เมื่อเอเดรียนเห็นพี่ชายคนโตของเขายอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย เขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาสร้างปัญหากับยูลได้อีก เขาจึงกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ได้! เราจะรอฟังผลการตรวจร่างกายของพี่! ถ้าพี่ยังไม่หายดี ฉันก็คิดว่าพี่คงไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัทต่อไป ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพและสภาพร่างกายของพี่ ดังนั้นพี่ควรสละตำแหน่งประธานบริษัทให้กับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงได้ทำหน้าที่นี้แทน!”ชาร์ลีซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าต้องหาคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมารับรับตำแหน่งประธานบริษัท ผมก็เชื่อว่าทั้งคุณและน้องชายของคุณก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้”เอเดรียนตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “ให้ตายสิ! หยุดพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ได้แล้ว! สุขภาพฉันยังดีมาก!”“อย่างนั้นเหรอ?” ชาร์ลีทำเสียงเย้ยหยันในขณะที่พูดว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณจะต้องเป็นคนไร้สมรรถภาพไปแล้วนี่… ใช่ไหม? คุณไม่สามารถมีลูกได้แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามีสุขภาพดีมากอีกเหรอ? นั่นหมายความว่าการเป็นคนไร้สมรรถภาพนั้นไม่มีความสำคัญอะไรกับคุณเลยหรือไง?”เอเดรียนระงับความโกรธและความคับข้องใจในเรื่องที่จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นคนไร
"รู้จักตัวตนของแกก่อนเหรอ?!”ถึงแม้ว่าเอเดรียนจะขี้ขลาดเล็กน้อยเพราะเขากลัวความแข็งแกร่งของชาร์ลี แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชาร์ลี เขาก็แสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัดเขามองชาร์ลีก่อนจะพูดจาเหน็บแนมว่า “ฉันบอกแกแล้วไงว่าฉันได้สืบและตรวจสอบภูมิหลังของแกมาแล้ว แกไม่ใช่ลูกเขยกระจอก ๆ ของตระกูลวิลสันในโอลรัสฮิลล์หรอกหรือไง? แต่ถึงยังไงก็เป็นแค่ตระกูลชั้นต่ำในเมืองเล็ก ๆ อยู่ดี แล้วทำไมแกต้องมาอวดอ้างอะไรต่อหน้าฉันด้วยล่ะ?”“ถูกต้อง!” โรแกนก็ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้วย “แกต้องเข้าใจอะไรซะหน่อยนะ ถึงแม้แกจะรวบรวมตระกูลใหญ่และมีอำนาจทั้งหมดในโอลรัสฮิลล์มาเผชิญหน้ากับพวกเรา คนพวกนั้นก็ยังไม่ได้ครึ่งนึงของตระกูลโกลดิ้งหรอก!”คำพูดของโรแกนฟังดูหยิ่งผยองและเกินจริง แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว…เขาไม่ได้พูดอะไรผิดเลยโอลรัสฮิลล์เป็นเมืองเล็กมากเมื่อเทียบกับอีสต์คลิฟฟ์ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลมัวร์ซึ่งเป็นตระกูลชั้นนำในโอลรัสฮิลล์ก็มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งล้านล้านบาทเท่านั้น ยังห่างไกลกับตระกูลโกลดิ้งอยู่มากนี่คือเหตุผลว่าทำไมโรแกนถึงได้มั่นอกมั่นใจกับคำพูดที่ฟังดูเย่อหยิ่งเช่นนั้นในเวลา
ทันทีที่เขาได้ยินคำถามสุดท้ายของพี่ชายคนโต เขาก็ตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “ฉันจำเขาได้ เขานามสกุลเวด เขาเป็นคนดีที่สุดและเก่งที่สุดในตระกูลเวด…”ในขณะที่เขากำลังพูดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจในขณะที่จ้องมองชาร์ลี!ในเวลานี้คนสองคนที่ดูเหมือนจะอยู่ห่างกันยี่สิบปีก็กลายเป็นภาพซ้อนทับกันอยู่ภายในใจของเขาในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาที่เต็มไปด้วยพลังนั้น ช่างดูคล้ายกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยพลังในตอนนั้นมาก!เมื่อเขานึกถึงความจริงที่ว่านามสกุลของชาร์ลีก็คือเวดเช่นกัน เขาก็ตกใจมาก เขาตัวสั่นในขณะชี้ไปที่ชาร์ลี แล้วถามยูลด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่ใหญ่ เขา… เขา… เขาเป็นลูกชายของเคอร์ติส… ลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดจริง ๆ เหรอ?!”ลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดที่เขาเพิ่งพูดถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเคอร์ติส เวดซึ่งเป็นพ่อของชาร์ลีนั่นเอง!เคอร์ติสเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลเวดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายคนโต แต่เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถและมีอำนาจมากที่สุดในตระกูลเวด ถึงแม้จะมีอายุน้อยแต่เขาก็สามารถวางแผนและวาง
ทันทีที่มีคนพูดถึงชื่ออันยิ่งใหญ่ของเคอร์ติส ชายวัยกลางคนทุกคนจากตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจในอีสต์คลิฟฟ์ก็ได้แต่ถอนหายใจนี่เป็นเพราะ… สำหรับตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านี้แล้ว ไม่มีความมั่งคั่งใดจะสำคัญไปกว่าลูกชายหลานชายที่เก่งและมีอำนาจซึ่งสามารถนำพาครอบครัวไปสู่จุดสูงสุดได้!การประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมก็เหมือนกับสนามรบ บางครั้งการไถลออกนอกทางเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่การทำลายล้างทั้งกองทัพได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะต้องเผชิญกับความพินาศไปชั่วนิรันดร์ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจจำนวนมาก ถึงต้องเผชิญกับความขึ้น ๆ ลง ๆ ในเกมการแข่งกัน มีอยู่หลายตระกูลที่ถึงกับเลือกที่จะล่าถอยออกจากสนามต่อสู้ทางประวัติศาสตร์นี้หากตระกูลต้องการความเจริญรุ่งเรือง เงินหรือทรัพย์สินที่พวกเขามีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือลูกหลานของพวกเขาสามารถผลิตทายาทที่เก่งและมีความสามารถรุ่นต่อไปได้หรือเปล่าการที่ตระกูลเวดมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในปัจจุบันนั้น คือสิ่งที่แยกไม่ออกจากรากฐานอันมั่นคงที่เคอร์ติสได้วางเอาไว้ให้กับตระกูลเวดเมื่อยี่สิบปีที่แล้วดังนั้นทุก ๆ
โรแกน… ลูกชายคนที่สามก็รีบยอมรับความผิดพลาดของเขาเช่นกัน“พี่ใหญ่ ผมก็รู้สึกแบบเดียวกับพี่รอง! ผมอยากจะขอโทษพี่! ถ้าพี่มีคำชี้แนะอะไรในอนาคตก็สั่งผมมาได้เลย! ผมจะเชื่อฟังคำสั่งของพี่โดยไม่ลังเลไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม!”ยูลมีสีหน้าที่ดูตกตะลึงและอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าอันที่จริงเขาไม่ได้คาดคิดว่าน้องรองและน้องเล็กจะยอมล้มเลิกการต่อต้านอย่างรวดเร็วขนาดนี้เดิมทีเขาคิดว่าน้องชายสองคนนั้นจะต่อต้านเข้าอย่างดื้อรั้นต่อไป เขาไม่เคยคาดหวังว่าตัวตนของชาร์ลีและเคอร์ติส… พ่อของเขาจะช่วยทำให้คนพวกนั้นรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ดังนั้นชัยชนะโดยสมบูรณ์จึงเกิดขึ้นเกือบจะในทันที ตอนนี้เขาไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการกับน้องชายสองคนนั้นอย่างไร เพราะพวกเขายอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างจริงใจในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณเต็มใจยอมรับความผิดพลาด อย่างน้อยคุณก็ควรทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าคุณสำนึกผิดจริง ๆ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนนอก แต่ก็อยากจะเสนอแนะอะไรที่นี่หน่อย ทำไมพวกคุณไม่ลองฟังข้อเสนอแนะของผม แล้วดูว่าข้อเสนอแนะนี้จะเป็นไปได้หรือเปล่า?ยูลรีบพูดว่า “พูดออกมาได้เลยชาร์ลี!”ชาร์ลียิ้มก่อนจะพูดว่า “
จู่ ๆ ในเวลานี้เอเดรียนก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันทีคำพูดของชาร์ลีทำให้เขาเข้าใจได้ว่า เขายังคงช่วยให้พี่ชายคนโตรู้สึกเป็นศัตรูกับเขาน้อยลงมันไม่สำคัญหรอกว่า บุคคลนั้นจะมีพนักงาน หรือแผนกที่อยู่ในความดูแลภายในบริษัทมากมายขนาดไหน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง ซึ่งเป็นสิทธิ์สำหรับบุคคลนั้นเอาไว้แสดงความคิดเห็นภายในบริษัทด้วยสิทธิ์ในการออกเสียงจะมีความสอดคล้องกับจำนวนหุ้น ซึ่งเปรียบได้กับจำนวนปืนที่ประชาชนใช้ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจในบริษัทนั่นเองถ้าเขาสละสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงทั้งหมดในตอนนี้ ก็เท่ากับเขาได้สละอาวุธ และไม่มีทางที่เขาจะลุกขึ้นมาต่อต้านอะไรในอนาคตได้อย่างแน่นอนพูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากอยู่ในความควบคุมของใครเลยแต่ในขณะที่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะหลีกเลี่ยงได้จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้น่ะเหรอ?ไม่มีทางที่เขาจะไม่เห็นด้วย! เพราะท้ายที่สุดแล้ว พี่ชายคนโตของเขาก็กลับมามีสุขภาพดี แถมยังมีนายน้อยแห่งตระกูลเวดมาคอยช่วยเหลืออีก ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลีเลยตอนนี้พวกเขายังคงสมรู้ร่วมคิดกันอย่างเปิดเผยต่อหน้าเขา เพื่อให
ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาทั้งสี่คนก็ต้องใช้ชีวิตแบบขันทีต่อไปอย่างนั้นเหรอ?!แล้วเมื่อไหร่พวกเขาถึงไม่ต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ดูน่าสังเวชอย่างนี้ได้เสียทีล่ะ?!แต่ด้วยความที่ชาร์ลีพูดออกไปแล้ว จึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งอะไรไม่เช่นนั้นชาร์ลีจะไม่มีความสุข แล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถฟื้นคืนสมรรถภาพในชีวิตนี้ได้ แล้วชีวิตของพวกเขาจะไม่จบสิ้นลงหรอกเหรอ?ดังนั้นเอเดรียนจึงทำได้เพียงพูดอย่างอ่อนน้อมว่า “วางใจได้เลยครับคุณเวด พวกเราทุกคนจะทำตัวให้ดีอย่างแน่นอน!”ชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ลุกขึ้นเถอะ ถ้าคนจากฝ่ายกฎหมายเข้ามาเห็นเข้า พวกเขาจะต้องรู้สึกว่านี่เป็นอะไรที่แปลกมากแน่ ๆ”ในที่สุดพวกเขาทั้งสี่คนก็ยืนขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของเขาหลังจากนั้นชาร์ลีก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ก่อนที่ผมจะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน คุณทั้งสี่คนไม่ได้รับอนุญาตให้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กับคนอื่นแม้แต่คำเดียว ไม่งั้นผมจะไม่ให้อภัยพวกคุณแน่!”เอเดรียนรู้ว่าเขาไม่สามารถยั่วยุชาร์ลีได้ ชาร์ลีไม่เพียงเป็นนายน้อยของตระกูลเวดเท่านั้น แต่เขายังมีพี่ชายคนโตของเขาคอยสนับสนุนเขาด้วย สิ่งสำคัญมากกว่านั้นก็คื
ใบหน้าของเอเดรียนเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีที่เขาได้ยินว่า พวกเขาทุกคนต้องไปที่ห้องรับแขกกันแล้วนักข่าวส่วนใหญ่กำลังรออยู่ที่ห้องรับแขกในตอนนี้ ที่พวกเขามาที่นี่กันก็เพราะได้ข่าวว่า วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกันที่นี่ นอกจากนี้ยูลยังใช้ประโยชน์จากสื่อในการเผยแพร่ข่าวว่า พี่ชายคนโตของเขาป่วยหนัก นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมากันแต่เช้าพวกเขาต้องการมาทำข่าวใหญ่ที่จะมีการเปลี่ยนตัวประธานบริษัทโกลดิ้งกรุ๊ป ซึ่งเอเดรียนเตรียมจะใช้ประโยชน์จากความสนใจของนักข่าวและสื่อมวลชน เพื่อเพิ่มความนิยมและชื่อเสียงให้กับตัวเขาเองเดิมทีเอเดรียนวางแผนให้พวกเขารายงานเกี่ยวกับชัยชนะครั้งใหญ่ของเขา ในระหว่างที่มีการประชุมของคณะกรรมการบริหาร สื่อมวลชนสามารถประกาศข่าวว่าได้มีการเปลี่ยนตัวประธานบริษัทโกลดิ้งกรุ๊ปใหม่แล้ว และเขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานบริษัทโกลดิ้งกรุ๊ปคนต่อไปแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำขึ้นมานั้น ก็เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่ชายคนโตของเขาในท้ายที่สุดเขานึกภาพออกเลยว่า นักข่าวและสื่อมวลชนต่าง ๆ จะตัดพ้อกันขนาดไหน เมื่อพี่ชายคนโตของเขาที่ทุกคนต่างคิดว่ากำลังจะตาย กลับมาปรากฏตั