“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะแม่เศษดิน เธอต้องเจอความร้ายกาจของฉันอีกเยอะ” เอ่ยเสียงเข้ม ผลักให้เจ้าสาวออกห่าง ก่อนจะร้องถามหาทะเบียนสมรส
“หมั้นแล้ว ไหนล่ะทะเบียนสมรสมันจะได้เสร็จเร็วๆ”
ราเชนลอบถอนหายใจนับสิบครั้ง รู้สึกสงสารลูกสะใภ้ ไม่รู้ว่าจะรับมือลูกชายของตนได้หรือไม่ งานนี้มีหวังลูกสะใภ้ต้องน้ำตาตก ช้ำใจเป็นแน่
ทันทีที่ทะเบียนสมรสวางอยู่ตรงหน้า รามันก็คว้าปากกาด้ามทองเซ็นชื่อลงไปทันที แล้วหันมาหาช้องนาง
“เซ็นซะสิ จะได้เป็นเมียที่ถูกต้องของไอ้รามันคนนี้” ยื่นปากกาให้ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังนิ่ง ไม่ทำตามคำที่บอก ใบหน้าคมก็ก้มลงมาใกล้ใบหน้านวลอีกครั้ง
“จดซะ อยากเป็นเมียฉัน ก็รีบจด อย่าลีลาให้มาก ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แล้วเธอจะไม่ได้เงินสิบล้านตามที่ตกลงกับแม่ฉัน” พูดเสียงห้วนใส่
ช้องนางเม้มริมฝีปากแน่น พลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนสั่ง
‘นี่เขาไม่คิดจะพูดดีๆ หรือให้เกียรติเธอบ้างหรืออย่างไร ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไมแต่ละคำที่พูดออกมามีแต่ถ้อยคำที่หยามเหยียดและดูถูก’ แต่ไม่นานก็ต้องหลบสายตาลงต่ำเพราะไม่อาจทนมองสายตาคู่นี้ได้
เมื่อเห็นว่าโรสพยักหน้าให้ทำตาม มือสวยก็จรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไป และแล้วทั้งคู่ก็ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทันที่ช้องนางจะวางปากกาลง รามันก็คว้าทะเบียนสมรสมาไว้ที่ตัว มือหนาฉุดกระชากเจ้าสาวให้ลุกขึ้น พร้อมเอื้อนเอ่ยเสียงเข้ม
“หมั้นก็หมั้นแล้ว ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว ผมหวังว่าแม่คงพอใจนะครับ ส่วนงานเลี้ยงตามสบายนะครับ ไร่ส้มกำลังยุ่ง ขอตัวกลับไปจัดการไร่ก่อน” พลันเหยียดยิ้มให้เจ้าสาว
“ส่วนเธอเตรียมตัวรับความเจ็บปวดได้เลย แม่คนไร้ค่า” พูดจบก็ฉุดกระชากให้เดินตาม
ฝ่ายโรสก็ลมแทบจับเมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย จนราเชนต้องรีบเข้ามาช่วยพยุงไว้ ผู้เป็นพ่อต้องถอนหายใจอีกหน หนักใจซะเหลือเกินกับสิ่งที่ลูกชายทำ และท่าทางงานนี้ลูกสะใภ้คงต้องรับศึกหนักอย่างแน่นอน
“อย่าทำเป็นสำออย โดนกระชากแค่นี้น้ำตาเล็ด มารยา” เสียงร้ายกาจถูกพ่นออกมาขณะที่ยังคงกระชากให้หญิงสาวเดินตาม ไม่หันมาสนใจเลยสักนิดว่าตอนนี้เจ้าหล่อนจะเจ็บแค่ไหนกับแรงกระชากที่ใส่ไม่ยั้ง
คนโดนกระชากเจ็บจนมีน้ำใสๆ คลอเบ้าตา ก็เขาทั้งฉุดทั้งกระชาก จนข้อมือสวยนั้นช้ำ แถมรองเท้าส้นสูงก็พลิกทำให้หกล้มหลายรอบ เป็นผลให้เจ็บข้อเท้า
“นางไม่ได้มารยา แต่นางเจ็บ” เสียงสั่นร้องบอก และต้องร้องเสียงหลงอีกหนเมื่อโดนผลักให้เข้าไปในลิฟต์
“ว้าย!!”
ชายหนุ่มกดหมายเลขไปยังชั้นที่รถของตนนั้นจอดอยู่ พลางยืนอารมณ์เสียที่ต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ ปรายตาไปมองด้วยสายตาที่ขุ่นมัว พอลิฟต์เลื่อนไปได้สองชั้นก็มีชายรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา มือบางรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่กำลังไหลรินนั้นทิ้งไป
เพราะไม่อยากให้คนอื่นมอง แต่ทว่าสายตาของผู้ชายคนนั้นกลับจับจ้องมองมา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมอง แถมมันยังเป็นสายตาของความหื่นกระหาย จนเจ้าหล่อนต้องขยับเข้าไปหาสามีจอมใจร้าย
ฝ่ายรามันก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ประสงค์ดี แต่ก็ทำนิ่ง จนรู้สึกว่าทนไม่ไหว จึงตวัดสายคู่คมมองใบหน้าหื่นอย่างหาเรื่อง
“ถ้าจะมองถึงขนาดนี้ กูยกให้เอาไหม แต่ก็ต้องแลกกับลูกปืนกูก่อนนะ” ใบหน้านั้นบึ้งตึง ดวงตากร้าวแข็ง ถึงไม่ได้พิศวาสในตัวของเจ้าหล่อน แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของของตน
ชายคนนั้นถึงกับขนลุกซู่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แถมพอเงยหน้าไปมอง ก็ต้องลอบกลืนน้ำลาย แข้งขาพานอ่อนเปลี้ย เพราะสายคู่นั้นช่างดุดันราวกับราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ ชายคนนั้นรีบเผ่นออกจากลิฟต์ทันที
“เสน่ห์แรงจริงนะแม่คุณ ขนาดในลิฟต์ยังหว่านเสน่ห์ได้อีก”
คนฟังเม้มริมฝีปากแน่นและเบือนหน้าหนี ไม่อาจจะจ้องมองเจ้าของใบหน้าคมได้ ในใจแสนจะกรุ่นโกรธ แต่ก็เลือกไม่ตอบโต้ เพราะรู้ดีว่าเถียงไปก็ไม่มีอะไรดี สู้ใช้ความเย็นเข้าสู้จะดีกว่า แต่เจ้าหล่อนก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย เพราะท่าทางงานนี้ หล่อนอาจจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะเขาอารมณ์ร้อนและร้ายกาจซะเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเบือนหน้าหนี รามันก็ขบกรามนูนแน่น ไม่ชอบท่าทางที่ทำเหมือนไม่ใส่ใจ มือหนาออกแรงกระชากแขนสวย ทำให้ช้องนางถลามาชนกับอกแกร่ง
ก่อนริมฝีปากหนาจะก้มลงแล้วแนบหาริมฝีปากบางอย่างลงโทษ กดจูบร้อนๆ อย่างหนักหน่วง ดุดัน ไม่สนใจว่าช้องนางจะต่อต้านแค่ไหน เพราะรามันคิดว่ามันคือมารยา ช้องนาระรัวกำปั้นใส่ไม่ยั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บสักนิด ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำเมื่อประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เพราะมีแต่คนยืนมองอย่างตกตะลึง อ้าปากค้าง ที่เห็นเขาและเธอแสดงบทเลิฟซีนกัน
ทันทีที่เป็นอิสระเจ้าหล่อนก็รีบก้มหน้า เพราะรู้สึกอับอาย คงมีแต่รามันคนเดียวเท่านั้นที่ทำสีหน้าเรียบตึง เหมือนไม่รู้สึกอะไร จนดูไม่ออกเลยว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็สมแล้วกับคำร่ำลือที่ว่าเขานั้นเย็นชาและร้ายกาจยิ่งกว่าอสูร
รามันกระชากช้องนางมายังรถจี๊ปคู่ใจ จัดการดันร่างระหงให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนมือหนาจะจัดการโยนทะเบียนสมรสไว้ด้านหลัง ทำเหมือนกับว่ามันเป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่า จากนั้นก็ก้าวเดินมายังเบาะคนขับ อีกไม่กี่นาทีต่อมารถก็เคลื่อนตัวออกจากโรงแรมด้วยความเร็วและแรง ซึ่งทำให้ใบหน้านวลถลาไปกระแทกกับหน้ารถ จนเจ้าหล่อนร้องเสียงหลงออกมา
“โอ๊ย!!”
ฝ่ายคนทำก็ไม่ได้สนใจในเสียงร้อง มิหนำซ้ำยังหันมาตะคอกเสียงดัง
“คาดเข็มขัดซะสิ ถ้าไม่อยากตาย” แล้วเร่งความเร็วของรถ ทำให้ช้องนางต้องรีบคว้าเข็มขัดมาคาดเอาไว้ เพราะชายหนุ่มยังคงเร่งเครื่องยนต์ไม่หยุด แถมยังแซงรถคันโน้นทีคันนี้ที เล่นซะหล่อนใจหายใจคว่ำ ต้องภาวนาถึงพระเจ้าไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ตลอดทางมีแต่ความเงียบ ริมฝีปากคมไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ซึ่งก็ไม่ต่างจากช้องนางเช่นกัน หญิงสาวได้แต่เหล่มองใบหน้าคมในบางครั้ง อยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเงียบ แต่เมื่อเห็นว่าเขานั้นหันกลับมามอง เจ้าหล่อนก็รีบหลบสายตา มันทำให้รามันแสยะยิ้ม เมื่อคิดว่าเจ้าหล่อนนั้นจงใจหว่านเสน่ห์
“อยากมากหรือไง ถึงจ้องฉันไม่เลิก อยากให้ฉันเอาเธอบนรถนักหรือไง” บอกเสียงเย้ยหยัน พลางหันไปมองใบหน้าหวานของภรรยาตีทะเบียน
คนฟังได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา ต้องเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเจอคำพูดที่แสนจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ตอนนี้หล่อนรู้สึกถึงความร้ายกาจของเขาแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปอยู่ที่ไร่ เขายังสามารถพูดให้เธอน้ำตาตกได้ แล้วถ้าเข้าไปอยู่ หล่อนคงต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้แน่ๆ
“ได้ยินฉันถามหรือเปล่า ช้องนาง” เขากดตะคอกถามซ้ำ
บทที่1เจ้าสาวของอสูรบรรยากาศยามเช้าของกลางไร่ส้มเริ่มมีลมหนาวโชยมาให้รู้สึกหนาวกาย เหล่าคนงานทำงานอย่างขะมักเขม้น บางคนเก็บผลผลิต บางคนกำลังลงแปลงปลูกต้นส้มเพื่อทดแทนต้นเก่าที่ตายไป ส่วนบางคนก็ทำหน้าที่คัดผลส้มตามขนาดไซส์เพื่อส่งขายไร่ส้มแห่งนี้กินเนื้อที่มากกว่าหนึ่งพันไร่ โดยมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้มอย่าง รามัน อิศรเวชเป็นเจ้าของ ซึ่งเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลอิศวรเวช ที่สาวๆ ในจังหวัดต่างใฝ่ฝันที่จะครอบครองหัวใจ เพราะชายหนุ่มนั้นเพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาและฐานะแต่สำหรับเขารามัน อิศรเวชไม่เคยคิดที่จะเอาห่วงมาผูกคอ เขาคิดว่าการมีเมียช่างเป็นปัญหาใหญ่ และวุ่นวายในชีวิตการที่รามันไม่เคยสนใจจะหาคู่ครองทั้งๆ ที่อายุของตนก็เข้าใกล้เลขสี่เต็มที่แล้ว ทำให้คุณหญิงโรสผู้เป็นมารดาหนักใจซะเหลือเกินกับปัญหานี้ ถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่เอ่ยถึง ในเมื่อหล่อนให้เวลากับลูกชายหัวดื้อหาเมียเองแล้ว แต่ลูกชายกลับเฉย ไม่คิดที่จะหาเมีย หล่อนนี่ละจะเป็นคนจัดการหาให้เอง“แม่ว่าไงนะครับ แม่จะให้ผมแต่งงาน” รามันตะโกนถามลั่นผ่านสายโทรศัพท์ไปยังมารดาด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อได้ยินสิ
โรสตวัดใบหน้ากลับมาแล้วส่งค้อนวงโตให้สามีที่ชอบพูดเข้าข้างลูกชาย รวมทั้งพูดถึงว่าที่ลูกสะใภ้อย่างช้องนาง ช้องนาง ชินนุรัตน์คือหญิงสาวใบหน้าคมอายุยี่สิบห้าปี ลูกสาวคนโตของอนุวัต เพื่อนของโรสในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผู้ซึ่งมาหยิบยืมเงินไปจุนเจือครอบครัวเนื่องจากบริษัทของครอบครัวล้มละลาย ทำให้ครอบครัวชินนุรัตน์สิ้นเนื้อประดาตัว และนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้โรสได้รู้จักกับช้องนาง เพราะเจ้าหล่อนมาขอทำงานที่บริษัทเพื่อชดใช้หนี้ที่เกิดขึ้น แต่จุดพลิกผันสำหรับครอบครัวชินนุรัตน์ ก็คืออุบัติเหตุครั้งสำคัญ ที่ทำผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวนั้นสูญเสียขาไป ทำให้ช้องนางต้องแบกรับทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ต้องหาเงินส่งเสียน้องทั้งสองเรียนต่อ และยังต้องหาเงินมารักษาผู้เป็นพ่อ โรสนั้นเห็นในความขยันและรักครอบครัวหล่อนจึงยื่นข้อเสนอให้ ซึ่งก็คือการแต่งงานกับลูกชายหัวดื้อเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาอนุวัตและส่งน้องชายน้องสาวของช้องนางเรียนจนจบ ซึ่งฝ่ายช้องนางก็ยอมตกลง “โธ่คุณ!! ไม่สงสารหนูนางบ้างหรือไงที่ต้องมารองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของลูกเรา” ถึงจะรู้ดีว่าสิ่งที่ภรรยาทำลงไปนั้นก็เพื่อให้ลูกชายหลุดพ้นจากความเศร
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะแม่เศษดิน เธอต้องเจอความร้ายกาจของฉันอีกเยอะ” เอ่ยเสียงเข้ม ผลักให้เจ้าสาวออกห่าง ก่อนจะร้องถามหาทะเบียนสมรส“หมั้นแล้ว ไหนล่ะทะเบียนสมรสมันจะได้เสร็จเร็วๆ”ราเชนลอบถอนหายใจนับสิบครั้ง รู้สึกสงสารลูกสะใภ้ ไม่รู้ว่าจะรับมือลูกชายของตนได้หรือไม่ งานนี้มีหวังลูกสะใภ้ต้องน้ำตาตก ช้ำใจเป็นแน่ทันทีที่ทะเบียนสมรสวางอยู่ตรงหน้า รามันก็คว้าปากกาด้ามทองเซ็นชื่อลงไปทันที แล้วหันมาหาช้องนาง“เซ็นซะสิ จะได้เป็นเมียที่ถูกต้องของไอ้รามันคนนี้” ยื่นปากกาให้ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังนิ่ง ไม่ทำตามคำที่บอก ใบหน้าคมก็ก้มลงมาใกล้ใบหน้านวลอีกครั้ง“จดซะ อยากเป็นเมียฉัน ก็รีบจด อย่าลีลาให้มาก ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แล้วเธอจะไม่ได้เงินสิบล้านตามที่ตกลงกับแม่ฉัน” พูดเสียงห้วนใส่ช้องนางเม้มริมฝีปากแน่น พลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนสั่ง‘นี่เขาไม่คิดจะพูดดีๆ หรือให้เกียรติเธอบ้างหรืออย่างไร ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไมแต่ละคำที่พูดออกมามีแต่ถ้อยคำที่หยามเหยียดและดูถูก’ แต่ไม่นานก็ต้องหลบสายตาลงต่ำเพราะไม่อาจทนมองสายตาคู่นี้ได้เมื่อเห็นว่าโรสพยักหน้าให้ทำตาม มือสวยก็จรดปลายปากกาเซ็นชื่
โรสตวัดใบหน้ากลับมาแล้วส่งค้อนวงโตให้สามีที่ชอบพูดเข้าข้างลูกชาย รวมทั้งพูดถึงว่าที่ลูกสะใภ้อย่างช้องนาง ช้องนาง ชินนุรัตน์คือหญิงสาวใบหน้าคมอายุยี่สิบห้าปี ลูกสาวคนโตของอนุวัต เพื่อนของโรสในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผู้ซึ่งมาหยิบยืมเงินไปจุนเจือครอบครัวเนื่องจากบริษัทของครอบครัวล้มละลาย ทำให้ครอบครัวชินนุรัตน์สิ้นเนื้อประดาตัว และนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้โรสได้รู้จักกับช้องนาง เพราะเจ้าหล่อนมาขอทำงานที่บริษัทเพื่อชดใช้หนี้ที่เกิดขึ้น แต่จุดพลิกผันสำหรับครอบครัวชินนุรัตน์ ก็คืออุบัติเหตุครั้งสำคัญ ที่ทำผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวนั้นสูญเสียขาไป ทำให้ช้องนางต้องแบกรับทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ต้องหาเงินส่งเสียน้องทั้งสองเรียนต่อ และยังต้องหาเงินมารักษาผู้เป็นพ่อ โรสนั้นเห็นในความขยันและรักครอบครัวหล่อนจึงยื่นข้อเสนอให้ ซึ่งก็คือการแต่งงานกับลูกชายหัวดื้อเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาอนุวัตและส่งน้องชายน้องสาวของช้องนางเรียนจนจบ ซึ่งฝ่ายช้องนางก็ยอมตกลง “โธ่คุณ!! ไม่สงสารหนูนางบ้างหรือไงที่ต้องมารองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของลูกเรา” ถึงจะรู้ดีว่าสิ่งที่ภรรยาทำลงไปนั้นก็เพื่อให้ลูกชายหลุดพ้นจากความเศร
บทที่1เจ้าสาวของอสูรบรรยากาศยามเช้าของกลางไร่ส้มเริ่มมีลมหนาวโชยมาให้รู้สึกหนาวกาย เหล่าคนงานทำงานอย่างขะมักเขม้น บางคนเก็บผลผลิต บางคนกำลังลงแปลงปลูกต้นส้มเพื่อทดแทนต้นเก่าที่ตายไป ส่วนบางคนก็ทำหน้าที่คัดผลส้มตามขนาดไซส์เพื่อส่งขายไร่ส้มแห่งนี้กินเนื้อที่มากกว่าหนึ่งพันไร่ โดยมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้มอย่าง รามัน อิศรเวชเป็นเจ้าของ ซึ่งเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลอิศวรเวช ที่สาวๆ ในจังหวัดต่างใฝ่ฝันที่จะครอบครองหัวใจ เพราะชายหนุ่มนั้นเพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาและฐานะแต่สำหรับเขารามัน อิศรเวชไม่เคยคิดที่จะเอาห่วงมาผูกคอ เขาคิดว่าการมีเมียช่างเป็นปัญหาใหญ่ และวุ่นวายในชีวิตการที่รามันไม่เคยสนใจจะหาคู่ครองทั้งๆ ที่อายุของตนก็เข้าใกล้เลขสี่เต็มที่แล้ว ทำให้คุณหญิงโรสผู้เป็นมารดาหนักใจซะเหลือเกินกับปัญหานี้ ถึงกับกุมขมับทุกครั้งที่เอ่ยถึง ในเมื่อหล่อนให้เวลากับลูกชายหัวดื้อหาเมียเองแล้ว แต่ลูกชายกลับเฉย ไม่คิดที่จะหาเมีย หล่อนนี่ละจะเป็นคนจัดการหาให้เอง“แม่ว่าไงนะครับ แม่จะให้ผมแต่งงาน” รามันตะโกนถามลั่นผ่านสายโทรศัพท์ไปยังมารดาด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อได้ยินสิ