สองหนุ่มสาวแลกเปลี่ยนรสจุมพิตแสนหวานละมุนจนกระทั่งถึงเตียง ชายหนุ่มจึงวางร่างโสภาลงอย่างทะนุถนอม ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อผ้าทิ้ง และโถมกายตามมาทาบทับ“อย่าทำรอยคิสมาร์กนะคะ” เสียงหวานรีบห้ามปรามเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขบเม้มที่ซอกคอเธอเหมือนที่เขาชอบทำยามที่ทั้งสองร่วมรักกันอย่างลึกซึ้ง ภูเบศกระตุกยิ้มละลายใจ“ตรงนี้ไม่ได้ แล้วตรงนี้ล่ะ” พูดจบเขาก็ลากริมฝีปากลงมาประทับที่เนินอกสาวสล้างจนเธอสะท้านเยือก ขนลุกซู่ ยังดีที่มีบราเซียร์ห่อหุ้มมันไว้ แต่อีกไม่นานหรอก มันก็คงจะหลุดจากร่างกายตามเพื่อนๆ มันที่กระเด็นไปที่พื้นก่อนหน้า เพื่อให้ชายหนุ่มตรงหน้าลิ้มรส แล้วก็เป็นเช่นนั้น“บอสคะ ฉัน...” ความวาบหวามทำให้ลิ้นของเธอพันกันจนพูดไม่ออก ยิ่งตื่นเต้นทรวงอกก็ยิ่งสะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ แต่มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มฮึกเหิม“เราต้องไปงานเลี้ยงนะคะ”“ช่างหัวงานเลี้ยงนั่นเถอะ ตอนนี้ผมอยากกินคุณก่อน”ขาดคำ รุจารินก็ผวากายรับสัมผัสเสน่หาจากเจ้านายรูปงามที่มอบให้เธออย่างเร่าร้อนเมื่อแรกเขาเพียงว่าจะพาเธอหลบมาพักผ่อนใจหลังเกิดเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่บริษัท แต่ตอนนี้เขากลับอดใจไว้ไม่อยู่เสียแล้วเมื่อมีขนมหวานมาวางล่อตรง
“เข้าไม่ได้ครับ”“ทำไมจะเข้าไม่ได้” เสียงโวยวายลั่นทำให้คนที่เดินไปมามองมาที่ต้นเหตุเป็นตาเดียว“ยังไงก็ให้เข้าไม่ได้ครับ เชิญกลับไปดีๆ ดีกว่า” รปภ.กางแขนกันไว้ พร้อมหันไปพยักหน้าให้สัญญาณกับเพื่อนในทีม หากว่าอีกฝ่ายจะบุกฝ่าเข้ามาโดยพลการ“แต่ลูกฉันทำงานที่นี่ ไม่ให้เข้าก็ไปเรียกเธอลงมาสิ บอกว่าพ่อมีธุระสำคัญจะคุยด้วย ลูกฉันเป็นเลขาให้รองประธานบริษัทพวกแกเชียวนะ”“ลุงกลับไปดีๆ เถอะนะ พวกผมไม่อยากทำร้ายคนแก่”นายปิยะกัดฟันแน่น แต่ก็ไม่กล้าบุกฝ่าเข้าไป เพราะเกรงว่าจะถูกจับโยนออกมาอีกรอบไอ้ลูกเขยเวรนั่นมันแสบนัก ต้องโทษยัยจ๋าที่ตาถั่วไปคว้ามันมาทำผัว เสียแรงที่รวยซะเปล่า กะอีแค่เงินสิบยี่สิบล้านก็ทำงกไปได้เมื่อหมดหนทางจะใช้แผนเดิมเข้าไปในบริษัทได้อีก ชายมากวัยจึงได้แต่เดินเตร่อยู่หน้าบริษัท ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ยังไงลูกสาวเขามันก็ต้องกลับบ้าน ลงมาก็ต้องได้เจอสิน่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เขาหมดสิ้นหนทางแล้ว ในเมื่อไอ้เสี่ยนั่นมันไล่บี้เขาเรื่องหนี้สินมา หากไม่ได้เงินไปใช้หนี้ ก็ต้องเอาตัวลูกสาวคนโตไปแลก ไม่งั้นเขาและเมียคงไม่รอดมีหวังต้องเป็นเหยื่อสังเวยจระเข้ในบ่อของมันแน่
พอไปถึงที่ศาลากลางสวน หญิงสาวก็เพ่งมองไปที่บุคคลแปลกหน้าที่รออยู่ ก่อนชะงักกึกเมื่อฝ่ายนั้นหันหน้ามาให้เห็นถนัดตา“นี่! นายเองเหรอ” หญิงสาวแผดเสียง จำได้แม่นว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวกับคนที่เซ่อซ่าเดินออกมาให้รถเธอเกือบชนที่หน้าบริษัทของภูเบศวันก่อน แถมยังหน้าด้านขู่เรียกค่าทำขวัญทั้งที่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายผิดอีก“ผมเองครับคุณหนู” นายปิยะยิ้มเจ้าเล่ห์“จะเอาอะไรอีกล่ะ ก็ฉันจ่ายค่าเสียหายให้แกแล้วเมื่อวันก่อนนี่นา แล้วนี่รู้จักบ้านฉันได้ไง หรือว่า...นายจะเป็นพวกมิจฉาชีพ”“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณหนู วันนี้ผมมาดี ผมมีข่าวคู่หมั้นของคุณมาบอก”“ข่าวอะไร” หญิงสาวมองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ใจชื้นเมื่อเห็นว่ารปภ.ของบ้านยืนไม่ห่างจากแถวนั้น และพร้อมจะเข้ามาช่วยเธอหากเกิดเหตุร้ายขึ้น“ตอนนี้คุณกำลังถูกคู่หมั้นตัวเองสวมเขา คุณรู้หรือเปล่าว่าเขามีผู้หญิงอื่นนอกจากคุณ” คนพูดทำหน้าจริงจัง “และบังเอิญผมรู้ว่าผู้หญิงคนที่เขากำลังติดพันอยู่เป็นใคร”สลิลดาชะงักกึก สมองคิดถึงสิ่งที่มารดาเพิ่งบอกไปไม่กี่วันก่อน ประกอบเข้ากับสิ่งที่ชายตรงหน้าบอก มันก็มีเค้าอยู่“ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร” “แหมคุณหนู เรื่องสำคัญแบบนี้ จะให
ที่ห้องสวีทของโรงแรมหรู ภูเบศในชุดทักซิโด้หรู แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่สบอารมณ์“แม่ครับ ผมยังกลับตอนนี้ไม่ได้ครับ ผมอยู่ต่างจังหวัด คงกลับไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน” ชายหนุ่มกรอกตาไปมาเมื่อได้ยินปลายสายบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมเขาไม่ชวนสลิลดาไปด้วยถ้าเขาตั้งใจจะพารายนั้นมาด้วยแต่แรก เขาคงพามาแล้ว“แม่ครับ ผมต้องรีบไปแล้ว เท่านี้ก่อนนะครับ” เขารีบตัดบทก่อนวางสาย เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก แต่เมื่อเขาหันไปมองชายหนุ่มตะลึงงันไปชั่วขณะอย่างไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าเขาเวลานี้เป็นคนเดียวกับเลขาคนเดิมของเขาหรือเปล่านะรุจารินเห็นสายตาวาววามที่มองมาก็ทำให้ตกประหม่า ชุดราตรีของเธอสวมได้พอดีตัวราวกับถูกตัดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่ก็นั่นแหละ คนไม่เคยใส่ มันก็เลยออกจะรู้สึกแปลกๆ ไม่มั่นใจ ไหนจะเรื่องแต่งหน้าทำผมอีก ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยต้องเมคอัพและทำผมจัดเต็มขนาดนี้ เรียกว่าวันนี้เธอโดนจัดฟูลคอร์สความงามเลยทีเดียว“ทำไมคุณมองฉันแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าฉันดูน่าเกลียดไป...”“สวยมากต่างหาก” หญิงสาวชะงักคิดว่าหูฝาด นี่เจ้านายรูปงามกำลังชมเธออยู่จริงเหรอ“ฉันว่าชุดนี้มันโป๊ไปนิดนะคะ ฉันไม่ค่อยมั
“อ้าว คุณแพนทำไมไม่เห็นชวนผมบ้างเลย ลืมไปหรือเปล่าว่างานนี้ผมก็เป็นสปอนเซอร์ใหญ่นะครับ”“ไม่ลืมหรอกคะ แต่ขี้เกียจห้ามมวย แล้วนี่วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ สาวๆ ในสังกัดไปไหนหมด” ภีรดากึ่งถามกึ่งแซวอย่างสนิทสนม“ถามแบบนี้อีกคนละ ตอนนี้เลิกหมดแล้ว วันนี้ผมมาคนเดียว แต่ไม่แน่นะ คืนนี้ผมอาจจะไม่ได้กลับคนเดียวก็ได้” ฝ่ายนั้นทิ้งลูกอ้อนไปทางคู่ควงของเพื่อนรุ่นน้องอย่างภูเบศ“ไปนั่งที่โต๊ะกันเถอะครับ งานกำลังจะเริ่มแล้ว” คนที่นิ่งทนมานานเอ่ยกับหญิงสาวข้างกายด้วยเสียงเข้ม ก่อนจะพารุจารินเดินไปที่โต๊ะหน้าเวที ทิ้งให้คนเจ้าชู้ยิ้มขำ“ไปแกล้งยั่วเขาทำไมคะคุณเต้นี่ ดูสิ คุณเบสหน้าบึ้งเชียว” ภีรดาส่ายหน้ากับนิสัยขี้ยั่วขี้แกล้งของเพื่อนสามีที่เธอและรวินรุตม์เองก็เคยโดนอีกฝ่ายแกล้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่เดี๋ยวนี้รู้ทันความกะล่อนของอีกฝ่ายแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้หน้ากากหนุ่มเจ้าเสน่ห์นั่น เนื้อแท้ของตติยะไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งที่แสดงออก หากไม่ได้เขาคนนี้เธอกับสามีก็คงไม่ลงเอยกันด้วยดี แต่ก็นั่นแหละ พ่อกามเทพจอมเจ้าชู้ก็ยังชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว“โรคจิต!” คำนั้นทำให้ทั้งภีรดาและตติยะสะดุ้งหันไปมองคนพูดพร้อมกัน รวิน
“สวัสดีค่ะคุณแพนด้า แล้วก็ยินดีกับแชมป์สมัยที่ 7 ด้วยนะคะพี่ราล์ฟ วันนี้มิ้นต์ไปดูที่สนามแข่งด้วยนะคะ พี่เก่งสุดยอดไปเลยค่ะ”“ขอบคุณครับ”คนถูกชมเพียงโค้งมุมปากนิดเดียวอย่างสุภาพ รุจารินมองรวินรุตม์แล้วกลับมามองเจ้านายตัวเอง อันที่จริงสองคนนี้มีนิสัยบุคลิกบางอย่างคล้ายกันมาก ภายนอกดูเคร่งขรึม เย็นชา แต่กับคนรักอย่างภีรดายามที่เขามองเธอนั้นดูหวานฉ่ำกว่าคนอื่น “วันนี้ท่านประธานฯ ไม่มาด้วยกันเหรอคะ”“คุณพ่อกำลังตามมาค่ะ พอดีติดธุระนิดหน่อยเลยมาช้าน่ะค่ะ อ้าว! พี่เบส!” จังหวะนั้นคุณหนูแสนสวยหันมาเห็นภูเบศเข้าพอดี “สวัสดีค่ะ จำมิ้นต์ได้ไหมคะ เราเคยพบกันตอนเรียนที่อังกฤษไงคะ พี่เบสกลับมานานแล้วเหรอคะ”“ครับ” ถามซะยาว แต่เขากลับตอบคำเดียว“คือมิ้นต์เป็นรุ่นน้องเรียนที่เดียวกับพี่เบสน่ะค่ะ แล้วก็ยังสนิทกับดาด้า คู่หมั้นของพี่เบสด้วย จริงสิ แล้วนี่ดาด้าล่ะคะ ไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”รุจารินหน้าชา ใจหายวาบ รู้สึกตัวหดเล็กลงจนไม่กล้ามองหน้าใครในโต๊ะโดยเฉพาะภีรดา หากฝ่ายนั้นรู้ว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงในเงาของภูเบศ ทั้งที่เขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วฝ่ายนั้นอาจจะคิดดูแคลนเอาได้ หญิงสาวลอบมองเจ้านายของเธ
“เปล่าค่ะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”“อืม ไปเถอะ”รุจารินรีบลุกผละไป เพราะขืนอยู่ต่อเธอคงได้แสดงความอ่อนแอของจิตใจออกมาให้เขาเห็นแน่ โดยหญิงสาวหารู้ไม่ว่ามีสายตาถึงสองคู่มองตามหลังเธอไปเงียบๆหญิงสาวไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก แต่เธอเพียงไปสูดอากาศที่สวนหย่อมของโรงแรมเพื่อปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง และเมื่อเธอกลับมาที่โต๊ะก็พบว่าไม่เหลือใครนั่งอยู่ เพราะเป็นเวลาของการเปิดฟลอร์เต้นรำ ภีรดากับรวินรุตม์เต้นรำกันกลางฟลอร์อย่างโดดเด่นในฐานะพระเอกนางเอกของงานค่ำคืนนี้ และ...รุจารินกัดริมฝีปากนิดๆ เมื่อเห็นบุรุษร่างสูงสง่าในชุดทักซิโด้สีน้ำเงินเข้มกำลังโอบประคองหญิงสาวสวยน่าทะนุถนอมเต้นรำอย่างแสนจะโรแมนติกกลางฟลอร์แห่งนั้นเช่นกันเหมาะสมกันทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ หรือจะเป็นวงสังคม หากไม่มีสลิลดาแล้ว มินตราคนนี้ก็ดูคู่ควรกับเจ้านายของเธอไม่น้อยเลย‘พี่เบส คืนนี้คุณเรียกผมว่าพี่เบสเถอะ เลิกงานแล้ว ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณ แต่คืนนี้ผมขอเป็นผู้ชายของคุณ ได้ไหม’คำพูดของเขาดังแว่วมา ทำให้ดวงตาคู่งามร้อนผ่าวเมื่อสำเหนียกความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นในใจไม่ได้หรอก...ถึงอย่างไรภูเบศก็ไม
“เล็กน้อยครับ คุณแพนน่ะเต้นกับผมทีไรเหยียบเท้าหนักกว่าคุณตั้งเยอะ ผมยังชิลล์ๆ สบายมาก อย่าเกร็งครับ เอาล่ะ ดีมาก ทีนี้ก็เกาะผมไว้ดีๆ นะ...”พอขาดคำ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ก็พาหญิงสาวในชุดน้ำเงินที่แสนสวยสง่าล่องลอยไปกลางฟลอร์เต้นรำอย่างงดงาม ท่ามกลางสายตาใครบางคนมองติดตามทั้งคู่ไม่วางตา มินตรามองตามสายตาของคู่เต้นรำของตน“ดูคุณจ๋าสิคะ ไม่ยักรู้ว่าเธอเต้นรำได้ด้วย แต่คู่เต้นนี่สิคะ ดูแล้วน่าเป็นห่วงแทนคุณจ๋า ขืนใครหลงคารมเขาเข้าล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ” คนพูดแอบหน้าตึงนิดๆ ยามที่คิดถึงคารมที่เธอเองก็เคยหลงแทบหัวปักหัวปำมาก่อน “มิ้นต์ว่าพี่เบสหาทางเตือนเธอหน่อยดีกว่าค่ะ คนอย่างคุณเต้น่ะไม่น่าไว้ใจ ไม่จำเป็นอย่าเข้าใกล้ดีกว่า...” “ขอโทษนะครับคุณมิ้นต์ ผมเหนื่อยแล้วขอตัวก่อน” ภูเบศตัดบท พลางปล่อยมือจากคุณหนูสาวสวย ก่อนตรงดิ่งไปหาเป้าหมายทันที ทำเอามินตราถึงกับเหวอที่ถูกทิ้งไว้กลางอากาศ“พี่เบส เดี๋ยวสิคะ อะไรกันเนี่ย” คุณหนูคนสวยยืนงง ตามองตามคู่เต้นรำของเธออย่างไม่พอใจ“อุ๊ย!” รุจารินอุทานตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีมือใครคนหนึ่งมาจับต้นแขนเธอไว้ทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนของตติยะ“อะไรกันนายเบส...” ตติยะแกล้งถามเพื่
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท