ในขณะที่เอเดรียนกำลังปล่อยใจไปกับความคิดที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงทันใดนั้นยูลก็เดินก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้องประชุม เขาดูเปล่งปลั่งแบบคนมีสุขภาพดี ส่วนแก้มก็ดูแดงระเรื่อแบบคนมีเลือดฝาด เขามีออร่าที่ดูน่าเกรงขามเปล่งประกายอยู่รอบตัวชาร์ลีเดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับยูลทุกคนในห้องประชุมรวมทั้งเอเดรียนและโรแกนต่างก็ตกตะลึงและนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นยูลผู้มีท่าทีฮึกเหิมและดูมีสุขภาพดีเอเดรียนสบตากับโรแกนทันที ถึงแม้ว่าโดยปกติพี่น้องสองคนนี้จะไม่ค่อยได้สื่อสารอะไรกันมากนัก แต่ในเวลานี้คนทั้งสองกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน ‘เมื่อวานนี้พี่ชายคนโตของเราป่วยหนักมาก แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีถึงขนาดนี้? แค่คืนเดียวเองนะ ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ล่ะ?’นอกจากนี้สมาชิกคณะกรรมการคนอื่น ๆ ไม่ได้เห็นยูลมาเป็นเวลานาน หลังจากดูรายงานข่าวในวันนี้แล้ว พวกเขาต่างคิดว่ายูลคงอยู่ในสภาพป่วยหนักและใกล้จะตายแล้วพวกเขาถึงขั้นเตรียมใจเอาไว้แล้ว เพราะรู้สึกว่ามีโอกาสสูงมากที่ยูลจะถูกเข็นเข้ามาในห้องประชุมโดยนั่งอย
ชาร์ลีซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ยูลอดที่จะรู้สึกชื่นชมและให้ความเคารพเขาอย่างมากไม่ได้หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นคำพูดของยูลอาจดูเหมือนแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเขา แต่จริง ๆ แล้วนั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาต่อหน้าคณะกรรมการเขาจงใจพูดถึงวิธีที่เขานำพาบริษัทให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างก้าวกระโดดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ฟังผิวเผินอาจดูเหมือนเขาต้องการให้ทุกคนหวนนึกถึงอดีตและความรู้สึกเก่า ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาแค่เตือนคนกลุ่มนี้ว่า… เขาคือคนที่นำพาบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังจะเป็นผู้ที่ช่วยให้บริษัทนี้เติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วต่อไปอีกยี่สิบปีข้างหน้าด้วยถ้าคนกลุ่มนี้ต้องการกีดกันเขาและถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง พวกเขาก็จะต้องพิจารณาการพัฒนาที่แท้จริงของบริษัทในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่พวกเขาจะคิดหาคนที่สามารถทำงานได้ดีกว่ายูลซึ่งพวกเขาก็ตระหนักได้ในทันทีเดิมทีพวกเขาวางแผนจะให้การสนับสนุนเพื่อช่วยให้เอเดรียนผู้เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลโกลดิ้งได้รับเลือกให้เป็นประธานบริษัทแต่หลังจากได้ยินคำเตือนของยูลแล้ว พวกเขาก็อดที่จะทบทวนแผนใหม
เมื่อยูลพูดด้วยความรู้สึกฮึกเหิมและเต็มไปด้วยความกล้าหาญจบ คนอื่น ๆ ก็รู้สึกมั่นอกมั่นใจขึ้นมาทันที พวกเขาไม่เพียงแต่รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเท่านั้น แต่ยังมีรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนในหน้าด้วยบางคนถึงกับปรบมือให้โดยไม่ได้ตั้งใจดังนั้นคนอื่น ๆ ก็มีความรู้สึกกระตือรือร้นอย่างมากเช่นกัน แล้วพวกเขาก็เริ่มตบมือตาม ๆ กันอันที่จริง… เหตุผลที่ใคร ๆ มาเข้าร่วมกับโกลดิ้งกรุ๊ปก็เพียงเพื่อสร้างรายได้เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ต้องการมีส่วนร่วมในการตั้งแก๊งหรือกลุ่มส่วนตัว พวกเขาแค่ต้องการทำตามคำแนะนำของบุคคลที่สามารถนำพาพวกเขาไปสู่การทำเงินให้ได้มากขึ้นเท่านั้นเองในเมื่อมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับยูลและอาการเจ็บป่วยของเขาก็หายแล้ว พวกเขาจะไม่สนับสนุนยูลต่อไปได้อย่างไรล่ะ? พวกเขาจะไม่ยืนเคียงข้างเขาต่อไปได้อย่างไร? เพื่อให้เขาช่วยนำพาไปสู่การทำเงินให้ได้มากขึ้น! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำหรอกเหรอ?สีหน้าของเอเดรียนและโรแกนช่างดูน่าเกลียดเป็นอย่างมากในตอนนี้หลังจากเตรียมการมาอย่างดีและคิดวางแผนนี้มาอย่างยาวนาน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงแบบนี้น่ะเหรอ?!พวกเขาอดที่จะรู้สึกอึดอัดอย่าง
