“พวกเราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า นี่ก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้วด้วย” ยีนส์เสนอ พวกเราทุกคนเลยพยักหน้ารับและแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก๊อก ก๊อกเพราะฉันกับซาดีนส์นอนห้องเดียวกัน เมื่อมาถึงในห้องนอนไม่พบซาดีนส์อยู่ จึงเดินมาที่ห้องน้ำและลองเคาะประตูเรียก แต่เคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนเปิดเลยลองหมุนลูกบิดดู“ไม่อยู่ แล้วไปไหนของเขา?” ประตูห้องน้ำไม่ได้ถูกลงกลอน และไม่มีร่องรอยว่ามีคนเคยใช้ห้องน้ำก่อนหน้ายิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ติ๊ดๆ เสียงข้อความเข้ามือถือดังขึ้น ฉันเลยรีบเดินไปเปิดอ่านเจ้าชายของเพลย์ : ใช้ห้องน้ำได้ตามสบาย ฉันลงมาอาบกับพวกเคซิสอ่านข้อความเสร็จฉันก็เข้าใจทันที ทำไมวันนี้ซาดีนส์ทำตัวน่ารักจังนะ ฉันนึกว่าเข้ามาในห้องจะเจอเขาทำหื่นใส่เหมือนก่อนหน้าซะอีก คนยิ่งหวั่นๆ อยู่ฉันใช้เวลาอาบน้ำยี่สิบนาทีเพราะกลัวเพื่อนๆ จะรอนาน แต่ติดตรงที่ ยืนมองเสื้อผ้าห้าหกชุดที่เอามาวางเรียงรายบนเตียงนอนแล้วตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะใส่ชุดไหนดี“สีแดงจะแรงไปมั้ยนะ?” หยิบชุดเดรสสีแดงที่บางเบาเหมาะกับลมทะเลขึ้นมาพิจารณาจากนั้นก็พับเก็บไว้ดังเดิมเมื่อคิดว่ามันน่าจะโอเวอร์เกินไป“สีขา
“วี้ดวิ้ว~ สาวสวยที่ไหนหลงทางมาคร้าฟฟฟ” เสียงเฮียขันทีผิวปากเอ่ยแซวตั้งแต่ฉันกับยีนส์ยังเท้าไม่แตะทรายเลยด้วยซ้ำคนอะไรตาดีชะมัดนี่ขนาดทุ่มกว่าๆ ที่เริ่มมืดแล้วนะ“เก็บปากไว้กินเหล้าดีกว่ามั้ยเฮีย” เสียงยีนส์“ง่อว~ ดุแบบนี้ระวังเฮียกัดตอบนะคนสวย”ดูท่าทางเฮียขันทีจะไม่ค่อยกลัวสายตาดุๆ ของยีนส์เลยแฮะ!“เพลย์ ยีนส์ ทางนี้ๆ” ฉันกำลังคิดหาทางเบรกศึกน้ำลายคู่นี้ไม่อยู่ออกพอดี ต้องขอบใจตาหวานที่ส่งเสียงเรียกขัดจังหวะได้ดีทีเดียว“เฮียขันทีแกก็เฟรนลี่ไปงั้นแหละแก อย่าไปสนใจเฮียแกเลย” ฉันบอกให้ยีนส์ใจเย็นๆ ลง พร้อมกับโอบรอบต้นแขนเพื่อนรักให้เดินไปทางตาหวานที่กำลังนั่งปิ้งอะไรสักอย่างอยู่ตรงเตาปิ้งที่ซาดีนส์จัดไว้“หอม~” เมื่อมาถึงฉันก็ทำเสียมารยาทด้วยการสูดจมูกเอากลิ่นอาหารทะเล ที่ตาโตกับตาหวานกำลังย่างกันบนเตายาวๆ“ของแกอยู่โต๊ะตรงนั้น” ฉันมองตามมือที่ยีนส์ชี้ไปยังโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้วางเรียงรายไว้ครบจำนวนคนคนจะกินปูกินกุ้ง แต่ยัยนี่กลับชี้ให้ฉันไปดูอาหารจานอื่นที่โต๊ะแทน“ปลาเซลมอลราดมะนาว ปลากะพงราดพริก ข้าวผัดอเมริกัน กรี้ด! ใครช่างสรรหา ของโปรดฉันทั้งนั้นเลย” ฉันร้องด้วยควา
“จับตาดูดีๆ นะเพื่อนเลิฟ” ยีนส์ตะโกนบอกฉันนั่นยิ่งทำให้หัวใจฉันเต้นระรัวด้วยความลุ้นว่าพวกเขาจะทำเซอร์ไพรส์อะไร“นี่จะเป็นของขวัญสุดพิเศษที่ฉันไม่เคยทำให้ใครมาก่อน” เสียงซาดีนส์ฉันมองไม่ค่อยเห็นว่าพวกเขาทำสีหน้ากันแบบไหน เพราะตรงนี้มันค่อนข้างไกลจากฉัน และมุมที่พวกเขายืนแสงสว่างจากโคมไฟก็ไปไม่ค่อยถึงด้วยไงประเด็น“พร้อมนะ”ฉันได้ยินซาดีนส์ตะโกนถามจากนั้นเสียงนับหนึ่งถึงสามก็ดังขึ้น“หนึ่ง”“สอง”“สาม จุดไฟ”สิ้นเสียงซาดีนส์ ฉันก็เห็นแสงสว่างจากเปลวไฟวาบขึ้นชั่ววิฯ ตามมาด้วยสะเก็ดไฟหลากหลายสีพุ่งออกมาจากสิ่งที่พวกเขาทั้งเจ็ดคนถืออยู่แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันตกตะลึงด้วยความตื่นตาเท่ากับตัวอักษรที่พวกเขาทั้งเจ็ดคนช่วยกันวาดมันขึ้นมาด้วยดอกไม้ไฟนั่นเลยสักนิดเฮียเคซิส – ตัวอักษร เอชเฮียขันที – ตัวอักษร บีตาโต – ตัวอักษร ดีซาดีนส์ – ตัวอักษร พีตาหวาน – ตัวอักษร แอลยีนส์ – ตัวอักษร เอเฮียการ์เซีย – ตัวอักษร วายถ้าเอามารวมกันจะได้เป็น ‘HBDPLAY’ แฮปปี้เบิร์ดเดย์เพลย์“อึก ฮึก” ปกติก็เป็นคนบ่อน้ำตาตื้นอยู่แล้วนะ แต่ครั้งนี้มันตื้นมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า มันมีความสุขน่ะ เป็นเซอร์ไพรส์ที่โ
“หมดแก้ว เพื่อขอบคุณทุกคนค่ะ” ว่าจบฉันก็ยกแก้วพั้นซ์จรดริมฝีปาก กรอกน้ำสีพลีชลงคอจนหมดแก้ว“งานเข้า!” ฉันได้ยินเหมือนเสียงใครพูดอะไรสักอย่างอยู่ใกล้ๆ“เฮีย รีบพาคู่หมั้นเฮียกลับห้องเลยนะ ด่วนจี้ไปรษณีย์จ๋าเลย”เหมือนยีนส์จะพูดอะไรงุ้งงิ้งๆ อยู่ใกล้ๆ หู แต่ฉันแปลคำพูดให้เป็นความหมายไม่ออก รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หัวมันวิ้งๆ มึนๆ และตัวลอยๆ“เฮ้! เพลย์เยอร์” และตามมาด้วยเสียงใครสักคนร้องจนหูฉันจะแตกอยู่รอมร่อ เอ๊ะ! แล้วทำไมถึงมีคนมาเพิ่มกันล่ะหนึ่ง สอง... เก้า สิบเอ๋... มีคนมาร่วมฉลองให้ฉันเพิ่มเหรอเนี่ย ดีใจจริงๆ[Sadin’s part]“งานเข้า!”หลังจากที่เพลย์กระดกน้ำพันซ์จนหมดแล้วเสียงเพื่อนรักอย่างยีนส์ก็สบถขึ้นมาทันควัน ผมงงกับท่าทางตกใจของยีนส์ แต่ก็ไม่นานเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนที่เพิ่งขอบคุณพวกเราด้วยน้ำพันซ์แก้วนั้นพันซ์แก้วนั้นต้องมีแอลกอฮอล์อยู่ เพราะจำได้ว่าผมเป็นคนสั่งมาเอง“เฮีย รีบพาคู่หมั้นเฮียกลับห้องเลยนะ ด่วนจี้ไปรษณีย์จ๋าเลย” ยีนส์ไม่ว่าเปล่า เธอดันแผ่นหลังผมให้รีบไปรับร่างเพลย์ที่กำลังโคลงเคลงจะล้มให้ได้“เฮ้! เพลย์เยอร์” ทำไมยัยนี่ถึงได้คออ่อนขนาดนี้นะ ดีนะผมรับตัวเธอไว้ได
“ลองมั้ย?” อ้าว! มีตอบเว้ย! “ได้เหรอ?” ผมถามกลับแทบจะทันทีแหมๆ ถ้าเสนอมาซีนส์ไม่ขัดศรัทธานะครับ บอกเลย~“ได้... กับผีสิ ไอ้บ้าซาดีนส์!”นั่นไงเธอสร่างเมาแล้ว อาจจะตั้งแต่ผมเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นั่นแหละ“ผีทะเลอะ รู้จักป้ะ!” ผมก็ยังหน้ามึน ต่อล้อต่อเถียงกับเธอไม่เลิกไม่รู้สิ เวลาได้ต่อปากต่อคำกับเพลย์ทีไร มันทำให้ผมสนุก มีความสุขแบบบอกไม่ถูก เพลย์เป็นคนที่จะว่าอ่อนหวานก็ไม่ใช่ แข็งกระด้างก็ไม่เชิง คือเธอมีทั้งความหวานที่ซ่อนไว้ในความเอาแต่ใจ คิดกันออกมั้ย?คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดครับ มันคือความรู้สึกของคนรักกัน คนนอกคงไม่รู้ ฮี่ๆๆ“ถอยเลย จะไปอาบน้ำ” นั่น! พอเริ่มกลับมามีแรงก็แผลงฤทธิ์อีกแล้วนะหมับ! ตอนที่เพลย์กำลังก้าวขาลงจากเตียงผมก็ไม่รอช้า คว้าร่างบางของเธอเข้ามาสู่อ้อมกอด โดยที่ตัวผมนั่งซ้อนด้านหลังเธออีกที“ซะ ซาดีนส์ ทำบ้าอะไร” น้ำเสียงสั่นมาพร้อมกับความสั่นเทาของร่างบอบบาง เพลย์เยอร์คงจะตกใจกับการกระทำของผม“ไหนคำตอบ” อย่าคิดว่าผมลืม?นี่คงคิดจะชิ่งไปอาบน้ำแล้วรอให้ผมหลับไปก่อนสิท่าเสียใจ คืนนี้ผมฟิต ยาวได้ทั้งคืนยันสว่าง“ค.. คำตอบอะไร” มีเนียนลืม“ให้ทวนความจำเลยเหรอ อื้ม เอา
“หรือจะให้ง้างอี..ก”“ตอบแล้วๆ” ฉันรีบยกสองมือดันไหล่หนาเขาไว้เมื่อซาดีนส์กำลังโน้มใบหน้าลงมาใกล้ฉันอีกครั้ง“ขอคำตอบดีๆ” ฉันเห็นแววตาระริกระรี้และรอยยิ้มตรงมุมปากเขาด้วยล่ะหมอนี่กำลังกดดันฉันทางสายตา แต่ไม่ใช่สายตากดดันแบบฮาร์ดคออะไรทำนองนั้นนะ มันเป็นการจ้องมองที่โคตรนุ่มละมุนเลยล่ะจะบ้าตาย ฉันแพ้ทางซาดีนส์เวอร์ชั่นมุ้งมิ้งแบบนี้!“อื้ม” ฉันพยักหน้าให้เขา หลังจากนั้นก็เบือนหน้าหลบสายตาคมคู่นั้นทันที“อื้มนี่คืออะไร?” ซาดีนส์ใช้มือข้างหนึ่งช้อนกรอบใบหน้าฉันให้หันไปสบตาเขาตรงๆ อีกครั้งตึกตัก ตึกตัก ทำยังไงดี ทุกครั้งที่ได้จ้องตาคมคู่นี้ฉันเหมือนกับถูกมนต์สะกดมันเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ราวกับนัยต์ตาสีดำขลับคู่นี้กำลังสะกดให้ฉันพูดตามสิ่งที่เจ้าของดวงตาคู่นี้ปรารถนาให้เป็น“หมั้นก็หมั้น” และก็เป็นดั่งที่คิด เมื่อฉันเผลอตอบตกลงหลังจากจ้องนัยต์ตาคู่นั้นอยู่ราวนาที“น่ารัก”จุ๊บ“แบบนี้ต้องมีรางวัล”ฟอดดดดเดี๋ยวสิ! ฉันตั้งตัวไม่ทันคือเมื่อกี้หลังจากที่ฉันตอบตกลงเรื่องหมั้นกับซาดีนส์ เขาก็บอกว่าฉันน่ารักใช่มั้ย แต่มันมาพร้อมกับจูบเบาๆ หลังจบคำพูดนั้นแล้วไหนจะตอนที่บอกว่ามีรางวัล หม
พรึ่บ! หลังจากที่ซาดีนส์ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เขาก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างพร้อมกับสวมกอดฉันไว้แนบแน่น“อายเหรอ” ถามมาได้ นี่มันครั้งแรกของฉันนะ“อีกรอบได้มั้ยอะ ยังไม่อิ่มเลย”เพียะ! ไม่รอช้า ประเคนฝ่ามือน้อยๆ เต็มแขนที่เขาสวมกอดทันที“ทะลึ่ง พอเลย เหนื่อย” เสียงฉันแทบจะไม่มีเพราะกลั้นความอายเอาไว้“ได้ครับ ‘เมีย’ ”เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้เขาเรียกฉันว่าอะไรนะ“ซาดีนส์ เมื่อกี้นายระ เรียกฉันว่าอะไรนะ!” ฉันถามเขาแทบเรียกตวาด“เมียไง ทำไม อายเหรอ” แล้วนั่น ดูเขาสิ ยิ้มล้อฉันอีกแล้วอ่ะไม่น่าหลวมตัวเลยเพลย์เยอร์เอ๊ย!“ห้ามเรียกต่อหน้าใคร เข้าใจมั้ย” ฉันหันหน้าหนีซาดีนส์ทันทีคนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่มียางอายเลยหรือไง เพิ่งจะ... หยกๆ เองนะ“ไม่เอา หวง ยิ่งต่อหน้าตัวผู้ยิ่งต้องเรียกเมีย”แล้วนี่มันซาดีนส์เวอร์ชั่นไหนเนี่ย ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้“ถ้าเรียกจะงอน จะโกรธ จะไม่คุยด้วยสามวัน!” ฉันใช้น้ำเสียงไม่พอใจปนเอาแต่ใจบอกซาดีนส์“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจแรงๆ ดังขึ้น ทำฉันลุ้นแทบตายกับคำตอบเขา“ถ้ายอมสวมแหวนหมั้นจะไม่เรียกเมียต่อหน้าคนอื่นก็ได้ เคนะ?”ฉันลองคิดตามคำพูดเขาดู ก็ยังดีนะ แค่สวมแหวนหมั้นก็บ่งบอกแล้วว่า
“ไปรถยีนส์นะ” เมื่อออกมาจากห้องนอนเห็นซาดีนส์นั่งทำหน้าบึ้งอยู่ห้องนั่งเล่นพร้อมเจ้าแมวทั้งสองตัวเลยรีบร้องบอกและไม่รอให้เขาอนุญาตอะไรใดๆ รีบออกจากห้องตามยีนส์มายังโรงจอดรถทันที@มหาวิทยาลัย RNN universityหลังจากที่ยีนส์จอดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจเสร็จ ฉันลงจากรถกำลังถอดหมวกกันน็อคเพื่อส่งให้เพื่อนรักแต่ดันมีเสียงคุ้นหูที่ห่างหายไปนานจนแทบลืมไปแล้วดังขึ้น“เพลย์ นั่นเพลย์เยอร์ใช่ไหม?”ตึกตัก ตึกตัก หัวใจฉันเต้นกระหน่ำ เมื่อหันไปตามเสียงเรียกแล้วเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตา แม้พวกเราจะไม่ได้เจอกันมาเกือบสองปี แต่ฉันก็จำเขาได้“เฮียทีม” ไม่ใช่เสียงฉัน“อ้าว! ยีนส์ก็อยู่ด้วยเหรอ”“แล้วนี่” ยีนส์หยุดเสียงลงเมื่อมองมาที่ฉันที่ตอนนี้หน้าคงจะซีดเผือดไปแล้ว“แก”“อ๊ะ!” ฉันได้สติเมื่อยีนส์จับแขนฉันแล้วเขย่าเรียกเบาๆตั้งแต่ที่ฉันเห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงเรียกเมื่อกี้ร่างกายฉันก็ชาวาบ เรื่องราวเก่าๆ มันไหลพลั่งพรูเข้ามาราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน‘เฮียทีม’ คืออดีตแฟนเก่าเมื่อตอนปีหนึ่งของฉันถ้าจะถามว่าแล้วที่ฉันพูดมาตลอดตั้งแต่ต้นว่ารอเจ้าชายขี่ม้าขาวเมื่อตอนเด็กมาตั้งสิบเจ็ดปีแล้วทำไมถึงเคยมีแฟน
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั