งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ เหล่าบรรดาขุนนางต่างพากันทยอยขึ้นมอบของกำนัลให้กับองค์ฮ่องเต้ไม่ขาดสาย หรือหากใครเบื่อที่จะนั่งดูการแสดงของเหล่านางรำ ก็สามารถไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ได้จึงทำให้ที่สวนดอกไม้เต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่พากันมาเดินชมดูดอกไม้นานาพรรณเหล่านั้น ตัวเฟิ่งอวี่เหิงกับกู่ม่านชิงเองก็เช่นกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินชมสวนอยู่นั้น กู่ม่านชิงก็ได้เอ่ยถามสิ่งที่ตนสงสัยกับสตรีข้างกาย"เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยนะว่าเหตุใดถึงได้ใช่ชุดคล้ายคลึงกับท่านพี่ ข้าว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกใช่หรือไม่ เพราะทั้งสีและลวดลายนั้นเหมือนกันนัก"กู่ม่านชิงจ้องมองตาเฟิ่งอวี่เหิงอย่างจับผิด เพราะยังไงตนก็มั่นใจไปเจ็ดส่วนแล้วว่าเป็นแผนการของพี่ชายตน"ก็ได้ ๆ ข้าบอกก็ได้"นางนั้นแพ้สายตาของกู่ม่านชิงอยู่แล้ว ถึงจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบหรือเฉไฉไปเรื่องอื่น แต่คนอย่างกู่ม่านชิงนั้นมีหรือจะยอมถ้าไม่ได้คำตอบตามที่ตนต้องการ"ท่านพี่จิ้นอันมอบชุดนี้บอกว่าเป็นของขวัญให้ข้า""ของขวัญ?"คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยทันที ท่านพี่มอบของขวัญให้กับเฟิ่งอวี่เหิงเนื่องในโอกาสอะไรอีกเห็นหน้าตาใสซื่อเหมือนไม่รู้เร
หลังจากที่ได้พูดคุยกับอี้หลิงฟาง สัญชาตญาณของกู่จิ้นอันรับรู้ได้ว่าอี้หลิงฟางนั้นคิดสิ่งไม่ดีอยู่ ตนจึงได้เอ่ยเตือนนางไปแม้ไม่รู้ว่าอี้หลิงฟางกำลังทำสิ่งใด แต่ตนก็ได้เอ่ยเตือนไปแล้ว หากนาง ไม่สนใจคำเตือนของเขา เกรงว่าแม้แต่หนิงอ๋องก็คงช่วยไม่ได้ในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องของอี้หลิงฟางอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสตรีสองนางที่กำลังพากันเดินมาบริเวณที่เขายืนอยู่“ไปไหนกันมารึ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“ไปเดินเล่นมาเจ้าค่ะ” เป็นกู่ม่านชิงตอบพี่ชายตนเองกู่ม่านชิงสังเกตดูหนุ่มสาวสองคนที่กำลังยิ้มให้กัน พลันนึกสนุกอยากแกล้งสหายตนเอง“ทั้งสองคนยังไม่บอกข้าเลยนะ ว่าเหตุใดถึงได้ใส่ชุดที่คล้ายคลึงกันนัก""นี่!!"เฟิ่งอวี่เหิงหน้าถึงกับแดงด้วยความเขินอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปแทรกไว้ที่ไหนแล้ว เพราะสหายของตนพูดจาหยอกล้อไม่หยุด หันไปมองตัวต้นเหตุก็ทำสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ช่างน่าขัดใจนัก!กู่ม่านชิงมองสองคนสลับไปมาก็ยิ้มให้อย่างพอใจ ทว่ากู่ม่านชิงนึกแผนการอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยปากพูดกับสหายของตนทันที"ข้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ท่านพี่ ข้าฝากเหิงเหิงของเราด้วยนะเจ้าคะ ข้าไปก่อนนะ"กู่
ในขณะฟู่เฟยเทียนที่กำลังเดินเล่นอยู่บริเวณสวนดอกไม้ของวังหลวงอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของบุรุษกับสตรีผู้คู่หนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอยู่"คุณหนูกู่ ท่านกำลังจะไปไหนรึ?"ฟู่เฟยเทียนยินชื่อที่คุ้นเคยก็หูผึ่งทันที เขารีบไปแอบที่หลังต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อไม่ให้คนพวกนั้นเห็นแม้จะไม่เข้าใจในการกระทำของตนเองว่าจะหลบซ่อนไปทำไมกัน แต่ก็ยังคงยืนหลบอยู่ที่หลังต้นไม้เพื่อฟังสองคนนั้นคุยกันไม่ไปไหน"คุณชายโจวมีอะไรหรือเจ้าคะ?"กู่ม่านชิงเห็นบุรุษที่พอจะรู้จักกัน เพราะเคยคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่นางยังคงรักษาระยะห่างระหว่างบุรุษและสตรี"ท่านสบายดีหรือไม่?""สบายดีเจ้าค่ะ คุณชายมีเรื่องกับพูดกับข้าแค่นี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ ถ้างั้นข้าขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะเหิงเหิงรอข้าอยู่""เดี๋ยวก่อน"โจวฉินเหยาแทบจะรั้งคนตรงหน้าไว้ไม่ทัน กว่าจะหาโอกาสได้พูดคุยกับนางตามลำพังนั้นยากนักกู่ม่านชิงเองก็ไม่อยากเสียมารยาทมากเกินไป นางหันกลับมาทำตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัยว่ารั้งตนไว้ทำไมแต่บุรุษที่รั้งนางนั้นมองต่างไป เพราะท่าทางที่นางทำมันช่างดูน่าเอ็นดูนัก ไม่เว้นแต่บุรุษที่แอบอยู่หลังต้นไม้ก็รู้สึกเอ็นดูกู่ม่านชิงเช่นเดียวกัน"ไม่
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตามหาเฟิ่งอวี่เหิงอยู่นั้น ก็ได้มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาถาม เพราะความสังเกตได้ถึงความผิดปกติกับท่าทางของกู่ม่านชิง"เกิดเหตุอะไรขึ้น?" น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย"เหิงเหิงหายตัวไปเพคะ""ว่าอย่างไรนะ!!"ได้ยินว่าเฟิ่งอวี่เหิงหายตัวไป ฟู่เฟยเทียนเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน"แล้วนี่ จิ้นอันว่าอย่างไรบ้าง?""ท่านพี่ให้องครักษ์ตามหาแล้วเพคะ"ฟู่เฟยเทียนพยักหน้าให้กับคำบอกเล่าบอกกู่ม่านชิง เพราะตอนนี้กู่จิ้นอันยังมีสีหน้าที่นิ่งเฉยอยู่ แต่คนที่รู้จักกู่จิ้นอันดีจะรู้ว่าสีหน้าเช่นนี้คือกู่จิ้นอันกำลังระงับความโกรธของตัวเองเพื่อไม่ระเบิดออกมาฟู่เฟยเทียนยกมือสะบัดไปมาก็ปรากฏองครักษ์เงาสามคนที่คอยคุ้มกันตนอยู่ เขาออกคำสั่งให้องครักษ์เงาช่วยกู่จิ้นอันตามหาเฟิ่งอวี่เหิงอีกแรง"ตามหาคุณหนูเฟิ่ง"เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วองครักษ์เงาก็เร้นกายหายไปทำตามคำสั่งทันทีทางด้านเฟิ่งอวี่เหิงเฟิ่งอวี่เหิงเดินตามนางกำนัลมาเรื่อย ๆ จนถึงเรือนหนึ่งคล้ายเป็นเรือนรับรองของวัง"ชิงเอ๋อร์อยู่ในนั้นรึ?" เฟิ่งอวี่เหิงเอ่ยถามนางกำนัลที่เดินมาด้วยกัน“เจ้าค่ะ เชิญคุณหนูเฟิ่งเข้าไปหาคุณหนูกู่ด้านในน
เฟิ่งอวี่เหิงทั้งทุบทั้งตะโกน เพื่อหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยินเสียงของนาง ทว่าไร้วี่แวว..."คุณหนูเฟิ่งข้าว่าพวกเรามาสนุกกันดีกว่า"เสียงของบุรุษดังขึ้นจากข้างหลัง เฟิ่งอวี่เหิงที่พยายามเปิดประตูถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ"เสวี่ยหลิง?"ในใจของเฟิ่งอวี่เหิงตอนนี้รู้สึกแค้นมากกว่ากลัว อี้หลิงฟางช่างเลือกสามีให้ได้ดีนัก ในเมืองหลวงมีใครบ้างจะไม่รู้จักเสวี่ยหลิง บุรุษเสเพล ชอบเล่นการพนัน และยังมักมากในกาม เข้าออกหอนางโลมเสมือนเป็นจวนตน อีกทั้งในจวนก็มากไปด้วยสาวใช้อุ่นเตียงและอนุมากมาย"โอ้ว... ข้ารู้สึกดีใจนักที่ท่านรู้จักคนที่กำลังเป็นสามีของท่านในไม่ช้า แต่จะดีกว่านี้ถ้าท่านรู้จักสามีท่านครบทุกคน" เสวี่ยหลิงพูดด้วยใบหน้าหื่นกระหาย"หมายความว่าอย่างไร?"เสวี่ยหลิงแสยะยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะกวักมือเรียกให้คนที่อยู่ด้านหลังฉากให้เดินออกมาเมื่อเฟิ่งอวี่เหิงเห็นคนที่เดินออกมาจากฉากก็ถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะบุรุษที่เดินออกมาอีกสองคนนั้นก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษเสเพลเฉกเช่นเสวี่ยหลิง"อี้หลงเชี่ย? อี้จินซาน?"บุรุษที่เดินออกมาคือพี่น้องต่างมารดาของอี้หลิงฟางเป็นสหายรักของเสวี่ยหลิง
อ๊ากกกก!เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทั้งสามคนดังขึ้นพร้อมกันเพราะโดนบุรุษที่เปิดประตูเข้ามานั้นฟันดาบเข้าที่หลังของพวกเขาทั้งสามคนเสวี่ยหลิงโดนถีบให้ออกจากตัวเฟิ่งอวี่เหิงทันที ชายหนุ่มถึงกับเจ็บปวดอีกครั้งเป็นรอบที่สอง เพราะทั้งถูกฟันเข้าที่หลัง และที่ถีบในเวลาเดียวกันแม้ว่าตัวจะเจ็บสักแค่ไหน แต่ก็แค้นใจมากกว่าที่โดนขัดขวางในเวลานี้ แล้วเหตุใดสหายเขาถึงยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ตนโดนถีบเช่นนี้ได้อย่างไร"ใครกันที่บังอาจมาขัดขวางข้า แล้วพวกเจ้าสองตัวหายไปไหนกันหมดแล้ว ปล่อยให้ข้าโดนถีบได้เฮือก ท่านแม่ทัพ..." ดวงตาของเสวี่ยหลิงเบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่มาขัดขวางตนนั้นเป็นผู้ใดกู่จิ้นอันไม่รอให้เสวี่ยหลงพูดจบก็ยกเท้าถีบเข้าไปที่อกของเสวี่ยหลิงอีกครั้งอย่างเต็มแรง จนคนที่โดนถึงกับกระอักเลือดออกมาเฟิ่งอวี่เหิงมองดูกู่จิ้นอันกำลังจัดการทั้งสามคนนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงจากความเมื่อยล้าและความตื่นกลัว เพราะตอนนี้นางรู้สึกปลอดภัยแล้ว...หลังจากที่กู่จิ้นอันจัดการทั้งสามคนเสร็จ ชายหนุ่มก็รีบเข้าไปช้อนเอาร่างงามที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมาไว้ในอ้อมอกตนด้วยค
หลังจากที่กู่จิ้นอันได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ได้ให้นางกำนัลคนเดิมไปตามอี้หลิงฟางมายังเรือนตามแผนการที่อี้หลิงฟางได้วางไว้"เจ้าจะทำอะไร""ในเมื่อข้าปรานีเตือนนางไปแล้ว แต่นางเลือกที่จะเพิกเฉย ซ้ำยังมาทดสอบความอดทนของข้า ท่านคิดว่าข้าจะทำอย่างไรกับนาง" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยือกเย็นฟู่เฟยเทียนได้แต่ไว้อาลัยให้อี้หลิงฟางภายในใจ คราวนี้กู่จิ้นอันโกรธจริง ๆ เกรงว่าแม้แต่หนิงอ๋องก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะกู่จิ้นอันไม่เคยเมตตากับคนที่ติดจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็น คนแก่ เด็ก หรือ สตรี กู่จิ้นอันไม่เคยมีความปรานีแม้แต่น้อย หากคนพวกนั้นคิดจะเป็นศัตรูกับเขาก่อนนางกำนัลที่ไปตามตัวอี้หลิงฟางก็รีบพาหญิงสาวมาที่เรือนตามคำสั่งของกู่จิ้นอันทันที อี้หลิงฟางนั้นได้แต่ยกยิ้มในใจเพราะคิดว่าเสวี่ยหลิงและพี่ชายต่างมารดาของตน คงจัดการเฟิ่งอวี่เหิงเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ให้นางกำนัลไปตามตนมาเพื่อให้ดูความเรียบร้อยแต่พอมาถึงกลับเห็นบรรดาทหารยืนล้อมตัวนางเต็มไปหมด นางรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงรีบหันหลังวิ่งออกไปทันที แต่ถูกทหารรวบตัวไว้เสียก่อน"ปล่อยข้านะ พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถ
ฟู่เฟยเทียนรีบเข้ามาจับแขนสหายของตนไว้ขณะที่กำลังจะฟันแขนเสวี่ยหลิงเพื่อระบายความโกรธเสวี่ยหลิงนั้นคิดว่าตัวเองรอดพ้นจากความตายแล้ว ในใจนึกขอบคุณรุ่ยอ๋องที่มาช่วยชีวิตตน ในใจคิดว่าหากหลังรอดไปแล้ว คงต้องไปจัดการกับสหายทั้งสองคนที่ทำให้ตนต้องพบเจอกับความน่ากลัวเช่นนี้แต่ทว่าเสวี่ยหลิงต้องเก็บคำขอบคุณนั้นคืนกลับมา หลังจากที่ได้ยินคำที่ฟู่เฟยเทียนกล่าวกับกู่จิ้นอัน"เจ้ายังต้องใช้มันเพื่อแผนการของเจ้าอยู่ หลังสำเร็จแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยจัดการก็ยังไม่สาย"แม้ในตอนแรกกู่จิ้นอันรู้สึกขัดใจที่ตนโดนขัดขวาง แต่พอได้ยินคำเตือนสติจากฟู่เฟยเทียนก็ยอมลดดาบลงตามคำแนะนำแต่โดยดี"แผนการอะไรปล่อยข้าไปเถิด ข้าสำนึกผิดแล้วปล่อยข้าไปเถิดนะ ได้โปรด" น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร"อี้หลิงฟาง ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่" ท้ายเสียงเต็มไปด้วยความกดต่ำอี้หลิงฟางรู้แล้วว่าตอนนี้ต่อให้ตนแก้ตัวยังไง บุรุษตรงหน้านางก็ไม่รับฟัง อีกอย่างหลักฐานทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นนางต้องรีบสำนึกผิดเสียตอนนี้จะดีกว่า เผื่อว่ากู่จิ้นอันจะเห็นใจนางบ้าง อย่างน้อยก็ในฐานะคนที่เขาเคยช่วยเหลือเอาไ
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ ๆ เฟิ่งฮูหยินก็ร้องออกมาคล้ายว่าเจ็บปวดบางอย่าง เฟิ่งฮูหยินถึงกับบีบมือสามีของตนแน่นด้วยความเจ็บปวด สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในตอนนี้เป็นอย่างมาก"ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?" เฟิ่งจินหยวนกุมมือของภรรยาด้วยความห่วงใย"โอ๊ย-! ท่านพี่จู่ ๆ ข้าก็เจ็บท้องเจ้าค่ะ""หรือว่าท่านพี่เจ็บท้องจะคลอด?"กู่ฮูหยินแสดงความคิดเห็นออกมาเพราะจากที่นับเดือนการตั้งครรภ์ของเฟิ่งฮูหยินก็ถือว่าถึงเวลาสมควรแล้วอีกอย่างท่าทางเช่นนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน ทำเอาผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับแตกตื่นด้วยความตกใจปนกับความดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเหล่าบรรดาสาวใช้รีบไปตามหมอมาทำคลอดทันที ทำให้สถานการณ์ตอนนี้นั้นวุ่นวายยิ่งนักต่างจากตอนเช้าโดยสิ้นเชิงตอนนี้ทุกคนต่างพากันยืนอยู่ที่หน้าห้องทำคลอดอย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า"ท่านพ่อ...ข้าตื่นเต้นจังเลยเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นอยู่ใกล้ ๆ บิดาที่กำลังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน"พ่อก็เช่นกัน"ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก"ย
"เดี๋ยว!!"เฟิ่งอวี่เหิงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด นางไม่อยากให้กู่จิ้นอันเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเฟิ่งอวี่เหิงคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็มาแล้ว พูดให้จบเสียตอนนี้เลยดีกว่า เพราะหากกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็จะเป็นการค้างคาใจต่อกันอีก พอคิดได้เช่นนั้นนางก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เก็บความเสียใจไว้อยู่"ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันผิด เพราะข้าแค่อยากปกป้องตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีต่อข้า และที่วางแผนไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ากลัวว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าทำเช่นนี้ ดีไม่ดีท่านอาจจะห้ามข้าไม่ให้ข้าไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นห่วงข้าเพียงใด และข้าก็รู้ว่าท่านไม่ยอมให้ข้าต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน"เฟิ่งอวี่เหิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายทว่ากู่จิ้นอันก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งอวี่เหิงก็ตัดสินใจพูดต่อไป เพราะหากไม่พูดวันนี้ วันต่อไปอาจจะไม่ได้พูดอีกย่อมเป็นได้"ที่ข้าต้องทำเช่นนี้กับอี้หลิงฟาง เพราะคนเช่นนางหากไม่โดนเหมือนที่กระทำกับผู้อื่นบ้างก็คงไม่หยุดคิดร้ายเช่นกัน คนเช่นนางน
เช้าวันใหม่วันนี้เฟิ่งอวี่เหิงลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้นางมีที่จะไปคือจวนสกุลกู่หลังจากที่เมื่อคืนได้พูดคุยกับบิดาแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ตัดสินใจทำตามที่กู่ม่านชิงและบิดาแนะนำ คือในเมื่อเขาไม่มาเราก็ต้องไปหา จะได้ปรับความเข้าใจกันสักทีวันนี้นางใส่ชุดสีขาวปักด้วยลายหมู่ตานทำให้ดูสวยงามยิ่งนักชินชินสาวใช้คนสนิทยกถาดปิ่นมาให้เฟิ่งอวี่เหิงเลือก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม"คุณหนูวันนี้ปักปิ่นอันไหนดีเจ้าคะ?"สายตาของเฟิ่งอวี่เหิงมองดูปิ่นในถาดที่ชินชินยกมา ได้ไปสะดุดกับปิ่นชิ้นหนึ่งเป็นปิ่นลายหูเตี๋ยสีฟ้า จึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาเปล่งประกายนางจำได้ว่าปิ่นชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่กู่จิ้นอันซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวตลาดด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ที่ได้มายังไม่เคยปักเลยสักครั้ง'ข้าเอาใจท่านขนาดนี้หากท่านยังไม่หายโกรธ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว'คิดได้อย่างนั้นเฟิ่งอวี่เหิงจึงให้ชินชินปักปิ่นชิ้นนี้ให้นางหลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงจึงเดินทางไปยังจวนสกุลกู่ตามที่คาดหวังไว้ทันทีใช้เวลาราวสองเค่อก็มาถึงที่หมาย เฟิ่งอวี่เหิงเดินเข้าไปข้างในโดยมีสาวใช้นำทางให้น
