“เล็กน้อยครับ คุณแพนน่ะเต้นกับผมทีไรเหยียบเท้าหนักกว่าคุณตั้งเยอะ ผมยังชิลล์ๆ สบายมาก อย่าเกร็งครับ เอาล่ะ ดีมาก ทีนี้ก็เกาะผมไว้ดีๆ นะ...”พอขาดคำ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ก็พาหญิงสาวในชุดน้ำเงินที่แสนสวยสง่าล่องลอยไปกลางฟลอร์เต้นรำอย่างงดงาม ท่ามกลางสายตาใครบางคนมองติดตามทั้งคู่ไม่วางตา มินตรามองตามสายตาของคู่เต้นรำของตน“ดูคุณจ๋าสิคะ ไม่ยักรู้ว่าเธอเต้นรำได้ด้วย แต่คู่เต้นนี่สิคะ ดูแล้วน่าเป็นห่วงแทนคุณจ๋า ขืนใครหลงคารมเขาเข้าล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ” คนพูดแอบหน้าตึงนิดๆ ยามที่คิดถึงคารมที่เธอเองก็เคยหลงแทบหัวปักหัวปำมาก่อน “มิ้นต์ว่าพี่เบสหาทางเตือนเธอหน่อยดีกว่าค่ะ คนอย่างคุณเต้น่ะไม่น่าไว้ใจ ไม่จำเป็นอย่าเข้าใกล้ดีกว่า...” “ขอโทษนะครับคุณมิ้นต์ ผมเหนื่อยแล้วขอตัวก่อน” ภูเบศตัดบท พลางปล่อยมือจากคุณหนูสาวสวย ก่อนตรงดิ่งไปหาเป้าหมายทันที ทำเอามินตราถึงกับเหวอที่ถูกทิ้งไว้กลางอากาศ“พี่เบส เดี๋ยวสิคะ อะไรกันเนี่ย” คุณหนูคนสวยยืนงง ตามองตามคู่เต้นรำของเธออย่างไม่พอใจ“อุ๊ย!” รุจารินอุทานตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีมือใครคนหนึ่งมาจับต้นแขนเธอไว้ทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนของตติยะ“อะไรกันนายเบส...” ตติยะแกล้งถามเพื่
“ผมบอกแล้วว่าอย่าอ่อยผู้ชายคนไหนในงานนอกจากผมเป็นอันขาด ห้ามยิ้ม และห้ามอยู่ห่างจากผม แล้วคุณไปเต้นรำกับผู้ชายคนอื่นก่อนที่จะเต้นกับผมแบบนี้ ไม่เรียกว่าผิดสัญญาแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”“ก็เรียกเหมือนที่คุณเรียกตัวเองก็ได้นี่คะ เพราะคุณเองก็ทำผิดสัญญาก่อนเหมือนกัน” เธอไม่ได้ขึ้นเสียงเพียงแค่เอ่ยเรียบๆ แต่เชือดเฉือนอารมณ์ทำให้คนฟังสะดุดในใจ เพราะเป็นเรื่องจริง“ผมขัดคุณพ่อของคุณมิ้นต์ไม่ได้ เขาขอให้ผมช่วยเป็นคู่เต้นเปิดฟลอร์ให้ลูกสาว ถ้าคุณนั่งอยู่ผมก็ยังพออ้างได้ แต่คุณไม่อยู่ตรงนั้น ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไป...”“ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้เหตุผล แล้วก็ไม่ได้ตำหนิคุณด้วย” หญิงสาวเอ่ยอย่างเย็นชา พร้อมกับดึงปลายเท้าออกจากมือของอีกฝ่ายที่กำลังช่วยนวดเฟ้น“คุณจะทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณ จะเต้นรำกับใคร หรือจะรักใครชอบใคร ฉันไม่สิทธิ์ห้ามอยู่แล้ว”ภูเบศมองคนพูดที่ทำหน้าหมางเมินได้อย่างน่าโมโห“แต่สำหรับผม คุณไม่มีสิทธิ์เต้นรำกับใคร หรือแม้แต่รักใครชอบใครถ้าผมไม่อนุญาต”“เอ๊ะ! คุณไม่มี...อุ๊บ!” คำว่าไม่มีสิทธิ์ถูกกลืนลงคอไปทันใด เมื่อริมฝีปากนุ่มถูกเรียวปากอุ่นร้อนปิดทับลงมา“โอ๊ย!” ภูเบศอุท
“เป็นไงล่ะ เห็นฝีมือกามเทพตัวพ่อหรือยังครับ” ตติยะยืดอกพลางหันไปเอ่ยกับชาวถ้ำที่มีภีรดากำลังยืนกุมมือไว้ที่อกมองภาพตรงหน้าตาปรอยดื่มด่ำกับฉากหวานโรแมนติก โดยมีสามีสุดที่รักโอบไหล่ไม่ห่าง“โรแมนติกจัง ไม่เห็นเหมือนตอนแพนกับคุณราล์ฟเลย จำได้ว่าตอนนั้นที่เรามางานฉลองแชมป์ด้วยกันครั้งแรก คุณก็ล้มใส่แพนแล้วก็แอดมิทเข้าโรงพยาบาลไปเลย แพนตกใจแทบตาย”“ก็ใครใช้ให้คุณยัดเยียดหอยให้ผมกินเยอะขนาดนั้นเล่า”“ก็แพนหวังดีอยากให้คุณหาย...นี่นา”“ขอบคุณครับที่รัก...” รวินรุตม์กดริมฝีปากที่ขมับของภรรยาสุดที่รักเบาๆ ทั้งสองไม่ได้สนใจกามเทพที่ถูกลืมข้างกาย ทำให้ตติยะกอดอกหน้าบูด ไม่เห็นความดีความชอบกันบ้างเลยเพลย์บอยหนุ่มเบือนหน้าหนีฉากสวีตของสามีภรรยาทั้งสองอย่างขัดใจ ช่างหวานไม่เกรงใจคนโสดอย่างเขาเลย แต่แล้วจังหวะนั้นเองสายตาของเขาก็หันไปพบกับอะไรบางอย่างที่พุ่มไม้ไม่ไกลจากคู่สวีตนัก แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาของคนที่อยู่มุมสูงกว่าได้เพียงเห็นเงาร่างที่หลบมุมที่สุมทุมพุ่มไม้นั่น เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ก็จำได้ มินตรานั่นเอง คิ้วเข้มถึงกับขมวดแน่นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือคุณหนูคนสวยโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่ขึ้
เอาเถอะ ในเมื่อเธอขัดขืนเขาไปก็ไม่สำเร็จอยู่ดี งั้นก็ขอเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ ระหว่างเราไว้ เผื่อในวันที่ต้องจากลาแล้วกัน“หืม...” ภูเบศทำตาโตอย่างแปลกใจ เมื่อจู่ๆ คนละเมอก็เอื้อมมือมาโอบรอบคอเขาไว้ และจูบตอบเขาอย่างเอาอกเอาใจผิดจากที่เคยยายนี่ท่าจะละเมอจริงแฮะ แต่ทำไมการละเมอของเธอทำให้หัวใจเขาแกว่งไกวเหมือนวันนั้น ที่เขาพบเธอครั้งแรกที่ผับนั่นไม่มีผิด ทว่าเธอไม่ได้เงอะงะเหมือนเมื่อครั้งแรกที่จูบกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารำคาญหรือเบื่อหน่าย ตรงกันข้ามรุจารินกลับเผยมุมน่าเอ็นดูและไร้เดียงสาออกมาผ่านรอยจูบของเธอจนทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไม่อยากปล่อยเธอไปไหนอีกเลยน่ารักชะมัด...หัวใจชายหนุ่มรู้สึกเช่นนั้น ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวอย่างว่า แต่เป็นแบบที่พิเศษกว่าที่เคย สองหนุ่มสาวแลกเปลี่ยนความรู้สึกลึกซึ้งผ่านจูบหวานๆ จนพอใจ“ผมชอบให้คุณละเมอแบบนี้จัง” รุจารินหน้าร้อนผ่าว “ละเมอแบบนี้กับผมทุกวันเลยได้ไหมเมียจ๋า”เขินจนไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้ว หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าตัวเองทันที ภูเบศมองเด็กน้อยขี้อายของเขาอย่างเอ็นดู ความรู้สึกผูกพันที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนค่อยๆ เพิ่มพูนในหัวใจมากขึ้นทุก
ภูเบศทำตามที่เขาพูดจริงๆ วันนี้ชายหนุ่มยอมตามใจพาเธอไป เล่นน้ำทะเลอย่างที่บอก แถมยังใจป้ำเป็นโชเฟอร์ขับรถพาเที่ยวตามที่ต่างๆ และเพียงแค่เธอมองอะไร จับต้องสิ่งไหนดูเป็นพิเศษ หรืออยากได้อะไร ถึงไม่ได้พูดหรือเอ่ยปากขอ ชายหนุ่มก็ซื้อให้เธอทุกอย่าง บทจะป๋าภูเบศก็เปย์จนหญิงสาวต้องคอยเบรคเพราะกลัวใจความป๋าของเขา“หิวไหมครับที่รัก” นี่ก็อีก คำว่าที่รักจากปากเขา ยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้เขิน “ข้างหน้านี่มีร้านอาหารทะเลอร่อยขึ้นชื่อมากเลยนะ จ๋าชอบทานอาหารทะเลหรือเปล่า”“ทานได้ค่ะ”“งั้นก็ไปกัน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอตรงไปที่ร้านที่ว่าทันที“อยากทานอะไรครับที่รัก”“คุณสั่งเถอะค่ะ จ๋าทานอะไรก็ได้” ภูเบศส่งยิ้มมาให้ก่อนหันไปสั่งเมนูขึ้นชื่อของทางร้านให้หลายอย่าง“สั่งไปซะเยอะ กะจะขุนจ๋าให้อ้วนเหรอคะ” รุจารินถามหลังจากที่คล้อยหลังบริกร แอบตกใจที่เขาสั่งอาหารเสียมากมายทั้งที่มากันแค่สองคน“อ้วนเหรอ ก็ดีนะ กอดอุ่นดี”“แล้วทุกทีกอดไม่อุ่นเหรอคะ” รุจารินเผลอตอกกลับอย่างลืมตัว แต่พอถามไปแล้วได้ก็อดเขินไม่ได้ภูเบศยิ้มมุมปาก พลางเอื้อมมือไปจับปลายคางหญิงสาวตรงหน้าที่วันนี้ขยันทำตัวน่ารักไม่เย็นชาเหมือนเคย“
มินตรามองรูปในกล้องมือถือที่ดูเผินๆ คือการเซลล์ฟี่ตัวเองธรรมดา แต่ทว่าหากสังเกตดีๆ จะเห็นในสิ่งที่เธอต้องการส่งสาสน์ หญิงสาวคลี่ยิ้มพลางกดเข้าโปรแกรมโซเชียลยอดฮิตเพื่ออัปรูปภาพนั้นทันทีถือว่าตอบแทนที่เขาทิ้งเธอไว้กลางฟลอร์เต้นรำจนขายหน้าเมื่อคืน เธอก็จะช่วยให้เพื่อนรักได้ตาสว่างบ้างก็แล้วกันรอเพียงไม่นานก็มีสัญญาณมือถือเข้าตามที่คาด มินตรามองชื่อที่โชว์หน้าจออย่างสมใจ“ฮัลโหลว่าไงจ๊ะดาด้า...” ส่งเสียงสดใสทัก นึกเห็นหน้าสลิลดาที่ตอนนี้คงกำลังคลั่งออก“ตอนนี้แกอยู่ไหนมิ้นต์”“พอดีฉันมางานของสโมสรพ่อที่พัทยาน่ะ แกมีอะไรเหรอ” ถามทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจ“รูปที่แกลงไอจีล่าสุดน่ะ คนที่นั่งโต๊ะด้านหลังคือพี่เบสใช่ไหม” สลิลดาถามแบบไม่อ้อมค้อมตามนิสัย “แกจำพี่เบสของฉันได้ใช่ไหม”“อืม จำได้สิ”“แล้วแกไปเจอเขาได้ยังไง แล้วเขามากับใคร ยัยผู้หญิงที่อยู่ในภาพกับเขาน่ะเป็นใคร แกรู้จักหรือเปล่า...”“เดี๋ยวๆ คุณเพื่อน ใจเย็นก่อนนะ ทีละคำถาม”“ตอนนี้แกอยู่ไหน ส่งโลเกชั่นร้านมาที เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” มินตราโคลงศีรษะในความใจร้อนของเพื่อนสาวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย มิน่าเล่า ภูเบศถึงได้หนีไปมีผู้หญิงคนใหม
มินตราตาลุกวาวกับท่าทางสวีตหวานที่บอกความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่ราวกับเป็นคู่รักกันจริงๆ หากสลิลดามาเห็นภาพนี้คงได้อกแตกตายแน่ พี่เบสนะพี่เบส เห็นขรึมๆ เอาจริงเอาจังแบบนั้น ทำไมถึงกลายเป็นพวกเดียวกับนายตติยะหน้าหม้อเพื่อนรุ่นพี่ของเขาไปได้นะหรือผู้ชายจะเป็นแบบนี้ทุกคนแล้วกว่ายัยดาด้าจะมาถึง สองคนนั่นไม่ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเหรอเนี่ย อาจเป็นความแค้นส่วนตัวที่มีต่อผู้ชายเจ้าชู้หรือไม่ก็ความเป็นห่วงเพื่อนก็ไม่รู้ ทำให้มินตราตัดสินใจปลีกตัวจากคณะที่มาด้วยแล้วตามคนทั้งสองออกจากร้านไปทันทีรุจารินจำไม่ได้แล้วว่าเคยเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมเข้าไปจนลอยละล่องในความฝัน เมื่อมีเจ้าชายใจดีเคียงข้างจับจูงมือเดินเที่ยวเล่นไปตามชายหาด คอยเอาใจทุกอย่างอยากให้เวลายาวนานออกไปไม่มีที่สิ้นสุดจัง ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนกำลังผลิบานในหัวใจที่เคยเย็นชาต่อความรักมากขึ้นทุกทีๆ จนเธอเกือบลืมหน้าที่สำคัญไปเสียแล้ว“เมื่อยหรือยัง”“ก็นิดหน่อยค่ะ คุณเมื่อยเหรอคะ”“ถ้าผมบอกว่าเมื่อย คุณจะทำยังไง” ดวงตาคมกรุ้มกริ่มทอประกายเจ้าเล่ห์“ไม่ทำยังไงค่ะ
“แล้วพ่อคุณล่ะ เขายื่นมือมาช่วยอะไรบ้างไหม”“ช่วยเหรอคะ ไม่มีหรอกค่ะ เขาเสวยสุขอยู่ในครอบครัวใหม่ที่ไม่มีพวกเรา นานจนจ๋าแทบลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ จนวันหนึ่งพวกเราพอตั้งตัวได้ เขาก็กลับมา มาขอโอกาสเพื่อมาเป็นครอบครัวกับเราอีกครั้งในวันที่เขาตกต่ำและบอกว่าถูกผู้หญิงคนนั้นขอเลิก แต่จริงๆ กลับมีสิ่งอื่นแอบแฝง...” เอ่ยถึงตรงนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาจนคนฟังรู้สึกได้“คิดอะไรอยู่หรือ...” เขาถามเสียงนุ่มแฝงความอาทรเป็นห่วง“จ๋ากำลังคิดว่า...ง่วงค่ะ” เธอเสตอบตัดบทพลางแกล้งหาวประกอบ แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ต้องร้องลั่นเมื่อเจ้าของแผ่นหลังกว้างเบนฝีเท้าจากหาดทรายทอดยาวไปที่ทะเลแทนทางเดินปกติ“นั่นคุณจะทำอะไร...กรี๊ดดดด”ซ่า...กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างของเธอก็ถูกเทลงน้ำทะเลจนเปียกมะล่อกมะแล่กเสียแล้ว ส่วนตัวการพาเธอลุยทะเลนั้นก็ยืนหัวเราะร่ามองผลงานของตนอย่างขบขัน“เปียกหมดเลย คนบ้า”“ทีนี้ยังจะง่วงอีกไหม”รุจารินเข่นเขี้ยว อาศัยทีเผลอหญิงสาวก็ฉุดข้อมือเขาดึงลงมาแช่น้ำทะเลเสียด้วยกันให้หายแค้น“ฮ่าๆ” ภูเบศมองเจ้าของเสียงหัวเราะสดใสตาเป็นประกาย รุจารินคงไม่รู้ว่าตัวเองช่างเหมาะกับรอยยิ้มสดใสมากกว่าความเย
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท