุรกิจที่รวยระดับมหาเศรษฐีนอนอย่างเรียบง่ายแบบนั้นทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้“ปวดฉี่จัง” ฉันพึมพำเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวคุณเฟยจะตื่นแต่ทว่าพอเริ่มขยับตัวคนที่นอนอยู่บนโซฟาก็ลืมตาขึ้น ฉันพยายามทำให้เบาที่สุดแล้วนะแต่ทำไมคุณเฟยถึงรู้สึกตัวง่ายขนาดนี้“จะไปไหน?” พอลืมตาขึ้นก็ถามฉันทันที“หนูทำให้คุณตื่นหรือเปล่าคะ”“ฉันถามว่าจะไปไหน” จู่ ๆ ก็ทำเสียงเข้มราวกับฉันมีความผิดอะไรอย่างนั้นแหละ “ไปเข้าห้องน้ำค่ะ แค่นี้ไม่เห็นต้องดุเลย”คุณเฟยลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาใกล้ ๆ ฉันที่นั่งอยู่ แล้วบอก “เดี๋ยวฉันพาไป”“มะ... ไม่เป็นไรค่ะห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง”คำปฏิเสธของฉันเหมือนอากาศเพราะคุณเฟยทำเป็นไม่ได้ยินแล้วอุ้มฉันขึ้นจากเตียงแบบไม่ตั้งตัว“อื้อ! อุ้มหนูทำไมคะ”“ฉันบอกว่าจะพาไปห้องน้ำ”“หนูบอกว่าไม่เป็นไรไงเล่า!!” ทำอะไรก็ไม่รู้คนบ้า!! ไม่รู้หรือไงว่าที่ปฏิเสธเนี่ยเป็นเพราะเขิน“เจ็บแผลอยู่จะเดินไปเองได้ยังไง”“เดี๋ยวนะคะคุณลืมไปหรือ
เห็นสายตาที่เอาแต่จ้องมองอย่างไร้คำตอบยิ่งทำให้รู้สึกเสียวท้องน้อยวูบวาบ ฉันรีบก้มหน้าลงพยายามฉี่ให้ออกเพื่อจะได้ออกไปจากห้องน้ำสักที ขืนอยู่นานกว่านี้ต้องเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นแน่ ๆหลังจากฉี่เสร็จก็รีบชำระล้างให้สะอาดก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นใส่กางเกงให้เรียบร้อย ทุกการกระทำยังคงถูกสายตาคมกริบของคุณเฟยจ้องมองอย่างไม่ยอมลดละ“ปะ… ไป… อื้อ~” เสียงพูดขาดหายไปเพราะถูกคุณเฟยจู่โจมจูบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขายกมือขึ้นมารั้งศีรษะฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้ผละใบหน้าออกไปได้“อื้อ!!” เมื่อถูกจูบหนักขึ้นฉันก็เริ่มหายใจไม่ทันจูบที่เร่าร้อนจนต้องใช้มือทุบแผงอกแกร่งรัว ๆยังดีที่คุณเฟยเห็นใจยอมผละริมฝีปากออกไปก่อนที่ฉันจะขาดอากาศ แถมเขายังทำหน้าเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เอามือมาสัมผัสตรงกลางระหว่างขาของฉัน“คะ… คุณเฟย!!!” ไม่กี่ครั้งที่ฉันเรียกเขาแบบนี้เพราะความตกใจ“หืม เรียกทำไม?” เขาทำหน้าเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งที่มือบดขยี้ตรงกลางระหว่างขาฉันอยู่แท้ ๆ“คุณมันเจ้าเล่ห์ อื้อ~ อะ… เอามือออกไปนะ อ๊ะ~” ทั้งที่ถูกสัมผัสแค่ภายนอกแท้ ๆ แต่มันทำให้เสียวซ่านจนหลุดเสียงครางออกมาเสียงครางที่หลุดออกมาทำให้ฉันต้องก้มหน้าลงอย่า
ไม่กล้าสบตากับคุณเฟยเลย กลัวหัวใจมันจะเต้นแรงมากกว่าเดิม กลัวว่าตัวเองจะเขินจนเผลอทำอะไรที่ไม่รู้ตัวกริ้ง~ (เสียงโทรศัพท์) คุณเฟยละสายตาจากใบหน้าของฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ฉันเหลือบตาดูเล็กน้อย เมื่อรับสายแล้วเขาก็เอาแต่มองฉันเหมือนเดิม“วันนี้ฉันไม่เข้าประชุม เลื่อนไปอาทิตย์หน้า”คงจะเป็นเลขาโทรมา ไม่รู้ปลายสายตอบว่าอะไรคุณเฟยถึงได้ขมวดคิ้วเข้มขนาดนั้น“ทำไมถึงเลื่อนประชุมไม่ได้”เงียบฟังปลายสายครั้งหนึ่ง คุณเฟยก็พ่นหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร “ฉันจะรีบไป”พูดจบเขาก็กดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม“ฉันมีธุระที่บริษัท”“ค่ะหนูได้ยินแล้ว”คุณเฟยเดินมาหยุดข้าง ๆ เตียงแล้วก้มลงมาใกล้ ๆ จากนั้นก็เอ่ยเสียงทุ้ม “ฉันจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สัมผัสคำว่าพิเศษจากคำพูดของคุณเฟย ทั้งใบหน้าที่ใกล้แค่คืบและคำพูดแบบนั้นทำเอาแทบกลั้นหายใจ“ขับรถดี ๆ นะคะ ถึงบริษัทแล้ว สะ... ส่งข้อความมาบอกด้วยนะ หนูไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม…” เมื่อเอ่ยปากขอแบบนั้นแล้วก็รู้สึกประหม่ามาก ๆ กลัวว่าคำขอของตัวเองจะเป็นสิ่งที่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไ
หลังจากพ่อของคุณเฟยกลับไปแล้วฉันก็นั่งเหม่อลอยมองไปตรงหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า พ่อของคุณเฟยมาแค่ไม่กี่นาที ท่านมาเพื่อบอกให้ฉันออกไปจากชีวิตของลูกชายตัวเอง… แค่นั้น…แถมท่านยังไม่มีทางเลือกให้ฉัน มาบอกแบบนั้นเพราะมันคือการบังคับถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้สึกอะไรฉันคงดีใจที่จะได้เป็นอิสระ แถมยังได้เงินก้อนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ข้อเสนอแบบนี้ใครไม่รีบคว้าเอาไว้ก็โง่เต็มทีใช่… ฉันคือคนโง่คนนั้นใครก็บอกว่าฉันดื้อรั้นแก่นแก้ว หากจะใช้ความดื้อของตัวเองให้เป็นประโยชน์บ้าง… ผลมันจะออกมาแบบไหนนะเฮ้อ! เริ่มต้นด้วยการถูกจับตัวมาแบบไม่เต็มใจแท้ ๆ ทำไมถึงหลงรักคนที่กักขังตัวเองได้มากขนาดนี้แม้รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนที่เหมาะสม แต่พอได้ฟังความรู้สึกของอีกฝ่ายในวันนี้ มันทำให้ฉันไม่อยากจากคุณเฟยไปไหน อย่างน้อย ๆ ถ้าเราต้องจากกัน ขอให้ฉันได้อยู่กับเขาในฐานะคนพิเศษสักปีก็ได้ถ้าฉันสามารถใช้มือสัมผัสกับความสุขได้จะจับมันไว้ให้แน่น ๆ ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปไหนเด็ดขาดคุณเฟยรู้เรื่องนี้หรือยังนะ ถ้าเขารู้แล้ว ทำไมไม่บอกฉันจะมาทำให้รู้สึกดีเพราะคำว่าพิเศษทำไม หรือไม่ก็คงไม่รู้… อยากรู้จังว่าถ้าถูกพ่