เมื่อเอเดรียนเห็นพี่ชายคนโตของเขายอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย เขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาสร้างปัญหากับยูลได้อีก เขาจึงกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ได้! เราจะรอฟังผลการตรวจร่างกายของพี่! ถ้าพี่ยังไม่หายดี ฉันก็คิดว่าพี่คงไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัทต่อไป ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพและสภาพร่างกายของพี่ ดังนั้นพี่ควรสละตำแหน่งประธานบริษัทให้กับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงได้ทำหน้าที่นี้แทน!”ชาร์ลีซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าต้องหาคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมารับรับตำแหน่งประธานบริษัท ผมก็เชื่อว่าทั้งคุณและน้องชายของคุณก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้”เอเดรียนตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “ให้ตายสิ! หยุดพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ได้แล้ว! สุขภาพฉันยังดีมาก!”“อย่างนั้นเหรอ?” ชาร์ลีทำเสียงเย้ยหยันในขณะที่พูดว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณจะต้องเป็นคนไร้สมรรถภาพไปแล้วนี่… ใช่ไหม? คุณไม่สามารถมีลูกได้แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามีสุขภาพดีมากอีกเหรอ? นั่นหมายความว่าการเป็นคนไร้สมรรถภาพนั้นไม่มีความสำคัญอะไรกับคุณเลยหรือไง?”เอเดรียนระงับความโกรธและความคับข้องใจในเรื่องที่จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นคนไร
"รู้จักตัวตนของแกก่อนเหรอ?!”ถึงแม้ว่าเอเดรียนจะขี้ขลาดเล็กน้อยเพราะเขากลัวความแข็งแกร่งของชาร์ลี แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชาร์ลี เขาก็แสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัดเขามองชาร์ลีก่อนจะพูดจาเหน็บแนมว่า “ฉันบอกแกแล้วไงว่าฉันได้สืบและตรวจสอบภูมิหลังของแกมาแล้ว แกไม่ใช่ลูกเขยกระจอก ๆ ของตระกูลวิลสันในโอลรัสฮิลล์หรอกหรือไง? แต่ถึงยังไงก็เป็นแค่ตระกูลชั้นต่ำในเมืองเล็ก ๆ อยู่ดี แล้วทำไมแกต้องมาอวดอ้างอะไรต่อหน้าฉันด้วยล่ะ?”“ถูกต้อง!” โรแกนก็ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้วย “แกต้องเข้าใจอะไรซะหน่อยนะ ถึงแม้แกจะรวบรวมตระกูลใหญ่และมีอำนาจทั้งหมดในโอลรัสฮิลล์มาเผชิญหน้ากับพวกเรา คนพวกนั้นก็ยังไม่ได้ครึ่งนึงของตระกูลโกลดิ้งหรอก!”คำพูดของโรแกนฟังดูหยิ่งผยองและเกินจริง แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว…เขาไม่ได้พูดอะไรผิดเลยโอลรัสฮิลล์เป็นเมืองเล็กมากเมื่อเทียบกับอีสต์คลิฟฟ์ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลมัวร์ซึ่งเป็นตระกูลชั้นนำในโอลรัสฮิลล์ก็มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งล้านล้านบาทเท่านั้น ยังห่างไกลกับตระกูลโกลดิ้งอยู่มากนี่คือเหตุผลว่าทำไมโรแกนถึงได้มั่นอกมั่นใจกับคำพูดที่ฟังดูเย่อหยิ่งเช่นนั้นในเวลา
ทันทีที่เขาได้ยินคำถามสุดท้ายของพี่ชายคนโต เขาก็ตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “ฉันจำเขาได้ เขานามสกุลเวด เขาเป็นคนดีที่สุดและเก่งที่สุดในตระกูลเวด…”ในขณะที่เขากำลังพูดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจในขณะที่จ้องมองชาร์ลี!ในเวลานี้คนสองคนที่ดูเหมือนจะอยู่ห่างกันยี่สิบปีก็กลายเป็นภาพซ้อนทับกันอยู่ภายในใจของเขาในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาที่เต็มไปด้วยพลังนั้น ช่างดูคล้ายกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยพลังในตอนนั้นมาก!เมื่อเขานึกถึงความจริงที่ว่านามสกุลของชาร์ลีก็คือเวดเช่นกัน เขาก็ตกใจมาก เขาตัวสั่นในขณะชี้ไปที่ชาร์ลี แล้วถามยูลด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่ใหญ่ เขา… เขา… เขาเป็นลูกชายของเคอร์ติส… ลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดจริง ๆ เหรอ?!”ลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดที่เขาเพิ่งพูดถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเคอร์ติส เวดซึ่งเป็นพ่อของชาร์ลีนั่นเอง!เคอร์ติสเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายคนโต แต่เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถและมีอำนาจมากที่สุดในตระกูลเวด ถึงแม้จะมีอายุน้อยแต่เขาก็สามารถวางแผนและวาง
ทันทีที่มีคนพูดถึงชื่ออันยิ่งใหญ่ของเคอร์ติส ชายวัยกลางคนทุกคนจากตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจในอีสต์คลิฟฟ์ก็ได้แต่ถอนหายใจนี่เป็นเพราะ… สำหรับตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านี้แล้ว ไม่มีความมั่งคั่งใดจะสำคัญไปกว่าลูกชายหลานชายที่เก่งและมีอำนาจซึ่งสามารถนำพาครอบครัวไปสู่จุดสูงสุดได้!การประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมก็เหมือนกับสนามรบ บางครั้งการไถลออกนอกทางเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่การทำลายล้างทั้งกองทัพได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะต้องเผชิญกับความพินาศไปชั่วนิรันดร์ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจจำนวนมาก ถึงต้องเผชิญกับความขึ้น ๆ ลง ๆ ในเกมการแข่งกัน มีอยู่หลายตระกูลที่ถึงกับเลือกที่จะล่าถอยออกจากสนามต่อสู้ทางประวัติศาสตร์นี้หากตระกูลต้องการความเจริญรุ่งเรือง เงินหรือทรัพย์สินที่พวกเขามีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือลูกหลานของพวกเขาสามารถผลิตทายาทที่เก่งและมีความสามารถรุ่นต่อไปได้หรือเปล่าการที่ตระกูลเวดมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในปัจจุบันนั้น คือสิ่งที่แยกไม่ออกจากรากฐานอันมั่นคงที่เคอร์ติสได้วางเอาไว้ให้กับตระกูลเวดเมื่อยี่สิบปีที่แล้วดังนั้นทุก ๆ
โรแกน… ลูกชายคนที่สามก็รีบยอมรับความผิดพลาดของเขาเช่นกัน“พี่ใหญ่ ผมก็รู้สึกแบบเดียวกับพี่รอง! ผมอยากจะขอโทษพี่! ถ้าพี่มีคำชี้แนะอะไรในอนาคตก็สั่งผมมาได้เลย! ผมจะเชื่อฟังคำสั่งของพี่โดยไม่ลังเลไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!”ยูลมีสีหน้าที่ดูตกตะลึงและอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าอันที่จริงเขาไม่ได้คาดคิดว่าน้องรองและน้องเล็กจะยอมล้มเลิกการต่อต้านอย่างรวดเร็วขนาดนี้เดิมทีเขาคิดว่าน้องชายสองคนนั้นจะต่อต้านเข้าอย่างดื้อรั้นต่อไป เขาไม่เคยคาดหวังว่าตัวตนของชาร์ลีและเคอร์ติส… พ่อของเขาจะช่วยทำให้คนพวกนั้นรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ดังนั้นชัยชนะโดยสมบูรณ์จึงเกิดขึ้นเกือบจะในทันที ตอนนี้เขาไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการกับน้องชายสองคนนั้นอย่างไร เพราะพวกเขายอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างจริงใจในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณเต็มใจยอมรับความผิดพลาด อย่างน้อยคุณก็ควรทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าคุณสำนึกผิดจริง ๆ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนนอก แต่ก็อยากจะเสนอแนะอะไรที่นี่หน่อย ทำไมพวกคุณไม่ลองฟังข้อเสนอแนะของผม แล้วดูว่าข้อเสนอแนะนี้จะเป็นไปได้หรือเปล่า?ยูลรีบพูดว่า “พูดออกมาได้เลยชาร์ลี!”ชาร์ลียิ้มก่อนจะพูดว่า “
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล