มินตรามองรูปในกล้องมือถือที่ดูเผินๆ คือการเซลล์ฟี่ตัวเองธรรมดา แต่ทว่าหากสังเกตดีๆ จะเห็นในสิ่งที่เธอต้องการส่งสาสน์ หญิงสาวคลี่ยิ้มพลางกดเข้าโปรแกรมโซเชียลยอดฮิตเพื่ออัปรูปภาพนั้นทันทีถือว่าตอบแทนที่เขาทิ้งเธอไว้กลางฟลอร์เต้นรำจนขายหน้าเมื่อคืน เธอก็จะช่วยให้เพื่อนรักได้ตาสว่างบ้างก็แล้วกันรอเพียงไม่นานก็มีสัญญาณมือถือเข้าตามที่คาด มินตรามองชื่อที่โชว์หน้าจออย่างสมใจ“ฮัลโหลว่าไงจ๊ะดาด้า...” ส่งเสียงสดใสทัก นึกเห็นหน้าสลิลดาที่ตอนนี้คงกำลังคลั่งออก“ตอนนี้แกอยู่ไหนมิ้นต์”“พอดีฉันมางานของสโมสรพ่อที่พัทยาน่ะ แกมีอะไรเหรอ” ถามทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจ“รูปที่แกลงไอจีล่าสุดน่ะ คนที่นั่งโต๊ะด้านหลังคือพี่เบสใช่ไหม” สลิลดาถามแบบไม่อ้อมค้อมตามนิสัย “แกจำพี่เบสของฉันได้ใช่ไหม”“อืม จำได้สิ”“แล้วแกไปเจอเขาได้ยังไง แล้วเขามากับใคร ยัยผู้หญิงที่อยู่ในภาพกับเขาน่ะเป็นใคร แกรู้จักหรือเปล่า...”“เดี๋ยวๆ คุณเพื่อน ใจเย็นก่อนนะ ทีละคำถาม”“ตอนนี้แกอยู่ไหน ส่งโลเกชั่นร้านมาที เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้” มินตราโคลงศีรษะในความใจร้อนของเพื่อนสาวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย มิน่าเล่า ภูเบศถึงได้หนีไปมีผู้หญิงคนใหม
มินตราตาลุกวาวกับท่าทางสวีตหวานที่บอกความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่ราวกับเป็นคู่รักกันจริงๆ หากสลิลดามาเห็นภาพนี้คงได้อกแตกตายแน่ พี่เบสนะพี่เบส เห็นขรึมๆ เอาจริงเอาจังแบบนั้น ทำไมถึงกลายเป็นพวกเดียวกับนายตติยะหน้าหม้อเพื่อนรุ่นพี่ของเขาไปได้นะหรือผู้ชายจะเป็นแบบนี้ทุกคนแล้วกว่ายัยดาด้าจะมาถึง สองคนนั่นไม่ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเหรอเนี่ย อาจเป็นความแค้นส่วนตัวที่มีต่อผู้ชายเจ้าชู้หรือไม่ก็ความเป็นห่วงเพื่อนก็ไม่รู้ ทำให้มินตราตัดสินใจปลีกตัวจากคณะที่มาด้วยแล้วตามคนทั้งสองออกจากร้านไปทันทีรุจารินจำไม่ได้แล้วว่าเคยเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมเข้าไปจนลอยละล่องในความฝัน เมื่อมีเจ้าชายใจดีเคียงข้างจับจูงมือเดินเที่ยวเล่นไปตามชายหาด คอยเอาใจทุกอย่างอยากให้เวลายาวนานออกไปไม่มีที่สิ้นสุดจัง ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนกำลังผลิบานในหัวใจที่เคยเย็นชาต่อความรักมากขึ้นทุกทีๆ จนเธอเกือบลืมหน้าที่สำคัญไปเสียแล้ว“เมื่อยหรือยัง”“ก็นิดหน่อยค่ะ คุณเมื่อยเหรอคะ”“ถ้าผมบอกว่าเมื่อย คุณจะทำยังไง” ดวงตาคมกรุ้มกริ่มทอประกายเจ้าเล่ห์“ไม่ทำยังไงค่ะ
“แล้วพ่อคุณล่ะ เขายื่นมือมาช่วยอะไรบ้างไหม”“ช่วยเหรอคะ ไม่มีหรอกค่ะ เขาเสวยสุขอยู่ในครอบครัวใหม่ที่ไม่มีพวกเรา นานจนจ๋าแทบลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ จนวันหนึ่งพวกเราพอตั้งตัวได้ เขาก็กลับมา มาขอโอกาสเพื่อมาเป็นครอบครัวกับเราอีกครั้งในวันที่เขาตกต่ำและบอกว่าถูกผู้หญิงคนนั้นขอเลิก แต่จริงๆ กลับมีสิ่งอื่นแอบแฝง...” เอ่ยถึงตรงนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาจนคนฟังรู้สึกได้“คิดอะไรอยู่หรือ...” เขาถามเสียงนุ่มแฝงความอาทรเป็นห่วง“จ๋ากำลังคิดว่า...ง่วงค่ะ” เธอเสตอบตัดบทพลางแกล้งหาวประกอบ แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ต้องร้องลั่นเมื่อเจ้าของแผ่นหลังกว้างเบนฝีเท้าจากหาดทรายทอดยาวไปที่ทะเลแทนทางเดินปกติ“นั่นคุณจะทำอะไร...กรี๊ดดดด”ซ่า...กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างของเธอก็ถูกเทลงน้ำทะเลจนเปียกมะล่อกมะแล่กเสียแล้ว ส่วนตัวการพาเธอลุยทะเลนั้นก็ยืนหัวเราะร่ามองผลงานของตนอย่างขบขัน“เปียกหมดเลย คนบ้า”“ทีนี้ยังจะง่วงอีกไหม”รุจารินเข่นเขี้ยว อาศัยทีเผลอหญิงสาวก็ฉุดข้อมือเขาดึงลงมาแช่น้ำทะเลเสียด้วยกันให้หายแค้น“ฮ่าๆ” ภูเบศมองเจ้าของเสียงหัวเราะสดใสตาเป็นประกาย รุจารินคงไม่รู้ว่าตัวเองช่างเหมาะกับรอยยิ้มสดใสมากกว่าความเย
ฉาด!เสียงนั้นร้าวลึกไปถึงก้นบึ้ง ใบหน้าเธอชาเห่อไปทั้งแถบ รู้สึกสะเทือนไปทั้งร่าง มึนงง ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวว่าตนกำลังพบเจอกับอะไร เจ้าของฝ่ามือพิฆาตก็เตรียมเงื้อมือขึ้นอีกหน“นังหน้าด้าน!”รุจารินยกมือขึ้นมาป้องหน้าตามสัญชาตญาณปกป้องตัวเอง แต่คราวนี้ภูเบศที่ได้สติก่อนรีบเข้าไปคว้ามือของว่าที่คู่หมั้นไว้และผลักให้ฝ่ายนั้นออกห่างจากเจ้าของร่างบางที่กองอยู่ที่พื้นทราย“หยุดนะ! ดาด้า!”ตบเมื่อกี้ว่าสะเทือนแล้ว แต่ชื่อที่หลุดจากปากเขาทำให้เธอยิ่งกว่าสะเทือนไปทั้งกายใจ รุจารินเงยหน้ามองผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของภูเบศแล้วอยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น ความละอายถาโถมเข้าใส่ ไม่ต้องนับสายตาหลายคู่ที่กำลังมองฉากน้ำเน่าชวนให้น่าอาย“พี่เบสมาห้ามทำไม ดาด้าจะตบสั่งสอนนังแมวขโมยหน้าด้านนี่” สลิลดาตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเกี้ยวกราด เจ็บใจตัวเองที่ประมาทน้ำหน้านังเลขาสาวของภูเบศ เห็นมันหน้าจืดๆ ไม่คิดเลยว่าจะแรดร่านแบบนี้สลิลดาเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ภูเบศที่ไม่เคยไยดีกับว่าที่คู่หมั้นอย่างเธอ แต่กับนังเลขาหน้าจืดนี่เขากลับกอดจูบมันอย่างลึกซึ้งอ่อนหวาน เธอมีอะไรด้อยไปกว่ามันเหรอนึกแล
“ไม่มีทาง ดาด้าไม่ยอม พี่คิดว่าคุณลุงคุณป้าจะยอมรับมันได้หรือไงคะ”“นั่นมันเรื่องของพี่ แต่ถึงยังไงเรื่องระหว่างเราก็เป็นไปไม่ได้ พี่จะบอกทุกคนว่าเธอเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแล้วกัน เราจะได้จบกันดีๆ เสียที แล้วสักวันเธอจะได้พบคนดีที่รักเธอจริงๆ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่พี่”สลิลดากัดฟันแน่น เขาช่างพูดได้ง่ายดายเหลือเกิน แล้วเวลาหลายปีที่ผ่านมาของเธอล่ะ ใครจะชดใช้ให้ ในเมื่อเธอไม่ได้เขา คนอื่นก็อย่าหวังเลย“เสียใจด้วยค่ะ ดาด้าจะไม่ถอนหมั้นเด็ดขาด”“ก็แล้วแต่เธอ สิ่งที่ควรพูดพี่ก็พูดหมดแล้ว แต่ถ้ายังดึงดันไม่ฟังจะมาว่าพี่ใจร้ายทีหลังไม่ได้นะ”“พี่เบส!” หญิงสาวแทบกรีดร้อง ก่อนเบนเข็มมาจ้องใบหน้าหวานที่ตอนนี้ซีดเผือดอย่างแสนแค้น ใครเลยจะคิดว่าหน้าจืดๆ แบบนี้จะกลายเป็นคู่แข่งเธอได้ แถมทำท่าว่าจะมาวินได้คนของเธอไปครองด้วย นี่มันเรื่องบ้าบออะไร“เธออย่าคิดนะว่าจะชนะฉันได้ คอยดูนะ ฉันจะทำให้เธอไม่มีที่ยืนอีกต่อไป ในเมื่อฉันไม่ได้เขาใครก็อย่าหวังว่าจะได้”อยากจะแล่นไปกระชากมารหัวใจมาตบให้หายแค้นแต่ก็ถูกภูเบศรู้ทันชิงรวบตัวไว้เสียก่อน แถมยังมีสายตาอีกหลายคู่มองมาบางคนถึงกับยกมือถือขึ้นมารอถ่ายฉากเด็ด“พี่เบสป
“ผมขอโทษนะ คุณเลยต้องมาเจ็บตัวเลย”“ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย มาขอโทษจ๋าทำไมคะ”“แล้วนี่นายเบสจะทำยังไงต่อ ผมได้ข่าวว่าฝ่ายคู่หมั้นเขาก็เอาเรื่องอยู่นะ ถ้าคุณจะดึงดัน ผมว่าอาจจะเจอหนักกว่าตบก็ได้ ศึกใหญ่เลยเชียวล่ะ”“นี่คุณกำลังให้กำลังใจหรือว่าจะขู่จ๋ากันแน่คะ” หญิงสาวถามหน้าแหย“ก็สองอย่างครับ แต่ถ้าพวกคุณจะสู้ ผมก็จะเอาใจช่วยเต็มที่เลย ติดแฮทแท็กทีมคุณจ๋าเลยยังได้” ชายหนุ่มบอกด้วยความหวังดี หญิงสาวตรงหน้ามีบางอย่างคล้ายกับภีรดา ทำให้เขารู้สึกเอ็นดู“อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นเลยค่ะ ที่จริงเรื่องอาจไม่มีอะไรก็ได้”“หืม? หมายความว่ายังไงครับ พวกคุณไม่ได้กำลังคบหาดูใจกันอยู่เหรอ” แล้วไอ้ฉากสวีตเมื่อคืนเล่า หรือเขาเข้าใจผิดไปเอง เจ้าเบสเล่นใหญ่หึงหนักขนาดนั้น มันจะเป็นอื่นไปได้ยังไง“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือฉันทำงานเป็นเลขาให้คุณภูเบศ แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ไม่แน่ว่าฉันอาจต้องหางานใหม่เร็วๆ นี้ก็เป็นได้”ก็สลิลดาประกาศชัดว่าจะทำให้เธอไม่มีที่ยืนอีกต่อไปขนาดนั้น“อืม...ถ้าอย่างนั้นคุณมาทำงานกับผมแทนไหมล่ะ เลขาผมกำลังจะลาคลอดเดือนหน้านี้แล้ว ถ้าคุณคิดจะหางานใหม่ ทำไมไม่มาทำงานกับผมล่
อันที่จริงข้อเสนอของตติยะนั้นก็น่าสนใจไม่เลวเลย ถ้าไม่ติดเรื่องที่เธอยังเป็นหนี้ภูเบศเรื่องที่เขาช่วยแม่ไว้ และภารกิจช่วยทำให้เขาถอนหมั้นสำเร็จล่ะก็ ทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้“แก้มคุณยังระบมอยู่ไหม” จู่ๆ ชายหนุ่มก็หันมาถาม หลังจากเงียบมาตั้งแต่ออกจากโรงแรมมา“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบไป ทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บระบมที่แก้มอยู่ แต่ก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นห่วง “แล้วเรื่องคุณสลิลดา คุณจะทำยังไงต่อคะ ฉันว่าเธอคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่”“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณแค่เตรียมตัวให้พร้อม หลังจากเราไปถึงกรุงเทพ ผมจะพาคุณไปพบคุณพ่อคุณแม่ของผม”“คะ” หญิงสาวหันขวับ นี่เธอหูฝาดไปอีกแล้วใช่ไหม “ปะ...ไปพบทำไมคะ”“ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้น” เขาหันมาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่จริงๆ แอบอมยิ้มในใจ “ก็ผมบอกดาด้าไปแล้วว่าคุณคือคนที่ผมจะแต่งงานด้วย ก็ต้องพาคุณไปแนะนำให้พวกท่านรู้จักก่อนสิ”“แต่คุณก็รู้ว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง นี่ไม่เท่ากับเป็นการโกหกพ่อแม่คุณเหรอคะ”เพื่อให้ได้ถอนหมั้น เขาถึงกับต้องลงทุนแสดงละครตบตาฉากใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ มันจะทุ่มทุนสร้างเกินไปหรือเปล่า“ที่จริงพ่อผมก็รู้จักคุณอยู่แล้ว ดูท่านจะเอ็นดูคุณ
“คุณกำลังนอกประเด็นแล้วค่ะ” รุจารินหน้าตึง เอ่ยเสียงเย็นชา พยายามข่มโทสะไม่ให้ลุกเป็นไฟตามเขา “คุณตติยะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”“แล้วที่ทะเลนั่นเขาพูดอะไรกับคุณ” คนถูกถามถอนหายใจแรงที่โดนกัดไม่ปล่อย ดวงตาคู่งามร้อนผ่าว“เขาเห็นฉันถูกตบหน้าบวมก็เลยสงสารมั้งคะ แล้วก็มาขอโทษที่ไม่ได้เตือนให้ระวังเรื่องคู่หมั้นคุณ”“หืม หมายความว่ายังไง”“ที่คุณสลิลดามาที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีคนส่งข่าวไปบอกเธอ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมคะว่าใคร”“คุณมิ้นต์!”“ค่ะ เธอคงโกรธแทนเพื่อน ก็เลยไปบอกคุณสลิลดาให้ตามมาที่นี่”คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าชายหนุ่มที่แอบหลุบตาลงนิดๆ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ยกเว้นตอนที่สลิลดาเข้ามาทำร้ายเลขาของเขา ซึ่งยอมรับว่าเขาประมาทเกินไปจนทำให้เธอต้องเจ็บตัว ภูเบศมองรอยแดงจางๆ ที่ประดับบนแก้มนวลใสอย่างรู้สึกผิด“เรื่องนั้นเป็นความผิดผมเองที่ประมาทเกินไป ขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บตัว” เขาเอื้อมมือมาไล้ที่แก้มใสเบาๆ“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันเองก็ผิดที่ไม่ระวังตัว คุณออกรถเถอะค่ะ นี่ก็เย็นมากแล้วฉันเป็นห่วงแม่ ป่านนี้ท่านคงรอฉันอยู่” หญิงสาวตัดบท กลัวใจตัวเองจ
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท