ที่บริษัท มีเสียงเกรียวกราวดังขึ้น เหมือนว่าพวกพนักงานจะตื่นเต้นอะไรสักอย่าง จนมาณวิกาต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจอคอม
" เกิดอะไรขึ้น "
มาณวิกาถามอิงอร เลขาส่วนตัวพ่วงตำแหน่ง เพื่อนรุ่นน้องคนสนิท
" เดี๋ยวฉันไปดูไห้ค่ะ "
สักพักอิงอรก็กลับเข้ามา มีสีหน้าท่าทางไม่ค่อยดี
" ตกลงว่ามีอะไร "
" คือว่า เอ่อ นางแบบ ที่เป็นข่าวกับคุณอัค
เธอมาที่นี่ค่ะ เมื่อกี้คุณอัคก็ ก็เดินไปรับเธอด้วยตัวเอง "
มาณวิกาครุ่นคิดว่าเธอมาที่นี่ทำไมกัน หรืออัครพลต้องการตอกย้ำข่าวลือ ที่ว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันอย่างงั้นเหรอ เฮอะ ยังไม่ทันจะได้เซ็นใบหย่า ก็รีบร้อนขนาดนี้เชียว
ก็อก! ก็อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสติมาณวิกากลับมา
"คุณวิครับ บอสเรียกประชุมด่วนครับ"
ในห้องประชุม อัครพลนั่งอยู่หัวโต๊ะ ในตำแหน่งประธานบริษัท ใบหน้ายิ้มแย้มที่ยากนักที่หลายคนจะได้เห็น ดูเหมือนว่าวันนี้ เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ถัดมาเป็น หญิงสาวหุ่นสูงเพรียว ผิวขาวยิ่งกว่าหลอดไฟ ใส่เดรสสีแดงสด ยิ่งขับผิวให้ดูขาวขึ้นไปอีก หน้าตาสวยเฉี่ยว สมกับที่เป็นนางแบบ
" เรียกประชุมด่วน แบบนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่า ครับบอส "
1ใน คณะกรรมการบริษัทเอ่ยถาม
อัครพล ปรายตามองมาณวิกา ก่อนจะตอบคำถาม
" ที่ผมเรียกประชุมด่วนวันนี้ เพราะมีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนทราบ เครื่องประดับคอลเล็คชั่นล่าสุด ของบริษัทเรา ผมจะให้รสสิกา เป็นพรีเซนเตอร์ "
มาณวิกามองหน้าอัครพลสลับกับรสสิกา
คนรักกลับมา ก็เลยประเคนงานให้นี่เอง ทั้งที่ก่อนหน้า เธอติดต่อนางเอกคนหนึ่งเอาไว้แล้ว และทุกฝ่ายก็เตรียมงานเอาไว้แล้วด้วย แต่นั่นก็ไม่เท่ากับสัญญา ที่ฝั่งนางเอกสาวคนดังอย่าง พิชญา ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว กว่าเธอจะได้เจอตัวพิชญา กว่าจะได้คิวเธอมา ต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพื่อเอาใจคนรักของเขา กลับทำให้เธอต้องลำบากโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
" แต่ บอสค่ะ พรีเซนเตอร์ คอลเล็คชั่นใหม่ เราได้ พิชญา นางเอกแนวหน้า มาแล้วนะคะ พึ่งเซ็นสัญญาไป อาทิตย์ก่อนเอง "
" ยกเลิกไปซะ แล้วจ่ายค่าชดเชยไป ตามที่สัญญาระบุ หรือถ้าทางนั้นเรียกร้องเพิ่ม ก็ไห้เขาไป "
เมื่ออัครพลพูดมาแบบนี้ ทุกคนก็ได้แต่เงียบกริบ รสสิกา สบตา มาณวิกา สายตาบ่งบอกถึงชัยชนะ ก่อนจะเอ่ย ด้วยท่าทีที่ ไร้เดียงสา
" ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ให้ทุกคนผิดหวังเลยค่ะฝากด้วยนะค่ะ ขอบคุณนะค่ะอัคสำหรับงานแรกในไทย "
************************
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนอยู่บริษัท มาณวิกา ก็แทบกินอะไรไม่ลง เธอใช้ช้อนเขี่ยข้าวอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
"คุณวิ กับข้าวไม่อร่อยเหรอค่ะ หรือว่า อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมค่ะ เดี๋ยวป้าไปทำไห้ใหม่ "
เสียงของป้าแมว ทำไห้มาณวิกาได้สติ
"ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว พอดีวิไม่ค่อยหิว "
แล้วจัดการฝืนกินข้าวไปได้ครึ่งจาน เธอกินไม่ลงจริงๆ แต่ก็ต้องกินเพื่อตัวน้อยในท้อง
5ทุ่ม อัครพลกลับมาที่บ้าน เขากำลังจะเข้าห้อง แต่ก็เปลี่ยนใจหมุนตัวกลับไปเคาะประตูห้องข้างๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขากับมาณวิกาตกลงจะหย่ากัน มาณวิกาก็แยกห้องนอนกับเขา
ทีแรกทั้ง2นัดจะไปหย่ากันในอีกวันถัดไป แต่คุณปู่ของเขาก็ดันป่วยซะก่อน จึงได้เลื่อนไปวันหน้า กลัวว่าคุณปู่รู้ แล้วอาการจะทรุดหนัก เพราะคุณปู่รักและเอ็นดูมาณวิกามาก จนบางครั้งเขาก็คิด ว่าระหว่างเขากับมาณวิกา ใครกันแน่ที่เป็นหลานตัวจริง ยิ่งเมื่อเทียบกับรสสิกา คุณปู่เองกลับมีท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
เขากับรสสิกา คบกันตอนเรียนอยู่ปี3 ในตอนนั้นเขาพาเธอมาที่บ้าน คุณปู่แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ก็ไม่มีทีท่าจะญาติดีด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม จนกระทั่งเรียนจบเขาตั้งใจเซอร์ไพรซ์ขอรสสิกาแต่งงาน แต่ถูกเธอปฏิเสธต่อหน้าผู้คนมากมาย ในตอนนั้น เขาทั้งเจ็บทั้งอายมาก แต่เธอให้เหตุผลว่าเธอยังไม่พร้อม เธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และจะทำทุกอย่างให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เพื่อไห้คุณปู่ยอมรับไห้ได้ และนั่นก็ทำไห้เขายอมปล่อยเธอไป และเฝ้ารอวันที่เธอกลับมา
จนวันหนึ่งเขาก็ต้องใจสลาย เมื่อรู้ข่าวจากเพื่อนสนิท ที่ไปเรียนต่ออยู่อังกฤษที่เดียวกับเธอ ส่งข่าวพร้อมภาพและคลิปแต่งงาน ของรสสิกา กับผู้กำกับหนังชื่อดังชาวอังกฤษมาไห้เขาดู
ก่อนหน้านั้น เขาก็ได้ข่าวว่าเธอเข้าสู่วงการนางแบบและเริ่มมีชื่อเสียง เขาดีใจกับเธอที่ได้ทำตามความฝันสำเร็จ แม้จะมีข่าวซุบซิบว่าที่เธอได้ดี เพราะผู้กำกับคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ที่แท้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงขั้นแต่งงานกัน
ถ้าเพื่อนของเขาไม่บอก เขาก็คงกลายเป็นไอ้โง่ให้เธอหลอก เธอยังคุยกับเขาปกติไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย ตั้งแต่นั้นมาเขากินเหล้าเมามาย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น งานการก็ไม่ทำ เขาโทษคุณปู่ที่ไม่ยอมให้เขาไปเรียนต่อที่อังกฤษตามรสสิกา แต่กลับไห้เขาเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท บริหารธุรกิจครอบครัว เขาเสียศูนย์อยู่นาน จนคุณปู่บอกไห้แต่งงานกับมาณวิกา เด็กสาวที่เป็นหลานของเพื่อนสนิท
แกร็ก เสียงประตูเปิดออกมา พร้อมกับร่างผอมบางของมาณวิกา ทำไมเธอดูผอมซูบลงไปกว่าแต่ก่อน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าที่ควร
" ดึกแล้ว คุณยังไม่นอนเหรอ "
อัครพลเอ่ยปากถาม เมื่อมาณวิกา กำลังเดินเลี่ยงไป
" ฉันนอนแล้ว แต่รู้สึกตัวขึ้นมาเกิดหิว ก็เลยจะไปหานมดื่มสักแก้ว "
" ขอโทษ "
"ขอโทษ เรื่องอะไร"
"เรื่องโรส ผมรู้ว่า ทำไห้คุณลำบาก ทั้งเรื่องก่อนหน้าที่กว่าจะได้พิชญามา แล้วก็เรื่องที่ถูกทางค่ายของพิชญาต่อว่าอีก "
" คุณรู้ว่าฉันต้องลำบาก แต่คุณก็ยังทำ เพียงเพื่อเอาใจคนรักของคุณ ไม่ใช่แค่ฉันที่ต้องลำบาก แต่พนักงานทุกคน ที่เขาเตรียมงานมาหลายเดือน กลับต้องมารื้องานใหม่ เริ่มต้นใหม่เพื่อปรับไห้เข้ากลับนางแบบ ทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นใหม่หมด ทั้งที่มันพร้อมทุกอย่างแล้ว รอแค่คิวของพิชญาเท่านั้น แต่มันต้องทิ้งแล้วเริ่มทำใหม่ เพราะคุณเอาคนรักของคุณมาเสียบแทน "
"ผม รับปากกับโรส ว่าจะให้ของขวัญวันเกิดทุกอย่างที่เธอขอ เธอขอเป็นพรีเซนเตอร์ ผมรับปากเธอแล้ว ไม่อยากผิดคำพูด "
" ช่างเป็นคนรักที่ดีจริงๆ ทำตามทุกอย่างที่เธอขอ อยากได้อะไรก็ประเคนให้ รวมถึงเรื่องหย่าด้วยใช่ไหม ช่างเป็นผู้ชายที่แสนดีจริงๆ นานแค่ไหนก็ยังรอ รอคนรักกลับมารักกันอีก ความรักของคุณ มันทำไห้ฉันลำบากจริงๆ"
อาทิตย์ต่อมา ที่สตูดิโอบริษัทมีการถ่ายภาพนิ่ง โปรโมทเครื่องประดับเพชรเซ็ทแรกรสสิกาสวมเดรสเกาะอกแบรนด์ดังสีขาว ชายกระโปรงมีลวดลายดอกไม้เล็กๆสีชมพู ผมสีน้ำตาลดัดลอน ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง เครื่องประดับเพชรครบชุด ทั้งสร้อยคอ ตุ้มหู และข้อมือ ระยิบระยับอยู่บนตัวเธอ ยามที่เธอขยับร่างกายไปมาด้วยท่วงท่าต่างๆ ดูงดงามราวกับเทพธิดา เธอไม่คิดเลยว่าเครื่องประดับที่เธอออกแบบ จะต้องไปอยู่บนตัวของรสสิกา คนรักของสามีเธอ ก่อนหน้านี้เธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากพิชญา เมื่อเห็นเธอในละครที่รับบทเจ้าหญิง เธอจึงได้ออกแบบ เครื่องประดับเพชรเซ็ท รอยัล ไดมอนด์ ขึ้นมา เป็นเครื่องประดับครบเซ็ท ทั้งสร้อยคอ ตุ้มหู และกำไล เพชรสีชมพู อ่อนหวาน แต่ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนเจ้าหญิง เพราะแบบนี้เธอถึงได้ เจาะจงว่าพรีเซนเตอร์ต้องเป็นพิชญา แต่สุดท้าย อัครพลกลับทำตามใจตัวเอง เอาคนรักของเขามาเสียบแทนทำยังไงได้ในเมื่อเขาเป็นประธานใหญ่ เขาพูดคำไหนก็ต้องคำนั้นเธอมองไปที่อัครพลซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เขากำลังมองรสสิกาอยู่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล ต้องยอมรับว่าวันนี้รสสิกาสวยมาก แม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน ยังยากจะละสายตา "
มาณวิกาเดินเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็น หยิบนมมาเทใส่แก้วแล้วดื่ม ดึกป่านนี้อัครพลก็ยังไม่กลับ ตั้งแต่รสสิกากลับมา เขาก็กลับดึกทุกวัน เธอพยายามไม่คิดมากดื่มนมแล้วขึ้นไปนอนผ่านมาเป็นเดือน ทุกฝ่ายเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมงานให้พร้อม ก่อนจะถ่ายทำโฆษณา อย่างเป็นทางการรสสิกาแวะเวียนมาหาอัครพลที่บริษัทแทบทุกวัน และอัครพลก็จะพาเธอ ออกไปทานอาหารที่ภัตตาคารหรูข้างนอก มาณวิกาพยายามไม่ใส่ใจ แต่ข่าวในโซเชียล ก็ทำไห้เธอ ไม่สามารถเลื่อนผ่านได้ พาดหัวข่าวสะดุดตาบอสใหญ่บริษัทจิวเวลรี่ชื่อดัง ควงนางแบบสาวอดีตคนรักเก่า ดินเนอร์ใต้แสงเทียน หรือว่าถ่านไฟเก่าจะลุกมาณวิกา กดเข้าไปอ่านในคอมเมนต์ มีแต่คนแห่ยินดีชื่นชม อวยพรทั้งคู่" เหมาะสมกันสุดๆ อีกคนก็หล่อ อีกคนก็สวย แต่งเลยจ้า "" ฉันเห็นทั้ง2 เมื่อวันก่อนมาเดินห้างด้วยกันฝ่ายชายเปย์สุดๆ ซื้อของให้ผู้หญิงเพียบอิจฉาจัง "" ภาพนี้ ฉันเห็นตอนอยู่ที่ร้าน วันนั้นฉันก็อยู่ที่ร้านด้วย แม้จะอยู่ไกล แต่ ผู้ชาย เทคแคร์ผู้หญิงดีเวอร์ มองตากันหวานเยิ้ม ตักอาหารป้อนกันด้วยแหละ อุ้ย เขิลแทนเลย "" ได้ข่าวว่าทั้งคู่เคยคบกันสมัยเรียน แต่ฝ่ายหญิงไปเรียนต่อ
อัครพลกลับมาถึงบ้าน ก็ถามหามาณวิกา" วิกลับมารึยัง "" พึ่งกลับมาเมื่อกี้ค่ะ " ป้าแมวกำลังจะบอกว่ามาณวิกากลับมา พร้อมแผลที่แขนและขา แต่ยังไม่ทันจะได้บอก อัครพลก็เดินขึ้นไปข้างบนก่อนอัครพลเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องมาณวิกาชั่งใจว่าจะยกมือเคาะประตูดีไหม แต่ก็เปลี่ยนใจ เธอคงนอนพักแล้วไม่รบกวนดีกว่า จึงเดินเข้าห้องตัวเอง ก่อนหน้ารสสิกา ขอให้เขาทำอาหารให้กิน เธออยากจะกินข้าวผัดทะเล นึกถึงตอนที่เขายังคบกับเธออยู่ เขาก็ชอบทำข้าวผัดทะเลให้เธอกินอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกแปลกๆ ทั้งที่กินข้าวอยู่กับเธอ แต่ใจกลับกังวลถึงมาณวิกา กินเสร็จก็รีบกลับ แม้รสสิกาจะออดอ้อนให้อยู่ต่อก็ตาม ใจเขาร้อนรนยังไงก็ไม่รู้ *********************ทีมงานยกกองไปถ่ายทำไกลถึงสุราษฏร์ทั้งที่แต่แรก มาณวิกา ติดต่อเช่าสถานที่เป็นไร่ดอกไม้ที่วังน้ำเขียวเอาไว้แล้ว ในคอนเซป เทพธิดาแห่งบุพผา แต่ก็นะ พรีเซนเตอร์vip ไม่ชอบ เธอต้องการฉากเป็นทะเล และเลือกเกาะแห่งหนึ่งที่สุราษฎร์แทน อัครพลก็ตามใจแบบไม่ต้องถามความเห็นของทีมงาน แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวก็ตาม เมื่อทีมงานเซ็ทฉากพร้อม ตากล้องพร้อม ทุกคนพร้อม แต่น
วันต่อมา รสสิกาเดินควงแขน อัครพลมาที่กองถ่าย ท่ามกลางสายตาของทุกคน มาณวิกาปรายตามองอยู่แว่บเดียว ก่อนจะไปเดินดูในส่วนงานต่างๆว่าเรียบร้อยดีไหมเมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เริ่มถ่ายทำทันที ใช้เวลาไม่นาน ก็ถ่ายทำในเซ็ทแรกเสร็จ ถือว่ารสสิกา ยังมีความเป็นมืออาชีพ การโพสต์ท่าจึงเป็นไปแบบไหลลื่นไม่มีสะดุด พอผู้กำกับสั่งคัท พักเบรค อัครพลกำลังจะเดินไปหามาณวิกา รสสิกาเห็นแบบนั้นก็รีบเร่งเดินเข้าไปหาอัครพล " อัค ค่ะ"ด้วยความที่รีบร้อนทำไห้สะดุดสายไฟ อัครพลพุ่งตัวไปคว้ารสสิกาเอาไว้ ไม่ไห้ล้มได้ดิบพอดี แต่สายไฟเชื่อมกับเสาไฟสปอร์ตไลท์ ทำไห้เสาไฟหล่นลงใกล้ๆ มาณวิกามาณวิกาเบี่ยงตัวหลบ แต่ดันสะดุดขาตัวเองล้มลง เสาไฟก็หล่นทับขาพอดีอัครพลรีบวิ่งเข้าไปดูมาณวิกา " วิ คุณเป็นยังไงบ้าง"" ฉัน ไม่เป็นไร "อัครพลทำท่าจะอุ้มมาณวิกา แต่มาณวิกาปัดมือเขาออก ฝืนลุกขึ้นด้วยยากลำบาก อิงอรรีบเข้ามาพยุง พามาณวิกาออกไป อัครพล ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง "ยังไม่ทันได้หย่า คุณก็รังเกียจ ผมแล้วเหรอ" รสสิกา มองมาณวิกาด้วยสายตาที่ริษยา อัครพลบอกกับเธอ ว่าเขาแต่งงานกับมาณวิกาเพราะคุณปู่ขอร้อง คุณปู่ของมาณวิกามีบุญคุณ ช
เมื่อมาถึงห้องพัก มาณวิกาเกิดเจ็บหน่วงท้องน้อย คิดถึงคำเตือนของหมอให้ระวังให้มาก ช่วงนี้อยู่ในภาวะแท้งคุกคาม อาการเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเหงื่อเริ่มซึมเปียกชุ่มทั้งตัว มาณวิการีบกดโทรศัพท์หาอิงอร " อร มาหาพี่ที "" พี่วิ พี่เป็นอะไร ทำไมเสียงสั่นๆแบบนั้น พี่ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้"หลังจากส่งรสสิกากลับห้องพัก อัครพลก็มุ่งหน้าไปที่ห้องพักของมาณวิกา แววตารังเกียจ ตอนที่ปัดมือเขาออก มันกวนใจไม่หยุด ตอนที่อิงอรประคองเธอออกไป เขาเห็นเธอเดินกะโผลกกะเผลก เธอคงจะเจ็บขาอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ไปหาหมอแล้วหรือยังถึงยังไงเราก็ยังไม่ได้หย่ากัน เธอยังมีสถานะเป็นภรรยาของเขา และเขาเองก็ยังเป็นสามีของเธออยู่ ควรจะไปดูเธอหน่อย เมื่อคิดได้แบบนั้น ก็รีบเดินตรงไปที่ห้องพักของเธอทันที เมื่อมาถึงหน้าห้อง ก็เคาะห้องเรียกอยู่นานไม่มีเสียงตอบรับ เขาคิดว่าเธอคงไม่เป็นอะไรมาก คงจะกินยาและนอนหลับไปแล้ว จึงไม่รบกวนเธอดีกว่า คิดแบบนั้นก็หันหลังเดินจากไปที่ร.พ หมอฉีดยาไห้มาณวิกา สั่งไห้เธอนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงขยับตัวไห้น้อยที่สุด โชคดีที่มา ร.พ ทัน ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียลูกไปแล้ว ส่วนข้อเท้าทั้งบวมแ
อัครพล เปิดประตูเข้ามา เห็นมาณวิกานอนหลับอยู่บนเตียง เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ มองหน้าของเธอที่ดูซูบเซียว ขาถูกใส่เฝือกเอาไว้ อิงอรที่นอนหลับอยู่โซฟาไม่ไกล งัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นอัครพลกำลังลูบหัวมาณวิกาอย่างอ่อนโยน เหมือนกล่อมเด็กน้อยให้หลับ จึงค่อยๆลุกออกไปข้างนอกอย่างรู้งาน อัครพลเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงกุมมือมาณวิกาเอาไว้" เจ็บมากไหม ทำไมถึงไม่บอกผม ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือจากผม คุณเห็นผมเป็นคนอื่นแล้วเหรอ"ดวงตาของอัครพลแดงกร่ำ ในใจเกิดบีบรัดจนเจ็บปวด เขาอยากดูแลเธอ อยากให้เธอเป็นเหมือนก่อน พอเธอทำตัวห่างเหิน ไม่สนใจเขาแบบนี้ เขารู้สึกหน่วงๆในใจแปลกๆเสียงมือถือสั่นอยู่ในกางเกง เขาปิดเสียงเอาไว้ก่อนจะมาที่นี่ อัครพลเอามือถือออกมาดู ศศิโทรมา เขากดวางสายเก็บมือถือไว้ที่เดิม เสียงโทรเข้า ยังคงดังต่อเนื่อง จนเขารำคาญ จึงหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งกะจะปิดเครื่องไปเลย แต่ข้อความก็แจ้งเตือนขึ้นมา โรสเกิดอุบัติเหตุกำลังส่งร.พอัครพลหันไปดูมาณวิกา เธอยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องเสียงประตูปิดลง มาณวิกาลืมตาขึ้น ความจริงเธอตื่นตั้งแต่ตอนที่อัครพลลูบหัวเธอแล้ว เมื่ออัครพลออกไปดูโทรศัพ
ช่วงสายของวันใหม่ อัครพลทำเรื่องออกจากร.พ ให้รสสิกา หลังจากเคียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จก็ส่งเธอขึ้นรถกลับ แล้วรีบมุ่งหน้าไปห้องของมาณวิกาทันที แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับความว่างเปล่า จึงรีบไปถามพยาบาล" คนไข้ห้อง704 หายไปไหนครับ"" ออกไปแล้วค่ะ ทำเรื่องย้ายไปรักษาตัวต่อที่กรุงเทพแล้ว "ไปแล้ว แล้วทำไมไม่คิดจะบอกกันบ้าง " เธอ ไม่คิดจะบอกฉันสักคำเลยเหรอ "อัครพลตัดพ้อด้วยความน้อยใจ แล้วโทรบอกลูกน้องไห้รีบเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับมาณวิกาตัดสินใจกลับกรุงเทพ เธอไห้หมอถอดเฝือกไห้ แล้วบอกว่าจะไปรักษาที่กรุงเทพต่อ ที่จริงเธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้วแม้จะเดินไม่ถนัดอยู่บ้าง ส่วนอาการเจ็บท้องก็หายแล้วเช่นกัน เธออยากไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่า ทีแรกหมอปฏิเสธ แต่โชคดีที่อิงอรมีญาติผู้พี่เป็นหมออยู่ที่นี่ เมื่อประเมินอาการแล้ว บวกกับมาณวิกายืนยันว่าจะไปรักษาที่กรุงเทพแทน หมอถึงได้จัดการเอกสารส่งตัวไห้ ส่วนตั๋วเครื่องบินอิงอรก็จัดการให้เธอตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ช่วงเช้าของวัน เธอจึงได้ออกมาจากร.พพร้อมบินกลับกรุงเทพทันทีอัครพลมาถึงกรุงเทพ ก็ให้คชาไปสอบถามตาม ร.พต่างๆว่าร.พไหน รับมาณวิกามารักษาตัวต่อ แต่ก็ไม่มี
รสสิกาเข้าไปหาอัครพลในห้องทำงาน เธอนั่งรอเขาเงียบๆหยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลาอยู่แบบนี้มาพักใหญ่ อัครพลก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เอกสารกองเต็มโต๊ะ ไม่มีทีท่าว่าจะเคียร์เสร็จง่ายๆ รสสิกาดูเวลา นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วจึงเดินเข้าไปหาอัครพล" อัคค่ะ เที่ยงกว่าแล้วนะ พักก่อนค่ะ ไปกินข้าวกัน "" โรส ไปกินเถอะ ผมยังไม่หิว งานด่วน ต้องรีบเคียร์ให้เสร็จ โปรเจคใหม่พวกนี้ ผมต้องอ่านให้ดี ก่อนเซ็นอนุมัติ จะรีบร้อนไม่ได้"" แต่อัคค่ะโรสไม่อยากไปกินคนเดียว โรสอุตส่าห์มานั่งรอคุณตั้งหลาย ช.ม นะ"" ผมก็บอกคุณ ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผมไม่ว่างและผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมารอผมด้วย"อัครพลถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะเอ่ยขึ้น โดยไม่มองหน้ารสสิกา แม้แต่น้อย" อัค โรสอยากรู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะหย่าคุณบอกว่าครบ3ปีคุณจะหย่าไม่ใช่เหรอ นี่ก็จะ3ปีแล้วนะ"อัครพลวางปากกา เงยหน้ามองรสสิกา ดวงตามีประกายความไม่พอใจบ่งบอกชัดเจน " คุณเคยบอกโรส ว่าไม่ได้รักมาณวิกา ยังไงก็จะหย่ากับเธอให้ได้ "อัครพลไม่ปฏิเสธ ว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไม เขาไม่อยากพูดเรื่องหย่าเลย พูดเรื่องนี้ทีไร ในใจ
เสียงมือถือดังขึ้น ศศิรีบกดรับสายแล้วเปิดลำโพง เพื่อให้รสสิกาได้ยินด้วย" ฮัลโหล พี่ศิน "" บอกนังโรสมาคุยกับกู"" ฉันฟังอยู่ มีอะไรรีบพูดมา"" เอาเงินมาให้กู10ล้าน ตอนนี้กูโดนตำรวจล่าตัวอยู่ ได้เงินแล้วกูจะหนีออกนอกประเทศ " " ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้แกตั้ง10ล้าน เงินไม่ใช่น้อยๆ คราวก่อนฉันให้แกไปตั้งแสนนึง งานทำไม่สำเร็จ ยังจะมีหน้ามาขอเงินกับฉันอีก ฉันไม่มีให้แกหรอก "" มึงก็ไปเอามาจากผัวมึงสิ ไอ้ประธานบริษัทอะไรนั่นหน่ะ มันรวยมากนี่ แค่10ล้านขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก อย่าลืมว่ากูกุมความลับของมึงอยู่ ถ้ากูไม่ได้เงินกูจะส่งคลิปเสียงที่กูบันทึกไว้ให้ตำรวจ แล้วถ้ากูถูกจับได้กูจะสารภาพให้หมด กูจะไม่ยอมนอนคุกคนเดียว กูจะลากมึงกับอีศิเข้าคุกไปกับกูด้วย"" กูให้เวลามึงถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวกูจะโทรมาบอกอีกทีว่าให้เอาเงินมาให้กูที่ไหน"รสสิกากรีดร้องด้วยความเจ็บใจ แล้วนึกก็ขึ้นมาได้ ว่าอัครพลบอกว่าจะให้เธอ20ล้าน ให้มันไป10ล้านยังเหลืออีก10ล้าน ยังไงเธอคงต้องไปตั้งหลักอยู่ต่างประเทศก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที คิดได้แบบนั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อยรสสิกาเอาเช็คไปขึ้นเงินเรียบร้อย ในมือถือกระเป๋าใส
ป้ายบิลบอร์ดที่เคยฉายภาพของรสสิกา สวมเครื่องเพชรหรูหรา คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด แบรนด์jm รวมทั้งป้ายโฆษณาตามที่ต่างๆล้วนถูกปลดออก แม้แต่ภาพยนตร์ที่มีชื่อรสสิกาเป็นนางเอก ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิชญา ศศิโทรไปโวยวาย แต่ทางนั้นก็ตอบกลับมาว่า นายทุนต้องการเปลี่ยนตัวมาเป็นพิชญา และจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามที่ระบุในสัญญา สักพักศศิก็ได้รับโทรศัพท์คุยอยู่ชั่วครู่ ก็บอกกับรสิกา ว่างานเปิดตัวเครื่องเพชรjm คอลเล็คชั่นใหม่ ที่จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้า เปลี่ยนตัวนางแบบ " หมายความยังไง ทำไมถึงเปลี่ยนตัว ฉันเป็นพรีเซนเตอร์นะ ฉันต้องได้เดินโชว์เครื่องเพชรชุดนั้นสิ "" ฉันถามเขาแล้ว เขาบอกว่าเป็นคำสั่งของผู้บริหารสั่งมา แล้วเขาก็ยังบอกอีก ว่าเธอถูกปลดจากพรีเซนเตอร์แล้ว"" ฉันไม่เชื่อ อัค ไม่มีทางทำแบบนั้น"" แต่ข่าวแกกับเขาที่ออกไป มันดังไปทั่วทั้งโซเชียล ตอนนี้หุ้นของบริษัท Akm กำลังตก เห็นว่าเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันก่อน ถึงอัคจะเป็นประธาน แต่บริษัทก็ไม่ใช่ของเขาแค่คนเดียว ยังมีหุ้นส่วนคนอื่นๆอีก มีข่าวเสียหายแบบนี้ มันก็ส่งผลกระทบอยู่แล้ว ไม่แน่อาจจะถูกโหวตออกจากตำแหน่งประธานก็ได้"รสสิกาคิดได้ ว่าหรืออัครพลจะโก
เมื่อมาถึงร.พ เขาก็รีบไปหามาณวิกา ในมือถือกล่องเค้กบลูเบอร์รี่ ที่เธอชอบกินมาฝากด้วย แต่พอผลักประตูห้องเข้าไป ก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขารวมทั้งคุณปู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาเดินเข้าไปใกล้มาณวิกาชูเค้กในมือ" ผมซื้อเค้กบลูเบอรี่ ของชอบคุณมาด้วย จะทานเลยไหม ผมจะใส่จานให้"" _ "มาณวิกาไม่ตอบรับ เธอยังคงเมินเฉยอย่างเคย " ออกมาคุยกับพ่อกับปู่ข้างนอก"คมกฤชบอกอัครพลก่อนเดินนำออกไป" แกจะเอายังไงเรื่องหนูวิ"" ผมผิดเอง ผมก็พึ่งรู้ว่าเธอท้อง ไม่อย่างงั้นผมคงจะดูแลเธอให้ดีกว่านี้"" แกพูดอย่างนี้ คือถ้าหนูวิไม่ท้องก็จะไม่ดูแล"" ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น "" ช่างเถอะ ที่ผ่านมา แกก็ไม่เคยสนใจหนูวิอยู่แล้ว ว่าเธอจะรู้สึกยังไง "" ผม " อัครพลพูดไม่ออก ที่ผ่านมาเขาละเลยเธอจริงๆ เขาทำให้เธอเสียใจ ถ้าคืนนั้นเขาไม่ไปผับก็จะไม่เมา ไม่เจอรสสิกาจนต้องถูกวางยาและเกิดเรื่องบ้าบอขึ้น เขาจะพาเธอไปวัดแล้วก็จะไม่เจอคนร้าย เธอก็ไม่ต้องเสียลูก "ฉันเคยเตือนแกหลายครั้งแล้ว เรื่องแม่นางแบบนั่น แล้วเป็นยังไง ออกข่าวดังขนาดนั้น สมใจแกไหม " คมกฤชเดือดดาลเขาผิดหวังในตัวลูกชายจริงๆ ทั้งที่บอกแล้วเตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง หลงเม
อัครพลผลักประตูห้องเข้าไป พบร่างของมาณวิกานอนอยู่บนเตียง มีเพื่อนของเธอนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เขารีบเดินเข้าไปหาเธอ ดารัณมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินออกไปนั่งที่โซฟาแทน" คุณ เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า"มาณวิกาสบตากับอัครพล ในตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย เธอไม่รู้หรอกว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่ได้บอกใครเลยนอกจากดารัณ แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ เขามาเพราะหน้าที่ หรือมาเพื่ออะไรเธอไม่สนใจ เมื่อกี้เขาถามว่าเธอเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นที่ใจนี่แหละ มันเจ็บจนชาไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเห็นข่าวซุบซิบในทีวี เป็นภาพที่เขากอดจูบกับรสสิกาอยู่ข้างรถ ก่อนจะประคองกอดกันขึ้นคอนโด ในข่าวระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อคืน และยังมีภาพที่เขาออกมาจากคอนโดนั่น ตอนเที่ยงของวันนี้ เธอถูกฉุดไปขืนใจ จนเสียลูกในท้อง แต่เขากลับนอนกกกอดกับคนรัก ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุดอัครพลเห็นมาณวิการ้องไห้ เขาก็ใจไม่ดี เธอคงจะตกใจและเสียขวัญไม่น้อย เขาเอื้อมมือจะไปเช็ดน้ำตาไห้เธอ แต่เธอก็เบือนหน้าหนี นอนหันหลังไห้" คุณกลับไปเถอะ ไปอยู่กับคนรักของคุณ ฉันไม่เป็นอะไร มีรัณอยู่เป็น
อัครพลลืมตาตื่นขึ้นมา มองดูเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ที่นี่ที่ไหน เขาจำได้ว่าเมื่อคืนไปดื่มที่ผับ ก่อนจะกลับเขารู้สึกมึนหัวมาก และสติก็เริ่มเลือนราง เขาปวดหัวจี๊ดๆจนต้องใช้มือคลึงหัว พอก้มลงดูก็เห็นแขนขาวพาดเอวเขาอยู่ เมื่อเห็นหน้าคนที่นอนกอดเขาอยู่ข้างๆก็ตกใจ รสสิกา ทำไมถึงเป็นเธอถึงจะจำไม่ค่อยได้ แต่เขาคิดว่าเมื่อคืนเขามีอะไรกับมาณวิกา ทำไมนะถึงเป็นรสสิกาไปได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ก่อนจะที่เขาจะมีอาการแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายไป ใช่แล้วในเหล้าแก้วนั้นรสสิกาต้องใส่อะไรลงไปแน่ มิน่าเขาถึงไม่มีสติควบคุมตัวเองไม่อยู่ เห็นรสสิกาเป็นมาณวิกา จนต้องมีความสัมพันธ์กับเธอทั้งคืนจนถึงเช้า ยาต้องแรงขนาดไหน ทั้งที่เขาจะตั้งใจ จะตัดความสัมพันธ์กับรสสิกาหลังงานประมูล แล้วจะกลับไปทำหน้าที่สามีที่ดีกับมาณวิกา แต่เกิดเรื่องแบบนี้ ถ้ามาณวิการู้จะให้อภัยเขาไหม นึกถึงภาพมาณวิกามองเขา ด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากเขาไป เขาก็รู้สึกไม่ยอมรับ อัครพลสะบัดตัวออก ลุกขึ้นจากเตียง รีบสวมเสื้อแล้วจากไป ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของรสสิกาปวรุจพาตัวเองมานั่งเฝ้ามาณวิกาในห้องพักพิเศษ นานเท่าไหร่แล
อัครพลกระชากชุดเดรสออก ซุกไซร้ซอกคอไล่ต่ำลงมาจนถึงเต้าอวบ ดูดดึงเสียงดัง จ้วบจ้าบ โลมเลียสองเต้าด้วยความหื่นกระหาย " อะ อา อัคขา อืม เสียวเหลือเกินมาณวิกาขับรถออกจากบ้านแต่เช้า วันนี้เป็นวันหยุด เธอตั้งใจจะไปทำบุญให้กับพ่อและปู่ของเธอ จึงแวะซื้อเค้กไข่ที่ทั้ง2ชอบกิน ตอนมีชีวิตอยู่ ไปทำบุญให้ เมื่อได้ขนมมาแล้ว ก็เปิดฝาท้ายรถเอาขนมไปเก็บ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรมาจี้ที่เอว เมื่อก้มลงดูก็ตกใจสุดขีด ปืนจี้เอวเธออยู่ " เดินตามมาอย่าตุกติก "ชายร่างสูงใหญ่ สวมแว่นตาดำใส่แมสปิดปาก บอกให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ เมื่อเธอขึ้นไปก็พบกับ ชายสวมไอ้โม่งปิดบังใบหน้าอีก2คน" พวกแกจับฉันมาทำไม ใครสั่งแกมาต้องการเงินใช่ไหม จะเอาเท่าไหร่บอกมา ฉันจะให้พวกแกมากกว่า"" เอาไงดีพี่"" เฮ้ย อย่าไปฟังมัน ถึงเราจะเป็นผู้ร้ายแต่ก็ต้องมีจรรยาบรรณ รับงานมาแล้วต้องทำให้สำเร็จ มัดมือมัดเท้ามันไว้ หาอะไรอุดปากมันด้วย"ปวรุจ มองดูรถตู้สีดำที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปด้วยความรวดเร็ว เหตุการณ์เมื่อกี้เขาเห็นหมดแล้ว เขามาซื้อเค้กที่ร้านเค้กเล็กๆนี้ เพื่อไปจีบสาวนักศึกษาฝึกงาน ที่มาฝึกงานที่บริษัทของเขาเมื่อหลายวันก่อน พอรู้ว่าเธอชอบ
รสสิกาเดินเข้าไปในผับ สายตาสอดส่องหาศศิ เพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวศศิเห็นเธอก็โบกไม้โบกมือเรียก ด้วยหุ่นนางแบบส่วนสูง173 ขาเรียวยาว ผิวขาว ส่วนเว้าส่วนโค้งได้รูป รับกับเดรสสีดำที่เธอสวมใส่ ทำให้ทุกย่างก้าวที่เธอเดิน สง่างามเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์ค เรียกสายตาหนุ่มๆให้มองตามจนเหลียวหลัง " ว่าไง เรื่องที่ฉันให้จัดการหน่ะ"" มันก็ต้องได้เรื่องอยู่แล้ว นั่งก่อน สั่งอะไรดี เอาเหมือนฉันล่ะกัน น้อง มาร์การิต้าที่ "ศศิสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์" ฉันนัดเขาไว้ที่นี่แหละ อีกสักพักก็คงจะมา นั่นไงมาพอดีเลย"รสสิกาหันไปดู ก็พบผู้ชายสูงใหญ่หน้าตาไม่ถึงกับหล่อ แต่รวมๆแล้วก็มีเสน่ห์น่าดึงดูดไม่น้อย สังเกตุจากตลอดทางจนมาถึงโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ มีผู้หญิงมองตาม บ้างก็ส่งสายตาเชิญชวนเขาไม่น้อย เขาใส่เสื้อเชิตไม่ติดกระดุมอยู่3เม็ด เผยให้เห็นซิกแพคแน่นๆ กับรอยสักที่ดูกร้าวใจสุดๆ รสสิการู้สึกตัวว่าจ้องเขานานเกินไป จึงละสายตาออกมาหยิบแก้วขึ้นจิบ" โรส นี่พี่พศิน ญาติห่างๆของฉันเอง"" พี่ศิน นี่โรส ที่ฉันเล่าให้ฟัง"" สวัสดีครับ คุณโรสคนสวย ยัยศิเล่าให้ฟัง ว่าคุณทั้งสวยและหุ่นดีมาก ไม่คิดว่าเจอ
" แกทำอะไรเอาไว้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เรื่องแกกับแม่นางแบบนั่น อย่าให้มันมากนัก ข่าวที่ออกไป แกไม่คิดว่าหนูวิจะเสียใจบ้างรึไง"" มันไม่มีอะไรทั้งนั้น โรสพึ่งกลับมา เขาขอให้ผมไปรับที่สนามบินก็แค่นั้น ผมไม่รู้ว่ามีคนเอาไปเขียนข่าวมั่วๆได้ยังไง""แล้วล่าสุดที่แก พากันไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนนั่นอีก "คราวนี้คมกฤชถามบ้าง อัครพลหันมามองหน้าผู้เป็นพ่อ"ถึงฉันจะอยู่ที่ฮ่องกง แต่ฉันก็มีสายรายงานตลอด ""ข่าวนั่นก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน วันนั้นเป็นวันเกิดโรส ผมแค่ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเธอ ร้านอาหารร้านนั้นเธอเป็นคนเลือกเอง ผมเห็นว่าบรรยากาศดี ไม่เห็นจะมีอะไร"" แล้วเรื่องพรีเซนเตอร์ ที่ฉันรู้ตอนแรกเป็นพิชญา ทำไมแกถึงเปลี่ยนตามใจชอบ ""ผมรับปากโรสเอาไว้ ว่าจะให้เป็นของขวัญ อีกอย่างโรสลำบาก พึ่งกลับมา ยังไม่มีงาน ผมเลยต้องให้งานเธอ ช่วยเธอหากคอนเนคชั่น"" ให้ทั้งงาน ให้ทั้งเงิน หมดไปกี่ร้อยล้านแล้วหล่ะ กับหนูวิ แกเคยให้แบบนี้บ้างใหม หนูวิอยู่กับแกมาหลายปี ค่าใช้จ่ายของเขาไม่เคยใช้เงินของแกเลย แต่แกกลับไปปรนเปรอนังนั่น มันไม่ได้รักแกหรอก มันรักเงินแกต่างหาก"" ฉันไม่คิดว่าแก จะโง่ดักดานได้ขนาดนี้ แกลืมไปแล้ว
เลิกงานตอนเย็น มาณวิกาจึงต้องนั่งรถมากับเขา โดยมีเขาเป็นคนขับรถเอง ทั้งที่ปกติเขาจะมีคนขับรถส่วนตัว ตลอดทางจนถึงบ้านคุณปู่ มีแต่ความเงียบ เธอกับเขาไม่มีใครพูดจาเลยสักคำ ทำให้บรรยากาศอึดอัดชอบกล พอรถแล่นเข้ามาจอดในบ้าน มาณวิกาก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ไม่รอเขาพิศมัยเห็นสะใภ้สุดที่รัก ก็รีบเข้าโอบกอดด้วยความคิดถึง หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เพราะเธอกับสามี ต้องไปดูแลบริษัทใหม่ที่ฮ่องกง เป็นบริษัทร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวฮ่องกงชื่อดัง เธอเอ็นดูมาณวิกาเหมือนลูกสาวแท้ๆ ตั้งแต่มาณวิกายังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ พอรู้ว่าจะได้มาณวิกามาเป็นสะใภ้ เธอก็ดีใจไม่น้อย หลายปีที่ผ่านมา มาณวิการักและดูแลเอาใจใส่อัครพล ลูกชายของตนมาตลอด เปลี่ยนชีวิตของอัครพลที่ช้ำรักจนเสียผู้เสียคน ให้กลายมาเป็นคนเดิม ทั้งยังช่วยกันบริหารบริษัทจนเติบโต ยิ่งใหญ่ได้ถึงทุกวันนี้" สวัสดีค่ะคุณแม่ " มาณวิกายกมือไหว้พิศมัย ที่เอ็นดูเมตตาเธอมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ" มาแล้วเหรอ หนูวิ แม่คิดถึงหนูจัง ไม่เจอกันตั้งนาน มาเร็ว แม่มีของฝากมาจากฮ่องกงเยอะเลย มีขนมอร่อยๆหลายอย่างเลยนะ"พิศมัยโอบกอดลูกสะใภ้ เข้าไปในบ้าน ไม่ส