พอขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดสิบสามเข้ามาในห้องชุดสุดหรู กองบินก็ไม่รอช้ากระชากดึงร่างน้อยเปราะบางของคำเอื้องไปกับเตียงนอนนุ่มของตนเองแล้วตัวเองก็ตามไปคร่อมทับกดกักร่างน้อยไว้กับเตียงไม่ให้ลุกหนีจากเตียงนอน
แควก!
เสียงชุดถูกกระชากฉีกขาดผ่าครึ่งดังขึ้นทำให้คำเอื้องตกใจ ไม่คิดว่าคนป่าเถื่อนจะทำกับเสื้อที่ตนเองใส่ แล้วเขาก็ฉีกผ่าครึ่งจนมาถึงตัวกระโปรงชุดเดรสต่อกันกับเสื้อ
“คุณมันบ้า!”
คำเอื้องว่าคนเหนือร่างพร้อมจับมือของเขาที่จะกระชากดึงยกทรงตัวเองขาดตามชุดตนเอง
“ก็ฉันอยากได้เธอนี่เด็กน้อย เธอก็รู้ว่าฉันตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่มี ‘เซ็กซ์’ กับเธอในลิฟต์ให้อายคน”
เขาบอกเธอเสียงร้อนรนแล้วก็จัดการยกทรงสีเนื้อของสาวเจ้าออกจนสองเต้าอวบอูมเด้งออกมาอวดโฉม
“อ่า...คิดถึงสอ
“อะ...นั่นแหละเอื้อง อ่า...ทำแบบนั้นแหละ” เขาจับหัวคนตัวเล็กที่จมหายอยู่ในน้ำโยกไหวเป็นจังหวะเมื่อปากน้อยเริ่มกลืนกินตัวเอง กองบินรู้ว่าคำเอื้องกลัว แต่เธอก็สู้เหลือเกิน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ให้เธอได้ครอบครองกลืนกินตัวเองและแถมยังอยู่ใต้น้ำแบบนี้ด้วย เอวหนายกเด้งกระแทกบดเบียดเสียดสีท่อนเนื้ออหังการตัวเองเข้าออกในปากน้อยใต้น้ำจนน้ำกระฉอกไหลล้นออกนอกอ่างไหลเต็มพื้นห้องน้ำ “โอว์...เสียว อ่า...ไม่ไหวแล้ว อ่า...”ซ่า! คำเอื้องโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำเมื่อกลั้นหายใจใต้น้ำไม่ไหว “อ่า...อือ” เธอหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเต็มแรงแล้วก็ลูบหน้าเสยผมที่เปียก แล้วยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอดก็ถูกแขนแข็งแรงตวัดกอดรั้งเข้าไปซบอกแล้วท้ายทอยก็ถูกมือใหญ่รั้งให้แหงนเงยขึ้น จากนั้นปากหนาก็กดจูบหนักหน่วงถ่ายเทลมหายใจให้เธอ “อะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมา ไม่ว่าปาก
คำสิงห์แทบนอนไม่หลับเมื่อโทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสาย แถมยังตัดวางสายของตนทิ้งไม่พอ โทรกลับก็ปิดเครื่องไปแล้ว ยิ่งโทรศัพท์ของคำเอื้องปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ยิ่งห่วงจนต้องกดต่อสายโทรหาไหมเพื่อนสนิทของลูก ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! รอไม่นานปลายสายก็กดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานสุภาพส่งมาในสาย “สวัสดีค่ะป๊าคำสิงห์” “หนูไหม ป๊าขอคุยกับหนูเอื้องได้ไหม” คำสิงห์ไม่บอกว่าตนได้โทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสายแทน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบกลับมาในสาย คำสิงห์จึงเอ่ยเรียกคนในสายที่เงียบไป “หนูไหม” “คะป๊าคำสิงห์ ขอโทษทีนะคะ พอดีเมื่อกี้รุ่นพี่ที่ทำงานเดินเข้ามาคุย หนูเลยไม่ได้ตอบป๊าค่ะ”ไหมเลือกที่จะพ
เวลาผ่านไปนานเกือบสิบนาที ประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับคนตัวเล็กมีผ้าเช็ดตัวพันรอบอกออกมา และในมือก็กอดผ้าห่ม กองบินจึงลุกจากเก้าอี้นั่งที่โต๊ะทานอาหารเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็กของคำเอื้องที่ให้พนักงานโรงแรมนำขึ้นมาไว้บนห้อง เขาค้นไม่นานก็เจอชุดนอนแบบกางเกงขาสั้นและเสื้อแขนสั้นเข้าชุดลายโดเรมอนของหญิงสาวแล้วก็ถือมันติดมือเดินไปหาคนที่ยืนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำไม่ยอมเดินมา “อะ...ชุดนอน” เขาส่งยื่นชุดนอนให้คนตัวเล็ก คำเอื้องรับมาแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบและไม่ลืมปิดประตูห้องน้ำ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็แต่งตัวเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ เพราะไม่ได้ใส่ชุดชั้นในข้างใน “ไปกินข้าวเถอะ แล้วจะได้นอนกันต่อ เนี่ยก็เที่ยงคืนแล้ว” กองบินคว้าข้อมือเล็กแล้วลากดึงเดินตามตัวเองไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็ก พอเดินมาถึงก็ดึงลากเก้าอี้ออกให้หญิงสาวนั่งทั้งๆ ที่ไม่เคยดึงลากเก้าอี้ออกให้ผู้หญิงคนไหนนั่งมาก่อน&
เกษมคุยกับอดีตภรรยาเรื่องลูกชายทั้งสามคนของตนเองแล้ววางสายถอนหายใจเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยปรึกษาพี่สาวตัวเอง แม้จะรู้ว่าปรึกษาไปก็เท่านั้น เพราะพี่สาวมักเข้าข้างกองพล กองบิน และกองทัพเสมอ “นารีว่ายังไงมั่งพ่อเษม” นางถามน้องชายที่เดินมานั่งโซฟาตรงข้ามกับตนเอง “เรื่องไอ้ลูกเวรของผมนั่นแหละพี่บู่” “คงไม่พ้นเรื่องแต่งงาน” “ครับ ผมกับนารีห่วงไอ้หิน ไอ้เหมกับไอ้เหิมว่าแก่ไปแล้วจะไม่มีคนดูแล แถมตอนนี้ก็ห่วงกลัวว่าจะติดโรคอีก พวกมันเล่นสำส่อนแบบนี้ผมกับแม่มันก็อดห่วงไม่ได้” เกษมเอ่ยตอบกลับพี่สาว “จะรีบร้อนไปทำไมพ่อเษม” “ไม่ให้รีบร้อนได้ยังไงพี่บู่ พวกมันอายุไม่น้อยกันแล้วนะ สามสิบกว่ากันแล้ว อีกคนก็สี่สิบแล้ว ผมกับพี่ก็ใช่จะอยู่ดูแลพวกมันได้ตลอด” เกษมเอ่ย&
‘ให้ตายเถอะ!’ นั่นคือคำเดียวที่กองบินอยากสบถออกมาตอนนี้ แต่ก็ได้แต่ขบกรามข่มความเกรี้ยวกราดไว้ในอกเมื่อมีสายเรียกเข้าสำคัญมาหาตัวเอง เมื่อวานก็ขาดงานแล้ว วันนี้จะขาดงานอีกไม่ได้ ยิ่งใกล้จะเปิดเส้นทางเดินเรือแล้วด้วย เขาควรหันมาโฟกัสกับงานที่สำคัญก่อน ส่วนคำเอื้องได้เจอดีแน่หากเจออีกครั้งหน้า และเขาเชื่อว่ามันต้องมีอีกครั้งแน่นอนสำหรับเขาและเธอ “อือ...จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พอกดรับสายแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อจะออกไปทำงานสำคัญของตนเอง แม้จะเจ็บจุกความอหังการที่ตนภาคภูมิใจก็เถอะ แต่ก็กัดฟันข่มความเจ็บเดินตรงไปยังประตูห้อง เหมือนเวลาที่ผ่านมาจะเดินเร็วมาก แต่สำหรับคำเอื้องแล้วสองเดือนมานี้มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน เพราะเธอยังคงคิดถึงเฝ้าจดจำสัมผัสจากคนเผด็จการจนระยะนี้เหม่อลอยอยู่บ่อยๆ “หนูเอื้อง” คำสิงห์เรียกลูกสาวหลา
เมื่อพ่อบอกว่าให้ไปพักผ่อนไปอยู่กับเพื่อนได้ คำเอื้องก็เลยเลือกเดินทางไปหาเพชรกับไหมที่กรุงเทพฯเพื่อไปปรึกษาเรื่องชีวิตของตัวเอง เมื่อวันก่อนเธอได้แวะร้านขายยาซื้อที่ตรวจครรภ์ไปตรวจที่ห้องน้ำสาธารณะของปั๊มน้ำมันและผลมันก็เป็นอย่างที่คิดและสงสัย เธอกำลัง‘ท้อง’ลูกของกองบิน “ถึงแล้วนะแก เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปคอนโดแกนะเพชร” พอลงจากเครื่อง เธอก็เปิดเครื่องโทรหาเพชรทันที โดยไม่ได้มองคนรอบข้างที่เดินผ่านตัวเอง “แล้วเจอกัน”พอกดวางสายจะเดินต่อ ไม่ทันได้มองและระวังก็เผลอสะดุดเท้าตัวเองล้ม แต่ยังไม่ทันได้ล้มก็มีใครบางคนอยู่ด้านหลังรับไว้ได้เสียก่อนว้าย! ใจของคำเอื้องตกไปอยู่ตาตุ่มด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกน้อยในท้อง แม้เขาจะเกิดมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน เธอก็รู้สึกมีคว
ว้าย! เดินอยู่ดีๆ ก็ถูกใครที่ไหนไม่รู้เปิดประตูห้องออกมาแล้วกระชากฉุดเธอเข้ามาในห้อง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็ว เธอถูกกระชากแขนเข้ามาในห้องมืดสนิทไร้แสงสว่างจนล้มลงไปกับพื้น พอจะดิ้นลุกหนีก็ถูกร่างใหญ่โตคร่อมทับกักกับพื้นจนไม่อาจดิ้นหนีได้ “ว้าย! อะ...อื้อ” ปากน้อยจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านนอกที่เดินผ่านไปมาให้ได้ยินเสียงตัวเองก็ถูกปากหนาบดกระแทกปิดปากจนเสียงร้องกลืนหายเข้าไปในลำคอ เท่านั้นไม่พอเรียวลิ้นน่ารังเกียจขยะแขยงก็ยังดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเธอ แถมยังไล่ต้อนลิ้นเธอจนจนมุมไร้ทางหนีแล้วตวัดเกี่ยวรัดคลึงอย่างอุกอาจ “อะ...อื้อ” เธอดิ้นขัดขืนทุบตีไหล่กว้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อเขานั้นไร้สำนึกที่ดี ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครและเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาทำแบบนี้กับคนที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของเขากลับห้องของตัวเองได้ยังไงกัน “อ่า...อื้อ” ความหวานของปากน้อยทำให้กองบิน สุปรีย์ หรือเหม วัย 37 ย่าง 38 ปี นักธุรกิจหนุ่มทายาทคนที่สองของตระกูลสุปรีย์ ที่ดูแลเรื่องสัมปทานเดินเรือของครอบครัว พี่ชายคนโตอย่างกองพลดูแลเหมืองแร่ที่กำแพงเพชร ส่วนน้องชายค
“อ่า...ถ้าผมอดทนได้ ผมคงไม่ฉุดกระชากคุณเข้ามาในห้องหรอกคนสวย อ่า...ไม่ไหวแล้ว ผมอยากได้คุณตอนนี้ อ่า...ทรมานเหลือเกิน” น้ำเสียงทุ้มพร่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาสีเข้มจากการดูดบุหรี่เป่ารดเนินอกอวบแล้ว เขาก็ใช้มือกอดรั้งเอวเล็กคอดนั้นจัดการปลดถอดกางเกงตัวเองเพื่อปลดปล่อยความใหญ่โตดุดันตัวเองออกมาด้านนอก เมื่อความอหังการของเขาออกมาหายใจด้านนอกได้ก็ไม่รอช้าจะจรดปลายท่อนเนื้ออวบใหญ่เต็มลำแข็งแกร่งของตัวเองจดจ่อกับปากทางรักสวาทของสาวเจ้าในความมืด แม้เธอจะดิ้นรนต่อต้านขัดขืนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็กอดรั้งเธอไว้ด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว ส่วนมือทั้งสองของหล่อนก็พยายามทุบตีผลักไสตนเต็มแรง แต่มีหรือเขาจะสะทกสะท้านไปกับแรงมดของหญิงสาว “ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อะ...เจ็บ!” แล้วความเจ็บปวดกลางกายก็เกิดขึ้นเมื่อถูกคนถ่อยต่ำช้ายัดเยียดความอหังการเข้ามาในร่างจนต้องบิดเอวเล็กคอดส่ายหนี แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงของเขากอดรัดไว้แน่น “โอว์...พระเจ้า! คุณยังซิง อ่า...แน่นเป็นบ้า” กองบินไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้รับสิ่งที่วิเศษเช่นนี้ในค่ำคืนนี้ ใจที่ด้านชาของเขามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาท
เมื่อพ่อบอกว่าให้ไปพักผ่อนไปอยู่กับเพื่อนได้ คำเอื้องก็เลยเลือกเดินทางไปหาเพชรกับไหมที่กรุงเทพฯเพื่อไปปรึกษาเรื่องชีวิตของตัวเอง เมื่อวันก่อนเธอได้แวะร้านขายยาซื้อที่ตรวจครรภ์ไปตรวจที่ห้องน้ำสาธารณะของปั๊มน้ำมันและผลมันก็เป็นอย่างที่คิดและสงสัย เธอกำลัง‘ท้อง’ลูกของกองบิน “ถึงแล้วนะแก เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปคอนโดแกนะเพชร” พอลงจากเครื่อง เธอก็เปิดเครื่องโทรหาเพชรทันที โดยไม่ได้มองคนรอบข้างที่เดินผ่านตัวเอง “แล้วเจอกัน”พอกดวางสายจะเดินต่อ ไม่ทันได้มองและระวังก็เผลอสะดุดเท้าตัวเองล้ม แต่ยังไม่ทันได้ล้มก็มีใครบางคนอยู่ด้านหลังรับไว้ได้เสียก่อนว้าย! ใจของคำเอื้องตกไปอยู่ตาตุ่มด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกน้อยในท้อง แม้เขาจะเกิดมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน เธอก็รู้สึกมีคว
‘ให้ตายเถอะ!’ นั่นคือคำเดียวที่กองบินอยากสบถออกมาตอนนี้ แต่ก็ได้แต่ขบกรามข่มความเกรี้ยวกราดไว้ในอกเมื่อมีสายเรียกเข้าสำคัญมาหาตัวเอง เมื่อวานก็ขาดงานแล้ว วันนี้จะขาดงานอีกไม่ได้ ยิ่งใกล้จะเปิดเส้นทางเดินเรือแล้วด้วย เขาควรหันมาโฟกัสกับงานที่สำคัญก่อน ส่วนคำเอื้องได้เจอดีแน่หากเจออีกครั้งหน้า และเขาเชื่อว่ามันต้องมีอีกครั้งแน่นอนสำหรับเขาและเธอ “อือ...จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พอกดรับสายแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อจะออกไปทำงานสำคัญของตนเอง แม้จะเจ็บจุกความอหังการที่ตนภาคภูมิใจก็เถอะ แต่ก็กัดฟันข่มความเจ็บเดินตรงไปยังประตูห้อง เหมือนเวลาที่ผ่านมาจะเดินเร็วมาก แต่สำหรับคำเอื้องแล้วสองเดือนมานี้มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน เพราะเธอยังคงคิดถึงเฝ้าจดจำสัมผัสจากคนเผด็จการจนระยะนี้เหม่อลอยอยู่บ่อยๆ “หนูเอื้อง” คำสิงห์เรียกลูกสาวหลา
เกษมคุยกับอดีตภรรยาเรื่องลูกชายทั้งสามคนของตนเองแล้ววางสายถอนหายใจเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยปรึกษาพี่สาวตัวเอง แม้จะรู้ว่าปรึกษาไปก็เท่านั้น เพราะพี่สาวมักเข้าข้างกองพล กองบิน และกองทัพเสมอ “นารีว่ายังไงมั่งพ่อเษม” นางถามน้องชายที่เดินมานั่งโซฟาตรงข้ามกับตนเอง “เรื่องไอ้ลูกเวรของผมนั่นแหละพี่บู่” “คงไม่พ้นเรื่องแต่งงาน” “ครับ ผมกับนารีห่วงไอ้หิน ไอ้เหมกับไอ้เหิมว่าแก่ไปแล้วจะไม่มีคนดูแล แถมตอนนี้ก็ห่วงกลัวว่าจะติดโรคอีก พวกมันเล่นสำส่อนแบบนี้ผมกับแม่มันก็อดห่วงไม่ได้” เกษมเอ่ยตอบกลับพี่สาว “จะรีบร้อนไปทำไมพ่อเษม” “ไม่ให้รีบร้อนได้ยังไงพี่บู่ พวกมันอายุไม่น้อยกันแล้วนะ สามสิบกว่ากันแล้ว อีกคนก็สี่สิบแล้ว ผมกับพี่ก็ใช่จะอยู่ดูแลพวกมันได้ตลอด” เกษมเอ่ย&
เวลาผ่านไปนานเกือบสิบนาที ประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับคนตัวเล็กมีผ้าเช็ดตัวพันรอบอกออกมา และในมือก็กอดผ้าห่ม กองบินจึงลุกจากเก้าอี้นั่งที่โต๊ะทานอาหารเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็กของคำเอื้องที่ให้พนักงานโรงแรมนำขึ้นมาไว้บนห้อง เขาค้นไม่นานก็เจอชุดนอนแบบกางเกงขาสั้นและเสื้อแขนสั้นเข้าชุดลายโดเรมอนของหญิงสาวแล้วก็ถือมันติดมือเดินไปหาคนที่ยืนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำไม่ยอมเดินมา “อะ...ชุดนอน” เขาส่งยื่นชุดนอนให้คนตัวเล็ก คำเอื้องรับมาแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบและไม่ลืมปิดประตูห้องน้ำ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็แต่งตัวเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ เพราะไม่ได้ใส่ชุดชั้นในข้างใน “ไปกินข้าวเถอะ แล้วจะได้นอนกันต่อ เนี่ยก็เที่ยงคืนแล้ว” กองบินคว้าข้อมือเล็กแล้วลากดึงเดินตามตัวเองไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็ก พอเดินมาถึงก็ดึงลากเก้าอี้ออกให้หญิงสาวนั่งทั้งๆ ที่ไม่เคยดึงลากเก้าอี้ออกให้ผู้หญิงคนไหนนั่งมาก่อน&
คำสิงห์แทบนอนไม่หลับเมื่อโทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสาย แถมยังตัดวางสายของตนทิ้งไม่พอ โทรกลับก็ปิดเครื่องไปแล้ว ยิ่งโทรศัพท์ของคำเอื้องปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ยิ่งห่วงจนต้องกดต่อสายโทรหาไหมเพื่อนสนิทของลูก ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! รอไม่นานปลายสายก็กดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานสุภาพส่งมาในสาย “สวัสดีค่ะป๊าคำสิงห์” “หนูไหม ป๊าขอคุยกับหนูเอื้องได้ไหม” คำสิงห์ไม่บอกว่าตนได้โทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสายแทน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบกลับมาในสาย คำสิงห์จึงเอ่ยเรียกคนในสายที่เงียบไป “หนูไหม” “คะป๊าคำสิงห์ ขอโทษทีนะคะ พอดีเมื่อกี้รุ่นพี่ที่ทำงานเดินเข้ามาคุย หนูเลยไม่ได้ตอบป๊าค่ะ”ไหมเลือกที่จะพ
“อะ...นั่นแหละเอื้อง อ่า...ทำแบบนั้นแหละ” เขาจับหัวคนตัวเล็กที่จมหายอยู่ในน้ำโยกไหวเป็นจังหวะเมื่อปากน้อยเริ่มกลืนกินตัวเอง กองบินรู้ว่าคำเอื้องกลัว แต่เธอก็สู้เหลือเกิน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ให้เธอได้ครอบครองกลืนกินตัวเองและแถมยังอยู่ใต้น้ำแบบนี้ด้วย เอวหนายกเด้งกระแทกบดเบียดเสียดสีท่อนเนื้ออหังการตัวเองเข้าออกในปากน้อยใต้น้ำจนน้ำกระฉอกไหลล้นออกนอกอ่างไหลเต็มพื้นห้องน้ำ “โอว์...เสียว อ่า...ไม่ไหวแล้ว อ่า...”ซ่า! คำเอื้องโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำเมื่อกลั้นหายใจใต้น้ำไม่ไหว “อ่า...อือ” เธอหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเต็มแรงแล้วก็ลูบหน้าเสยผมที่เปียก แล้วยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอดก็ถูกแขนแข็งแรงตวัดกอดรั้งเข้าไปซบอกแล้วท้ายทอยก็ถูกมือใหญ่รั้งให้แหงนเงยขึ้น จากนั้นปากหนาก็กดจูบหนักหน่วงถ่ายเทลมหายใจให้เธอ “อะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมา ไม่ว่าปาก
พอขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดสิบสามเข้ามาในห้องชุดสุดหรู กองบินก็ไม่รอช้ากระชากดึงร่างน้อยเปราะบางของคำเอื้องไปกับเตียงนอนนุ่มของตนเองแล้วตัวเองก็ตามไปคร่อมทับกดกักร่างน้อยไว้กับเตียงไม่ให้ลุกหนีจากเตียงนอน แควก! เสียงชุดถูกกระชากฉีกขาดผ่าครึ่งดังขึ้นทำให้คำเอื้องตกใจ ไม่คิดว่าคนป่าเถื่อนจะทำกับเสื้อที่ตนเองใส่ แล้วเขาก็ฉีกผ่าครึ่งจนมาถึงตัวกระโปรงชุดเดรสต่อกันกับเสื้อ “คุณมันบ้า!”คำเอื้องว่าคนเหนือร่างพร้อมจับมือของเขาที่จะกระชากดึงยกทรงตัวเองขาดตามชุดตนเอง “ก็ฉันอยากได้เธอนี่เด็กน้อย เธอก็รู้ว่าฉันตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่มี ‘เซ็กซ์’ กับเธอในลิฟต์ให้อายคน”เขาบอกเธอเสียงร้อนรนแล้วก็จัดการยกทรงสีเนื้อของสาวเจ้าออกจนสองเต้าอวบอูมเด้งออกมาอวดโฉม “อ่า...คิดถึงสอ
กองบินยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของสาวน้อยที่ตนเองกักไว้แล้วก้มลงหมายจะจูบปากน้อย แต่ก็ถูกเธอห้าม “ยะ…อย่าค่ะ” เธอผลักกองบินออกห่าง แต่เขาก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม“ทำไมฮึ?” เขาก้มโน้มหน้ากระซิบข้างแก้มนวลของคนที่ตัวเองดันเข้าชิดผนังลิฟต์กระจกด้านหลังพร้อมอีกมือลูบไล้เรียวขาเล็กผ่านเนื้อผ้าที่ห่อหุ้ม“ยะ…อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด แถมเป็นลิฟต์กระจกอีก” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร้อมใจที่เต้นแรง“หึหึ...แต่วันนี้กล้องวงจรปิดมันไม่ทำงานน่ะสิ มาเถอะ กว่าจะถึงชั้นเจ็ดสิบสาม ฉันคงดำว่ายลึกในตัวเธอแล้วเด็กน้อย” แล้วปากหนาก็ทาบทับปิดกลืนเสียงค้านของเธอที่กำลังเอ่ยทันที พร้อมมือสากกร้านก็เริ่มเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิดทำงานปกติ แต่ในจุดที่เขายืนตรงนี้เป็นมุมที่กล้องวงจรปิดเห็นไม่ชัดและเขาก็ยืนบังร่างน้อยไว้มิดแทบจะมองไม่ออกว่ามีคนอยู่ในลิฟต์สองคน อีกอย่างลิฟต์กระจกนี้คนข้างนอกมองไม่เห็น แต่คนข้างในมองออกไปเห็นทุกอย่าง“อะ...อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากปากทั้งสอง มือใหญ่กำลังสอดเข้าไปในชา
ใจของคำเอื้องสั่นไหวแล้วสั่นไหวอีกแล้ว เพราะคนโอหังเผด็จการที่ดึงลากบังคับตัวเองมาที่ท่าเรือด้วย ตลอดการเดินทางมาในรถเขาก็ฉวยโอกาสลูบไล้เรียวขาเธอด้วยการสอดมือสากกร้านเข้าไปในชายกระโปรงแล้วจับคลึงความเป็นสาวโดยไม่อายคนขับรถ จนเธอต้องผลักเขาออกแล้วตบหน้าของเขาไปหนึ่งที ฝากรอยฝ่ามือไว้บนใบหน้าคมเข้มของบุรุษ เกลียดเขาที่ไม่ให้เกียรติตนและทำกับตนเหมือนผู้หญิงขายบริการ กรอด! กองบินขบกรามแน่นเมื่อถูกตบจนหน้าหันจนอายคนขับรถ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่คุณเคยได้มาง่ายๆ” เธอรู้ว่ากองบินโกรธตัวเอง แต่เธอเองก็โกรธเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้กับตนเอง “แต่เธอก็ไม่ควรตบหน้าฉันแบบนี้เอื้อง” “ฉันอยากทำมากกว่าตบหน้าคุณด้วยซ้ำ” “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันปากเก่งจังเลยนะ” เขาเม้มปากแน่นแล้วยกอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก ไม่ส