“น้องจี ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”แอนนาวางมือบนไหล่เล็กเบา ๆ เอ่ยถามน้องสาวที่รักเหมือนน้องแท้ ๆ ด้วยความเป็นห่วง ในใจแอนนารู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร จิรัชญาถึงได้มีสีหน้าเหมือนคนท้องผูกแบบนี้เธอมัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องข่าว ไหนจะต้องประชุมกับบริษัทอีก ข่าวของน้องจีครั้งนี้ทำเอาโต๊ะประชุมร้อนเป็นไฟ หนักหนาจนเธอแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน รู้อีกทีเจ้าสัวจรินทร์ก็จับหลานสาวสุดที่รักหมั้นซะแล้วแอนนาตกใจแทบสิ้นสติตอนที่รู้เรื่องนี้ ไม่คิดว่าเจ้าสัวจะจัดการกับข่าวพวกนั้นด้วยการประกาศหมั้นสายฟ้าแลบของน้องจี ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอเพิ่งรู้เมื่อวาน แต่วันนี้น้องจีต้องสวมแหวนหมั้นแล้วไม่มีพิธี ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากการสวมแหวนต่อหน้าผู้ใหญ่ แอนนาเพิ่งได้เห็นหน้าคู่หมั้นของน้องจีเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หน้าตาจืด ๆ ซื่อ ๆ ดูเรียบร้อยพูดน้อย ต่างจากน้องจีลิบลับจะไปกันรอดเร๊อะ! เธอล่ะเครียดที่เครียดยิ่งกว่าคือฐานะชาติตระกูลของคู่หมั้นคนนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าสัวคิดอะไรอยู่ ถ้าจะให้น้องจีหมั้นเพื่อกลบข่าว ก็น่าจะเลือกคนที่โปรไฟล์ดีกว่านี้หน่อย อย่างน้อย ๆ ก็เป็นนักธุรกิจที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แค่นักวิชาการ นักวิจัย
“อะไรนะคะ!?”ไม่ใช่แค่จิรัชญาที่ตกใจ แม้แต่กฤตินเองก็เบิกตากว้าง กุสุมาถึงขั้นยกมือขึ้นทาบอก ส่วนแอนนาน่าจะอาการหนักกว่าใคร เพราะมือถือในมือหล่นกระทบพื้นจนกรอบแตกกระจายเจ้าสัวว่ายังไงนะ?? ธะ เธอต้องหูฝาดแน่ ๆมีแค่สองคนที่ไม่ตกใจกับเรื่องนี้ หนึ่งคือเจ้าสัวจรินทร์ที่ยังคงมีท่าทีสุขุม ส่วนอีกคนคือนมพิมพ์ที่ยืนกุมมือนิ่ง ๆ ถัดออกไป“คุณปู่พูดเรื่องอะไรคะ? จีไม่เห็นเข้าใจ” จิรัชญาลองถามซ้ำเพราะคิดว่าตัวเองนอนน้อยจนหูเพี้ยน แต่ไม่ว่าคุณปู่จะพูดอีกกี่ครั้งมันก็เหมือนเดิม“ปู่จะให้กฤตไปอยู่กับหลานที่เพนท์เฮ้าส์”“คุณปู่!!”“ปู่ลองมาคิด ๆ ดูแล้ว หลานกับกฤตแทบไม่รู้จักกันเลย ถ้าแค่หมั้นแล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมก็ไม่ต่างอะไรจากก่อนหน้านี้ สู้ให้กฤตเขาไปอยู่กับหลาน จะได้ลองปรับตัวเข้าหากัน อนาคตแต่งงานกันไปจะได้ไม่ลำบาก”“เดี๋ยวก่อนนะคะ ใครจะแต่งงานกับใครคะ? จีไม่แต่งนะคะ! นี่คุณปู่จะบังคับจีอีกแล้วเหรอคะ?”“ปู่ไม่ได้บังคับเรื่องแต่งงาน แค่อยากให้ทั้งสองลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อน ถ้าเข้ากันได้ อนาคตจะตบแต่งปู่ก็ยินดี แต่ถ้ามันไม่ได้จริง ๆ ปู่ก็เข้าใจ” เจ้าสัวจรินทร์อธิบายอย่างใจเย็นแต่ดูเห
สุดท้ายปู่ก็เป็นฝ่ายชนะจนได้จิรัชญาจำใจต้องยอมให้คู่หมั้นย้ายมาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสามเดือน ที่ยอม ไม่ใช่เพราะอยากพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้กลัวกฤติน เธอไม่ใช่คนบ้าจี้วิ่งเต้นกับคำท้าทายไร้สาระนั่น แต่เพราะข้อเสนอของคุณปู่ต่างหากที่มันล่อตาล่อใจเหลือเกิน‘ถ้าครบสามเดือนแล้วหลานยังยืนยันว่าจะถอนหมั้นกับกฤต ปู่ก็จะไม่ขัดขวาง’‘แค่นี้มันไม่พอหรอกค่ะ’‘หลานต้องการอะไร’‘นอกจากถอนหมั้นแล้ว คุณปู่ต้องรับปากว่าจะไม่บังคับให้จีหมั้นหรือแต่งงานกับใครอีกตลอดชีวิต ทำได้ไหมล่ะคะ?’‘ปู่รับปาก’‘งั้นจีก็ตกลงค่ะ หวังว่าคุณปู่จะไม่ผิดคำพูดนะคะ’จิรัชญายอมรับข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบของปู่ เพราะรู้ดีว่าคนอย่างเจ้าสัวจรินทร์พูดคำไหนคำนั้น เด็ดขาดและไม่เคยโกหก และเธอก็มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจ ไม่ว่ายังไงอีกสามเดือนเธอก็ได้ถอนหมั้นแน่นอน อย่าหวังว่าคนอย่างจิรัชญาจะรู้สึกชอบหรือรักผู้ชายคนนั้น ไม่มีวันและไม่มีทาง!เลือกยอมเสียเวลาสามเดือนเพื่ออิสระตลอดชีวิต แค่อดทน ครบสามเดือนเมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นทันทีแต่มันก็ตั้งสามเดือนเลยนะ ตั้งสามเดือน!“อดทนไว้จี แค่สามเดือนทุกอย่างก็จะจบ” เธอปลอบใจตัวเองรอบที่ร้อย ท่อ
“ครับ ยังไงผมฝากคุณมนช่วยดูแลทางนั้นให้ด้วยนะครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ สวัสดีครับ”สามวันแล้วที่กฤตินย้ายมาอยู่ที่นี่ เป็นสามวันที่นอกจากวันแรกแล้ว กฤตินไม่ได้เจอหน้าคู่หมั้นอีกเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆวันนี้ตรงกับวันอาทิตย์และเป็นวันหยุด แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะว่างงาน หลังจากตรวจข้อสอบของนักศึกษาเสร็จ ศาสตราจารย์หนุ่มก็หยิบรายงานจากทีมขุดเจาะที่ลำปางขึ้นมาอ่าน ดูเหมือนว่าการขุดจะคืบหน้าไปพอสมควร แม้จะยังไม่เจอสิ่งของที่ต้องการก็ตามดวงตาชั้นเดียวมองนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงเย็น มัวแต่ทำงานจนลืมเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะท้องหิวคงไม่รู้ตัวว่าวันนี้นอกจากขนมปังกับกาแฟแล้ว เขายังไม่ได้กินอะไรเป็นจริงเป็นจังเลยกฤตินเก็บเอกสารเข้าตู้เล็ก ๆ ใกล้กับโต๊ะญี่ปุ่นที่ใช้ทำงาน ร่างสูงลุกขึ้นบิดกระดูกเสียงดัง ก่อนจะแง้มประตูห้องออกแล้วกวาดตามอง เมื่อไม่พบเจ้าของบ้านก็ค่อย ๆ พาตัวเองออกมาจากห้องนอนขายาวก้าวไปที่ครัวเพื่อลงมือทำอาหารเย็นให้ตัวเอง คนที่นั่งทำงานมาทั้งวันขี้เกียจเกินกว่าจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกเหมือนสองวันที่ผ่านมา ปกติถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปเขาก็มักจะทำอาหารกินเองอยู่แล้ว อีกอย่างจิรัชญ
“โปรเฟสเซอร์คะ เอกสารตรงนี้มนแก้ถูกไหมคะ?”มนสิชาหอบหิ้วเอกสารไปให้หัวหน้าดูด้วยท่าทีอิดโรยเพราะนอนไม่พอ เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ดึกแล้ว ช่วงนี้งานถาโถมเข้ามาจนนักศึกษาปริญาโทแบบเธอบ่นอยากลาออกทุกวัน โชคดีที่ได้ทำงานกับคนเก่ง ๆ อย่างศาสตราจารย์กฤติน นอกจากเก่งแล้วยังใจดีอีก ถามแค่ไหนก็ไม่เคยบ่นสักคำ งานที่ดูเหมือนจะยากเลยผ่านไปได้ง่าย ๆถ้าไม่ได้ศาสตราจารย์กฤตินนะ เธอลาออกไปนานแล้ว“แก้ตรงนี้อีกนิดก็ใช้ได้แล้วครับ”“โอเคค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับเข้าใจ “เฮ้อ... มนเหนื่อยมากเลยค่ะ ไม่เอาแล้วนะคะปริญญาเอก แค่โทมนก็จะตายอยู่แล้ว”กฤตินยิ้มขำแต่ก็พยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ ช่วงนี้งานล้นมือจนแม้แต่เขาเองก็วุ่นไปหมด พอมาถึงมหาวิทยาลัยก็ต้องทำงานเลย ไม่มีเวลาให้คิดถึงเรื่องอื่นนอกจากงานแล้วก็งาน เหนื่อยจนรู้ตัวอีกทีก็ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วต่อให้เป็นงานที่รัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเหนื่อยลดน้อยลงเลย“เอ๊ะ” จู่ ๆ ผู้ช่วยสาวก็ร้องขึ้นเบา ๆ กฤตินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย “แหวนนั่น...”เธอชี้ไปที่แหวนเงินเรียบ ๆ ที่มีเพชรเม็ดเล็ก ๆ ฝังไว้ไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป แต่ก็โดดเด่นจนเตะตามนสิชาอยู่ดี เ
“อื้อ”ขนตางอนยาวเป็นแพขยับเบา ๆ ก่อนที่เปลือกตาสีน้ำนมจะค่อย ๆ เปิดขึ้น แต่แสงสว่างจ้าที่สาดส่องเข้ามาทำให้ต้องปิดดวงตาลงตามเดิมจิรัชญาพยายามนึกว่าก่อนนอนตัวเองได้เปิดไฟทิ้งไว้หรือเปล่า แต่ก็จำได้ว่าไม่... หรือว่าเธอนอนนานจนเช้าของอีกวัน พอคิดได้แบบนั้นก็ค่อย ๆ ฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้งที่นี่ที่ไหนดวงตาคู่สวยมองเพดานที่ไม่คุ้นเคยด้วยความงุนงง ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเธอแน่ ๆ เหมือนเป็นโรงแรมสักแห่งมากกว่า แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?“อ๊ะ...” แต่พอจะขยับ แขนขวากลับหนักอึ้งเหมือนถูกบางอย่างกดทับเอาไว้ เธอหันขวับกลับไปมอง สายน้ำเกลือระโยงระยางทำให้เดาได้ทันทีว่าตอนนี้ตัวเองคงอยู่ที่โรงพยาบาลความทรงจำสุดท้ายคือเธอโทรหาพี่แอนนา แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ถ้าให้เดา คงเป็นพี่แอนนาที่พาเธอมาโรงพยาบาล“ตื่นแล้วเหรอครับ”“นาย!”ร่างระหงลุกพรวดขึ้นนั่งทันที แต่เพราะหลับไปนานจิรัชญาเลยขยับตัวไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ กฤตินเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาประคอง“ระวังครับ”“ปล่อยนะ!” เสียงแหบแห้งร้องประท้วง จิรัชญารีบสะบัดมือใหญ่ออกราวกับรังเกียจกันนักหนา “อย่ามาจับ!”กฤตินยอมปล่อยมือแต่โดยดี แต่เขายังคงเฝ้
เหมียว~.....ฟ่อ!เสียงร้องอ้อนสลับกับเสียงขู่ฟ่อดังต้อนรับเจ้าของบ้านและผู้อาศัย จิรัชญาที่เดินนำหน้าอุ้มโรซี่ขึ้นมาลูบหัวเบา ๆ เธอนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลตั้งสองคืน คิดถึงลูกสาวใจจะขาดส่วนกฤตินก็ได้แต่ปลงตกให้กับท่าทีไม่ยอมรับของสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ตลอดเวลาที่จิรัชญานอนโรงพยาบาล เขาเป็นคนหาข้าวหาน้ำทำความสะอาดห้องน้ำให้ แมวน้อยคงรับรู้ได้เลยไม่ขู่เหมือนเมื่อก่อน แต่พอแม่กลับมาปุ๊บ เจ้าตัวน้อยก็กลับมาขู่เขาจนตัวฟูขนตั้งไปหมดเหมือนกันมากจริง ๆ ทั้งเจ้าโรซี่ ทั้งหนูจีเพราะตอนที่นอนโรงพยาบาลหนูจีก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเขาเลย ให้กินข้าวกินยาก็ไม่เคยอิดออด แต่พอกลับมาบ้านกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป พูดอะไรก็เริ่มไม่ฟังแล้วถึงได้บอกว่าหนูจีนิสัยเหมือนโรซี่อย่างกับแกะ พอมีพวกพ้องก็เริ่มต่อต้าน เช่น...“ผมเอาของเข้าไปเก็บในห้องให้นะครับ”“เดี๋ยวก่อน นี่นายลืมกฎแล้วเหรอ?”“ไม่ได้ลืมครับ แต่คุณนั่งพักดีกว่า ยังปวดท้องอยู่ไม่ใช่เหรอครับ อย่าเดินไปเดินมาเลย”“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้”“คุณจี คุณป่วยอยู่นะครับ” กฤตินอธิบาย “แค่ช่วงที่คุณยังป่วย เรื่องกฎช่างมันก่อนได้ไหมครับ? ผมสัญญาว่าจะไม่แตะต้องข้าวขอ
หลังจากเล่นกับโรซี่จนแมวน้อยเริ่มรำคาญหนีขึ้นคอนโดสูง จิรัชญาที่ไม่มีอะไรทำก็ได้รับสายจากผู้จัดการสาว พี่แอนนาโทรมาบอกว่ากลับมาจากกระบี่แล้ว และกำลังเดินทางมาหาเธอ เห็นว่ามีเรื่องงานจะคุยด้วยรอไม่นานแอนนาก็มาถึง จิรัชญาเปิดประตูต้อนรับด้วยรอยยิ้ม กอดให้หายคิดถึงพอเป็นพิธี ก่อนจะพาพี่สาวเข้ามานั่งในห้องนอนเพราะไม่อยากเห็นหน้าคนร่วมชายคาอีกคน“โรซี่ คิดถึงป้าแอนนาไหมคะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแหนะ”โรซี่เงยหน้ามองแอนนาเล็กน้อยก่อนจะหลับต่อเหมือนแอนนาไม่มีตัวตนคนสวยมักใจร้ายกันหมดสินะ...“น้องจีดีขึ้นไหมคะ ขอโทษที่พี่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย งานที่กระบี่ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้หายใจเลยค่ะ”“จีโอเคขึ้นแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ปวดท้องแล้วด้วย”“พี่เป็นห่วงแทบแย่ นี่ดีนะคะที่น้องจีมีน้องกฤตอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นพี่คงเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำงาน”“น้องกฤต?” จิรัชญาทวนคำพูดของแอนนาเสียงสูง “อย่าบอกนะคะว่าพี่แอนนาย้ายข้างแล้ว”“ย้ายข้างอะไรกันคะน้องจี พี่อยู่ฝั่งน้องจีเสมอ”คำปฏิเสธมาพร้อมกับอาการเลิ่กลั่กหลบสายตา คนเป็นน้องหรี่ตาลงน้อย ๆ เธอป่วยแค่ไม่กี่วันพี่แอนนาเหมือนจะเริ่มเอ็นดูกฤตินเข้าแล้ว ไม่รู้ว่าไปคุยกั
วันนี้เป็นวันที่เจ้าของแบรนด์ GiGee ยุ่งกว่าทุกวัน ใบหน้าสวยที่ปกติก็ดูดุอยู่แล้ว วันนี้ดุจนแม้แต่ผู้ช่วยคนสนิท อดีตผู้จัดการอย่างพี่แอนนาไม่กล้าเข้าใกล้จิรัชญาตรวจงานซ้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่มีใครนับไหว ดวงตาเฉี่ยวคมกวาดมองหาความผิดพลาด แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนเธอก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ทำเอาพนักงานวิ่งแก้กันหัวหมุน จนในที่สุดเสียงจากสวรรค์ที่เพราะพริ้งยิ่งกว่าระฆังแก้วก็ดังขึ้น“โอเค ไม่มีอะไรต้องแก้แล้ว”พนักงานนับสิบชีวิตถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมเพรียงกัน ใบหน้าเหนื่อยล้าปรากฎรอยยิ้มยินดี ในที่สุดงานตัดเย็บชุดสำหรับงานเลี้ยงฉลองต้อนรับ CEO คนใหม่ของ J&R group ก็เสร็จสิ้นลงกว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่จิรัชญาต้องการ ทั้งพนักงานและเจ้าของแบรนด์ต่างพากันอดหลับอดนอนเป็นอาทิตย์ สูทสีเทาเข้มที่กฤตินจะสวมใส่ถูกตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด มีรายละเอียดเป็นโลโก้ของ J&R group ปักบนอกซ้ายอย่างประณีต รวมถึงเข็มกลัดที่ทำจากเพชรราว ๆ ห้ากระรัตที่จิรัชญาเป็นคนออกแบบเองทั้งหมดนี้ถูกทำขึ้นอย่างลับ ๆ เพราะคนเป็นภรรยาอยากเซอร์ไพรส์สามี จิรัชญาต้องโกหกกฤตินว่าช่วงนี้กำลังออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ งานเยอะจนแทบไ
แต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยามาได้ครึ่งปี ความสัมพันธ์ของอดีตราชินีแห่งวงการบันเทิง กับอดีตศาสตราจารย์เต็มไปด้วยความหวานชื่นอย่างที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันควรมี ก่อนแต่งงานเป็นยังไง หลังแต่งงานก็เป็นแบบนั้น ออกจะหวานกว่าเดิมด้วยซ้ำสิ่งเดียวที่เปลี่ยน คือจิรัชญาตัดสินใจย้ายกลับมาใช้ชีวิตหลังแต่งงานที่คฤหาสน์ของคุณปู่ เพราะเจ้าสัวจรินทร์อายุมากขึ้นทุกวัน คนเป็นหลานเลยอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดและที่สำคัญ คฤหาสน์ของเจ้าสัวจรินทร์มีพื้นที่กว้างขวาง มีทั้งสวนดอกไม้สวย ๆ สนามหญ้า ทะเลสาบส่วนตัว มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นซุกซนหรือทำเป็นสนามเด็กเล่นก็ยังได้ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่จะเกิดมาในอนาคตเด็ก ๆ ที่เป็นลูกของเธอกับสามีเด็ก ๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้มาเกิด เพราะสามีคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัดทุกครั้ง“ก็นั่นแหละค่ะ จีเลยไม่รู้จะทำยังไง จะให้พูดออกไปตรง ๆ มันก็น่าอาย” จิรัชญาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากที่เล่าปัญหาชีวิตคู่ให้พี่สาวคนสนิทอย่างแอนนาฟังไม่ได้อยากเอาเรื่องในบ้านในมุ้งออกมาพูดหรอกนะ แต่ถ้าไม่พูด เธอต้องอกแตกตายแน่ ๆ เพราะปัญหาระหว่างเธอกับเฮียกฤตมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยจิรัชญาพร้
งานแต่งของจิรัชญา หลานสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสัวจรินทร์ กับอดีตศาสตราจารย์หนุ่มผู้ครอบครองรางวัลโนเบล ว่าที่ CEO ของ J&R group ถูกขนานนามว่าเป็นงานแต่งแห่งทศวรรษนอกจากจำนวนแขกที่ถูกเชิญมานับพันแล้ว ความยิ่งใหญ่ของงานที่ใช้เม็ดเงินหลายสิบล้านก็ถูกพูดถึงไปทั่วประเทศ เจ้าสัวจรินทร์เนรมิตโรงแรมหรูของตัวเองให้เป็นเหมือนพระราชวังจากฝรั่งเศส ดอกไม้สดมากกว่าหมื่นดอกถูกประดับตกแต่งทั่วทุกมุมราวกับสรวงสรรค์ คริสตัลหลายหมื่นเม็ดเล่นแสงกับไฟจนคนมองเผลอตาพร่าไปชั่วขณะแค่ค่าจัดงานก็ปาไปสิบล้านกว่า ๆ ไม่รวมกับชุดของบ่าวสาวที่สั่งตัดใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะชุดของเจ้าสาวที่ใช้เงินราว ๆ สิบห้าล้านในการตัดเย็บขึ้นมาเจ้าสาวของงานเลือกสวมชุดแต่งงานทั้งหมดห้าชุด ชุดแรกเป็นชุดไทยสีงาช้างสำหรับพิธีทำบุญเช้า สไบปักด้วยคริสตัลหลายพันเม็ด แซมด้วยพลอยสีชมพูอ่อนเพิ่มหวาน เพียงแค่ชุดแรกก็ทำเอาหลายคนตะลึงงัน เพราะไม่เคยเห็นนางร้ายอย่างจิรัชญาในลุคอ่อนหวานแบบนี้มาก่อนส่วนชุดที่สองเป็นชุดสำหรับพิธียกน้ำชาในช่วงสาย มินิเดรสพองฟูสีแดงสดทำจากผ้าลูกไม้ปักลายดอกโบตั๋น เคียงคู่กับเจ้าบ่าวในสูทคอจีนสีแดงปักดิ้นทองลายเดียวกับ
“เรื่องจริงเหรอคะ?” จิรัชญาถามเสียงหลง “เฮียไม่ได้ล้อจีเล่นใช่ไหม?”หลังจากมื้ออาหารแรกระหว่างเราในรอบหลายเดือนจบลง กฤตินก็เดินไปรินน้ำส้มคั้นสดให้คนรัก ระหว่างนั้นก็บอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองทำระหว่างที่อีกคนไม่อยู่ไปด้วยโดยเฉพาะเรื่องที่เขาเข้าไปทำงานให้เจแอนด์อาร์กรุ๊ป“เฮียไม่ได้ล้อเล่นค่ะ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ ยื่นแก้วน้ำส้มให้ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ“ทำไมล่ะคะ?”จิรัชญายังคงไม่เข้าใจ ว่าทำไมจู่ ๆ กฤตินก็ตัดสินใจแบบนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอรู้ดีว่าเขารักงานที่ทำมากแค่ไหน แต่อยู่ดี ๆ ก็มาบอกว่าลาออก แล้วเปลี่ยนไปทำงานกับเจ้าสัวจรินทร์ได้หลายเดือนแล้วแบบนี้“เฮียแค่คิดว่าอยู่ตรงนี้ เฮียจะคู่ควรกับหนูมากกว่า มีหน้าที่การงานที่ดี ได้รับการยอมรับจากสังคม ไม่ใช่แค่นักวิจัยต๊อกต๋อยเงินเดือนไม่กี่หมื่น”“เพราะคำพูดของจีเมื่อก่อนเหรอคะ” คนถามหน้าสลดลง เพราะเมื่อก่อนที่เธอเคยพูดแย่ ๆ ใช่ไหม เขาถึงได้ติดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอแบบนี้ “หรือว่าคุณปู่บังคับ...”“ไม่ใช่ค่ะ เฮียแค่มองโลกตามความเป็นจริง หนูจีของเฮียเป็นถึงทายาทคนเดียวของเจ้าสัวจรินทร์ เฮียไม่อยากให้ใครมาดูถูกว่าหนูมีแฟนที่ไม่คู
*เวลาประเทศไทย06:00 ‘เฮียตื่นแล้วค่ะ หนูเสร็จงานแล้วอย่าลืมพักผ่อนนะคะ’10:10 ‘คิดถึงจัง’12:35 ‘พักทานข้าวแล้วค่ะ’17:07 ‘เฮียเลิกงานแล้วนะคะ กำลังกลับเพนท์เฮ้าส์ รถไฟฟ้าคนเยอะก็เลยลงมาเดินออกกำลังกาย คิดถึงหนูจัง’18:30 ‘วันนี้เฮียทำเกี๊ยวน้ำทานค่ะ โรซี่หม่ำอาหารเก่งมาก’19:49 ‘เฮียกำลังจะไปอาบน้ำค่ะ วันนี้ที่รักทำอะไรบ้างคะ ยุ่งจนไม่มีเวลาอ่านข้อความเลยเหรอ เฮียคิดถึง’22:00 ‘เข้านอนแล้วนะคะ ฝันดีค่ะที่รัก’.03:00จิรัชญาเพิ่งได้อ่านข้อความที่คนรักส่งมาทั้งหมด ตลอดสิบแปดชั่วโมงที่เดินทางกลับมาหาหัวใจ เธอไม่กล้าเปิดข้อความพวกนั้นอ่านแม้แต่ข้อความเดียว กลัวว่าจะทนคิดถึงไม่ไหวแล้วเฉลยไปว่ากำลังกลับ อดทำเซอร์ไพรส์อีกฝ่ายอย่างที่ตั้งใจไว้“รอจีอีกแป๊บนึงนะ” เอ่ยกระซิบกับตัวเอง หวังให้มันเข้าไปถึงความฝันของคนที่น่าจะกำลังหลับสบายเจ้าสัวส่งรถมารับหลานสาวกับแอนนาที่สนามบิน ใบหน้าของนักแสดงสาวและผู้จัดการอิดโรยเพียงเล็กน้อย เพราะถึงจะใช้เวลาเดินทางยาวนานเกือบหนึ่งวันเต็ม ๆ แต่ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสค่อนข้างสบายและกว้างขวาง ฉะนั้นตอนนี้จิรัชญาไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่นิดเดียว เธออยากกลับไปกอดเ
(ที่รักถึงแล้วเหรอคะ?)“เฮียยังไม่นอนอีกเหรอ” คนที่เพิ่งถึงอเมริกาถามด้วยความแปลกใจ เธอแค่ส่งข้อความไปบอกว่าถึงแล้วเพราะที่ไทยน่าจะประมาณตีสาม ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรกลับมาทันทีแบบนี้แถมยังเลือกวิดีโอคอลมาอีก ภาพของคนรักที่นอนอยู่บนเตียง ไม่ใส่แว่น ไม่ใส่เสื้อ หัวฟูไม่เป็นทรงมันช่าง... SO HOTห่างกันยังไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็อยากกลับไปนอนกอดแฟนแล้ว(นอนไม่หลับค่ะ คิดถึงแฟน) ปลายสายส่งเสียงออดอ้อนจนคนฟังหลุดขำ“จีก็คิดถึงค่ะ นี่จีเข้าที่พักแล้วนะคะ กำลังเก็บของอยู่ ที่พักใช้ได้เลย” จิรัชญาเดินไปทั่วห้อง หันกล้องให้คนรักได้ดูด้วยว่าที่พักเป็นยังไงรายนั้นน่ะเป็นห่วงเธอสุด ๆ ที่พักก็เป็นคนเลือกให้เอง ไม่ยอมให้เช่าบ้านเป็นหลังเพราะอันตราย ส่วนคุณปู่ก็ไม่แพ้กัน เจ้าสัวจรินทร์ถึงขั้นเช่าอพาร์ตเมนต์หรูให้เธอกับพี่แอนนาอยู่ด้วยกัน ย้ำให้กฤตินเลือกโครงการที่ปลอดภัยที่สุด ส่วนเรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง โชคดีที่คุณปู่เป็นคนจ่ายทั้งหมด ไม่อย่างนั้นค่าตัวเธอคงไม่เหลือเพราะต้องเอามาจ่ายค่าที่พักเดือนละหลายแสนบาทแบบนี้(ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ?)“มาก ๆ เลยค่ะ พอ ๆ กับที่เพนท์เฮ้าส์เลย”(ได้ยินแบบนี้เฮียก็
“อเมริกา?” กฤตินทวนชื่อประเทศที่แสนห่างไกลด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย“ค่ะ”“หนูไปทำอะไรคะ?”“มีผู้กำกับหนังฮอลลิวูดติดต่อมา เขาอยากให้จีไปรับบทนำในหนังของเขา แต่หนังต้องใช้เวลาถ่ายครึ่งปี จีก็เลย...”“จริงเหรอคะ!?” ครั้งนี้กฤตินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาอุ้มร่างบางขึ้นก่อนจะหมุนไปรอบ ๆ ด้วยความดีใจ “หนูจีของเฮียเก่งที่สุดเลย!”“เฮีย... เฮีย เฮียปล่อยจีก่อน จีเวียนหัว” มือบางตีอกกว้างเบา ๆ เขาหมุนจนเธอเวียนหัวไปหมดแล้ว“ขอโทษค่ะ เฮียดีใจมากเกินไปหน่อย”คนที่ดีใจจนเกินหน้าเกินตารีบวางคนรักลง ดวงตาชั้นเดียวมองสำรวจใบหน้าสวยว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า พอเห็นว่าคนรักไม่ได้มีท่าทีอยากอาเจียนก็ถอนหายใจโล่งอก“ไม่โกรธเหรอคะที่จีเลือกไปอเมริกาแทนที่จะแต่งงานกับเฮีย”“ถ้าโกรธ เฮียคงเป็นแฟนที่แย่ที่สุดแล้วล่ะค่ะ” กฤตินจับมือบางมากุมไว้ “แต่งงานน่ะเมื่อไหร่ก็แต่งได้ จะอีกปี สองปี ห้าปี หรือสิบปีเฮียก็รอได้ แต่โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ หนูเลือกถูกแล้วค่ะ ไม่ต้องกังวลนะ นานแค่ไหนเฮียก็จะรอ”“จะรอ...จริง ๆ นะ”“จริงค่ะ หัวใจของเฮียอยู่ที่หนู เฮียจะไปไหนได้ เฮียสัญญาว่าจะรอ ให้หอไอเฟลเป็นพยาน
ในที่สุดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็คลี่คลายลง คนทำผิดยอมรับสารภาพเกือบทั้งหมด มีแค่พิมมาดาที่ยังปิดปากเงียบ แต่หลักฐานที่มัดตัวทำให้ดิ้นไม่หลุด ท่านพินิจทำได้แค่ประกันตัวลูกสาวออกมาชั่วคราว ยอมให้ลูกถูกขังในบ้านดีกว่าต้องนอนให้ห้องขังจะดีจะร้ายยังไงก็ลูกการดำเนินการทางกฎหมายต้องใช้เวลา ระหว่างที่รอขึ้นศาลตัดสินคดีของสามคนนั้น กฤตินตัดสินใจลางานยาวสองอาทิตย์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมา เพื่อพาคนรักไปพักผ่อนที่ยุโรปเริ่มต้นด้วยกรุงโรมประเทศอิตาลี เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ต่อด้วยสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติงดงามเหมือนภาพวาด และปิดท้ายด้วยกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เมืองแห่งน้ำหอมที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รักทริปนี้กฤตินตระเตรียมทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งที่พัก ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด รวมถึงการเดินทางที่กฤตินรับหน้าที่เป็นสารถีตลอดทริปทั้งสามประเทศ ไม่ยอมให้หนูจีต้องลำบากขึ้นรถสาธารณะแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่าเป็นทริปพักผ่อนของจิรัชญาที่แท้จริง นอกจากตื่นมากิน เที่ยว ถ่ายรูปสวย ๆ แล้ว เธอแทบไม่ต้องทำอะไรเลย“ชอบไหมคะ?”แขนแกร่งรว
“ฮึก”พิมมาดาสะอื้นออกมาเบา ๆ ในอ้อมแขนของบิดา ท่าทางน่าสงสารทำให้ท่านพินิจต้องโอบกอดลูกสาวแน่นขึ้นเพื่อกางปีกปกป้อง ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาผิดหวังไปให้ลูกสาวอีกคนลูกสาวที่เกิดจากความรักจากทั้งเขาและคนรักชื่อว่านภา ทว่าเขาไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยงดู จนกระทั่งคุณหญิงพิมประภา ภรรยาตีทะเบียนอดีตนักแสดงชื่อดังจากไปด้วยโรคร้าย เขาถึงได้กล้าพาลูกและภรรยาที่ซุกซ่อนไว้เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ไม่นานนภาก็จากไปด้วยโรคร้ายเหมือนกันกับพิมประภาเหลือเพียงลูกสาวสองคนที่หน้าตาสะสวย นิสัยน่ารักอ่อนหวานไว้เป็นตัวแทนของคนทั้งคู่โดยเฉพาะนับดาว ลูกที่เกิดจากความรักนับดาวเป็นเด็กน่ารัก เรียบร้อยและเรียนเก่ง หน้าตาอ่อนหวานเหมือนแม่ แต่ก็มีบางส่วนที่คล้ายกับเขา พิมมาดาเองก็หน้าคล้ายเขาเหมือนกัน ทำให้ถ้ามองเผิน ๆ ใคร ๆ ต่างก็มองออกว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกันถ้าไม่ใช่เพราะต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เขากับแม่ของนับดาวคงแต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุขไปแล้วตอนนั้นครอบครัวต้องการให้พินิจแต่งงานกับผู้หญิงที่คนทั้งประเทศรู้จัก เพื่อใช้ชื่อเสียงของเธอมาหนุนให้ครอบครัวรวมถึงตัวเขามีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองมากกว่