เป็นการพบกันครึ่งทางตามสไตล์นักธุรกิจของคุณอาทิตย์ที่คนเป็นลูกชายไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็ถือว่าพ่อของเขายอมถอยให้มากแล้ว“ตกลงครับพ่อ”“ดี” สองพ่อลูกสบตากันอย่างเข้าใจ โดยมีผู้เป็นแม่ที่แม้จะขัดใจ ทว่าก็ยอมรับการตัดสินใจของลูกและสามีไปโดยปริยายแต่ก็ไม่วายฟึดฟัด“คุณก็อีกคน ผมอยากให้คุณเปิดใจให้โอกาสทั้งลูกเราและผู้หญิงที่ลูกรักด้วย นี่เป็นชีวิตของเขา เราเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ควรบังคับจิตใจลูก”“ก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณกับลูกก็แล้วกัน” แม้จะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่คุณมัศยาก็ต้องยอมแพ้ต่อเสียงส่วนใหญ่“ขอบคุณนะครับแม่ที่เข้าใจผม” ภูเบศกอดเอวมารดาพลางหอมแก้มอย่างเอาใจ เป็นภาพครอบครัวอบอุ่นที่แสนจะขัดตาใครบางคนที่เพิ่งเดินผ่านห้องนั่งเล่นแห่งนั้นเข้ามาเหลือเกิน“สวัสดีครับทุกคน คุยอะไรกันกันอยู่ครับ ท่าทางสนุกเชียว”“อ้าว ตาอาร์ต เพิ่งกลับจากที่ทำงานเหรอลูก” เป็นคุณมัศยาที่หันไปทักทายบุตรชายบุญธรรม“ครับแม่ วันนี้งานยุ่งมากแถมมีประชุมในแผนกอีก ผมเลยกลับช้าไปหน่อย ไม่ทันทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่เลย” อติกรส่งยิ้มประจบให้มารดาบุญธรรม ก่อนหันไปทางน้องชาย“ไงนายเบส ได้ข่าวว่าวันนี้นายลาป่วยเหรอ พี่ยังเป็นห่ว
รุจารินมองนาฬิกาที่ผนังซึ่งบ่งบอกเวลาเกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว แต่ทว่าเจ้าของห้องหรูที่เธอมาอาศัยอยู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับ หญิงสาวมองห้องกว้างขวางที่ตอนนี้มีเธออยู่เพียงคนเดียวอย่างวังเวงใจ ถ้าเลือกได้เธออยากกลับไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่มีแม่และเธออยู่มากกว่า ถึงที่นั่นจะเล็กและแคบกว่าหลายเท่าแต่อย่างน้อยก็ไม่เหงาอ้างว้างแบบนี้หญิงสาวนั่งกอดเข่ามองไปนอกระเบียงที่เห็นวิวตึกระฟ้าหรูๆ รายล้อม นึกสงสัยว่าป่านนี้เขาคนนั้นจะอยู่ที่ใดกันนะ อาจจะไปหาความสุขกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ที่ไหนสักที่หรือเปล่าบ้าจริง! จะไปหาความสุขที่ไหนก็เรื่องของเขาสิน่า เราไปเกี่ยวอะไรด้วย ตอนนี้รอเพียงทำหน้าที่สำเร็จ และรอให้แม่อาการดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลได้ ชีวิตเธอก็จะเป็นอิสระเสียที หญิงสาวฟุบหน้ากับหัวเข่าตัวเอง และเผลอหลับไปในท่านั้นแกร๊ก!เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงใหญ่ที่กลับมา ปกติเมื่อเขากลับมาทั้งห้องก็จะปิดไฟมืดมิด หากทว่าวันนี้มีแสงไฟสว่างตรงทางเดินเปิดรอรับ ราวกับเป็นห่วงกลัวว่าเขากลับมาจะมองไม่เห็น ภูเบศเผลอยิ้ม เมื่อนึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องชุดสุดหรูนี้เพียงคนเดียวดึกแล้วตอนนี้เธอคงจะนอ
“อา...ชื่นใจจังเมียจ๋า”รุจารินฟังแล้วอยากจะชักดิ้นชักงอให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งโกรธทั้งเขินจนวางหน้าไม่ถูกแล้ว จะลุกก็ไม่ได้ จะให้นอนในอ้อมแขนเขาต่อก็รู้สึก ใจมันเริ่มสั่นๆ ขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าสั่นสู้หรือสั่นถอยทำไงดีนะ ถึงจะเอาตัวรอดจากคนตัวร้ายได้“คุณหิวไหมคะ ทานอะไรมาหรือยัง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ แต่ไม่พูดอะไรออกมา“คะ...คือจ๋าทำอาหารไว้ให้ ถ้าคุณหิว เดี๋ยวจ๋าไปอุ่นให้ทานดีไหมคะ หรือว่าอยากดื่มกาแฟ...”“นี่เมียจ๋า ขืนผมดื่มกาแฟตอนนี้ สงสัยคืนนี้คุณคงไม่ต้องนอนกันพอดี คงได้สว่างคาตาแน่ เอ...แต่มานึกดูอีกทีก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” ดวงตาคมกรุ้มกริ่มมองมาวาบ! แก้มนวลใสสุกเป็นลูกตำลึงทันที“คุณช่วยปล่อยจ๋าก่อนได้ไหมคะ” คนจนตรอกแสร้งทำจมูกฟุดฟิดๆ “เหม็นกลิ่นเหงื่อจัง ไปอาบน้ำสักหน่อยดีไหมคะ จะได้สบายตัว”รู้ดีว่ากำลังปดคำโต นอกจากเนื้อตัวเขาจะไม่มีกลิ่นเหงื่อแล้ว กลิ่นกายของภูเบศยังหอมยั่วยวนชวนใจละลายอีกด้วย“อืม ก็ไม่เลวนะ ถ้าคุณจะไปช่วยถูหลังให้...” ดวงตาคมวิบวับมองสบตาอย่างเจ้าเล่ห์ วงแขนล่ำสันกอดกระชับเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอไว้ อกแน่นบดเบียดกับทรวงอกหยุ่นตึงปลุกความปรารถนาในตัวเขาให้
‘จ๋าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เตรียมชุดทำงานของคุณ และอาหารเช้าไว้ให้แล้ว วันนี้คุณมีประชุมกับหัวหน้าแผนกตอนสิบโมงนะคะ’หน้าที่เลขาเธอน่ะทำได้ดีไม่บกพร่อง แต่หน้าที่ ‘เมียจ๋า’ นั้นยังต้องปรับปรุงอีกมาก โดยเฉพาะการที่ชอบทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้ ควรต้องโดนลงโทษสถานใดดีนะไว้เจอตัวก่อนเถอะ จะจูบสั่งสอนให้ปากเจ่อเลย คอยดู พูดแล้วก็ยิ่งมันเขี้ยว ร่างสูงสลัดผ้าห่มออกก่อนลุกไปจัดการตัวเองชุดทำงานสีน้ำเงินเข้มเนี้ยบเข้าคู่กับเนคไทสีเรียบแต่ดูมีดีเทลเล็กๆ ที่เธอจัดการผูกไว้ให้เสร็จสรรพ เหลือแค่คล้องคอจัดระเบียบให้เรียบร้อย ภูเบศมองกระจกอย่างพอใจพอเดินไปทางห้องครัวก็ได้กลิ่นหอมของข้าวต้มทรงเครื่องลอยมาแตะจมูก แถมยังมีไข่ลวกและกาแฟดำที่ยังมีควันร้อนลอยกรุ่น เธอคงออกไปได้ไม่นานเท่าไหร่สินะ อันที่จริงเขาไม่ค่อยกินอะไรตอนเช้าๆ นอกจากกาแฟดำแก้วหนึ่ง อาจจะแถมขนมปังปิ้งหรือครัวซองก์อีกนิดก็อยู่ท้องได้ทั้งวันแต่ข้าวต้มนั้นก็ดูน่าอร่อยไม่เลวเลย เดี๋ยวคนทำจะเสียใจ ชิมเสียหน่อยก็ได้เพียงเข้าปากคำแรก ชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจ เพราะข้าวต้มชามนั้นอร่อยมาก ว่าจะชิมนิดเดียวไปๆ มาๆ ก็เลยซัดเสียเกลี้ยง ดูท่าแม่เล
“มีก็แต่อะไรเหรอคะพี่หวาน”“ก็คู่หมั้นของคุณเจ้านายน้องจ๋าน่ะสิจ๊ะ”คำนั้นทำให้รุจารินหน้า และอึ้งไปชั่วขณะ“สองสามวันนี้ ‘คุณสลิลดา’ คู่หมั้นของคุณเบสแวะมาที่นี่เกือบทุกวันเลย พอไม่เจอก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับไป”วรรณิภามองสีหน้าเจื่อนๆ ของเลขารุ่นน้องอย่างเห็นใจ“น้องจ๋าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกันนะจ๊ะ ถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าไปมีเรื่องกับเธอ จะเดือดร้อนเอา ถึงยังไงพวกเราก็เป็นแค่พนักงานในบริษัทคนหนึ่ง แต่รายนั้นเขาจะมาเป็นภรรยาเจ้านายของเราในอนาคตนะ”“ค่ะพี่หวาน จ๋าจะพยายามระวังตัวให้มากค่ะ”ตอบไปแล้วก็มานึกหวั่นใจ ในเมื่อภารกิจลับของเธอคือการทำให้คู่หมั้นของภูเบศยอมถอนหมั้นให้ได้ แต่การเผชิญหน้ากับฝ่ายนั้นโดยที่มีชะนักติดหลังอันบะเริ่มแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก“รีบจัดเตรียมเอกสารการประชุมต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะจ๊ะ” รุจารินยิ้มให้เพื่อนรุ่นพี่ พลางครุ่นคิดหนักใจเธอควรรับมือกับเรื่องนี้ยังไงดี ดูจากคราวก่อน คู่หมั้นของภูเบศท่าทางจะโมโหร้ายและเอาเรื่องไม่น้อย ถ้ารู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไรกับคู่หมั้นตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นคงไม่เอาเธอไว้แน่โอ๊ย ถ้าเลือกได้เธออยากหนีไปให้ไกลๆ จ
เธอต้องรีบเตือนเขาให้รู้ว่าตอนนี้คู่หมั้นของเขาบุกมาถึงออฟฟิศแล้ว อยากจะตำหนิที่เขาไม่ยอมบอกก่อนว่าสลิลดาจะมาทำงานที่นี่ด้วย แต่ทว่าจนแล้วจนรอดฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมรับสาย“ตาบ้า สงสัยยังไม่ตื่นสิท่า เฮ้อ...เอาไงดีล่ะทีนี้”หญิงสาวมองออกไปที่แขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างรออย่างหนักใจ อันที่จริงสลิลดาก็ออกจะสวยบุคลิกท่าทางก็ดูดีไม่เลว ฐานะชาติตระกูลอะไรก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้านายของเธอเลยแต่ทำไมนะ เขาถึงอยากจะถอนหมั้นกับเธอผู้นั้น หรือจะเป็นเรื่องนิสัย ดูก็รู้ว่าเจ้าหล่อนน่าจะเอาแต่ใจพอดูตามประสาลูกคุณหนู การตั้งตนเป็นศัตรูของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เรื่องฉลาดเอาเสียเลย แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงให้อีกฝ่ายยอมถอนหมั้นกับภูเบศได้ล่ะแล้วนี่ยิ่งต้องมาทำงานด้วยกันล่ะก็ อาจมีหวังโดนถล่มเล่นงานย่อยยับแน่ จะใครล่ะ ก็เธอนี่ไงหนังหน้าไฟที่ต้องพังคนแรก“อยู่ไหนนะคุณภูเบศ รับสายสักทีสิ หายไปไหนของเขาเนี่ย”เฮ้อ...ขอถอนตัวยกเลิกสัญญาตอนนี้ได้ไหมนะ“นี่พวกเธอรู้ไหมว่าวันนี้ใครมาหาท่านรองฯ สุดหล่อแต่เช้า” เสียงเม้าท์ของพนักงานหญิงคนหนึ่งลอยลมมาเข้าหูชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในล็อบบี้ของบริษัทฯ ทำให้เขาชะงักกึ
“นี่มันกาแฟบ้าอะไรเนี่ย ถึงได้ขมปี๋แบบนี้ เธอคิดจะแกล้งฉันใช่ไหม”เสียงเอะอะโวยวายลอยมาเข้าหูท่านรองประธานหนุ่มที่เพิ่งเดินมาหยุดตรงประตูทำให้ต้องชะงักฝีเท้า ภูเบศขมวดคิ้วเข้าหากันทันที แน่นอนว่าเขาจำเสียงนั้นได้แม่นยำ“แบล็กคอฟฟี่ค่ะ ก็คุณบอกเองว่าจะรับกาแฟรสชาติเหมือนกับท่านรองฯ” รุจารินอธิบายอย่างใจเย็น “ปกติท่านจะดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลแบบนี้แหละค่ะ”“แล้วทำไมเธอไม่รู้จักบอกฉันก่อน” สลิลดาฟาดหัวฟาดหางอย่างเสียหน้า ก็ใครจะรู้ว่าคู่หมั้นหนุ่มชอบกาแฟขมปี๋แบบนี้ ขืนดื่มหมดแก้วสงสัยจะตาค้างไปสามวันสามคืน บ้าที่สุด“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้าใจผิด ฉันคิดว่าคุณเป็นคู่หมั้นของท่านรองฯ ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าท่านชอบหรือไม่ชอบอะไร เห็นว่าน่าจะรู้จักรู้ใจชอบอะไรเหมือนกัน เลยไม่ได้บอกค่ะ”“นี่เธอ!” สลิลดารู้สึกหน้าชาแปลกๆ ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้จะหาเรื่อง สีหน้าเวลาพูดดูนิ่งๆ ซื่อๆ ตาใสเหมือนไม่ได้จงใจประชดอะไร หรือว่าจะเสแสร้งถ้าเป็นการเสแสร้งจริงละก็ ต้องนับว่าแม่เลขาสาวตรงหน้าเนียนใช่ย่อยเลยภูเบศกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่เลวแฮะ นึกว่าจะกลัวจนหงอ แต่ยัยนั่นกลับคุมสถานการณ์ได้ดีแถมแอบตอกกลับไปเบาๆ
“คุณรออะไร ผมต้องเข้าประชุมในอีกครึ่งชั่วโมงนี้นะ รีบจัดการเรื่องที่สั่งให้เรียบร้อย อ้อ เสร็จแล้วก็ช่วยเอาเอกสารที่ต้องเข้าประชุมมาให้ผมในห้องด้วย ผมให้เวลาคุณจัดการทุกอย่างภายใน...สิบนาทีแล้วกัน”ว่าแล้วคุณเจ้านายตัวร้ายก็เดินฉับๆ เข้าห้องทำงานไปโดยไม่สนผู้หญิงทั้งสองคนที่ยืนอึ้งรุจารินแอบเหลือบตามองลูกระเบิดเวลาที่ถูกทิ้งขว้างข้างๆ ตัวแล้วนึกปวดหัวหนึบๆ เธอไม่มีทางเลือกต้องรีบโทรหาฝ่ายบุคคลให้มาจัดการกับคุณผู้ช่วยเลขากิตติมศักดิ์คนใหม่ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะของขึ้นแล้วพังออฟฟิศระบายโทสะรอเพียงไม่ถึงห้านาที คนของฝ่ายบุคคลก็ตาลีตาเหลือกมารับตัวพนักงานกิตติมศักดิ์ไปจัดการให้ แม้ไม่พอใจแต่สลิลดาก็ไม่ได้อาละวาดอย่างที่คิด ทำให้เลขาสาวโล่งใจไปเปราะ จะเหลือก็แต่ตัวการใหญ่ในห้องทำงานนั่นรุจารินลอบทอดถอนลมหายใจเบาๆ ก่อนคว้าเอกสารที่จะใช้เข้าประชุมเดินเข้าไปในห้องคุณเจ้านายตัวร้าย“ฝ่ายบุคคลก็มารับตัวคู่หมั้นคุณ เอ่อ...คุณสลิลดาไปจัดการแล้วค่ะ ส่วนนี่เอกสารสำหรับที่จะใช้ประชุมวันนี้ค่ะ”“อืม เอามาสิ” หญิงสาวรีบนำเอกสารไปวางให้ที่โต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะหันหลังเตรียมออกไป“เดี๋ยวก่อน!” ร่างระหง
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท