“รินครับ หินอ่อนสเปกนี้น่าจะต้องเพิ่มงบอีกพอสมควรเลยครับ ผมพยายามหาแบรนด์ที่ถูกและดีแล้ว แต่หินอ่อนเกรด A+++ และต้องนำเข้าแบบนี้ราคาจะสูงกว่าปกติ ถ้ายอมลดเกรดลงมาหน่อย อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้เกือบครึ่งเลยครับ”พลชเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร หัวคิ้วขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวไอรินไปสนิทกับอินทีเรียคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขั้นพูดคุยกันอย่างสนิทสนมขนาดนี้ ทำไมเขาไม่รู้อะไรเลย“รินขอถามบอสก่อนนะคะนุ”ไม่ใช่แค่นุกุลที่เรียกหาไอรินอย่างสนิทสนม แม้แต่ตัวเลขาของเขาเองก็พูดคุยกับอีกฝ่ายเหมือนรู้จักกันมานานในฐานะที่เขาอยู่กับไอรินแทบจะยี่สิบยี่ชั่วโมง พลชอดสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน เขาไม่เคยเห็นไอรินออกไปเจอใครข้างนอกเลย กลางวันทำงาน เลิกงานก็กลับเพนท์เฮ้าส์ทันที ตกดึกก็ขึ้นเตียงกับเขา เอาเวลาที่ไหนไปใกล้ชิดกับคนอื่น“บอสคะ”พลชปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ เงยหน้าขึ้นสบตาเลขาสาวนิ่ง ๆ แต่ท่าทางที่ชายหนุ่มคิดไปเองว่าปกตินั้น ไอรินกลับสัมผัสได้ว่ามันมีความมาคุแปลก ๆ ซ่อนอยู่ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ไอรินลืมเรื่องที่จะพูดไปจนหมด เอาแต่คิดไปต่าง ๆ นานาว่าตัวเองทำให้อะไรให้เจ้านายไม่พอใจหรือเปล่
เป็นปกติของเวลานี้ที่ประตูห้องจะถูกเปิดออก พร้อมกับชายร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำแหวกโชว์แผงอกที่เดินอาด ๆ เข้ามา ไอรินส่งยิ้มให้อีกฝ่ายระหว่างลงครีมบนใบหน้าและทั่วตัวพลชเดินไปนั่งที่ปลายเตียง มองไอรินที่ยุ่งวุ่นวายกับร่างกายตัวเองเงียบ ๆ ไอรินดูแลตัวเองดีแบบนี้ผิวถึงได้เนียนนุ่มหอมกรุ่นตลอดเวลา และเขาชอบมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเร่งรัดให้เธอรีบทาครีมให้เสร็จไว ๆ เสียเวลาแค่ไม่นานเพื่อแลกกับความหอมหวานพลชยินดี“บอสคะ อาการไข้ดีขึ้นหรือยังคะ”ไอรินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อสองวันก่อนพลชมีไข้จริง ๆ เป็นไข้อ่อน ๆ ที่มีอาการแค่ตัวร้อนและปวดหัวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นพลชก็ไม่อยากเสี่ยง เขาไม่มาหาเธอเลยเพราะกลัวว่าจะติดไข้กันไปทั้งหมด“หายดีแล้ว”“รินขอดูหน่อยค่ะ”ร่างเพรียวบางลุกจากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินเข้ามาหา ชุดนอนบางเบาที่สวมใส่ลู่ไปกับร่างกายอรชรอ้อนแอ้น ชวนให้คนที่ต้องอดกลั้นมาสองวันสองคืนลอบกลืนน้ำลายลงคอ“ยังตัวร้อนอยู่เลยนะคะ” ไอรินขมวคคิ้ว หลังมือยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากกายแกร่ง แล้วทำไมบอสถึงบอกว่าหายดีแล้ว“ผมหายแล้ว”“แต่ว่า..”“ตัวผมร้อนเพราะคุณต่างหาก”พลชคว้ามือบางออก
ไอรินมองภาพของตัวเองที่สะท้อนจากกระจกเงาบานใหญ่ คนในนั้นไม่เหมือนตัวเธอแม้แต่นิดเดียว เส้นผมที่ถูกดัดเป็นลอนคลื่นคลอเคลียไปกับไหล่บอบบาง ต่างจากปกติที่มักจะถูกรวบหรือไม่ก็ปล่อยตรงธรรมชาติ ใบหน้าถูกตบแต่งจัดจ้านกว่าที่เคย และที่แปลกตาที่สุด ก็คือชุดเดรสสีดำสนิทเข้ารูปบนร่างกาย คนที่ไม่เคยแต่งตัวเต็มที่ขนาดนี้อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ภาพปกติที่ทุกคนคุ้นชินคือไอรินในชุดสูทสุภาพ ที่แค่เปลี่ยนสีในบางวันเท่านั้น แม้แต่พลชเองก็เคยเห็นแค่ชุดอยู่บ้านเรียบ ๆ ชุดนอน และชุดวันเกิดของเธอ ไม่เคยเห็นไอรินในชุดราตรีสวยงามขนาดนี้มาก่อน“คุณไอรินสวยมากครับ”วิลล์เอ่ยเป็นคนแรก หลังจากอ้าปากค้างเพราะความสวยของคุณเลขาไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มชมเปาะอย่างตรงไปตรงมา เพราะวันนี้ไอรินสวยสะกดตามากจริง ๆ“ขอบคุณค่ะคุณวิลล์”พลชกระแอมไอเล็กน้อย เขาเองก็ค้างไปเหมือนกัน ก็รู้ว่าไอรินสวยมากอยู่แล้ว แต่พอถูกจับแต่งตัวแบบนี้กลับยิ่งสวยสะกดตา ทั้งยังเซ็กซี่น่าค้นหา สลัดคราบเลขาไปจนหมด“แต่ผมว่าที่คอคุณไอรินมันโล่ง ๆ นะครับ”พลชจ้องมองลำคอระหงที่ว่างเปล่า ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคนสนิท เขาสบตาไมค์เพียงเล็กน้อยอีกฝ่ายก็เดินจากไป
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มิสราลิโอ”“เรียกแพทเฉย ๆ ก็พอค่ะ มิสเตอร์แม็กซ์เวล”“ถ้าจะให้ผมเรียกคุณว่าแพท คุณก็ต้องเรียกผมว่าดีนนะครับ” พลชจงใจบอกชื่อเล่นออกไป เพื่อให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ แล้วก็ได้ผล แก้มทั้งสองข้างของเธอซับสีเลือดขึ้นมาทันที“ค่ะ คุณดีน”ท่านทูตที่เฝ้ามองท่าทีของหนุ่มสาว รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กทั้งสองกำลังสนใจกันและกัน ตัวเขานั้นไม่ขัดอยู่แล้ว การได้ดองกับแม็กซ์เวลนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ดังนั้นชายวัยหกสิบปีจึงเปิดทางให้ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันได้เต็มที่“เชิญหนุ่มสาวพูดคุยกันดีกว่า ผมว่าจะไปพบท่านทูตออสเตรียเสียหน่อย สมัยเรียนเคยรู้จักกันมาก่อน”“พ่อคะ หนูอยากให้พ่อนั่งพักแล้วนะคะ” แพทริเซียไม่วายเป็นกังวล หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น“พ่อไม่เป็นไรแพท ไปนะครับมิสเตอร์แม็กซ์เวล”ท่านทูตแยกตัวออกไปแล้ว บริเวณตรงนี้จึงเหลือเพียงแพทริเซีย พลช ไอริน วิลล์และไมค์ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายส่งสายตาให้ลูกน้องแวบเดียว ทั้งสามก็เดินแยกไปอีกทางทันที“ไปเดินเล่นตรงนั้นดีไหมครับ คุณแพท”“ก็ได้ค่ะ คุณดีน”..ไอรินเหลียวหลังกลับไปมอง เธอเห็นชายหญิงที่เดินเคียงกันออกไปยังส่
“หายไปไหนกันมา”เสียงเย็นยะเยือกของเจ้านายทำเอาลูกน้องคอหดกันเป็นแถว ๆ ทั้งวิลล์และไมค์ต่างพากันก้มหน้าลง ไม่กล้าสบสายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยถ้อยคำตำหนิพวกเขาแค่ออกไปสูบบุหรี่นอกงานไม่ถึงสิบนาที ไม่คิดว่าจะทำให้บอสไม่พอใจขนาดนี้“พวกผมออกไปสูบบุหรี่มาครับ”“งั้นเหรอ”พลชถามเหมือนไม่ใส่ใจ แต่คนที่อยู่ด้วยกันมานานรู้ดีว่าเจ้านายแค่ยังไม่อยากเช็กบิลตอนนี้เท่านั้น ยังไงพวกเขาก็หนีไม่พ้นโทษ ข้อหาปล่อยปละละเลยหน้าที่วิลล์หน้าจ๋อยสนิท เขาผิดเองที่ชวนไมค์ออกไปพร้อมกัน เพราะเห็นว่าไอรินมีเพื่อนอยู่ด้วยไม่น่ามีปัญหาอะไร ใครจะไปคิดว่าบอสจะกลับมาเร็วขนาดนี้“กลับได้แล้ว”“ครับบอส”วิลล์สบสายตากับไอรินแวบเดียว ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับอย่างรวดเร็ว ไมค์ตามไปนั่งข้างคนขับ ส่วนไอรินกับพลชนั่งตอนหลังที่เป็นเบาะสี่ที่นั่ง หันหน้าเข้าหากันโดยมีโต๊ะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่กั้นกลาง หน้าต่างทั่วทั้งคันถูกปิดด้วยผ้าม่านสีดำสนิท เมื่อประตูปิดลง คนด้านในก็ถูกตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงพลชเลือกซื้อรถคันนี้เพราะฟังชั่นของมัน ส่วนของผู้โดยสารจะมีกระจกและผ้าม่านกั้นจากคนขับด้านหน้า คล้ายกับห้องเล็ก ๆ
“คุณเปียกแล้วนะ” “ก็ฝีมือบอสไม่ใช่เหรอคะ” พลชอึ้งไปเล็กน้อย เขาตั้งใจพูดให้ไอรินเขินอาย แต่เธอกลับยอกย้อนตอบกลับได้ทันควัน ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของเขาจะหัวไวกว่าที่คิดจากสาวน้อยที่แสนบริสุทธิ์และขี้อาย กลายเป็นหญิงสาวที่ร้อนแรงและยั่วยวน เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวสะพรั่งเต็มวัย“นั่นสิ แต่ผมอยากให้คุณเปียกกว่านี้”“อื้อ”พลชเคล้นคลึงเกสรสั่นระริกด้วยปลายนิ้ว ร่างบนตักสั่นสะท้าน หอบหายใจหนักจากการถูกรุกราน“อ๊ะ อื้อ บอสขา”“ว่ายังไง ไอริน”“รินรู้สึกดี อื้อ ตรงนั้น ยะ อย่าหยุดค่ะ” มือบางมุดหายเข้าไปในกระโปรง ทาบทับมือใหญ่ไว้เพราะกลัวว่าพลชจะหยุดกระทำ “เสียวจังค่ะ อ๊า~”แพนตี้ตัวน้อยเปียกลื่นไปด้วยน้ำหวาน ไอรินแยกขาออกกว้าง ยินยอมให้พลชสัมผัสด้วยความเต็มใจ ทั้งยังร่อนเอวขึ้นสู้นิ้วร้อนอย่างไม่มีความกลัวเกรงใด ๆ จนบอสหนุ่มต้องใช้แขนข้างที่ว่างกอดรัดเอวบางไว้ เพราะไอรินขยับไปมาจนแทบจะตกอยู่แล้ว“ระวังหน่อย” เขากระซิบบอกเธอ พลางรั้งให้ร่างบางขยับเข้ามาแนบกายเหมือนไอรินเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ “คุณจะตกอยู่แล้ว ไอริน”“อื้อ บอสขา”ไอรินหูอื้อไปหมด เธอไม่ได้ยิน ไม่สนใจอะไรนอกจากปลายนิ้วที่บดคลึง
กินเวลาไปชั่วโมงเศษกว่าพายุสวาทจะจบลง เนิ่นนานจนไอรินที่เป็นฝ่ายออนท็อปเหนื่อยอ่อนและหลับไปทันที ทั้ง ๆ ที่ตัวยังเปื้อนไปด้วยน้ำกามของเจ้านายหนุ่ม พลชประคองร่างบอบบางออกจากตัก ไอรินที่หลับไปแล้วลืมตาตื่น เอ่ยกับพลชด้วยน้ำเสียงงัวเงียแกมออดอ้อนว่า“อื้มมม บอสขา รินขอพักแป๊บนึงนะคะ ไว้ค่อยทำต่อน้า”“ไอริน ผมไม่ได้จะ..”“รินขอพักแป๊บเดียวนะคะ แป๊บเดียวเอง งืม ๆ”ชายหนุ่มส่ายหัวแล้วหลุดหัวเราะออกมา เขาปล่อยให้ไอรินนอนพักอย่างที่เธอต้องการ ทั้งยังใจดีช่วยเช็ดคราบอะไรต่อมิอะไรออกให้ และจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง“จะมีเจ้านายที่ไหนใจดีได้เท่าผมอีก ไอริน”จัดการเลขาเสร็จก็หันมาจัดการตัวเอง พลชส่ายหน้าตอนที่เห็นคราบเปื้อนวงกว้างบนกางเกง ทั้งของตัวเองและของไอรินปะปนกันจนแยกแทบไม่ออกเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ พลชก็กดเครื่องมือสื่อสารข้างรถเพื่อพูดคุยกับลูกน้องอีกสองคน“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”“บางนาครับ บอสจะให้ผมกลับเพนท์เฮ้าส์เลยไหมครับ”“ไม่ล่ะ” พลชปฏิเสธทันที วันนี้เขาไม่อยากกลับเพนท์เฮ้าส์ แต่อยากไปที่ ๆ หนึ่งมากกว่า “ไปพัทยา”“ครับ!?” วิลล์ทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พัทยา
ไอรินตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน และก็เหมือนเคย ข้างกายของเธอไม่มีใครอยู่ด้วยเหมือนทุกครั้ง ที่นอนข้าง ๆ เย็นชืดจนชิน เมื่อคืนหลังจากที่ทุกอย่างจบลง บอสคงกลับไปนอนที่บ้านพักของตัวเองไอรินลุกขึ้นยืน พยุงร่างที่อ่อนแรงไปที่กระจกบานใหญ่ เธอเปิดม่านสีเข้มออกกว้าง ภาพตรงหน้าคือทะเลสีฟ้าครามที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตาทะเล ไม่ได้มาทะเลนานแล้วเหมือนกันเมื่อคืนไอรินเอาแต่นอนอุตุ พอรู้สึกตัวก็จูงมือบอสเข้าห้องแล้วทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันทั้งคืน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แค่ไม่ใช่ที่เพนท์เฮ้าส์ แต่ก็คงไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่ออดหญิงสาวละสายตาจากทะเลตรงหน้า เธอเดินไปที่ประตู ส่องตาแมวเพื่อดูว่าใครที่มาหา“คุณไมค์”ไอรินรีบเปิดประตูเมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคย ไม่รู้เลยว่าไมค์เองก็ยังอยู่ที่นี่ ในมือของอีกฝ่ายถือถุงกระดาษโลโก้แบรนด์ดังแล้วยื่นมันมาให้เธอ“อะไรเหรอคะ”“เสื้อผ้าของคุณครับ”“เสื้อผ้า โอ๊ะ!”ไอรินรีบเบี่ยงตัวหลบหลังประตูทันที เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว ไม่เหมาะที่จะเปิดประตูรับใครด้วยซ้ำ“ขอโทษค่ะที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย”“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็
ช่วงเวลายาวนานที่ต้องอุ้มท้องลูกน้อยเดินทางมาถึงเดือนสุดท้าย ไอรินไม่สามารถขยับตัวได้คล่องเพราะหน้าท้องที่นูนใหญ่ ใหญ่จนบางครั้งหลายคนที่เห็นยังอดถามไม่ได้ว่าลูกแฝดหรือเปล่า คนเป็นแม่ได้แต่หัวเราะแล้วตอบไปว่าเพราะพ่อเขาบำรุงดี ลูกชายถึงได้ตัวโตจ้ำม้ำไอรินหายแพ้ท้องหลังจากเข้าเดือนที่สี่ เธอยังคงไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งเลขาของท่านประธานเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เลขาทั่วไป ไอรินคือคุณนายแม็กซ์เวล และกำลังอุ้มท้องทายาทคนแรกของแม็กซ์เวลอยู่ นอกจากต้องให้ความเคารพแล้ว ยังต้องคอยเป็นหูเป็นตาดูแลความปลอดภัยให้ไอรินและคุณชายน้อยด้วยใคร ๆ ก็บอกว่าลูกชายในท้องของไอรินอภิชาตบุตร เพราะยังไม่ทันคลอดก็นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ครอบครัว ไม่ว่าพลชจะหยิบจับอะไรก็สร้างเม็ดเงินและความรุ่งเรืองมาให้ PDM group เสมอ ตั้งแต่ภรรยาตั้งครรภ์พลชก็ก้าวขึ้นไปอีกขั้นในวงการธุรกิจ เขากลายเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้านในวัยเพียงสามสิบต้น ๆในสายตาของคนนอกพลชยิ่งใหญ่ และมีอำนาจไม่ด้อยไปกว่าใคร ทว่าในสายตาข
งานแต่งของ พลช ดีน แม็กซ์เวล แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา ลำพังแค่กลุ่มนักธุรกิจ นักข่าว หรือคนที่มีผลประโยชน์ต่อกันก็แทบล้นสถานที่จัดงานแล้ว จะไม่เชิญใครก็ไม่ได้ การทำธุรกิจยังไงก็อาศัยคอนเนคชั่นเป็นหลัก ถึงตอนนี้พลชจะมีอำนาจมากมายล้นฟ้า แต่ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการคีพคอนเนคชั่นไว้จึงสำคัญไอรินที่เป็นเลขาเข้าใจตรงนี้ดี เธอไม่บ่นสักคำที่ต้องเชิญแขกเป็นพัน ๆ คน เพราะตกลงกับสามีไว้แล้วว่าพิธีสาบานตนกับสวมแหวนในโบสถ์ จะมีแค่คนสนิทเท่านั้นส่วนงานเลี้ยงจะจัดใหญ่แค่ไหน จะมีแขกกี่พันคนไอรินไม่สน เพราะเธอได้รับสิทธิพิเศษของคนที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ต้องออกไปเดินรับแขกให้เมื่อย แค่อยู่ร่วมงานไม่เกินชั่วโมงก็กลับห้องพักได้ ที่เหลือคนเป็นสามีจะจัดการเอง“ริน”ไอรินหันไปมองตามเสียงเรียก คุณครูไอยราที่วันนี้อยู่ในชุดแสนสวย เดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า“แม่”“เวียนหัวหรือเปล่า หนุ่มน้อยของยายดื้อไหมวันนี้”“ไม่เลย วันนี้รินไม่รู้สึกอะไรเลย”หนุ่มน้อยของตระกูลแม็กซ์เวลตอนนี้มีอายุได้สามเดือนครึ่งแล้ว หลังกลับจากอิตาลีพลชก็รีบพาไอรินไปฝากครรภ์กับเพื่อนสนิทอย่างหมอวายุ พวกเขาต
“ไอริน!!”“อื้อ ทำไมต้องตะโกน” คนที่เซซบอกสามีบ่นอุบจู่ ๆ ตอนที่ลุกขึ้นไอรินก็รู้สึกว่าโลกมันหมุนเร็วเกินไป ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนเสียหลักล้ม โชคดีที่สามีตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่เกิดเรื่องน่าอายขึ้น ไม่อย่างนั้นคนปากร้ายที่รอเหยียบย่ำคงพูดอะไรให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกไอรินฟังออกทั้งหมด สิ่งที่คนพวกนั้นพูดเธอฟังออกทุกคำ แต่ที่ไม่ตอบโต้ก็เพราะไม่ได้ใส่ใจ จิตใจของเธอล่องลอยไปหาเจลาโตรสบลูเบอร์รี่เปรี้ยวอมหวานที่เห็นเมื่อเช้า แค่คิดก็น้ำลายสอ อยากกิน อยากออกไปจากที่นี่เต็มทน“คุณไหวหรือเปล่า”“ไหวค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไร”ไอรินดันตัวออกจากอ้อมแขนของสามี ตอนนี้ทุกคนในห้องรับแขกมองมาที่เธอเป็นตาเดียว พวกเขาทำท่าทางเหมือนเห็นตัวประหลาดที่น่ารังเกียจ ไม่มีความเกรงใจกันสักนิดไม่ยักรู้ว่าตระกูลผู้ดีเขาสั่งสอนลูกหลานกันแบบนี้“ผู้หญิงชั้นต่ำก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกร้องความสนใจ”“โรเบิร์ต”“ผมไม่ได้ทำอะไรใครนี่ครับคุณแม่ แค่พูดความจริง หล่อนฟังเรารู้เรื่องที่ไหน” โรเบิร์ตยักไหล่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ไม่ได้แตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายก้อย ก็แค่คำพูด ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นก็ฟังไม่ออกฟังไม่ออก ก็แปลว่าเข
“ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ”“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว เครื่องจะแลนด์ดิ้งแล้วนะ”“ง่วงจัง” ไอรินปรือตาขึ้นมองใบหน้าสามี “ดีนคะ รินอยากนอนต่อจังค่ะ”“ไว้ถึงที่พักแล้วค่อยนอนต่อนะ ตอนนี้ลุกขึ้นมาก่อน”พลชพูดพลางปรับเก้าอี้ให้ภรรยา ไอรินแม้ไม่อยากตื่นแต่ก็จำใจต้องตื่น เสียงประกาศของพนักงานดังไปทั่วทั้งห้องโดยสารว่าอีกยี่สิบนาทีเครื่องจะลงจอดที่ท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน ประเทศอิตาลีความง่วงงุนทำให้ไอรินไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าที่ควร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไทม์โซนที่ต่าง ร่างกายที่ยังปรับตัวไม่ได้ หรือเพราะเธอแค่ขี้เกียจกันแน่เพราะช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไอรินก็เอาแต่นอนเป็นแมวขี้เซา แม้แต่ตอนที่นั่งทำงานเธอยังหลับได้ ลำบากให้สามีต้องอุ้มเข้าไปนอนในห้องเป็นประจำเพราะกลัวว่าภรรยาจะปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอรินทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกขอบคุณ แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์นอกจากจะไม่ได้ช่วยงานพลชอย่างเต็มที่แล้ว เธอยังเป็นตัวถ่วงให้เขาต้องเป็นกังวลอีก“คุณไม่ยอมตื่นมาทานข้าวเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากสำรวจภรรยาว่าคาดเข็มขัดดีหรือไม่เรียบร้อยแล้ว “คุณนอนตลอดสิบกว่าชั่วโมงได้ยังไง ไม่เพลียเหรอ”“ไม่เลยค่ะ รินสา
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว แต่ทั้งสองคนบนเตียงก็ยังคงตระกองกอดกันไม่ปล่อย ทั้งไอรินและพลชตื่นพร้อมกันตั้งแต่ชั่วโมงก่อน แต่แทนที่พวกเขาจะเร่งรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงานเหมือนปกติ ในวันนี้ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันนอนเอ้อระเหยอย่างสบายอารมณ์เหมือนคนว่างงานเพราะวันนี้ท่านประธานกับเลขาส่วนตัว ใช้สิทธิ์ลางานช่วงเช้าเพื่อไปทำธุระสำคัญ“ที่รัก ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวสาย”“อื้อ รินง่วงมากเลยค่ะ อยากนอนต่อจัง” คนง่วงปรือตาขึ้นน้อย ๆ มองหน้าคนรักอย่างออดอ้อนไอรินน่ารักจนพลชอดใจไม่ไหว เขามอบจูบแสนหวานให้เธอแม้ว่าริมฝีปากอิ่มจะบวมเจ่ออยู่แล้วก็ตาม“อื้อ อย่าค่ะ”คนถูกจูบรีบดันชายหนุ่มออกก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด เพราะเผลอหน่อยเดียวเสื้อยืดตัวโคร่งก็ถูกถลกขึ้นสูงแล้ว ทรวงอกอิ่มที่ไร้บราห่อหุ้มถูกบีบเคล้นเบา ๆ ไอรินรีบตะครุบมือปลาหมึกเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะใจอ่อน“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวสาย”“รู้ตัวแล้วเหรอว่ากำลังจะสาย” พลชยอมละมือออกแต่โดยดี “ไปอาบน้ำกันที่รัก”“ไม่เอานะคะ อ๊ะ!”แขนเรียวรีบยกขึ้นคล้องต้นคอแกร่งเมื่อถูกช้อนตัวขึ้น สะโพกมนสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดุนดันอย่างก้าวร้าว ดวงตาคู่ส
“เหมือนว่าการที่เรารักกันมันจะไม่ง่ายเลยนะคะ” “ไอริน อย่าพูดแบบนี้”พลชส่ายอย่างตื่นตระหนก เขากลัว กลัวว่าประโยคต่อมาของไอรินจะทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย“ทำไมคะ รินคิดว่า..”“ไม่นะริน! ไม่พูดคำนั้นออกมานะที่รัก”พลช ดีน แม็กซ์เวล ทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น ใช้สองแขนกอดรัดร่างเพรียวบางของแฟนสาวเอาไว้แน่น ซบใบหน้ากับหน้าท้องราบเรียบด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจเขากลัว กลัวว่าไอรินจะบอกเลิกเขากลัวว่าไอรินหายไปอีกครั้งเขากลัว“อึก”“คุณ..”ความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีร่ำไห้เพียงเพราะกลัวว่าคนรักจะทิ้งไป ไม่เหลือคราบนักธุรกิจดังที่มีแค่คนเกรงใจในอำนาจ ตอนนี้พลชไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากไอริน“อย่าทิ้งผมไปนะริน ได้โปรด”“ดีนคะ”“ให้ผมทำยังไงก็ได้ อึก ผมทำได้ทุกอย่าง แต่เราไม่เลิกกันนะริน ไม่เลิกกันได้ไหม ฮึก”ไอรินอ้าปากค้าง ก่อนที่มือบางฟาดผลัวะเข้าที่ไหล่กว้างเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวทั้งน้ำตาทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บตัว ทั้งงุนงง พลชเหมือนลูกหมาตัวโต ๆ ที่เจ้าของไม่พาไปเดินเล่น“เลิกอะไรคะ!” ไอรินถามเสียงเขียว ฟาดมือกับไหล่หนาอีกที “ตบปา
“ในที่สุดลูกชายซื่อบื้อของมัมก็พาหนูรินกลับมาจนได้”หลังจากกอดหอมไอรินจนหนำใจ พิมพ์ดาวก็หันไปค่อนแคะลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถ้าไม่ตรอมใจจนเข้าโรงพยาบาล ป่านนี้คนซื่อบื้อก็ยังคงซื่อบื้อต่อไปพลชไม่ได้โกรธแม่แต่ก็หัวเราะไม่ออกเหมือนกัน แค่คิดว่าต้องเสียไอรินไปอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็บีบรัดอย่างรุนแรง เหมือนว่ามันกำลังจะแตกสลาย“อื้ออ ดีนคะ!” ไอรินตีแขนแกร่งที่จู่ ๆ ก็เข้ามาโอบรัดรอบเอว “ทำอะไรคะ คุณมัมกับคุณแด๊ดมองอยู่นะ”“อยากกอด ผมกลัวว่ารินจะหายไป”“รินจะหายไปได้ยังไงล่ะคะ”“คงฝังใจน่ะสิ” พิมพ์ดาวเอ่ยเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจของลูกชาย “อย่างงี้ล่ะน้า คนมันเคยพลาดมาก่อน คงกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมอีก”“อะไรเหรอคะคุณมัม”“ดีนกำลังกลัวว่าจะเสียรินไปอีกน่ะลูก”ไอรินทั้งเข้าใจ และเห็นใจคนรัก เธอไม่รู้หรอกว่าสามเดือนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แต่จากสภาพทรุดโทรมที่ได้เห็น และที่วิลล์กับไมค์เล่าให้ฟังว่าพลชถึงขั้นหมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน เธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาเองก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกันไม่มีใครมีความสุขกับการจากลาในครั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่พลชจะจำฝังใจ เพราะแม้แต่ตัวเธอก็ยังหลงเหลือบาดแผลเล็ก ๆ
ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้าน ใช้เวลาแค่สิบวัน โรงเรียนที่ถูกปรับปรุงก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าไม่มีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขแล้ว เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องไปทั่วดอยเล็ก ๆ แห่งนี้“ในที่สุดโรงเรียนก็เสร็จแล้ว!”“หลังจากนี้เด็ก ๆ จะได้มีอาคารเรียนดี ๆ ไม่ต้องกลัวว่าหลังคาจะรั่วตอนฝนตกอีก”“ห้องน้ำก็มิดชิดขึ้น โรงอาหารก็ใหญ่โต เด็ก ๆ โชคดีกันมากนะรู้ไหม สมัยพี่เรียนไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ต้องตั้งใจเรียนนะ อย่าให้พวกพี่เสียแรงเปล่าล่ะ”เด็ก ๆ ต่างพากันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ดวงตาสุกสกาวไร้เดียงสามองโรงเรียนที่เกือบจะจำภาพเดิมไม่ได้ด้วยความตื่นเต้นยินดี นอกจากอาคารเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่จนแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังมีอาคารอีกหนึ่งหลังที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย ทั้งใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า เด็ก ๆ ตื่นเต้นจนอยากเข้าไปเรียนเสียเดี๋ยวนี้ในอาคารนั้นมีทั้งห้องสมุด ห้องวิทยาศาสตร์ แถมยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์อีกห้าเครื่องตั้งไว้ให้เด็ก ๆ ได้ลองใช้ รวมถึงมีทีวีขนาดยักษ์ ที่ครูไอยราบอกว่าจะมีครูสอนพวกเด็ก ๆ จากในนั้นได้ยินว่าเป็นการเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม เด็ก ๆ ไม่เข้าใจสิ่งนี้ ผู
“อยู่บ้านดี ๆ นะริน ส่วนดีน เราน่ะอย่ารั้นจะไปช่วยชาวบ้านนัก เจ็บแบบนี้ยิ่งไปช่วยชาวบ้านเขาจะยิ่งเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันพอดี”นักธุรกิจหนุ่มนั่งคอตก เถียงคุณครูไอยราไม่ออกเพราะตัวเองทำผิดจริง ๆเขาพักรักษาตัวมาได้สองวันแล้ว จุดที่ช้ำเริ่มเป็นสีม่วงเข้ม แต่เพราะยาจากไอยราทำให้รอยช้ำไม่น่ากลัวเท่าที่คิด ส่วนแผลที่แขนก็สมานกันดี พลชจึงแอบหนีไอรินไปที่โรงเรียน หวังจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้างแต่พอชาวบ้านเจอหน้าเขา ทุกคนก็พากันเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก จนครูไอยราต้องมาไล่ให้ว่าที่ลูกเขยกลับบ้านตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าพลชคือใคร และเพราะรู้ ทุกคนถึงได้หวั่นเกรงแบบนี้ สำหรับชาวบ้านตาดำ ๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แมลงศัตรูพืช แต่เป็นนายทุนอย่างพลชต่างหาก ขึ้นชื่อว่านายทุน.. ผลประโยชน์ย่อมมาก่อนทุกอย่างเสมอ ไม่รู้ว่าวันดีคืนดี จากหนุ่มลูกครึ่งแสนดีที่ชาวบ้านรักใคร่ จะกลายเป็นคนหน้าเลือดกว้านซื้อที่ดิน จนคนหาเช้ากินค่ำไม่มีที่ซุกหัวนอนวันไหน“วันนี้ชาวบ้านมองผมแปลก ๆ” พลชฟ้องคนรัก ระหว่างที่เปิดเสื้อขึ้นเพื่อให้ไอรินประคบสมุนไพรไอรินที่รู้เรื่องทุกอย่างดีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แฟนหนุ่มยัง