“ไม่รับเหรอครับ”“หืม?”“นั่นน่ะ” นุกุลพยักเพยิดไปที่มือถือเครื่องบางที่สั่นไม่หยุด “ไม่รับเหรอครับ เจ้านายโทรมานะ”“ไม่ค่ะ นี่มันนอกเวลางานนะคะ รินไม่รับสายบอสนอกเวลางานค่ะ” ไอรินตอบยิ้ม ๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยอย่างเธอน่ะเหรอจะไม่รับสายพลช งานของเธอมีคำว่านอกเวลางานที่ไหนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไอรินต้องพร้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาเรียกเมื่อไหร่ก็ต้องไปหา ถ้าโทรมา ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องรับสายสามเดือนที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้ตลอด แต่วันนี้ไอรินกลับไม่อยากรับสายอีกฝ่าย และปล่อยให้มือถือสั่นอยู่แบบนั้นสุดท้ายก็เงียบไปเองไอรินเลิกสนใจมือถือ เธอหันไปพูดคุยกับทีมงานของนุกุลอย่างสนิทสนม ถึงไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ แต่ทุกคนล้วนคุยเก่ง ไม่มีจังหวะให้ต้องรู้สึกอึดอัดเลย ไอรินถึงได้รู้สึกสบายใจร้านอาหารกึ่งบาร์ ด้านนอกที่ไอรินและคนอื่น ๆ นั่งอยู่เป็นส่วนของร้านอาหารปกติ แต่เมื่อก้าวเข้าไปด้านในบรรยากาศจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บาร์ที่นี่เปิดเพลงฟังสบาย และมีเครื่องดื่มมึนเมาหลากหลาย ที่นุกุลเลือกที่นี่เพราะทีมงานลงความเห็นกันว่า หลังกินข้าวเสร็จแล้วจะไปดื่มกันต่อ ม
“ไม่ได้น้อยใจรินก็จะง้อค่ะ”ไอรินเอ่ยอย่างดื้อดึง เธอกอดเจ้านายหนุ่มไม่ยอมปล่อย บ่งบอกว่าจะกอดเป็นลูกลิงแบบนี้จนกว่าเขาจะหายโกรธ“รินขอโทษนะคะที่ไม่ได้รับสาย” เธอขอโทษอีกครั้ง เสียงหวานจ๋อยสนิทเพราะรู้สึกผิดแล้วจริง ๆ “รินขอโทษ”แต่พลชกลับเอาแต่ปิดปากเงียบ เขาไม่ได้พยายามสลัดไอรินออก แต่ก็ไม่ยอมปริปากพูดกับเธอเช่นกัน“บอสขา ถึงจะโกรธริน แต่อย่างน้อยก็ช่วยพูดกับรินหน่อยได้ไหมคะ จะดุ จะด่า หรือจะตะคอกใส่ก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้สิคะ”“.....”“บอสขา”“คุณจะให้ผมด่าคุณ? ผมจะด่าคุณเรื่องอะไร”“ก็.. เรื่องที่รินไม่รับสาย”“คุณคิดว่าผมไม่พอใจเรื่องนั้น?”“ถ้าไม่ใช่.. แล้วบอสไม่พอใจรินเรื่องอะไรล่ะคะ”คำถามของไอรินไม่ได้รับคำตอบ แม้แต่คนที่ถูกถามเองก็อึ้งไปเหมือนกัน พลชลองถามตัวเองว่าเขาไม่พอใจอะไรไอริน ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เธอไม่รับสาย แล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้อีกภาพแรกที่เข้ามาในหัวคือภาพที่ไอรินขึ้นรถไปกับมาร์ติน เขาไม่พอใจไอรินเรื่องนั้น แต่ทำไมถึงไม่พอใจล่ะพลชเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไอรินไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น สัญญาระหว่างเราไม่ได้ห้ามถ้าอยากจะพูดคุยกับใครที่ถูกใจ เหมือนที่เขาเองก็เข้าหาแพทริเ
“มองอะไรคะวิลล์”ไอรินถามด้วยความไม่มั่นใจ วิลล์มองเธอมาสักพักแล้ว เขามองเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมพูดออกมา เอาแต่จ้องมาที่ปากเธออยู่แบบนั้นหรือว่า..ไอรินเม้มปากเข้าหากันทันทีเมื่อเข้าใจถึงสาเหตุที่เพื่อนร่วมงานเอาแต่จ้องไม่หยุด จะไม่ให้วิลล์จ้องได้ยังไง ในเมื่อปากเธอบวมเต่งขนาดนี้เมื่อเช้าก่อนออกมาทำงาน ไอรินต้องทาลิปสติกใหม่ตั้งสามรอบ เพราะทาเสร็จทีไรบอสก็ดึงเธอเข้าไปจูบจนลิปสติกหลุดทุกที เหมือนจะตอกย้ำให้ช้ำใจว่าเธอถูกหลอกขายของจริง ๆเมื่อช่วงสายไอรินลองเข้าไปอ่านรีวิวจากคนอื่น ๆ ดู เพราะเธอข้องใจมากจริง ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมลิปสติกแบรนด์ดังราคาแท่งละหลายพันถึงได้หลอกลวงผู้บริโภคแบบนี้ แล้วไอรินก็ต้องเจอกับความจริงที่ว่า..แทบไม่มีใครเคยเจอปัญหาเรื่องจูบแล้วหลุดเลย หลายคนยืนยันนอนยันว่าลิปสติกรุ่นนี้จูบไม่หลุดจริง ๆ แต่ก็มีบางกรณีที่เป็นข้อยกเว้นไอรินอ่านคอมเมนต์เหล่านั้นด้วยใบหน้าที่แดงจัด‘จูบไม่หลุดของจริง! ใช้มาหลายยี่ห้อหลายรุ่น ไม่มีตัวไหนที่ทนเท่าตัวนี้แล้วค่ะ คุ้มค่าที่สุด!’ ‘ไม่จริงค่ะ หนูใช้แล้วทำไมยังหลุดอยู่เลย แฟนจูบทีไรลิปบนปากหนูไปอยู่บนปากแฟนทุกที’ ‘อ
ตึง!“อ๊ะ! บอส” ไอรินมองสิ่งของที่ร่วงหล่น เป็นที่มาของเสียงดังตึงตังนั้น “บอสคะ กะ เก้าอี้หล่น”“ช่างมันสิ”“แต่ อื้อ!”พอได้จูบ ก็จูบไม่หยุดพลชไม่อยากฟังเสียงโต้เถียงของเลขาอีกต่อไป เขาจัดการปิดปากบวมเจ่อด้วยปากของตัวเอง กวาดต้อนลิ้นไปทั่วโพรงปากหวานฉ่ำด้วยความหลงใหลไม่รู้จักพอ ถ้ารู้ว่าจูบมันดีแบบนี้ เขาคงจูบไอรินไปตั้งนานแล้ว“อื้อ”ร่างบางถูกดันลงบนโต๊ะทำงานที่เย็นเฉียบ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุจากกายที่ร้อนผ่าวของทั้งคู่ ไอรินยกแขนขึ้นคล้องต้นคออีกฝ่ายตามสัญชาติญาณ ถึงแม้ว่าปากจะบวมและชาไปหมด แต่เธอก็ยินยอมให้พลชช่วงชิงลมหายใจได้ตามที่ต้องการ“อืม”เสื้อผ้าบนกายร่วงหล่นไปทีละชิ้น พลชจำใจต้องถอนจูบออกเพื่อจัดการลอกคราบเลขาสาวให้อยู่ในชุดวันเกิด ไอรินกอดตัวเองเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ไม่นาน.. เพราะพลชไม่ปล่อยให้คนสวยต้องนอนหนาวเพียงลำพัง เขาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด แล้วทาบทับกายลงไปเพื่อมอบความอบอุ่นให้ไอรินจุ๊บ“อื้อ”ไม่มีใครนับได้ว่าจูบนี้เป็นจูบที่เท่าไหร่ สิ่งเดียวที่รู้คือกี่ครั้งมันก็ไม่พอ สองร่างที่เปลือยเปล่าเบียดเสียดเข้าหากันจนไร้ที่ให้อากาศผ่าน พวกเข
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”เสียงหวานที่เต็มไปด้วยความสุภาพเป็นของพนักงานต้อนรับสาวสวย เธออยู่ในชุดเดรสสีหวาน ใบหน้างดงามปรากฎสีแดงระเรื่อที่สองแก้มซ้ายขวา ไม่ได้เป็นเพราะเครื่องสำอางที่ตั้งใจแต่งแต้มมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ แต่เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าต่างหากความหล่อเหลาของท่านประธานเป็นที่มาของรอยแดงบนแก้มนี้ หญิงสาวหลุบตาลงด้วยความขวยเขิน เธอเคยเห็นพลช ดีน แม็กซ์เวล ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ แต่เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริงครั้งแรก เขาเหมือนเทพบุตรเดินดิน รูปร่างสูงกำยำ ผิวขาวจัด ใบหน้าคมเข้มเหมือนถูกสลักจากพระเจ้า เส้นผมสีเข้ม ริมฝีปากบางหยักสีอ่อน จมูกโด่งเป็นสัน สายตาลึกลับของเขาแค่มองมาก็พาลให้คนถูกมองแข้งขาอ่อนเธอต้องจับขอบโต๊ะไว้แน่น ไม่อย่างนั้นคงลงไปกองที่พื้นแล้ว“พนักงานใหม่?” พลชถามเรียบ ๆ น้ำเสียงทุ้มทรงเสน่ห์ทำเอาหลายคนที่ได้ยินหัวใจเต้นรัวพลชเป็นคนที่ความจำดีมาก พนักงานมีเป็นพันคน ถึงจะจำชื่อได้ไม่หมด แต่ถ้าเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนก็จะจำได้เขาจำได้ว่าพนักงานต้อนรับเมื่อสามวันก่อนไม่ใช่คนนี้ และได้ยินมาบ้างว่าแผนกต้อนรับกับแผนกประชาสัมพันธ์เพิ่งเปิดรับพนักงานไป“คะ ค่ะท่านประธาน
ประชุมครึ่งวันหลังผ่านไปด้วยดี ไตรมาสที่สามบริษัททำกำไรสูงกว่าไตรมาสที่สองถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ สายการบินที่พลชเพิ่งเข้าครอบครองฟื้นตัวได้จากเงินทุนที่หนาของ PDM group และรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย พนักงานหลายร้อยชีวิตเหมือนได้เกิดใหม่ ทุกคนรู้ดีว่าเป็นเพราะเจ้านายคนใหม่อย่าง พลช ดีน แม็กซ์เวลพลชไม่ได้เข้าไปบริหารสายการบินนั้นเต็มตัว เขาจ้างผู้บริหารจากภายนอก โชคดีที่ได้คนเก่งและซื่อสัตย์มาทำงาน สายการบินต้นทุนต่ำที่เกือบจะล้มจนผู้ถือหุ้นคัดค้านไม่อยากให้พลชเอาเงินไปลง ตอนนี้จึงกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง และทำกำไรให้บริษัทแม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์เหมือนวันนี้จะมีแต่เรื่องดี ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเลขาคนสวยที่มีท่าทีแปลกไป พลชลอบมองไอรินบ่อยครั้งระหว่างประชุม และทุกครั้งที่สายตาประสานกัน ไอรินจะรีบหลบเหมือนไม่ต้องการจะสบตาด้วยเป็นอะไรพลชเก็บความสงสัยไว้ในใจจนกระทั่งการประชุมจบลง เขาเดินนำไอรินไปที่ห้องทำงาน แต่แทนที่เลขาสาวจะเดินตามเข้ามาเหมือนเคย เธอกลับหยุดที่โต๊ะตัวเอง แล้วทิ้งตัวลงนั่งทำงานหน้าตาเฉย“ไอริน”“คะบอส”“ตามผมเข้ามาในห้อง”“รินไม่ว่างเลยค่ะ ต้องทำรายงานการประช
“อื้อ”กายบางขดเข้าหากันเป็นก้อนกลม แล้วเบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นอย่างชอบใจ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเป็นแค่ความฝัน แต่ไอรินรู้สึกว่าวันนี้ผ้าห่มมันอุ่นกว่าทุกวัน แถมกลิ่นก็คล้าย ๆ กับบอสด้วย มันทำให้เธอหลับสบาย.. สบายจนไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย“ไอริน”“อื้อ”นอกจากได้กลิ่นบอสจากผ้าห่มแล้ว เธอยังได้ยินเสียงเขาจากผ้าห่มด้วย ไอรินส่งเสียงตอบกลับเบา ๆ มั่นใจว่าเป็นแค่ความฝันแน่นอน เพราะเธอฝันว่าได้นอนกอดบอสตั้งหลายชั่วโมงแหนะ“ตื่นได้แล้วนะไอริน”ไอรินย่นคอน้อย ๆ เพื่อหลีกหนีลมหายใจร้อน ๆ ฝันนี้มันชักจะเหมือนจริงเกินไปแล้ว ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น และสัมผัส“ถ้าไม่ตื่นจะจูบนะ”แม้แต่ในฝันบอสก็ยังหื่นไม่หยุด ไอรินยู่ปากน้อย ๆ จนคนที่เฝ้ามองหลุดหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นว่าคนหลับปุ๋ยคงไม่ยอมตื่นขึ้นมาง่าย ๆ พลชจึงทำอย่างที่ขู่เอาไว้“อื้ออ!!”ไอรินตื่นเต็มตาทันทีที่ริมฝีปากถูกบดเบียดและขบเม้มเบา ๆ สัมผัสที่จริงยิ่งกว่าจริงบอกให้ไอรินรู้ว่าเธอไม่ได้ฝัน บอสอยู่ตรงนี้ นอนอยู่ข้าง ๆ และกำลังรังแกริมฝีปากเธออยู่“อื้อ”พลชขบเม้มกลีบปากนุ่ม ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าไปช่วงชิงน้ำหวานด้านใน ไอรินที่เพิ่งตื่นแถมยังถูกค
มีหลายคนเคยพูดเอาไว้ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ ไอรินไม่เคยเชื่อคำพูดเหล่านั้น สำหรับเธอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เวลาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ตามหน้าที่ของมันไอรินไม่เคยสนใจว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหรือช้า เธอมาจากครอบครัวชนชั้นล่างของสังคม มีแม่เป็นครูบนดอยสูง ที่ต้องสอนคนเดียวเกือบทุกวิชา แต่รายได้กลับสวนทางเพียงเพราะเป็นครูที่อยู่บนดอย ความรักในวิชาชีพ และสงสารเด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาส ทำให้ครูไอยราไม่กล้าทิ้งเด็กเหล่านั้นแล้วลงมาทำงานในเมือง ช่วงวัยประถมไอรินจึงเติบโตอยู่ที่นั่น มีครูคนเดียวคือแม่วัยมัธยม ไอรินได้เข้าไปเรียนในตัวเมือง แต่ก็เป็นแค่โรงเรียนวัดเล็ก ๆ โชคดีที่เธอเรียนเก่ง หัวไว ช่วงมัธยมปลายจึงสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ เธอตั้งใจเรียนอย่างหนักจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ พร้อมกับทุนเปล่าช่วยค่าเทอมจนกว่าจะเรียนจบทุนช่วยแค่ค่าเทอม แปลว่าที่เหลือเธอต้องจ่ายเองทั้งหมด ทั้งค่ากิน ค่าที่พัก และค่าอุปกรณ์การเรียน เพราะไม่อยากรบกวนเงินเดือนอันน้อยนิดของแม่ ไอรินจึงทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อาศัยรูปร่างหน้าตารับงานออกบูธต่าง ๆ บางครั้งถ้าโชคดีก็ได้รับงานพริตตี้ที่ไ
ช่วงเวลายาวนานที่ต้องอุ้มท้องลูกน้อยเดินทางมาถึงเดือนสุดท้าย ไอรินไม่สามารถขยับตัวได้คล่องเพราะหน้าท้องที่นูนใหญ่ ใหญ่จนบางครั้งหลายคนที่เห็นยังอดถามไม่ได้ว่าลูกแฝดหรือเปล่า คนเป็นแม่ได้แต่หัวเราะแล้วตอบไปว่าเพราะพ่อเขาบำรุงดี ลูกชายถึงได้ตัวโตจ้ำม้ำไอรินหายแพ้ท้องหลังจากเข้าเดือนที่สี่ เธอยังคงไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งเลขาของท่านประธานเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เลขาทั่วไป ไอรินคือคุณนายแม็กซ์เวล และกำลังอุ้มท้องทายาทคนแรกของแม็กซ์เวลอยู่ นอกจากต้องให้ความเคารพแล้ว ยังต้องคอยเป็นหูเป็นตาดูแลความปลอดภัยให้ไอรินและคุณชายน้อยด้วยใคร ๆ ก็บอกว่าลูกชายในท้องของไอรินอภิชาตบุตร เพราะยังไม่ทันคลอดก็นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ครอบครัว ไม่ว่าพลชจะหยิบจับอะไรก็สร้างเม็ดเงินและความรุ่งเรืองมาให้ PDM group เสมอ ตั้งแต่ภรรยาตั้งครรภ์พลชก็ก้าวขึ้นไปอีกขั้นในวงการธุรกิจ เขากลายเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้านในวัยเพียงสามสิบต้น ๆในสายตาของคนนอกพลชยิ่งใหญ่ และมีอำนาจไม่ด้อยไปกว่าใคร ทว่าในสายตาข
งานแต่งของ พลช ดีน แม็กซ์เวล แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา ลำพังแค่กลุ่มนักธุรกิจ นักข่าว หรือคนที่มีผลประโยชน์ต่อกันก็แทบล้นสถานที่จัดงานแล้ว จะไม่เชิญใครก็ไม่ได้ การทำธุรกิจยังไงก็อาศัยคอนเนคชั่นเป็นหลัก ถึงตอนนี้พลชจะมีอำนาจมากมายล้นฟ้า แต่ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการคีพคอนเนคชั่นไว้จึงสำคัญไอรินที่เป็นเลขาเข้าใจตรงนี้ดี เธอไม่บ่นสักคำที่ต้องเชิญแขกเป็นพัน ๆ คน เพราะตกลงกับสามีไว้แล้วว่าพิธีสาบานตนกับสวมแหวนในโบสถ์ จะมีแค่คนสนิทเท่านั้นส่วนงานเลี้ยงจะจัดใหญ่แค่ไหน จะมีแขกกี่พันคนไอรินไม่สน เพราะเธอได้รับสิทธิพิเศษของคนที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ต้องออกไปเดินรับแขกให้เมื่อย แค่อยู่ร่วมงานไม่เกินชั่วโมงก็กลับห้องพักได้ ที่เหลือคนเป็นสามีจะจัดการเอง“ริน”ไอรินหันไปมองตามเสียงเรียก คุณครูไอยราที่วันนี้อยู่ในชุดแสนสวย เดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า“แม่”“เวียนหัวหรือเปล่า หนุ่มน้อยของยายดื้อไหมวันนี้”“ไม่เลย วันนี้รินไม่รู้สึกอะไรเลย”หนุ่มน้อยของตระกูลแม็กซ์เวลตอนนี้มีอายุได้สามเดือนครึ่งแล้ว หลังกลับจากอิตาลีพลชก็รีบพาไอรินไปฝากครรภ์กับเพื่อนสนิทอย่างหมอวายุ พวกเขาต
“ไอริน!!”“อื้อ ทำไมต้องตะโกน” คนที่เซซบอกสามีบ่นอุบจู่ ๆ ตอนที่ลุกขึ้นไอรินก็รู้สึกว่าโลกมันหมุนเร็วเกินไป ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนเสียหลักล้ม โชคดีที่สามีตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่เกิดเรื่องน่าอายขึ้น ไม่อย่างนั้นคนปากร้ายที่รอเหยียบย่ำคงพูดอะไรให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกไอรินฟังออกทั้งหมด สิ่งที่คนพวกนั้นพูดเธอฟังออกทุกคำ แต่ที่ไม่ตอบโต้ก็เพราะไม่ได้ใส่ใจ จิตใจของเธอล่องลอยไปหาเจลาโตรสบลูเบอร์รี่เปรี้ยวอมหวานที่เห็นเมื่อเช้า แค่คิดก็น้ำลายสอ อยากกิน อยากออกไปจากที่นี่เต็มทน“คุณไหวหรือเปล่า”“ไหวค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไร”ไอรินดันตัวออกจากอ้อมแขนของสามี ตอนนี้ทุกคนในห้องรับแขกมองมาที่เธอเป็นตาเดียว พวกเขาทำท่าทางเหมือนเห็นตัวประหลาดที่น่ารังเกียจ ไม่มีความเกรงใจกันสักนิดไม่ยักรู้ว่าตระกูลผู้ดีเขาสั่งสอนลูกหลานกันแบบนี้“ผู้หญิงชั้นต่ำก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกร้องความสนใจ”“โรเบิร์ต”“ผมไม่ได้ทำอะไรใครนี่ครับคุณแม่ แค่พูดความจริง หล่อนฟังเรารู้เรื่องที่ไหน” โรเบิร์ตยักไหล่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ไม่ได้แตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายก้อย ก็แค่คำพูด ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นก็ฟังไม่ออกฟังไม่ออก ก็แปลว่าเข
“ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ”“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว เครื่องจะแลนด์ดิ้งแล้วนะ”“ง่วงจัง” ไอรินปรือตาขึ้นมองใบหน้าสามี “ดีนคะ รินอยากนอนต่อจังค่ะ”“ไว้ถึงที่พักแล้วค่อยนอนต่อนะ ตอนนี้ลุกขึ้นมาก่อน”พลชพูดพลางปรับเก้าอี้ให้ภรรยา ไอรินแม้ไม่อยากตื่นแต่ก็จำใจต้องตื่น เสียงประกาศของพนักงานดังไปทั่วทั้งห้องโดยสารว่าอีกยี่สิบนาทีเครื่องจะลงจอดที่ท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน ประเทศอิตาลีความง่วงงุนทำให้ไอรินไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าที่ควร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไทม์โซนที่ต่าง ร่างกายที่ยังปรับตัวไม่ได้ หรือเพราะเธอแค่ขี้เกียจกันแน่เพราะช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไอรินก็เอาแต่นอนเป็นแมวขี้เซา แม้แต่ตอนที่นั่งทำงานเธอยังหลับได้ ลำบากให้สามีต้องอุ้มเข้าไปนอนในห้องเป็นประจำเพราะกลัวว่าภรรยาจะปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอรินทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกขอบคุณ แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์นอกจากจะไม่ได้ช่วยงานพลชอย่างเต็มที่แล้ว เธอยังเป็นตัวถ่วงให้เขาต้องเป็นกังวลอีก“คุณไม่ยอมตื่นมาทานข้าวเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากสำรวจภรรยาว่าคาดเข็มขัดดีหรือไม่เรียบร้อยแล้ว “คุณนอนตลอดสิบกว่าชั่วโมงได้ยังไง ไม่เพลียเหรอ”“ไม่เลยค่ะ รินสา
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว แต่ทั้งสองคนบนเตียงก็ยังคงตระกองกอดกันไม่ปล่อย ทั้งไอรินและพลชตื่นพร้อมกันตั้งแต่ชั่วโมงก่อน แต่แทนที่พวกเขาจะเร่งรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงานเหมือนปกติ ในวันนี้ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันนอนเอ้อระเหยอย่างสบายอารมณ์เหมือนคนว่างงานเพราะวันนี้ท่านประธานกับเลขาส่วนตัว ใช้สิทธิ์ลางานช่วงเช้าเพื่อไปทำธุระสำคัญ“ที่รัก ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวสาย”“อื้อ รินง่วงมากเลยค่ะ อยากนอนต่อจัง” คนง่วงปรือตาขึ้นน้อย ๆ มองหน้าคนรักอย่างออดอ้อนไอรินน่ารักจนพลชอดใจไม่ไหว เขามอบจูบแสนหวานให้เธอแม้ว่าริมฝีปากอิ่มจะบวมเจ่ออยู่แล้วก็ตาม“อื้อ อย่าค่ะ”คนถูกจูบรีบดันชายหนุ่มออกก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด เพราะเผลอหน่อยเดียวเสื้อยืดตัวโคร่งก็ถูกถลกขึ้นสูงแล้ว ทรวงอกอิ่มที่ไร้บราห่อหุ้มถูกบีบเคล้นเบา ๆ ไอรินรีบตะครุบมือปลาหมึกเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะใจอ่อน“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวสาย”“รู้ตัวแล้วเหรอว่ากำลังจะสาย” พลชยอมละมือออกแต่โดยดี “ไปอาบน้ำกันที่รัก”“ไม่เอานะคะ อ๊ะ!”แขนเรียวรีบยกขึ้นคล้องต้นคอแกร่งเมื่อถูกช้อนตัวขึ้น สะโพกมนสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดุนดันอย่างก้าวร้าว ดวงตาคู่ส
“เหมือนว่าการที่เรารักกันมันจะไม่ง่ายเลยนะคะ” “ไอริน อย่าพูดแบบนี้”พลชส่ายอย่างตื่นตระหนก เขากลัว กลัวว่าประโยคต่อมาของไอรินจะทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย“ทำไมคะ รินคิดว่า..”“ไม่นะริน! ไม่พูดคำนั้นออกมานะที่รัก”พลช ดีน แม็กซ์เวล ทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น ใช้สองแขนกอดรัดร่างเพรียวบางของแฟนสาวเอาไว้แน่น ซบใบหน้ากับหน้าท้องราบเรียบด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจเขากลัว กลัวว่าไอรินจะบอกเลิกเขากลัวว่าไอรินหายไปอีกครั้งเขากลัว“อึก”“คุณ..”ความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีร่ำไห้เพียงเพราะกลัวว่าคนรักจะทิ้งไป ไม่เหลือคราบนักธุรกิจดังที่มีแค่คนเกรงใจในอำนาจ ตอนนี้พลชไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากไอริน“อย่าทิ้งผมไปนะริน ได้โปรด”“ดีนคะ”“ให้ผมทำยังไงก็ได้ อึก ผมทำได้ทุกอย่าง แต่เราไม่เลิกกันนะริน ไม่เลิกกันได้ไหม ฮึก”ไอรินอ้าปากค้าง ก่อนที่มือบางฟาดผลัวะเข้าที่ไหล่กว้างเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวทั้งน้ำตาทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บตัว ทั้งงุนงง พลชเหมือนลูกหมาตัวโต ๆ ที่เจ้าของไม่พาไปเดินเล่น“เลิกอะไรคะ!” ไอรินถามเสียงเขียว ฟาดมือกับไหล่หนาอีกที “ตบปา
“ในที่สุดลูกชายซื่อบื้อของมัมก็พาหนูรินกลับมาจนได้”หลังจากกอดหอมไอรินจนหนำใจ พิมพ์ดาวก็หันไปค่อนแคะลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถ้าไม่ตรอมใจจนเข้าโรงพยาบาล ป่านนี้คนซื่อบื้อก็ยังคงซื่อบื้อต่อไปพลชไม่ได้โกรธแม่แต่ก็หัวเราะไม่ออกเหมือนกัน แค่คิดว่าต้องเสียไอรินไปอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็บีบรัดอย่างรุนแรง เหมือนว่ามันกำลังจะแตกสลาย“อื้ออ ดีนคะ!” ไอรินตีแขนแกร่งที่จู่ ๆ ก็เข้ามาโอบรัดรอบเอว “ทำอะไรคะ คุณมัมกับคุณแด๊ดมองอยู่นะ”“อยากกอด ผมกลัวว่ารินจะหายไป”“รินจะหายไปได้ยังไงล่ะคะ”“คงฝังใจน่ะสิ” พิมพ์ดาวเอ่ยเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจของลูกชาย “อย่างงี้ล่ะน้า คนมันเคยพลาดมาก่อน คงกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมอีก”“อะไรเหรอคะคุณมัม”“ดีนกำลังกลัวว่าจะเสียรินไปอีกน่ะลูก”ไอรินทั้งเข้าใจ และเห็นใจคนรัก เธอไม่รู้หรอกว่าสามเดือนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แต่จากสภาพทรุดโทรมที่ได้เห็น และที่วิลล์กับไมค์เล่าให้ฟังว่าพลชถึงขั้นหมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน เธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาเองก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกันไม่มีใครมีความสุขกับการจากลาในครั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่พลชจะจำฝังใจ เพราะแม้แต่ตัวเธอก็ยังหลงเหลือบาดแผลเล็ก ๆ
ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้าน ใช้เวลาแค่สิบวัน โรงเรียนที่ถูกปรับปรุงก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าไม่มีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขแล้ว เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องไปทั่วดอยเล็ก ๆ แห่งนี้“ในที่สุดโรงเรียนก็เสร็จแล้ว!”“หลังจากนี้เด็ก ๆ จะได้มีอาคารเรียนดี ๆ ไม่ต้องกลัวว่าหลังคาจะรั่วตอนฝนตกอีก”“ห้องน้ำก็มิดชิดขึ้น โรงอาหารก็ใหญ่โต เด็ก ๆ โชคดีกันมากนะรู้ไหม สมัยพี่เรียนไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ต้องตั้งใจเรียนนะ อย่าให้พวกพี่เสียแรงเปล่าล่ะ”เด็ก ๆ ต่างพากันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ดวงตาสุกสกาวไร้เดียงสามองโรงเรียนที่เกือบจะจำภาพเดิมไม่ได้ด้วยความตื่นเต้นยินดี นอกจากอาคารเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่จนแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังมีอาคารอีกหนึ่งหลังที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย ทั้งใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า เด็ก ๆ ตื่นเต้นจนอยากเข้าไปเรียนเสียเดี๋ยวนี้ในอาคารนั้นมีทั้งห้องสมุด ห้องวิทยาศาสตร์ แถมยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์อีกห้าเครื่องตั้งไว้ให้เด็ก ๆ ได้ลองใช้ รวมถึงมีทีวีขนาดยักษ์ ที่ครูไอยราบอกว่าจะมีครูสอนพวกเด็ก ๆ จากในนั้นได้ยินว่าเป็นการเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม เด็ก ๆ ไม่เข้าใจสิ่งนี้ ผู
“อยู่บ้านดี ๆ นะริน ส่วนดีน เราน่ะอย่ารั้นจะไปช่วยชาวบ้านนัก เจ็บแบบนี้ยิ่งไปช่วยชาวบ้านเขาจะยิ่งเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันพอดี”นักธุรกิจหนุ่มนั่งคอตก เถียงคุณครูไอยราไม่ออกเพราะตัวเองทำผิดจริง ๆเขาพักรักษาตัวมาได้สองวันแล้ว จุดที่ช้ำเริ่มเป็นสีม่วงเข้ม แต่เพราะยาจากไอยราทำให้รอยช้ำไม่น่ากลัวเท่าที่คิด ส่วนแผลที่แขนก็สมานกันดี พลชจึงแอบหนีไอรินไปที่โรงเรียน หวังจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้างแต่พอชาวบ้านเจอหน้าเขา ทุกคนก็พากันเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก จนครูไอยราต้องมาไล่ให้ว่าที่ลูกเขยกลับบ้านตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าพลชคือใคร และเพราะรู้ ทุกคนถึงได้หวั่นเกรงแบบนี้ สำหรับชาวบ้านตาดำ ๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แมลงศัตรูพืช แต่เป็นนายทุนอย่างพลชต่างหาก ขึ้นชื่อว่านายทุน.. ผลประโยชน์ย่อมมาก่อนทุกอย่างเสมอ ไม่รู้ว่าวันดีคืนดี จากหนุ่มลูกครึ่งแสนดีที่ชาวบ้านรักใคร่ จะกลายเป็นคนหน้าเลือดกว้านซื้อที่ดิน จนคนหาเช้ากินค่ำไม่มีที่ซุกหัวนอนวันไหน“วันนี้ชาวบ้านมองผมแปลก ๆ” พลชฟ้องคนรัก ระหว่างที่เปิดเสื้อขึ้นเพื่อให้ไอรินประคบสมุนไพรไอรินที่รู้เรื่องทุกอย่างดีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แฟนหนุ่มยัง