เจอทั้งคำพูดและสายตาของคุณเฟยกดดันฉันก็เลยต้องยอมพูกคำที่ทำให้ตัวเองเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวออกมา“ค่ะ เฮีย เฮีย ๆๆๆๆๆ พอใจแล้วใช่ไหมคะ” ฉันพูดคำที่คุณเฟยอยากได้ยินรัว ๆ แต่เขากลับไม่ได้แสดงออกถึงความยินดีกับการที่ยอมพูดออกไปเลย แถมยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“ประชด?” หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นคำถามพร้อมหาเรื่อง ฉันจึงรีบส่านหน้าปฏิเสธ “เปล่านะคะ… หนูเขินอยู่ต่างหาก”ถ้ามัวแต่เขินอยู่อย่างนี้จะรู้เรื่องสักทีไหมเนี่ย ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามฮึบ ๆๆ ไว้แล้วแต่พอมองหน้าคุณเฟยก็เก็บอาการไม่อยู่ตามเคย“คุณก็เรียกแทนตัวเอง… อ่ะ…! ฮะ… เฮีย… ก็เรียกแทนตัวเองว่าเฮียด้วยสิคะ”คุณเฟยเงียบไปไม่พอเขายังถามเปลี่ยนเรื่องอีก “มีอะไรก็พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่”“ชิ!!”ฉันจิ๊ปากใส่คนที่ทำซึนก่อนจะขยับตัวออกห่าง แต่ถูกแขนแกร่งโอบกระชับที่สะโพก รั้งให้ตัวมาแนบชิดแผงอกแกร่ง“กะ... ใกล้เกินไปแล้วค่ะ” บ้าจริง นี่มันไม่ใช่เวลาแบบนี้นะ มันไม่ใช่เวลาที่ต้องหวั่นไหวแบบนี้ คุณเฟยจะหว่านเสน่ห์ใส่ฉันไปถึงเมื่อไรกันใบหน้าคมคายขยับมาใกล้ ๆ จนแทบจะแนบติดกับใบหน้าฉัน ก่อนพูดย้ำ “พูดมาสิ”“วะ... วันนี้พ่อของเฮียมาหาหนู….” ไม่ชินเลยจริง ๆ พ
ฉันกอดคุณเฟยเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาแกะมือออกได้ ขอแค่เขาเข้าใจไม่มองว่าตอนนี้ฉันกำลังทำตัวงี่เง่าใส่ ที่ไม่ยอมปล่อยให้ไปมันกลัวเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ ตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้“ฉันสัญญาว่าจะกลับมา”“ตะ... ตอนนี้อย่าเพิ่งปล่อยให้หนูอยู่คนเดียวนะคะ”มือหนาจับใบหน้าของฉันให้เงยขึ้น สายตาคู่นั้นจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “อ้อนขนาดนี้แล้วฉันจะปฏิเสธได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ก้มลงมากดริมฝีปากหนาทับบนริมฝีปากของฉัน จูบจากเขามันนุ่มนวล ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ดูดริมฝีปากของฉันเบา ๆ สลับกับตวัดลิ้นเลีย ไม่ใช่จูบที่เร่าร้อนแต่มันเป็นจูบที่ตราตรึงจนไม่สามารถละความสนใจได้“อืม~”จูบนั้นมันเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันต้องผละออกก่อนที่มันจะเลยเถิด แต่ทว่าคุณเฟยกลับทำเหมือนจะก้มลงมาจูบฉันอีกครั้ง“พะ... พอแล้วค่ะ หนูหายใจไม่ทัน”“เธอจูบเก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกนะ”“ยะ... อย่ามองแบบนั้นสิคะ” สายตาของคุณเฟยสามารถทำให้ร่างกายของฉันร้อนผ่าวราวกับอยู่บนกองไฟได้เลยนะ เพราะสายตาของเขามันบ่งบอกถึงความต้องการชัดเจนหลังจากกลับบ้านไปฉันต้องเจอกับศึกหนักที่ไม่สามารถจินตนาการได้แน่ ๆ“ถ้าไม่อยากให้ไปฉันจะโทรไปคุยก
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา