ซาดีนส์พาฉันมาที่หลังตึกคณะของเขา ตรงนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เรียกว่าวังเวงอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ต้นไม้แล้วก็ไร้ซึ่งผู้คน“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม น่ากลัวออก” ฉันสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ พื้นที่ที่ตอนนี้แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกเหนือจากพวกเราสองคน“ไม่พามาฆ่าข่มขืนแล้วกัน” ซาดีนส์ตอบกลับด้วยใบหน้าระอาอ...ไอ้ ฮึ้ย! เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดคำด่าหมอนี่ไม่ทัน“แม่ให้มาชวนไปทานข้าวคืนนี้” ซาดีนส์โพล่งออกมาเสียงเรียบ“…” ฉันไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า“ว่าไง เธอเลิกกี่โมงจะให้ไปรับหรือว่าจะให้แชร์โลเคชั่นให้”ซาดีนส์เร่งเร้าเอาคำตอบจากฉัน“แชร์โล...” ฉันรีบหุบปากลงทันทีเมื่อสมองคิดอะไรดีๆ ออกหึ! วันนี้เหมือนฉันจะแพ้หมอนี่ราบคาบมาหลายประโยคแล้วถึงเวลาเอาคืนแล้วล่ะ@16.00 น.ในที่สุดคลาสเรียนสุดท้ายของวันนี้ก็จบลง ไม่อยากจะบอกเลยว่า ฉันเข้าเรียนไม่ทันเกือบยี่สิบนาทีเพราะมัวแต่ตกลงเรื่องนัดทานข้าววันนี้กับไอ้บ้าซาดีนส์แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกสนุกจนอดที่จะกลั้นหัวเราะไม่ไหว “คิกๆ”“เป็นบ้าเหรอเพลย์น้อย” ยีนส์ใช้ศอกกระทุ้งแขนฉันเบาๆตอนนี้เรากำลังเดินไปทางลานจอดรถที่ยีนส์จอดเจ้
หลังจากที่นั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับยีนส์ต่อสักพัก ฉันก็เข้ามาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอคนที่บ้านเอา ‘น้องซี’ แลมโบฯ คู่ใจฉันมาส่งที่ด้านล่างคอนโด กว่าพ่อกับแม่เล็กจะอนุญาตให้ฉันกลับมาขับรถได้อีกก็โดนบ่นจนหูชาก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนปีหนึ่งที่ได้น้องซีมาใหม่ๆ ฉันยังขับไม่คล่องแล้วก็ดันไปขับชนถังขยะหน้าบ้าน พ่อกับแม่เล็กเลยไม่อยากให้ฉันขับรถอีกเลยจังหวะที่เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรดที่วางแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอน สายตาก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนซึ่งตอนนี้มันบ่งบอกเวลาหกโมงเย็นเป๊ะๆ“ป่านนี้หมอนั่นจะรู้ตัวว่าโดนฉันหลอกหรือยังนะ” พูดไปก็ขำไปทำไมเธอร้ายกาจแบบนี้นะเพลย์เยอร์ นั่นเจ้าชายที่เธอรอคอยนะ – ไรท์ฝัน@บ้านรัตนะวานนท์[Sadins’s part]บรืน~ เอี๊ยดดดดเสียงล้อรถดังสนั่นเมื่อผมจอดแลมโบฯ สีฟ้าครามตรงโรงจอดรถของบ้าน เชื่อเลยว่าถ้าผมโผล่หน้าเข้าไปในบ้านเมื่อไหร่ต้องโดนแม่ด่ายกใหญ่แน่เลย ท่านไม่ชอบให้ผมขับรถเร็วและทำนิสัยรุนแรงแบบนี้แต่แม่ง! จะไม่ให้ผมหงุดหงิดแล้วอารมณ์เสียได้ยังไงในเมื่อ ‘ยัยตัวแสบ’ เธอหลอกให้ผมยืนรอที่หน้าคณะเธอตั้งหลายชั่วโมงแม่ง! ยิ่งคิดยิ่งโมโห โง่แล้วโง่
ปัก!‘จุก’ เมื่อกี้โดนไปอีกหนึ่งที แต่เป็นศอกน้อยๆ กระทุ้งสีข้างแทน ทำไมยัยนี่ชอบเล่นทีเผลอจังวะ คิดว่าผมจะยอมให้ยัยตัวแสบนี่ทำผมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเหรอครับ“นี่! ปล่อยเลยนะ อยากโดนดีอีกหรือไง” เพลย์กระซิบรอดไรฟันออกมาเบาๆ หลังจากที่ผมลงแรงกอดที่ไหล่เธอ พร้อมกับกระชับร่างบางเข้ามาเกือบจะกลายเป็นซบอกผมแทน“ก็ลองทำดูสิ สองครั้งก่อนหน้าฉันแค่เผลอ แต่ตอนนี้ฉัน ‘ตื่นตัว’ อยู่ตลอดเวลา พร้อม ‘รบ’ ตลอด”“ไอ้... ชิ!” ดูจากสีหน้าซีดเผือดแสดงว่าเพลย์เองก็คงเข้าใจสิ่งที่ผมเน้นย้ำสองคำก่อนหน้า ก็คำว่า ‘ตื่นตัว’ กับ ‘พร้อมรบ’ นั่นแหละครับ“ปล่อยได้แล้ว จะกอดอีกนานไหม ไหล่ฉันน่ะ!” เสียงใสๆ ดังออกมาเหมือนไม่พอใจ หลังจากที่ตอนนี้เราสองคนมาอยู่ที่สวนหน้าบ้าน“คิดว่าอยากกอดนักไง” ผมตอบกลับพร้อมกับรีบสะบัดมือที่เกาะไหล่เพลย์ออก แต่แม่งทำไมเหมือนคนโรคจิตเลยวะ อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาดมซะงั้น เป็นเอามาก แต่กลิ่นร่างกายของเพลย์ที่ติดมือผมมาไม่อยากจะบอกเลยว่า ‘หอมมาก’มันไม่ใช่กลิ่นเสื้อผ้า ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม มันเหมือนเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวของผู้หญิงคนนี้มากกว่า แม่ง ผิวกายเธอก็อย่างนุ่มลื่นอะ ใจเย็นลูก ใจเย็น อย่าเพ
อะไรของหมอนั่น! อยู่ๆ ก็มาชวนฉันทะเลาะเรื่องตาโตเนี่ยนะ แล้วไหนจะท่าทางเหมือนหมาที่เจ้าของไม่สนใจแบบนั้นอีกล่ะ! ฉันเริ่มตามไม่ทันแล้วนะ“ทำยังกับโกรธงั้นแหละ” พึมพำกับตัวเองเสร็จ ก็นั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำอยู่สักพัก ไม่นานก็มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินมาเรียกให้ฉันเข้าไปทานอาหารในบ้าน“ทานเยอะๆ นะหนูเพลย์ อาหารที่นี่ไม่มีไข่ขาว ไม่มีถั่วลิสง ทานได้ตามสบายเลยลูก” คุณลุงพงศ์ที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานบอกฉันพร้อมกับยิ้มกว้าง“ค่ะ นี่แม่เล็กหรือคุณพ่อเป็นคนบอกเรื่องเพลย์แพ้อาหารพวกนั้นมาเหรอคะ”ที่ฉันถามแบบนั้นเพราะอาหารที่พ่อซาดีนส์ไล่มาแต่ละอย่าง คือของที่ฉันทานไม่ได้เพราะว่าแพ้ขั้นรุนแรงยังไงล่ะ“ทุกเรื่องที่เป็นของหนู ป้ารู้หมดจ๊ะ มาๆ ทานข้าวกันดีกว่า ว่าแต่ตาซีนส์ทำไมยังไม่ลงมา” แต่ป้าแพรวกลับเป็นคนตอบแทนสามีท่านจะว่าไปตั้งแต่ที่ซาดีนส์เดินหนีฉันตอนที่เรากำลังคุยเรื่องตาโตอยู่ตอนนั้น จนป่านนี้ฉันก็ยังไม่เห็นแม้แต่เหงาหัวของหมอนั่นเลย“อิฉันไปตามให้แล้วค่ะคุณหญิง แต่คุณหนูบอกว่าไม่หิว ให้ทานกันได้เลย” คุณป้าที่เป็นคนเดินไปตามฉันก่อนหน้าเป็นคนรายงานแม่ซาดีนส์อีกที“นิสัยเสียจริงๆ เลยลูกคนนี้ ไม่
“ทำอะไรน่ะ”ฉันที่กำลังจะอ้าปากจัดอีกสักชุดให้ยัยหวาอะไรนั่น เสียงทุ้มติดแหบๆ ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียกให้ขนอ่อนลุกเกรียวเมื่อสัมผัสได้ว่าลมหายใจมันกำลังเป่ารดอยู่แถวๆ ท้ายทอยตัวเอง[ใบ้แดกไปแล้วหรือไง หรือว่าพอรู้ว่าฉันกับซาดีนส์ ... ติ๊ด]ฉันไม่ได้เป็นคนกดตัดสาย แต่เป็นไอ้บ้าที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำต่างหากที่แย่งโทรศัพท์จากมือฉันไปวางสายเอง“ไม่ยักจะรู้แค่ ‘ว่าที่’ คู่หมั้น ก็ยุ่งของส่วนตัวกันได้” เหมือนโดนย้อนคืนเบาๆน้ำเสียงซาดีนส์กดต่ำเหมือนกำลังประชดฉันด้วยการย้อนคำพูดของฉันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนพลั่ก! ตุบ!ฉันตัดสินใจกลับหลังหันเพื่อจะเดินออกจากห้องซาดีนส์แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหมอนั่นผลักฉันลงบนเตียงหนานุ่ม“คิดจะหนี?” ซาดีนส์ไม่ได้ตามลงมาคร่อมอย่างที่ทุกคนคิด เขาเพียงแค่ยืนอวดซิกแพกที่มีเพียงผ้าขนหนูสีครีมอ่อนๆ พันช่วงสะโพกไว้อย่างหมิ่นเหม่“ทำไมต้องหนี” โต้ตอบเขาแต่ตากลับรีบเบือนไปทางอื่นไม่ไหว หุ่นหมอดีชะมัด ฉันก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดว่าไม่เคยส่องไอจีหนุ่มหล่อ โชว์กล้าม อวดซิกแพกมาก่อนนะ แต่แค่แบบว่า การได้มาเห็นของจริงใกล้ๆ มันทำให้เลือดมันสูบฉีดผิดปกติไปนิดหนึ่ง“เข้า
“นั่งตรงนี้เลยตาซีนส์ ทำไมถึงพูดจาแบบนั้นกับผู้หญิงครับ คุณหญิงเคยสั่งเคยสอนให้เป็นคนแบบนี้เหรอเรา”“โอ๊ย! แม่ผมเจ็บ” ดี สมน้ำหน้าก็หลังจากที่ซาดีนส์เดินเข้ามาในวงสนทนาของฉันกับแม่ของเขา ก็ถูกแม่บังเกิดเกล้าดึงมือให้ไปนั่งลงข้างๆ ท่าน แล้วก็จัดการบิดหูลูกชายไปหนึ่งที“ดีแค่ไหนที่แม่ไม่ใช้ไม้เรียวฟาด”“โหแม่! นี่มันสมัยไหนแล้ว เขาไม่นิยมความรุนแรงในครอบครัว ป๊าไม่บอกหรือไ...ง โอ๊ยๆๆ”สมน้ำหน้า! อยากยอกย้อนแม่ตัวเองดีนัก คราวนี้เลยเจอหยิกทั้งตัวเข้าให้“เนี่ย นิสัยแบบนี้เมื่อไหร่จะโตเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที เฮ้อ! แม่ล่ะเหนื่อยใจกับเราจริงๆ” ดูท่าทางป้าแพรวจะกลุ้มใจกับลูกชายคนเดียวของท่านจริงๆ ถึงขนาดถอนหายใจออกมายาวเฟื้อยขนาดนั้น“ขอโทษ”ห๊ะ! เมื่อกี้เหมือนได้ยินอะไรแว่วๆ“ฉันบอกว่าขอโทษ หูตึงหรือไง”อ้อ... ที่แท้ก็เสียงซาดีนส์นี่เอง แต่ไอ้คำว่า ‘ขอโทษ’ ที่ดูไม่จริงจังอะไรนั่นฉันไม่ซึ้งใจหรอกนะ ‘กองไว้ตรงนั้นเถอะย่ะ’ ครั้งนี้ฉันเอาคืนบ้าง ใช้ภาษาปากแทนการเปล่งเสียงเหมือนก่อนหน้าที่ซาดีนส์มันว่าฉันขี้ฟ้องแล้วก็ตามคาด ซาดีนส์ขึงตาดุใส่ฉันเป็นเชิงบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อน’“เออ ตาซีนส์” ตอนที่ฉ
โป๊ก!“เฮ้ย! ยัยตัวแสบ ปามาได้”สมน้ำหน้า แค่ขวดโรลออนมาทำเป็นโวยวาย ยังไม่โดนสักหน่อย“หยุดคิดลามกกับฉันเลยนะ ไอ้เกย์โรคจิต”ด่าเสร็จฉันก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำล็อคประตูอย่างรวดเร็วตึกตัก... บ้าไปแล้ว เผลอคิดอะไรลามกไปแล้วแน่เลย ดูสิหน้าเห่อร้อนจนแดงไปหมดแล้วเนี่ย แค่นอนร่วมห้องเหอะเพลย์เยอร์ ยังไม่ได้ถึงขั้น... สักหน่อยไม่รู้ว่าฉันใช้เวลาอาบน้ำไปนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือฉันกลับออกมาด้วยชุดเดิมที่ใส่เข้าไป โชคดีแค่ไหนที่ในห้องน้ำมีตู้ลอยเล็กๆ ติดผนังไว้ใส่ผ้าขนหนูผืนใหม่อยู่ ฉันเลยไม่จำเป็นต้องขอร้องให้ซาดีนส์เอาผ้าเข้ามาให้“ไปไหนแล้วอะ” ฉันพึมพำกับตัวเอง เพราะไม่เห็นเจ้าของห้องอยู่แกร๊ก~ ไม่นานเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นพรึ่บ ศีรษะฉันรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่มันตกลงมาคลุมพอดิบพอดี“ชุดนอน?” ฉันคว้าวัตถุที่เพิ่งหลุ่นจากแรงเหวี่ยงของคนที่เพิ่งถามหาเมื่อกี้อะไรกัน ชุดนอนลายดอกไม้สีชมพูหวานแวว“ก็รู้นี่ ถามเพื่อ?” ยังจะมากวนประสาท“เอามาทำไม ฉันไม่ชอบใส่อะไรตอนนอ...” เกือบพลั้งปากบอกความลับเรื่องไม่ชอบใส่อะไรนอนกับคนแปลกหน้าซะแล้วยัยเพลย์ซื่อบื้อเอ๊ย!“พูดต่อสิ” แล้วทำไมต้องทำหน้าตาข
“สรุปเธอยังอยากลอง?”ซาดีนส์เปลี่ยนเป็นนั่งขันสมาธิมือกอดอกจ้องหน้าฉันพร้อมเลิกคิ้วถาม“ลองอะไร?” ฉันทำหน้างงกับคำพูดหมอนี่“เห็นพูดดีนักนี่ ว่าฉันไม่แมน” แล้วทำไมต้องกัดปากยั่วด้วย“เชิญนายไปลองกับยัยหวาสุดที่รักคนเดียวเหอะ ฉันชอบผู้ชายไม่ใช่คนได้สองเพศแบบนาย” ไม่ได้ประชดนะ จริงๆ สาบานเลยเอ้า!“หึงฉันหรือไง”ก็บอกในใจอยู่ว่าไม่ได้ประชด แล้วจะหึงได้ยังไง ไอ้บ้านี่!“ถ้าในนามว่าที่คู่หมั้นฉันว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น”“…” ซาดีนส์เงียบฟัง ฉันเลยพูดต่อ“หรือนายชอบถ้าฉันจะไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นให้นายหึงบ้าง?”“…” เขาไม่ตอบ เม้มปากแน่นพร้อมกับขึงตาดุใส่ฉันพรึ่บ! ซาดีนส์ทำตัวเหมือนเด็กกำลังงอน เขาดึงผ้าห่มที่คลุมตักฉันอยู่ไปคลุมตัวจนมิดหัว ในเมื่อไม่ตอบ ไม่อยากคุย ฉันก็จะเลิกสนใจคนเอาแต่ใจที่ไม่ชัดเจนลุกลงจากเตียงกว้างที่มีร่างหนานอนคลุมโปงอยู่ไปเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกาย ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน ฉันก็กลับออกมาด้วยชุดเดิมของตัวเองที่ใส่มาเมื่อวานเสื้อเปิดไหล่ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ฉันชอบอะไรโทนสีนี้ฉันว่ามันขับผิวที่ขาวอมชมพูของตัวเองให้ดูโดดเด่นขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั