39
จดหมายฉบับที่ห้า
แปลกนักที่จดหมายฉบับนี้กลับมีขนาดใหญ่กว่าและอักษรละลานตาถึงเพียงนี้ เสี่ยวมั่วไม่ต้องรอให้ถูกผู้เป็นนายไล่ ส่งจดหมายเสร็จก็ออกไปด้านนอก ของที่ฮูหยินและนายท่านนำมาให้คุณหนูล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น แม้คุณหนูจะไม่อยากรับมาแต่อย่างไรเสียบิดามารดาก็ต้องนำมาให้อยู่ดี
เสี่ยวมั่วที่เป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งจึงต้องไปขนกลับมาไว้ให้ผู้เป็นนาย
โจวเจียวเจียวชะเง้อคอมองสาวใช้ตัวน้อยของตน จนแน่ใจว่านางไปแล้วจึงค่อย ๆ ไล่สายตาอ่านเนื้อความในจดหมายอย่างตั้งใจ
นางไม่รู้สึกอันใดกับมู่หลินเฟิง ทว่าแปลกนักที่สองเดือนมานี้เอาแต่รอจดหมายของเขา ทั้งที่รู้เนื้อความอยู่แล้ว นางคงไม่หลงเสน่ห์เขาเพียงเพราะอักษรงดงามและคำหวานประโยคเดียวกระมัง
ในใจเกิดความคลางแคลง กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้นางทิ้งจดหมายในมือไป ยังคงตั้งใจอ่า
40ประทานสมรสลมวสันต์พัดต้องผิวกายทำให้ร่างกายที่เคยเย็นเยียบอบอุ่นขึ้นไม่น้อยมู่หลินเฟิงเร่งการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากใช้กำลังทหารยังจ้างชาวบ้านช่วยกันอีกแรง ทำให้การก่อสร้างนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดถึงครึ่งเดือนเพราะได้ยินบางอย่างมา ใจจึงไม่อาจทนสงบได้อีกต่อไปชาวบ้านมารอต้อนรับคนในครอบครัวกลับบ้านไม่น้อย มีเพียงมู่หลินเฟิงที่ไม่มีครอบครัวมารับ แต่กลับมีสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์สีชมพูอ่อน สวมหมวกสานใบใหญ่มีผ้าโปร่งปิดบังใบหน้าเอาไว้ นางเดินตรงเข้ามาหาเขาที่ขบวนบรรเทาภัย“คุณชายมู่” ไม่ใช่เพียงแค่จำเสียงได้ เพียงเห็นรูปร่างก็รู้แล้วว่าสตรีตรงหน้าคือผู้ใด เพราะรู้ว่านางคือผู้ใดตั้งแต่แรก เขาจึงไม่ได้มุ่งไปหานาง กลับเป็นนางที่เดินเข้ามาหา“คุณหนูสือ”“อีหรานมาแสด
41เช่นนั้นท่านก็กลับไปหน้าคฤหาสน์สกุลโจวร่างสูงสง่ายืนตระหง่านอยู่หน้าประตูใหญ่ หลังเฉากงกงประกาศพระราชโองการวันต่อมามู่หลินเฟิงจึงมาถึงจวนตั้งแต่เช้า เขาต้องการพูดคุยโจวเจียวเจียวเรื่องการสมรสนี้สิ่งที่ทำให้เขาเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนจนเสร็จรวดเร็ว คือข่าวสารจากองค์ชายรอง ในจดหมายกล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำเขาร้อนรนนั่งไม่ติดเก้าอี้เสียแล้ว‘ข่าวว่าช่วงนี้ตระกูลหลินเตรียมขบวนสินสอด’ตระกูลหลินมีบุตรชายเพียงคนเดียวนั่นคือหลินซี ฉะนั้นการหมั้นหมายนี้ย่อมเป็นของหลินซี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าสาวผู้นั้นเป็นใคร มู่หลินเฟิงคิดถึงภาพที่นางและหลินซีไล่ตีกันจึงคิดว่าอย่างไรก็คงเป็นเจียวเจียว จึงเร่งจัดการงานให้เสร็จแล้วรีบกลับมายังเมืองหลวงทว่าทุกสิ่งก็ยังเหนือความหมายของเขาอยู่ดี แม้จะดีใจที่ได้ประทานสมรสกั
42ถูกจับตัวไปกระดาษใบแรกถูกเปิดอ่าน ในกระดาษมีเพียงประโยคเดียวเหมือนจดหมายตอบกลับอย่างไรอย่างนั้น อ่านจบแผ่นแรกก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทั้งที่ไม่ใช่ข้อความหวานซึ้งใดแท้ ๆ‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’ จดหมายสี่ฉบับแรกเนื้อความเหมือนกัน ข้อความสั้น ๆ ไม่ลงชื่อแต่กลับเรียกรอยยิ้มของผู้อ่านได้เป็นอย่างดีหากนางไม่คิดถึงจริง ๆ จะอุตส่าห์เขียนจดหมายตอบกลับเขาทุกฉบับหรือ แม้นางจะบอกว่าไม่คิดถึงแต่ยามที่เขียนข้อความนี้ลงไป นางย่อมต้องนึกถึงคำถามเป็นแน่แต่จดหมายฉบับสุดท้ายกลับต่างออกไป ตัวหนังสือเล็กแต่เป็นระเบียบ สะอาดตา ไม่น่าเชื่อว่าเจียวเจียวที่เกลียดการเขียนอักษรจะเขียนได้ดีเช่นนี้ ตัวอักษรตรงหน้าไม
43มีสิ่งใดจะสั่งเสียทัศนวิสัยเบื้องหน้าช่างพร่าเลือนหลังฟื้นคืนสติโจวเจียวเจียวพยายามหรี่ตาลงเล็กน้อยมองลอดรูเล็กบนผนัง กลิ่นอับบนผนังบ่งบอกว่าที่นี่เก่ามากเพียงใด ด้านในไม่มีเงาผู้คนเช่นนั้นคนชุดดำคงอยู่ด้านนอก“นางฟื้นหรือยัง” เสียงทุ้มแว่วมาจากหลังประตู โจวเจียวเจียวแสร้งเอนกายลงนอนบนพื้นไม้ผุพังทำเหมือนตนเองยังไม่ฟื้นคืนสติ ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่รู้ว่าที่แท้คนเหล่านี้ต้องการสิ่งใดจากนางแต่คนเหล่านี้เป็นคนของสืออีหรานแน่นอน เพราะบนโลกนี้คนที่เกลียดนางมีเพียงสตรีแซ่สือ อีกทั้งก่อนหน้านางยังมาพูดจาข่มโอ้อวดว่าตนกำลังจะได้แต่งกับมู่หลินเฟิง ทว่าผ่านไปเพียงคืนเดียวก็หล่นจากความฝันเสียแล้ว“นางยังไม่ฟื้น”“ฟื้นไม่ฟื้นก็ช่าง รีบจัดการเสีย ยามนี
44ท่านต้องฟื้นจวนแม่ทัพหลินมู่หลินเฟิงถูกพากลับมายังจวนตระกูลหลิน เพราะอยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งหมอของตระกูลหลินเชี่ยวชาญชำนาญบาดแผลเช่นนี้มากกว่า ร่างโชกเลือดถูกยกเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง สาวใช้สองสามคนช่วยท่านหมออยู่ภายใน ผ่านไปเกือบสองเค่อจึงยกเอาอ่างไม้ออกมา เปลี่ยนเป็นน้ำร้อนแล้วเข้าไปอีกโจวเจียวเจียวเดินวนไปวนมา ร้อนใจนักไม่รู้คนโง่ผู้นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง มีดปักคาไว้ไม่รู้ถูกส่วนสำคัญบ้างหรือไม่เหตุใดคน ๆ นั้นจึงโง่เช่นนี้ การช่วยคนต้องช่วยโดยไม่ให้ตนเองเป็นอันตรายไปด้วย นี่อันใดกันทำตนเองบาดเจ็บคาบเกี่ยวชีวิต คิดแล้วยิ่งขุ่นเคืองเป็นถึงจอหงวนสิ้นคิดนักหญิงสาวทำได้เพียงต่อว่าเขาในใจ นางต่อว่าเขาจนลืมไปกระมังว่าตนเองก็ตายเพราะช่วยผู้อื่น“ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ร่างเล็กปรี่เข้าไปถาม
45ข้ายังรออยู่ตระกูลสือที่รุ่งเรืองในอดีต ยามนี้จบสิ้นแล้วทั้งตระกูล ประตูใหญ่จวนสือที่เคยรุ่งโรจน์บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ตบเท้าเข้ามาทำความรู้จัก บัดนี้มีเพียงเศษใบไม้ปลิดปลิว เวิ้งว้างวังเวง ประตูปิดสนิทถูกแปะทับด้วยกระดาษสีแดงแผ่นยาวในตลาดมีประกาศความผิดติดไว้ให้ผู้คนรับรู้ ตระกูลสือกำเริบเสิบสาน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย สตรีสกุลสือไร้คุณธรรมบงการลอบทำร้ายผู้อื่น ต้องโทษทั้งตระกูล ยึดทรัพย์ยึดจวน ริบคืนบรรดาศักดิ์ทั้งหมดสือจินเฉิงถูกโบยห้าสิบครั้ง เนรเทศไปชายแดน สืออีหรานถูกโบยสามสิบครั้งถูกกรีดใบหน้าด้านขวาว่าไร้คุณธรรม เกรงว่าชั่วชีวิตนี้นางคงไม่อาจผูกสมัครรักผู้ใดได้อีก ส่วนมารดาของนางถูกโบยยี่สิบครั้งฐานเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรสาวไร้คุณธรรมเมื่อได้ยินเรื่องนี้โจวเจียวเจียวไม่ได้มีท่าทางยินดียินร้ายใดต่อเรื่องที่ได้ย
46ขอเพียงท่านฟื้นปลายวสันต์ลมโชยพัดผ่านกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีกันฟังราวกับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีให้ความสดชื่นไม่น้อย เพียงแต่ที่นี่คือเรือนข้างในคฤหาสน์หลังใหญ่สกุลโจว ร่างสูงโปร่งบนเตียงก็ยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิมหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมดำสนิทที่ถูกลมพัดของมู่หลินเฟิงออกจากใบหน้า“สองเดือนแล้วที่ท่านปล่อยให้ข้าพูดคุยเพียงลำพัง ยังไม่ทันได้หมั้นหมายก็ทิ้งให้ข้ากังวลเช้าเย็นเช่นนี้ คิดว่าข้ายังจะอยากแต่งกับท่านอีกหรือคุณชายมู่” บ่นไปก็เช็ดตัวเขาไป นางทำจนเคยชินไปเสียแล้ว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนนางจึงเช็ดเนื้อเช็ดตัวของเขาทั้งเช้าและเย็นเดิมทีนางคิดว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาภายในหนึ่งเดือน เพราะก่อนนี้เขาตอบสนองนางด้วยการขยับนิ้ว แต่ก็เพียงแค่ครั้งเดียว ดูเหมือนอี้ฮูหยินเองก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกันว่าบุตรชายไม่ได
47พิมดาวจวนตระกูลมู่เงียบเชียบราวกับจวนร้างแต่ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาทำให้รู้ว่าแท้จริงที่นี่มิได้ร้างผู้คน สตรีวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเตียงสีหน้าเศร้าหมองไม่น้อย นางชี้หน้าผู้เป็นสามีต่อว่าเขาแต่ตนเองกับร่ำ ๆ จะร้องไห้บุตรชายนางไปทำงานต่างเมืองสองเดือนแล้ว แม้มีจดหมายแต่ราวกับไม่มี จดหมายนั้นหาใช่บุตรชายนางเขียน หากบุตรชายนางยังอยู่ดีเหตุใดจึงไม่เขียนจดหมายมาเอง“ท่านโกหกข้า ลูกข้าอยู่ที่ใด ฮือ...” อี้ฮูหยินกล่าวไปร่ำไห้ไป จดหมายสองฉบับที่ส่งมา ลายมือแทบไม่ต่างจากบุตรชายแต่นางที่เฝ้ามองบุตรชายเติบใหญ่ มีหรือไม่สามารถจำได้ลายมือบนจดหมายถูกปลอมแปลงขึ้น แล้วเหตุใดต้องปลอมหากไม่ใช่เพราะบุตรชายนาง...“ฮูหยินเจ้าใจเย็น ๆ เสียก่อน เฟิงเอ๋อร์ยังอยู่ดี”“อยู่ดีหร
ฤกษ์ดีงานวิวาห์สองงานถูกจัดขึ้นพร้อมกัน เป็นเหตุให้เรื่องนี้ร่ำลือไปทั่วเมืองเทียนเผิง สองตระกูลขุนนางสำคัญวิวาห์บุตรสาวจากตระกูลคหบดีชื่อดัง งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงเตี้ยมมีชื่อแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของตระกูลโจวอีกเช่นกันทั้งสองไม่ได้คิดจะแต่งวันเดียวกัน แต่ฤกษ์ดีวันนี้กลับมีเพียงห้าปีครั้ง หลินซีเองก็ไม่อยากรอ มู่หลินเฟิงก็ไม่อยากรอ ยิ่งมีบุตรปีนี้จะเกื้อหนุนครอบครัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งสตรีทั้งสองยังกลัวจะไม่ได้ไปร่วมดื่มอวยพรให้อีกฝ่ายเมื่อเลือกไม่ได้จึงตกลงแต่งพร้อมกัน มู่หลินเฟิงและหลินซียังคงปะทะฝีปากกันบ่อย ๆ แต่ทุกครั้งก็ถูกว่าที่ภรรยาตำหนิจนหน้าบูดกันไปทุกทีหากงานจัดในบ้าน เจ้าสาวย่อมไม่มีหน้าที่มาต้อนรับ แต่งานวิวาห์นี้กลับจัดในโรงเตี้ยมใหญ่โต เจ้าสาวทั้งสองจึงสวมผ้าคลุมหน้าพูดคุยกับผู้มาร่วมยินดีด้วยได้ กระทั่งมีชายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งเดินเข้ามาคารวะสุรากับโจวเจียวเจียว“
ตอนพิเศษอารมณ์ดีหลังถูกสตรีในใจปฏิเสธชัดเจน หลินซีรู้สึกว่าตนเองต้องเสียใจมากเป็นแน่ ทว่าเรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น เขารู้สึกราวยกภูเขาออกจากอกเสียมากกว่า ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้างดงามราวอิสตรีเดินเอื่อยไปเรื่อย ๆ บนถนนเส้นหลักของตลาดฝั่งประจิมแม้จะมีใบหน้างดงามจนหาที่เปรียบได้ยากและเป็นที่ชื่นชอบของสตรีมากมาย แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าก่อกวนเพราะตระกูลนักรบเช่นเขาไหนเลยจะรู้จักรักหยกถนอมบุปผาได้เฉิงเชียงที่เดินอยู่ด้านหลังขยับขึ้นมากระซิบชายหนุ่มแผ่วเบา“คุณชายนั่นแม่นางจืออวิ๋นขอรับ” หว่านจืออวิ๋นเป็นสตรีที่งดงามราวเทพธิดาไม่ต่างสืออีหราน ต่างกันเพียงนางไม่ใช่บุตรสาวตระกูลขุนนาง หากแต่เป็นบุตรสาวพ่อค้ายามนี้ไร้ซึ่งเงาของสืออีหราน นางจึงเป็นที่เลื่องลือมากยิ่งขึ้น มีบรรดาบุตรชายขุนนางหลายคนมาทำความรู้จัก บางคนต้อ
47พิมดาวจวนตระกูลมู่เงียบเชียบราวกับจวนร้างแต่ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาทำให้รู้ว่าแท้จริงที่นี่มิได้ร้างผู้คน สตรีวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเตียงสีหน้าเศร้าหมองไม่น้อย นางชี้หน้าผู้เป็นสามีต่อว่าเขาแต่ตนเองกับร่ำ ๆ จะร้องไห้บุตรชายนางไปทำงานต่างเมืองสองเดือนแล้ว แม้มีจดหมายแต่ราวกับไม่มี จดหมายนั้นหาใช่บุตรชายนางเขียน หากบุตรชายนางยังอยู่ดีเหตุใดจึงไม่เขียนจดหมายมาเอง“ท่านโกหกข้า ลูกข้าอยู่ที่ใด ฮือ...” อี้ฮูหยินกล่าวไปร่ำไห้ไป จดหมายสองฉบับที่ส่งมา ลายมือแทบไม่ต่างจากบุตรชายแต่นางที่เฝ้ามองบุตรชายเติบใหญ่ มีหรือไม่สามารถจำได้ลายมือบนจดหมายถูกปลอมแปลงขึ้น แล้วเหตุใดต้องปลอมหากไม่ใช่เพราะบุตรชายนาง...“ฮูหยินเจ้าใจเย็น ๆ เสียก่อน เฟิงเอ๋อร์ยังอยู่ดี”“อยู่ดีหร
46ขอเพียงท่านฟื้นปลายวสันต์ลมโชยพัดผ่านกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีกันฟังราวกับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีให้ความสดชื่นไม่น้อย เพียงแต่ที่นี่คือเรือนข้างในคฤหาสน์หลังใหญ่สกุลโจว ร่างสูงโปร่งบนเตียงก็ยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิมหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมดำสนิทที่ถูกลมพัดของมู่หลินเฟิงออกจากใบหน้า“สองเดือนแล้วที่ท่านปล่อยให้ข้าพูดคุยเพียงลำพัง ยังไม่ทันได้หมั้นหมายก็ทิ้งให้ข้ากังวลเช้าเย็นเช่นนี้ คิดว่าข้ายังจะอยากแต่งกับท่านอีกหรือคุณชายมู่” บ่นไปก็เช็ดตัวเขาไป นางทำจนเคยชินไปเสียแล้ว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนนางจึงเช็ดเนื้อเช็ดตัวของเขาทั้งเช้าและเย็นเดิมทีนางคิดว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาภายในหนึ่งเดือน เพราะก่อนนี้เขาตอบสนองนางด้วยการขยับนิ้ว แต่ก็เพียงแค่ครั้งเดียว ดูเหมือนอี้ฮูหยินเองก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกันว่าบุตรชายไม่ได
45ข้ายังรออยู่ตระกูลสือที่รุ่งเรืองในอดีต ยามนี้จบสิ้นแล้วทั้งตระกูล ประตูใหญ่จวนสือที่เคยรุ่งโรจน์บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ตบเท้าเข้ามาทำความรู้จัก บัดนี้มีเพียงเศษใบไม้ปลิดปลิว เวิ้งว้างวังเวง ประตูปิดสนิทถูกแปะทับด้วยกระดาษสีแดงแผ่นยาวในตลาดมีประกาศความผิดติดไว้ให้ผู้คนรับรู้ ตระกูลสือกำเริบเสิบสาน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย สตรีสกุลสือไร้คุณธรรมบงการลอบทำร้ายผู้อื่น ต้องโทษทั้งตระกูล ยึดทรัพย์ยึดจวน ริบคืนบรรดาศักดิ์ทั้งหมดสือจินเฉิงถูกโบยห้าสิบครั้ง เนรเทศไปชายแดน สืออีหรานถูกโบยสามสิบครั้งถูกกรีดใบหน้าด้านขวาว่าไร้คุณธรรม เกรงว่าชั่วชีวิตนี้นางคงไม่อาจผูกสมัครรักผู้ใดได้อีก ส่วนมารดาของนางถูกโบยยี่สิบครั้งฐานเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรสาวไร้คุณธรรมเมื่อได้ยินเรื่องนี้โจวเจียวเจียวไม่ได้มีท่าทางยินดียินร้ายใดต่อเรื่องที่ได้ย
44ท่านต้องฟื้นจวนแม่ทัพหลินมู่หลินเฟิงถูกพากลับมายังจวนตระกูลหลิน เพราะอยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งหมอของตระกูลหลินเชี่ยวชาญชำนาญบาดแผลเช่นนี้มากกว่า ร่างโชกเลือดถูกยกเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง สาวใช้สองสามคนช่วยท่านหมออยู่ภายใน ผ่านไปเกือบสองเค่อจึงยกเอาอ่างไม้ออกมา เปลี่ยนเป็นน้ำร้อนแล้วเข้าไปอีกโจวเจียวเจียวเดินวนไปวนมา ร้อนใจนักไม่รู้คนโง่ผู้นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง มีดปักคาไว้ไม่รู้ถูกส่วนสำคัญบ้างหรือไม่เหตุใดคน ๆ นั้นจึงโง่เช่นนี้ การช่วยคนต้องช่วยโดยไม่ให้ตนเองเป็นอันตรายไปด้วย นี่อันใดกันทำตนเองบาดเจ็บคาบเกี่ยวชีวิต คิดแล้วยิ่งขุ่นเคืองเป็นถึงจอหงวนสิ้นคิดนักหญิงสาวทำได้เพียงต่อว่าเขาในใจ นางต่อว่าเขาจนลืมไปกระมังว่าตนเองก็ตายเพราะช่วยผู้อื่น“ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ร่างเล็กปรี่เข้าไปถาม
43มีสิ่งใดจะสั่งเสียทัศนวิสัยเบื้องหน้าช่างพร่าเลือนหลังฟื้นคืนสติโจวเจียวเจียวพยายามหรี่ตาลงเล็กน้อยมองลอดรูเล็กบนผนัง กลิ่นอับบนผนังบ่งบอกว่าที่นี่เก่ามากเพียงใด ด้านในไม่มีเงาผู้คนเช่นนั้นคนชุดดำคงอยู่ด้านนอก“นางฟื้นหรือยัง” เสียงทุ้มแว่วมาจากหลังประตู โจวเจียวเจียวแสร้งเอนกายลงนอนบนพื้นไม้ผุพังทำเหมือนตนเองยังไม่ฟื้นคืนสติ ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่รู้ว่าที่แท้คนเหล่านี้ต้องการสิ่งใดจากนางแต่คนเหล่านี้เป็นคนของสืออีหรานแน่นอน เพราะบนโลกนี้คนที่เกลียดนางมีเพียงสตรีแซ่สือ อีกทั้งก่อนหน้านางยังมาพูดจาข่มโอ้อวดว่าตนกำลังจะได้แต่งกับมู่หลินเฟิง ทว่าผ่านไปเพียงคืนเดียวก็หล่นจากความฝันเสียแล้ว“นางยังไม่ฟื้น”“ฟื้นไม่ฟื้นก็ช่าง รีบจัดการเสีย ยามนี
42ถูกจับตัวไปกระดาษใบแรกถูกเปิดอ่าน ในกระดาษมีเพียงประโยคเดียวเหมือนจดหมายตอบกลับอย่างไรอย่างนั้น อ่านจบแผ่นแรกก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทั้งที่ไม่ใช่ข้อความหวานซึ้งใดแท้ ๆ‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’‘ข้าไม่คิดถึงท่าน’ จดหมายสี่ฉบับแรกเนื้อความเหมือนกัน ข้อความสั้น ๆ ไม่ลงชื่อแต่กลับเรียกรอยยิ้มของผู้อ่านได้เป็นอย่างดีหากนางไม่คิดถึงจริง ๆ จะอุตส่าห์เขียนจดหมายตอบกลับเขาทุกฉบับหรือ แม้นางจะบอกว่าไม่คิดถึงแต่ยามที่เขียนข้อความนี้ลงไป นางย่อมต้องนึกถึงคำถามเป็นแน่แต่จดหมายฉบับสุดท้ายกลับต่างออกไป ตัวหนังสือเล็กแต่เป็นระเบียบ สะอาดตา ไม่น่าเชื่อว่าเจียวเจียวที่เกลียดการเขียนอักษรจะเขียนได้ดีเช่นนี้ ตัวอักษรตรงหน้าไม
41เช่นนั้นท่านก็กลับไปหน้าคฤหาสน์สกุลโจวร่างสูงสง่ายืนตระหง่านอยู่หน้าประตูใหญ่ หลังเฉากงกงประกาศพระราชโองการวันต่อมามู่หลินเฟิงจึงมาถึงจวนตั้งแต่เช้า เขาต้องการพูดคุยโจวเจียวเจียวเรื่องการสมรสนี้สิ่งที่ทำให้เขาเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนจนเสร็จรวดเร็ว คือข่าวสารจากองค์ชายรอง ในจดหมายกล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำเขาร้อนรนนั่งไม่ติดเก้าอี้เสียแล้ว‘ข่าวว่าช่วงนี้ตระกูลหลินเตรียมขบวนสินสอด’ตระกูลหลินมีบุตรชายเพียงคนเดียวนั่นคือหลินซี ฉะนั้นการหมั้นหมายนี้ย่อมเป็นของหลินซี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าสาวผู้นั้นเป็นใคร มู่หลินเฟิงคิดถึงภาพที่นางและหลินซีไล่ตีกันจึงคิดว่าอย่างไรก็คงเป็นเจียวเจียว จึงเร่งจัดการงานให้เสร็จแล้วรีบกลับมายังเมืองหลวงทว่าทุกสิ่งก็ยังเหนือความหมายของเขาอยู่ดี แม้จะดีใจที่ได้ประทานสมรสกั