"อะไร?" กู่ม่านชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เฟิ่งอวี่เหิงถาม"ข้ารู้นะว่าวันนั้นเจ้าไปไหนกับรุ่ยอ๋อง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่แก้มของกู่ม่านชิงตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมา ทำเอาเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับหลุดหัวเราะให้กับท่าทางของสหาย"ก็ได้ ๆ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้"เห็นว่าถูกล้อเลียนจากสหาย กู่ม่านชิงก็ได้แต่ย่นจมูกใส่หญิงสาวตรงหน้า"แล้วรุ่ยอ๋องดีกับเจ้าหรือไม่?" ท้ายเสียงมีความห่วงใย"ก็ดีนะ...” กู่ม่านชิงทำท่าครุ่นคิดถึงคำพูดในวันนั้น “นี่เหิงเหิง รุ่ยอ๋องบอกจะพาข้าไปท่องเที่ยวเมืองอื่นด้วย"คิดถึงเรื่องนี้ทีไรกู่ม่านชิงถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ เพราะตื่นเต้นเรื่องที่ตนจะได้ไปเที่ยวตามที่เคยปรารถนาเอาไว้ เมื่อมีคนจะทำปรารถนาของนางให้เป็นจริง มีรึกู่ที่นางจะปิดบัง"ไหนเจ้าว่าไม่ตื่นเต้น?""ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว"กู่ม่านชิงที่โดนหยอกล้อเช่นนั้นถึงกับแง่งอนเพราะความเขินอาย เฟิงอวี่เหิงก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทีเช่นนี้ สตรีสองคนนั่งคุยกันจนถึงช่วงบ่าย กู่ม่านชิงก็ขอตัวกลับจวนของตนในขณะที่กู่ม่านชิงกำลังออกจากโรงน้ำชาของเฟิ่
"เรื่องที่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เป็นข้าแทนได้หรือไม่?""ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้ว"กู่ม่านชิงแสร้งหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของคนที่จะพานางไปเที่ยว จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องจะพานางไปได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นที่ติดตัวอยู่นั้นมากด้วยภาระและหน้าที่ จะทิ้งภาระเพราะว่าจะพานางไปเที่ยวอย่างนั้นรึ ไม่ว่าอย่างไรกู่ม่านชิงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"..." ฟู่เฟยเทียนในขณะที่ฟู่เฟยเทียนกำลังจะบอกเรื่องบางอย่างกับกู่ม่านชิงนั้น เสี่ยวเอ้อก็นำอาหารที่สั่งเข้ามาก่อน ทำให้บทสนทนานั้นต้องยุติลงเพื่อที่ทั้งคู่จะได้รับประทานอาหารกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเงียบ ๆ นั้น ฟู่เฟยเทียนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา"ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว ข้าพูดความจริง เพราะนั่นก็เป็นความฝันของข้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง"พระองค์จะไปท่องเที่ยวได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อพระองค์เป็นรุ่ยอ๋อง เว้นเสียแต่พระองค์จะไม่ได้เป็นท่านอ๋องแล้ว"กู่ม่านชิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของฟู่เฟยเทียน เพราะตราบใดที่ฟู่เฟยเทียนยังเป็นอ๋องอยู่ก็ไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะภาระที่ต้องดูแลประชา
ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟู่เฟยเทียนคิ้วงามก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เพราะกู่ม่านชิงนั้นคิดว่าฟู่เฟยเทียนตามกู่จิ้นอันออกไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ายังไม่ไปไหน"จะไปไหน""ไปหาท่านพี่จิ้นอันเพคะ หม่อมฉันต้องอธิบายให้ท่านพี่จิ้นอันเข้าใจ""ไม่ต้องไป""ไม่ได้เพคะ ต้องไป"กู่ม่านชิงเริ่มจะไม่เข้าใจในการกระทำของฟู่เฟยเทียน นอกจากจะรั้งไม่ให้นางไปอธิบายเรื่องที่เฟิ่งอวี่เหิงกับนางวางแผนให้กู่จิ้นอันฟัง ยังจับมือนางไม่ปล่อยอีก"ข้าหิวข้าว""หิวก็ไปกินสิเพคะ""เจ้าต้องไปกินกับข้าด้วย""หม่อมฉันไม่หิวเพคะ หม่อมฉัน...ว้าย! รุ่ยอ๋องปล่อยมือหม่อมฉันก่อนเพคะ"ฟู่เฟยเทียนนั้นไม่ฟังกู่ม่านชิงพูดแต่อย่างใด ชายหนุ่มดึงมือของกู่ม่านชิงลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมทันที"รุ่ยอ๋อง ได้โปรดปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หากมีผู้ใดเห็นพระองค์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอานะเพคะ" น้ำเสียงที่พยายามออดอ้อนให้ฟู่เฟยเทียนปล่อยมือ"เจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า เพราะเจ้าเป็นคนทำให้ข้าเสียชื่อเสียงเป็นที่ครหาของชาวบ้าน แล้วก็คงไม่มีสตรีใดอยากแต่งงานกับข้าเพราะว่าข้านั้นเสียชื่อเสียงไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบ
น้ำเสียงที่คนฟังก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้กู่ม่านชิงนั้นคิดสิ่งใดอยู่"ข้าว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดเลยจะดีกว่า เจ้านั่นแหละเหิงเหิง เหตุใดถึงยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายเจ้าได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วรึ?" คราวนี้เป็นกู่ม่านชิงถามคำถาม"ข้าเตรียมใจไว้แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกนั้นจะเลวทรามขนาดนั้น""เจ้านี่น่ะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหากท่านพี่ไปช่วยเจ้าไม่ทันเจ้าจะทำอย่างไร""เอาน่า เรื่องมันผ่านมาแล้วเจ้าจะบ่นข้าทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่ยอมตกเป็นเมียของคนพวกนั้นอยู่แล้ว และตอนนี้อี้หลิงฟางก็ได้รับผลกรรมที่ก่อแล้ว" น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างสบายใจ คล้ายกับว่าไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเลยแม้แต่น้อยเพราะก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเฟิ่งอวี่เหิง ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของอี้หลิงฟางที่ต้องการทำให้เฟิ่งอวี่เหิงนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งแต่ที่ซูเฟยซื่อมาหาเฟิ่งอวี่เหิงในตอนนั้น ได้เตือนเรื่องอี้หลิงฟางกับนาง ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ส่งคนไปเฝ้าติดตามดูอี้หลิงฟางตลอดอย่างไม่คาดสายตาทุกฝีก้าวซึ่งก็เป็นไปตามที่ซูเฟยซื่อได้คาดการณ์ไว้ อี้
กู่จิ้นอันเอ่ยถามน้องสาวของตัวเองที่กำลังจะออกจากจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ"ข้าจะไปหาเหิงเหิงเจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"กู่ม่านชิงพูดจบก็วิ่งขึ้นรถม้าทันทีไม่รีรอ จนตัวกู่จิ้นอันเองยังรู้จักแปลกใจกับท่าทีของน้องสาวตนเอง เพราะปกติหากนางไปข้างนอก กู่ม่านชิงต้องมาออดอ้อนขอตั๋วเงินกับเขาเพื่อไปซื้อสิ่งของต่าง ๆ ตามที่นางต้องการแต่นี่อะไร? นอกจากจะไม่มาออดอ้อนตนแล้ว ยังทำท่าทางคล้ายกับว่าพยายามหลบหน้าใครบางคน แม้ว่าจะสงสัยว่าตัวกู่ม่านชิงหลบหน้าฟู่เฟยเทียน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะฟู่เฟยเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนประจำ แล้วนางเป็นอันใดกัน?ในขณะที่กู่จิ้นอันกำลังสงสัยกับท่าทีของน้องสาวตัวเองที่แปลกไปอยู่นั้น กลับมีใครบางคนนั่งอมยิ้มกับท่าทางของกู่ม่านชิงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่าทางของนางนั้นกำลังหลบหน้าเขาอยู่อย่างแน่นอนเมื่อบรรยากาศกลับมาเงียบสงบแล้ว สองบุรุษก็นั่งพูดคุยกับถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้"เรื่องนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”"ทันทีที่เสด็จพี่พร้อมก็เริ่มได้เลย""แล้วท่านจะออกจากตำแหน่งรุ่ยอ๋องหรือไม่?""หากตำแหน่งนี้มันรั้งข้าไว้ให้อยู่แต่ในเมืองหลวง ข้าก็คงต้องขอให้เสด็จพ่อ
ในขณะที่ทั้งคู่พากันโทษแต่ผู้อื่นที่ทำให้พวกตนต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกโดยสาวใช้กลุ่มหนึ่งเมื่อเปิดประตูแล้วสาวใช้ประมาณสองถึงสามคนก็พากันไปเก็บสิ่งของภายในเรือนตามคำสั่งของเจ้าของจวนทันที"เดี๋ยว! พวกเจ้าจะเก็บของข้าไปไหน?""พวกข้าได้คำสั่งมาว่าให้เก็บของออกจากเรือนนี้ให้หมดเพื่อให้พวกท่านสองแม่ลูกได้ออกบวชตลอดชีวิต"ตอนนี้แม้แต่สาวใช้ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ซือจินและอี้หลิงฟางไร้ซึ่งความเคารพจากบรรดาสาวใช้ ทั้งที่แต่ก่อนคนพวกนี้เคยเป็นที่รองมือรองเท้าให้พวกนาง แต่ตอนนี้แม้แต่ก้มหัวให้ก็ยังไม่มี"เจ้าว่าอะไรนะ? ใครจะไปบวชตลอดชีวิตกัน?" อี้หลิงฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย"ก็พวกท่านสองคนแม่ลูกอย่างไรเล่า ฮูหยินเอกมีคำสั่งว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปบวชที่วัด ถือศีลภาวนา สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก""ใครทำอะไรผิด ฟางเอ๋อร์ทำเรื่องแค่นี้ถึงกับกล้าออกคำสั่งให้พวกข้าออกบวชตลอด มันจะไม่มากไปหน่อยรึ?"ซือจินยังคงโวยวายไม่ยอมรับกับคำสั่งที่ตัวเองได้รับ แค่เรื่องที่อี้หลิงฟางทำไม่เห็นต้องมาออกคำสั่งถึงขั้นให้พวกนางสองคนแม่ลูกต้องไปบว