วูบ~และสักพักไอ้หัวใจบ้าก็เกือบจะหยุดเต้นลงซะงั้น“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้ ตกลงแผนนายคืออะไร รีบๆ พูดจะได้รีบกลับ” น้ำเสียงหงุดหงิดนี่หวังว่าเขาคงไม่เอะใจกับมันหรอกนะ“ฉันตกลงกับคุณหญิง เอ่อ แม่ฉันน่ะ” หมอนี่คงชินกับการเรียกแม่ตัวเองแบบนั้น พอเห็นฉันทำคิ้วขมวดเพราะงงในชื่อที่เรียกเลยรีบเฉลย“แล้ว?” เพราะเขาไม่ยอมพูดต่อฉันเลยเร่งเร้า“ฉันตกลงกับแม่ฉันไว้ ว่าจะทดสอบเธอนิดหน่อย ถ้าเธอแกล้งทนฉันไม่ได้สักสองเดือนเรื่องงานหมั้นเราก็จะไม่เกิดขึ้น”แปร๊บ!ทำไมพอได้ยินคำว่า ‘งานหมั้นจะไม่เกิดขึ้น’ ฉันถึงรู้สึกเจ็บปวดที่อกข้างซ้ายแปลกๆ สรุปเขาคือเจ้าชายในวัยเด็กของฉันจริงหรือเปล่า?“ถามไรอย่างสิ!” บอกแล้วฉันเป็นคนตรงๆ ถ้าอยากรู้อะไรจะถามเลย แต่พอคนที่ฉันกำลังจะตั้งคำถามหันมามอง ปากมันก็หยุดทำงานซะงั้น“ว่า?” ไอ้หัวขาวเอียงคอหน่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นเหมือนเร่งเร้ารอฟังคำถาม“ที่นายไม่อยากหมั้นเพราะว่า... เพราะ เอ่อ” ทำไมกลับกรอกแบบนี้เพลย์เยอร์ ความตรงไปตรงมาของแกไปไหนหมด เปลี่ยนคำถามซะงั้น!“เพราะอะไร?” คนรอฟังยังคงเร่งเร้าสิ่งที่ฉันยังถามไม่จบ“นายมีคนที่ชอบแล้วเหรอ?” ฉันตัดสินใจถามออกไป แต่กลับไม่มองหน้
พวกมันสามตัวก็คิดเหมือนผมนั่นแหละ แต่ถ้าไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้หรอกความรู้สึกตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นมันอึดอัดแค่ไหน“มึงไม่คิดจะพาว่าที่คู่หมั้นมาแนะนำพวกกูหน่อยเหรอวะ” เคซิสถามผมรู้นะว่ามันคิดอะไร ไอ้นี่เห็นน่าดุๆ เงียบๆ แต่ฟาดเรียบนะครับ“เฮ้ย! อย่ามองกูแบบนั้นสิวะ ไหนบอกไม่จริงจังไง” รีบแก้ตัวเชียวนะไอ้ห่า“กูเปล่ามอง” ไม่ยอมรับมีไรมั้ย?“แหล!” เสียงแดกดันเรียบๆ จากไอ้การ์เซียที่นั่งอยู่ม้านั่งตรงข้ามผมดังขึ้นผมที่กำลังจะง้างปากเปล่งคำด่าการ์เซียออกไปก็ดันโดนมันชิงพูดขัดขึ้นมาอีกรอบ “ใช่คนนั้นมั้ยนะ?” มันพูดพร้อมเพยิดหน้าไปทางด้านหลังผมและเมื่อโฟกัสไปตามสายตาไอ้การ์เซียก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า มันหมายถึงใคร“เออ! ยัยตัวแสบนั่นแหละ” เพลย์เยอร์ คือคนที่ไอ้การ์เซียถามเมื่อครู่ยัยนั่นกำลังเดินมากับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูๆ แล้วน่าจะเด็กกว่าสักปีสองปี แล้วไอ้ท่าทางที่กำลังกอดคอไอ้หน้าอ่อนแบบสนิทชิดเชื้อนั่นคืออะไรวะ“เก็บอาการหน่อยเพื่อนซีนส์” ไอ้ขันทีเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ เรียกสติให้กลับมาประจำที่ เมื่อกี้เกือบเดินไปกระชากยัยตัวแสบนั่นออกมาจากไอ้เด็กนั่นแล้ว“ไหนบอกไม่หวง ไม่จริงจัง แต่ทำไมอากา
“ไหนๆ พี่ก็เดินคนเดียวแล้ว อีกอย่างไม่ค่อยชอบสายตาพวกตึกศิลป์เท่าไหร่ มองมาเหมือนกับจะกินพี่งั้นล่ะ เราไปส่งพี่ขึ้นตึกหน่อยแล้วกัน”ที่ฉันพูดไม่ได้เกินจริงเลยนะ ตึกนิเทศฯ กับ ตึกศิลป์มันอยู่ติดกันไง แล้วเมื่อกี้ฉันสังเกตได้ว่ารอบๆ ข้าง มีคนจ้องอยู่ตลอดเวลา มีครั้งหนึ่งฉันเผลอหันไปมองก็เห็นพวกผู้ชายที่นั่งอยู่ตึกศิลป์จ้องมองแล้วก็ซุปซิบๆ อะไรสักอย่าง สายตานะมองเหมือนกับสามารถสแกนทะลุเสื้อผ้าฉันได้ยังไงยังงั้นเลย“ได้สิฮะ เรื่องแค่นี้เอง” ตาโตไม่ปฏิเสธแถมยังตอบแบบเต็มใจฉันเลยอดที่จะเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ได้ ยกมือขึ้นกอดคอน้องมันแล้วเดินไปยังจุดหมายที่เดินไปอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงแล้วปึก!จังหวะที่เราสองคนกำลังจะก้าวถึงตีนบันได ก็มีใครสักคนเดินมากระแทกด้านหลังตาโตค่อนข้างแรงเอาเรื่องที่ฉันรับรู้ได้เพราะฉันกอดคอน้องมันอยู่ไง แถมตัวน้องมันยังกระเด็นไปข้างหน้าทำให้มือที่ฉันกอดคอน้องมันอยู่หลุด ตัวฉันเองก็เซนิดหน่อย“อ๊ะ! โทษทีมองไม่เห็น” น้ำเสียงเชิงขอโทษที่ฉันรับรู้ได้ว่าไม่ค่อยเต็มใจเอ่ยออกมา พลันตั้งหลักได้ฉันเลยมองเห็นว่าคนที่เอ่ยและชนพวกเราเป็นใคร“ไม่เป็นไรฮะ” ตาโตเกาหัวแกรกๆ แล้วก้มหัวนิ
[อ้าว! ยีนส์ก็..] ทว่าพ่อของยีนส์เหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง เสียงใสๆ ของคนที่เป็นประเด็นก็ดังขึ้น“เฮลโหลวว สาวๆ”“ยีนส์ / ยัยบ้ายีนส์” ตาหวานและฉันโพล่งเรียกชื่อผู้มาใหม่พร้อมกัน“ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณลุง ตอนนี้ยีนส์อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ เพลย์อาจจะทึกทักเอาไปเอง ขอโทษมากๆ อีกครั้งนะคะ สวัสดีค่ะ”ฉันร่ายยาวขอโทษขอโพยผู้เป็นพ่อเพื่อน ที่ตอนนี้เธอนั่งหย่อนก้นลงเก้าอี้ตัวข้างๆ ฉันเป็นที่เรียบร้อย“แกหายไปไหนมา” เสียงสั่นเครือของฉันถามเพื่อนสนิทออกไป“เป็นไร ร้องไห้?” ยีนส์ทำสีหน้าตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือมาโอบไหล่ฉันเข้าไปซบอกเธอ“พวกเราเป็นห่วงยีนส์นะ โดยเฉพาะเพลย์ นั่งเรียนแทบไม่มีสติเลยล่ะ” เสียงตาหวานดังเจื้อยแจ้วเล่าอาการของฉันตอนเรียนคาบแรกจบไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน“โอ๋ๆ เพลย์น้อยขี้แย น้องยีนส์ขอโทษนะคะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย อ้อ... ส่วนตัวนิดนะคะคนดี” ยีนส์รู้ทันว่าฉันจะถามอะไรเธอถึงได้รีบเบรกไว้ก่อนถ้ายีนส์ได้บอกว่า ‘ส่วนตัว’ นี่คือไม่อยากบอกจริงๆ ฉันจะไม่ถือว่ามันคือความลับ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้รู้ได้เช่นกันแต่ฉันเชื่อ... เมื่
[รู้ได้ไงฉันชอบ ‘เล่น’ ลิ้น]กรี้ด!!!ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ถ้าฉันปรี้ดแตกตอนนี้ สามคนที่นั่งร่วมโต๊ะที่เลิกสนใจการคุยโทรศัพท์ของฉันต้องหันกลับมาถามแน่นอนว่า ‘เป็นอะไร’ ‘ใครโทรมา’“ไอ้ทุเรส ไม่ต้องมาหื่นใส่ ฉันรู้ว่านายชอบผู้ชาย” ปรี้ดแตกไม่ได้ใช่ว่าฉันจะด่าหมอนี่ไม่ได้[…] เฮอะ! เป็นไงเจอฉันแทงใจดำละสิถึงได้เงียบ“เงียบทำไม ตกลงจะพูดได้ยัง ก่อนหน้านั้นนายเรียกฉันว่าอะไร”[อยากรู้ก็มาถามตัวต่อตัว เอาแบบซึ่งๆ หน้า ฉันรออยู่xxx]ซาดีนส์บอกสถานที่ตัวเองอยู่เสร็จสรรพหมอนั่นก็วางสายฉันทันทีอะไรกันเนี่ย บ้าไปแล้ว อยู่ๆ โทรมาหาเรื่องกวนประสาทฉันแล้วก็ให้ฉันออกไปหาที่คณะตัวเองเนี่ยนะ“คุยกับใครนานสองนาน แถมคิ้วแทบจะผูกโบว์อยู่แล้ว”ยีนส์เปิดปากถามฉันคนแรก จากนั้นก็มีเอฟเฟคพยักหน้าอยากรู้ของสองพี่น้อง ตาหวานและตาโตตามมา“เปล่าไม่มีอะไร พอดีที่บ้านโทรให้ออกไปเอาของนิดหน่อย เดี๋ยวขึ้นเรียนคาบต่อไปก่อนเลยนะ เพลย์ตามไปทีหลังเอง”ว่าจบฉันก็ไม่รอให้ใครซักไซ้อะไรต่อ รีบเดินสะบัดก้นงอนๆ ออกไปจากโรงอาหารของคณะตัวเอง มุ่งหน้าไปยังหน้าลานนั่งเล่นของตึกศิลป์สถานที่ที่ไอ้บ้าซาดีนส์มันนัดไว้ก่อนวางสายไป[
“ก่อนหน้า ‘แสนรู้’ งั้นก็...”ลีลาบ้างดีกว่า อยากเห็นอาการอยากรู้ของยัยตัวแสบ อยากให้เธอดิ้นมากกว่านี้อีกสักนิด[อย่าเล่นลิ้น!] เสียงที่เหมือนจะตะคอกแต่ก็ทำไม่สุดเสียงดังรอดมา“รู้ได้ไงฉันชอบ ‘เล่น’ ลิ้น” เธอเปิดช่องว่างให้ผมชงเองนะ[…] แต่หลังจากที่ผมเน้นคำว่า ‘เล่นลิ้น’ ออกไปเพลย์เยอร์กลับเงียบไปมีแค่เสียงฟึดฟัดของลมหายใจที่ดังลอดเข้ามาในสาย อาการเหมือนคนกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา[ไอ้ทุเรส ไม่ต้องมาหื่นใส่ ฉันรู้ว่านายชอบผู้ชาย]ไรวะ? ยัยนี่ยังไม่เลิกคิดว่าผมเป็นพวกรักร่วมเพศอีกเหรอ?หล่อๆ แมนทั้งแท่งแบบนี้ คิดได้ไงว่าผมชอบผู้ชาย อยากคิดก็คิดไป ไม่ตอบไม่ต่อปากต่อคำ งอนอะ เฟลด้วย ไม่มีใครบ้าคิดว่าผมเป็นเกย์สักคนยกเว้นยัยนี่[เงียบทำไม ตกลงจะพูดได้ยัง ก่อนหน้านั้นนายเรียกฉันว่าอะไร]ทนไม่ได้ยินเสียงผมไม่ไหวล่ะสิ! ถึงได้รีบซักไซ้“อยากรู้ก็มาถามตัวต่อตัว เอาแบบซึ่งๆ หน้า ฉันรออยู่xxx”หลังจากที่บอกกึ่งบังคับให้เพลย์เยอร์มาเอาคำตอบกับผมแบบตัวต่อตัวที่ตึกศิลป์ที่ประจำที่ผมชอบนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ผมก็รีบกดวางสายเธอไปก่อนไม่อยากถือสายรอฟังเสียงแจ้วๆ ของเธอ กลัวจะอดหื่นกลับไป
ซาดีนส์พาฉันมาที่หลังตึกคณะของเขา ตรงนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เรียกว่าวังเวงอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ต้นไม้แล้วก็ไร้ซึ่งผู้คน“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม น่ากลัวออก” ฉันสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ พื้นที่ที่ตอนนี้แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกเหนือจากพวกเราสองคน“ไม่พามาฆ่าข่มขืนแล้วกัน” ซาดีนส์ตอบกลับด้วยใบหน้าระอาอ...ไอ้ ฮึ้ย! เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดคำด่าหมอนี่ไม่ทัน“แม่ให้มาชวนไปทานข้าวคืนนี้” ซาดีนส์โพล่งออกมาเสียงเรียบ“…” ฉันไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า“ว่าไง เธอเลิกกี่โมงจะให้ไปรับหรือว่าจะให้แชร์โลเคชั่นให้”ซาดีนส์เร่งเร้าเอาคำตอบจากฉัน“แชร์โล...” ฉันรีบหุบปากลงทันทีเมื่อสมองคิดอะไรดีๆ ออกหึ! วันนี้เหมือนฉันจะแพ้หมอนี่ราบคาบมาหลายประโยคแล้วถึงเวลาเอาคืนแล้วล่ะ@16.00 น.ในที่สุดคลาสเรียนสุดท้ายของวันนี้ก็จบลง ไม่อยากจะบอกเลยว่า ฉันเข้าเรียนไม่ทันเกือบยี่สิบนาทีเพราะมัวแต่ตกลงเรื่องนัดทานข้าววันนี้กับไอ้บ้าซาดีนส์แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกสนุกจนอดที่จะกลั้นหัวเราะไม่ไหว “คิกๆ”“เป็นบ้าเหรอเพลย์น้อย” ยีนส์ใช้ศอกกระทุ้งแขนฉันเบาๆตอนนี้เรากำลังเดินไปทางลานจอดรถที่ยีนส์จอดเจ้
หลังจากที่นั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับยีนส์ต่อสักพัก ฉันก็เข้ามาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอคนที่บ้านเอา ‘น้องซี’ แลมโบฯ คู่ใจฉันมาส่งที่ด้านล่างคอนโด กว่าพ่อกับแม่เล็กจะอนุญาตให้ฉันกลับมาขับรถได้อีกก็โดนบ่นจนหูชาก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนปีหนึ่งที่ได้น้องซีมาใหม่ๆ ฉันยังขับไม่คล่องแล้วก็ดันไปขับชนถังขยะหน้าบ้าน พ่อกับแม่เล็กเลยไม่อยากให้ฉันขับรถอีกเลยจังหวะที่เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรดที่วางแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอน สายตาก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนซึ่งตอนนี้มันบ่งบอกเวลาหกโมงเย็นเป๊ะๆ“ป่านนี้หมอนั่นจะรู้ตัวว่าโดนฉันหลอกหรือยังนะ” พูดไปก็ขำไปทำไมเธอร้ายกาจแบบนี้นะเพลย์เยอร์ นั่นเจ้าชายที่เธอรอคอยนะ – ไรท์ฝัน@บ้านรัตนะวานนท์[Sadins’s part]บรืน~ เอี๊ยดดดดเสียงล้อรถดังสนั่นเมื่อผมจอดแลมโบฯ สีฟ้าครามตรงโรงจอดรถของบ้าน เชื่อเลยว่าถ้าผมโผล่หน้าเข้าไปในบ้านเมื่อไหร่ต้องโดนแม่ด่ายกใหญ่แน่เลย ท่านไม่ชอบให้ผมขับรถเร็วและทำนิสัยรุนแรงแบบนี้แต่แม่ง! จะไม่ให้ผมหงุดหงิดแล้วอารมณ์เสียได้ยังไงในเมื่อ ‘ยัยตัวแสบ’ เธอหลอกให้ผมยืนรอที่หน้าคณะเธอตั้งหลายชั่วโมงแม่ง! ยิ่งคิดยิ่งโมโห โง่แล้วโง่
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั