บทที่ 42เดินทางออกจากเมืองหลวง“ใครช่างกล้านัก กล้ามาทำเช่นนี้กับตระกูลหยาง”นายท่านผู้เฒ่าหยางกล่าวด้วยอารมณ์โกรธจัด“หรือว่าจะเป็นฝ่ายองค์ชายใหญ่และฮองเฮา เหตุที่ทำเช่นนี้เพื่อตัดกำลังของพระสนมซูเฟยขอรับ”ทุกคนในตระกูลหยางพุ่งเป้าไปที่ฮองเฮาและองค์ชายใหญ่ ไม่มีใครคิดเลยว่าเหตุร้ายในครั้งนี้เกิดจากเหอหลันฮวา“ในเวลานี้ชะตาของฝ่าบาทไม่รู้เป็นเช่นไร คล้ายกับทุกอย่างอยู่ในฝ่ามือของพวกเขาแล้ว ทว่ายังคิดที่จะเล่นงานตระกูลหยางอีกหรือ”นายท่านผู้เฒ่าหยางกล่าวอย่างเคืองแค้น ดีแค่ไหนแล้วที่บ่าวไพร่ช่วยกันดับไฟทันก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีในสกุลหยางต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.) ตำหนักขององค์ชายรอง บ่าวไพร่และนางกำนัลต่างก็ตื่นมาทำหน้าที่ของตนเอง ทว่าเมื่อพบสิ่งที่กองเรียงรายอยู่ภายในสวนต่างก็กรีดร้องด้วยความตกใจและหวาดผวา“พวกเจ้ากรีดร้องด้วยเรื่องไร หรือว่ามีใครตายกัน หา!”หัวหน้ากงกงเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเหล่าข้ารับใช้ในตำหนัก ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวหน้ากงกงล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะตั้งสติ
บทที่ 43 ชิงตัวมู่เสียนเฟยมองใบหน้าบุตรชาย นางไม่คิดว่าเพียงแค่นางอยากพบหน้าฝ่าบาท บุตรชายของนางยอมทำถึงเพียงนี้“เจ้าไม่ต้องทำเยี่ยงนี้หรอก แม่..แม่”“มิเป็นอันใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ ลูกคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสอง ลูกไม่อยากให้เสด็จแม่ต้องอยู่ในวังวนเช่นนี้อีกแล้ว”มู่เสียนเฟยใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา แม้ว่านางจะรักและเทิดทูนฝ่าบาทอย่างไร ทว่าในใจนางไม่มีสิ่งใดสำคัญไปมากกว่าบุตรชายอีกแล้ว“อืม หลังจากพบฝ่าบาท เราสองแม่ลูกไปใช้ชีวิตด้วยกันเถอะนะ”“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”หลานหยางคุนยิ้มตอบ เขาไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว ทว่าวันใดที่บ้านเมืองไม่สงบและชาวบ้านเดือดร้อน เขาพร้อมที่จะกลับมาทวงทุกสิ่งที่ควรเป็นของเขาคืนครั้งนี้เขาจะทำหน้าที่ของบุตรให้แก่ฝ่าบาท หลังจากนี้หวังว่าฝ่าบาทจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเสียที และอย่ามายุ่งวุ่นวายกับเขาและมารดาอีกก็พอไม่นานกงกงคนเดิมเดินกลับมาพร้อมกับเชิญทั้งสองเข้าไปในตำหนัก“ถวายพระพรฮองเฮา ทรงมีอายุยืนพันปี พัน พันปี”“ลุกขึ้นเถิด เจ้าและเสียนเฟยต้องการมาเยี่ยมฝ่าบาทใช่หรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมและพระสนมเสียนเฟยขอเยี่ยมและกล่าวลาฝ่าบาท
บทที่ 44 ช่วยฮ่องเต้แคว้นเว่ย ทางด้านแคว้นเว่ย เฉียนชงหลังจากที่ส่งข่าวให้กับเหอหลันฮวาแล้ว ตัวเขาจึงส่งสารกลับไปและกำหนดที่จะพาตัวฮ่องเต้และฮองเฮาหลบหนีคือวันนี้ เมื่อได้เวลาจึงสั่งการเตรียมความพร้อม โดยมีคนของหอมู่ตานดูความปลอดภัยให้กับทางออก เขาจึงรีบเดินเข้าทางลับเพื่อไปช่วยทั้งสองคนพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของเขา และมีความสามารถเรื่องการต่อสู้มุ่งหน้าเข้าตำหนักเย็นทันทีที่มาถึงส่วนกลางของตำหนักเย็น เฉียนชงยังไม่ก้าวเท้าออกมาเพราะภายในนั้นมีเสียงคล้ายกับคนทะเลาะกันอยู่“ฝ่าบาท พระองค์จะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร อย่างน้อยฝ่าบาทควรจะให้องค์ชายสามขึ้นตำแหน่งรัชทายาทแทนไท่จื่อ ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกรักของพระองค์ยังมีชีวิตรอดกลับมาช่วยพระองค์หรือไม่”ไช่เสียนเฟยรู้ว่าไท่จื่อยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งข่าวนี้มาจากตระกูลกุ้ยของฮองเฮา“เรื่องนั้นเจิ้นไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาตัดสินใจแทนหรอกสนมซูเฟย หากเจิ้นยังไม่พบศพของเฉิงอี้ เจิ้นจะไม่มีวันให้ผู้ใดมาอยู่ในตำแหน่งนี้เด็ดขาด นอกเสียจากเจิ้นจะหมดลมหายใจ”องค์ชายสามเว่ยหนิงเฉิงกำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์โกรธไว้ เขามีความรู้สึกว่าเสด็จพ่อไม่ได้ร
บทที่ 45 ใส่ร้ายทันทีที่มาถึงนอกจากพบกับชายารองทั้งสองของบุตรชาย ทว่ายังมีร่างของหลานหมิงฮ่าวนอนหมดสติด้วยใบหน้าซีดเซียวอยู่ที่เตียง จึงรีบถลาเข้าหาด้วยความเป็นห่วง“มีผู้ใดบอกเปิ่นกงได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ทำไมองค์ชายรองจึงมีสภาพเยี่ยงนี้”หยางซูเฟยถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หยางเยี่ยนหงได้แต่สะดุ้งเล็กน้อย กลัวว่าเรื่องจะมาถึงตนเอง เพราะนางเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ให้กับองค์ชายรองด้วยตนเอง“ขอให้พระสนมช่วยชีวิตองค์ชายก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ พระองค์มีเวลาเพียงสามชั่วยามเท่านั้น และในเวลานี้เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น หากพระสนมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดเขายินดีจะบอกกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ทว่าเวลานี้เวลาขององค์ชายเหลือน้อยเต็มทีแล้วหากยังไม่ได้รับยาถอนพิษอาจจะไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไปเมื่อได้ยินเสียงองครักษ์เตือนสติ หยางซูเฟยจึงรีบหยิบยาถอนพิษที่นางให้คนไปประมูลด้วยราคาที่แทบจะซื้อเมืองได้ ว่าในเวลานี้ชีวิตของบุตรชายนางสำคัญกว่านัก จึงรีบหยิบยาถอนพิษออกมาป้อนเข้าปากหลานหมิงฮ่าวทันทีหลังจากที่จัดการเรื่องบุตรชายเสร็จแล้ว นางจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อสอบถ
บทที่ 46 สืบหาความจริงแม้ว่าจะไม่เชื่อในคำพูดของฮองเฮา ทว่าฮ่องเต้เป็นคนหวาดระแวงอยู่แล้วจึงสั่งให้องครักษ์เงาไปสืบเรื่องนี้อีกครั้ง“ฝ่าบาท ขอกระหม่อมกล่าวอันใดได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์เงาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขออนุญาต เขารู้และเห็นการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา“เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ เจ้ากล่าวมาเถิดเจิ้นยินดีที่จะรับฟัง”“คนที่ช่วยชีวิตของฝ่าบาทหาใช่องค์ชายใหญ่หรือฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นองค์ชายสามและพระสนมเสียนเฟย ทั้งคู่ยอมแลกกับการที่ต้องออกไปใช้ชีวิตนอกวังเพียงให้ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทกระหม่อมเป็นองครักษ์เงาที่ไม่มีผู้ใดรับรู้การมีตัวตนของกระหม่อม ทำให้กระหม่อมได้เห็นการกระทำของทุกพระองค์ที่เข้าเฝ้าฝ่าบาทยามป่วย”ทันทีที่กล่าวจบ องครักษ์เงาผู้นี้ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้น จึงไม่รู้ความคิดของฮ่องเต้ในเวลานี้“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดกันที่กล้าวางยาเจิ้น”แม้จะตกใจกับสิ่งที่องครักษ์กล่าวมา ทว่าเขายังหวังได้ยินว่าใครคือคนที่ทำร้ายวางยาพิษเขา“เรื่องที่พระองค์โดนวางยาพิษนั้นกระหม่อมไม่อาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะทุกคนที่เข้ามาในห้องบรรทมของฝ่าบาทล้วนมีทีท่าปกติ แม้แต่ฮองเฮา”สิ่งที่องครักษ์ผู้นี้เ
บทที่ 47 เผชิญหน้าหลังจากได้ยินเสียงขององครักษ์กล่าวจบ หลานหยางคุนจึงหันไปสบตากับฟ่านเทียนเผยเพื่อปรึกษา และไม่รู้ว่านี่คือแผนลวงของผู้ใดอีกหรือไม่“ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่แผนลวงของผู้ใด” ฟ่านเทียนเผยกล่าวขึ้น“คุณชายรองฟ่าน ข้าน้อยกล้าเอาศีรษะรับประกันว่านี่ไม่ใช่แผนลวงของผู้ใด ก่อนหน้าที่ฝ่าบาทจะฟื้น ข้าน้อยเห็นทุกอย่างภายในห้องบรรทมของฝ่าบาทในเมื่อฮองเฮาคิดจะแย่งเอาความดีความชอบไปและยังใส่ร้ายพระสนมเสียนเฟยรวมถึงองค์ชายสาม ข้าน้อยจึงเลือกที่จะเปิดเผยความจริงกับฝ่าบาท ดังนั้นนี่คือที่มาของข้าน้อยว่าทำไมฝ่าบาทจึงต้องการพบองค์ชายสาม”องครักษ์เลือกที่จะกล่าวความจริงออกไป คราวนี้ก็อยู่ที่องค์ชายสามแล้วล่ะว่าพระองค์ยินดีจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือไม่“เทียนเผย เจ้าล่วงหน้าไปก่อนเถิด เข้าเฝ้าเสด็จพ่อแล้วข้าจะรีบตามไป แต่ถ้าหากข้าเกิดมีอันเป็นไปขึ้นมา ฝากดูแลเสด็จแม่ของข้าด้วย เมื่อไหร่ที่ข้าไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เจ้าจงขอร้องไท่จื่อเฟยแทนข้า พาเสด็จแม่ไปอยู่ที่แคว้นเว่ย และอย่ากลับมาที่แคว้นหลานอีก”แม้จะได้รับความเอ็นดูจากพระบิดา แต่พระองค์ย่อมรู้นิสัยขี้ระแวงของฮ่องเต้ดีเช่นกัน ใ
บทที่ 48 เหอหลันฮวาโดนล้อม“บอกข้าได้หรือไม่ ใครกันที่กล้าส่งพวกเจ้ามาจับตัวข้า”เหอหลันฮวากล่าวเสียงเย็น นางไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่นางเข้าเมืองตงมา นางและคนของนางไม่เคยมีเรื่องกับผู้ใดนอกจากบุรุษผู้นั้น“แม่นาง ท่านจอมยุทธ์ ช่วยถอนพิษให้พวกเราก่อนได้หรือไม่ มันทรมานเหลือเกิน ข้ายอมบอกแล้ว”หนึ่งในกลุ่มโจรคล้ายอยากจะรักษาชีวิต เท่าที่ดูคงไม่ใช่กลุ่มโจร แต่คงเป็นบ่าวไพร่ของจวนใดจวนหนึ่งเท่านั้นเอง“ข้าจะให้ยาถอนพิษหรือไม่นั้นมันอยู่ที่ความจริงใจของพวกเจ้า”เว่ยซินหนานยังคงกล่าวเสียงเย็น ฟ่านจือหลงกระตุกยิ้มเล็กน้อยกับอาการของนาง“พวกข้าเป็นคนของจวนเจ้าเมือง ได้รับคำสั่งให้มาจับตัวแม่นางทั้งสองกลับไป โดยรับคำสั่งมาจากคุณชายใหญ่ขอรับ”กลุ่มบ่าวไพร่พวกนี้ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง เพราะกลัวว่าจะรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้เว่ยซินหนานสบตากับเหอหลันฮวา ทำให้นางซัดผงบางอย่างออกไป ไม่นานนักอาการของบ่าวรับใช้พวกนี้หายเป็นปลิดทิ้ง“ครั้งนี้ข้าใจดี พวกเจ้ากลับไปคงหาคำตอบให้เจ้านายของพวกเจ้าได้ใช่หรือไม่ และอย่าคิดว่าจะฉุดคร่าสตรีคนใดอีก ไม่เช่นนั้นแม้แต่ชีวิตพวกเจ้าจะไม่สามารถรักษามันได้อีก
บทที่ 49 เล่นงานจวนเจ้าเมืองยามเฉิน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่พากันแตกตื่นเมื่อทหารจำนวนมากต่างก็มาปิดล้อมโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมได้แต่ยืนหน้าซีด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับกิจการที่เขาดูแลส่วนทางด้านเหอหลันฮวานั้นกลับมีท่าทีเรียบเฉย นางรู้ดีว่าเมื่อคืนพี่ชายต่างแซ่คงไปเล่นงานบุตรชายของท่านเจ้าเมืองเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเช้านี้ จะมีทหารมาล้อมโรงเตี๊ยมได้อย่างไร“พี่ใหญ่ฟ่าน ท่านไปเล่นงานบุตรชายของท่านเจ้าเมืองมาหรือ”ท่าทีและน้ำเสียงของนางนั้นไม่มีวี่แววว่าจะโกรธ กลับเจือไปด้วยความขบขันเสียมากกว่า“ใช่แล้ว เจ้านั่นมันกล้าที่จะใช้วาจาล่วงเกินเจ้าและซินหนาน ข้าเลยตั้งใจจะสั่งสอน สตรีเป็นเพศแม่ที่ควรเคารพไม่ใช่คิดเพียงเรื่องนั้น”“พี่ใหญ่ฟ่าน ท่านอย่าบอกนะว่า...”เหอหลันฮวาคล้ายกับนึกบางอย่างได้จึงรีบเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก หวังว่าพี่ชายต่างแซ่ของนางคงไม่ทำอย่างที่นางคิดใช่ไหม“คงเป็นอย่างที่พี่สะใภ้คิดนะเจ้าคะ คุณชายใหญ่ฟ่านมาขอยาสลบจากข้าไปเมื่อคืนนี้ ข้าเองพอจะรู้แล้วว่าทำไมท่านเจ้าเมืองจึงส่งทหารมาปิดล้อมที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไว้”เว่ยซินหนานเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเช่นกั
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ
บทที่ 59 ประชิดเมืองหลวงหลังจากที่ขุนนางทั้งหมดเห็นแล้วว่าฮ่องเต้ของพวกเขานั้นปลอดภัยจึงได้แต่ปลื้มใจ จากนั้นฮ่องเต้และเหอซือเหวินต่างก็บอกแผนการฝ่ายตน และยังนัดแนะอีกว่าให้ทุกคนปิดจวนคล้ายกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดเนื่องจากไม่เกินสิบวันหลังจากนี้ ทัพเฟยหลงที่นำทัพโดยองค์รัชทายาทหวงเฟยหลงจะบุกมาประชิดเมืองหลวงเพื่อจัดการยึดอำนาจคืนและเก็บกวาดพวกกบฏเมื่อนัดแนะทุกอย่างเรียบร้อย เหอซือเหวินจึงให้คนพาใต้เท้าทั้งหมดเดินออกด้านหลังเหมือนกับตอนมา เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกสงสัย และยังบอกอีกว่าหากมีเรื่องด่วนหรือต้องการส่งข่าว ให้เข้ามาที่หอมู่ตานหรือร้านค้าสาขาต่าง ๆ โดยทำทีเป็นลูกค้ามาซื้อของ จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของบุคคลอื่นเช่นกันหลังจากที่ทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว เหอซือเหวินสนทนาอีกพักใหญ่กับฮ่องเต้ ก่อนจะแยกจากมาเพื่อส่งข่าวไปให้กับน้องเขยอย่างเว่ยเฟยหลง“พวกเจ้าเอาจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือนายท่านของพวกเจ้า เขารู้ว่าจะต้องทำเช่นไร”เหอซือเหวินแยกจดหมายเป็นสามฉบับ ต่อให้หวั่นเกรงว่าจะมีคนดักชิงจดหมายระหว่างทาง ทว่าเขาใช้น้ำยาพิเศษเขียนขึ้น ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้วิธีอ่านตัวอักษรในจดหมาย
บทที่ 58 อยู่ในเงามืดเวลานี้ครรภ์ของเหอหลันฮวาเข้าเดือนที่ห้าแล้ว ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเดินทางมาที่ชายแดน คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงเหอหลันฮวารับทราบว่าภายในเมืองหลวงแคว้นหลานเริ่มตึงเครียด เนื่องจากฝ่าบาทเกิดล้มป่วยอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเพราะเป็นแผนการของพระองค์ที่ต้องการให้ลูก ๆ เผยธาตุแท้กันออกมาทว่าเรื่องนี้นางไม่อยากรับรู้ ดั่งเช่นองค์ชายสามที่ทิ้งบรรดาศักดิ์เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มของนาง แต่มู่เสียนเฟยเมื่อทราบเรื่องยังนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะมีความกังวลหรือเป็นห่วงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตลอดระยะการเดินทาง ทุกคนยังรับรู้ข่าวสารไม่หยุดหย่อน นับวันยิ่งหนักเข้า ทางด้านองค์ชายใหญ่จับตัวคนตระกูลหยางไว้แล้วหาข้ออ้างว่าก่อกบฏ เพื่อบีบให้หยางซูเฟยและองค์ชายรองก่อกบฏจริง ๆทว่าทั้งสองไม่ได้เดินตามแผนการ แต่กลับหาหลักฐานการติดต่อสกุลกุ้ยและองค์ชายของแคว้นเว่ยไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้งสองนำหลักฐานมาได้อย่างไร มีเพียงฟ่านเทียนเผยและเหอหลันฮวาเท่านั้นครั้นจะไม่ให้น้องสาวที่กำลังตั้งครรภ์รับรู้เรื่องราวภายนอกคงไม่ได้ บางอย่าง นางมีความสามารถและความคิดมากกว่า
บทที่ 57 เตรียมทำศึกแม่ทัพหม่าได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างไม่พอใจ ทว่างานในวันนั้นไม่อาจจะผิดพลาดได้ จึงปล่อยผ่านคำกล่าวของจงลี่เฉียว“ข้ายินดีทำตามคำขอของท่าน”“รองแม่ทัพหม่ากล่าวผิดแล้ว ข้ามิได้ขอ เพียงแต่ยื่นข้อเสนอเท่านั้น หากท่านคิดว่ารับผิดชอบกับความเสียหายของข้าและหอมู่ตานได้หลังจากนั้ ข้าก็ยินดีเปิดทางให้ท่านและคนของท่านเข้ามาตรวจค้นสถานที่ของข้า”เหอซือเหวินกล่าวขึ้นมา ทว่าทั้งสองฝ่ายยังมิทันได้ทำสิ่งใด กลับมีรถม้าของจวนสกุลไช่จอดด้านหน้าเสียก่อน“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” รองเสนาบดีไช่ลงจากรถม้าแล้วกล่าวขึ้น โดยมีบุตรสาวอย่างไช่จินเย่วเดินตามมาด้วยรองแม่ทัพหม่าจึงเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ไช่เชี่ยนสงจึงมองไปทางเหอซือเหวินด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขานั้นกำลังคิดอันใดอยู่“เช่นนั้นคุณชายให้คนงานของท่านตามทหารเข้าไปด้วยก็แล้วกัน นี่เป็นการดีทั้งสองฝ่าย ข้าเพียงแต่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายสามให้ตรวจสอบและสืบหานักฆ่าที่กล้าวางยาพิษพระสนมก็เท่านั้นเอง ข้าและองค์ชายสามมิได้อยากมีปัญหากับหอมู่ตาน ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน”“เช่นนั้นพ