“อะไร เกิดอะไรขึ้น”
เขายกปืนขึ้น แต่ศัตรูยังไม่โผล่มา
เพียงอึดใจเดียว เสียงฝีเท้าคนวิ่งจำนวนมากมายมหาศาลดังขึ้น มันดังปึง ๆ สะท้อนมาแต่ไกล ใกล้ขึ้น ดังขึ้น ใกล้ขึ้น ดังขึ้น จนแม้แต่หัวใจของเขายังเต้นแรงตามจังหวะพวกมัน “หนีเร็ว” ออสโล่เตือนสติ “ทำอะไรกันอยู่”
เขาพูดถูก แต่... “ไม่ใช่ทางนั้น มันมาจากทางที่พวกเราจะไป” เบนตะโกน คนทั้งกลุ่มพร้อมใจกันพุ่งตัวไปทางซ้าย ขณะที่บางคนโง่เกินกว่าจะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา บ้างยังมึนงงและตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหน จนกระทั่งอเล็กซิสตวาดให้พวกเขาขยับก้นออกจากที่นี่แทนที่จะยืนบื้อโดนกำจัด
“พระเจ้า พวกมันมาแล้ว”
เหมือนสติไม่อยู่กับตัว เหมือนร่างกายไม่ขยับตามคำสั่ง สิ่งที่พวกเขาต้องสู้คือ มนุษย์...ไม่ใช่ มันไม่ใช่มนุษย์ แต่เหมือนกับมนุษย์ มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ อะไรวะนั่น ดวงตาพวกมันว่างเปล่า การเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติแต่รวดเร็วและมุ่งจู่โจมโดยไม่เลือกหน้า ไม่สิ ไม่ใช่จู่โจม มันหมายจะกินพวกเขา
เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเท่านี้มาก่อน พวกมันกินมนุษย์ราวกับอาหารอันโอชะ แต่ละตัวทยอยสังหารพวกเต่าคลานและมีทักษะการเอาตัวรอดต่ำ ด้วยพละกำลังที่มากเกินกว่าปกติ พวกมันจึงสามารถฉีกทึ้งร่างเหยื่อแล้วกัดกินก้อนเนื้ออย่างหิวโหยได้อย่างง่ายดาย เสียงกรีดร้อง กลัว เจ็บปวด ดังระงมไล่หลัง เสียงนั้นตามหลอนไปตลอดทาง
แต่พวกนั้น...มนุษย์นี่
มันใส่เสื้อผ้าเหมือนมนุษย์
นี่ไม่ใช่เกม เบน ไม่ใช่ เขารำพึง ต้องโง่ขนาดไหนถึงคิดตื้นเขินขนาดนั้น นี่มันโชว์ฆ่าคนชัด ๆ
ชั่ววินาทีนั้น คลื่นพลังบางอย่างซัดกระแทกกลุ่มสัตว์ประหลาดจนพวกมันถูกซัดถอยออกไป แต่ไม่มีใครหยุดพวกมันได้ มันเริ่มคลานและทำท่าจะลุกวิ่งไล่ต่อ อเล็กซ์แสดงพลังของตัวเองออกมาในเวลาที่ประจวบเหมาะ ในขณะที่เบนลืมว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แต่จะให้ทำอะไรได้ ความสามารถของเขามีขีดจำกัด เขาสามารถควบคุมสิ่งของได้ แต่ไม่ใช่กับสิ่งมีชีวิตหรือชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต สุดท้ายจึงใช้ปืนที่ตัวเองถืออยู่แทน และเมื่อเสียงปืนของเขาดังขึ้น คนอื่นจึงได้สติว่าตัวเองถืออาวุธอยู่เช่นกัน เสียงสาดกระสุนสะท้อนไปตามกำแพง อย่างที่เขาคิด คนส่วนใหญ่ไม่เคยฝึกใช้ปืนมาก่อน แทนที่จะสังหารตัวประหลาดอย่างเดียวกลับถูกเหยื่อที่กำลังถูกกัดกินล้มลุกคลุกคลานดึงรั้งพยายามจะให้ช่วยพาหนีไปด้วย แต่ตอนนี้คงไม่มีใครสนเรื่องช่วยชีวิตคนอื่นแล้ว ทุกคนต้องปกป้องตัวเองก่อนทั้งนั้น
เมื่อสติของเขากลับคืน เบนใช้พลังจิตเลื่อนสิ่งของที่อยู่รอบกายสร้างเป็นเครื่องกำบังไม่ให้พวกมันวิ่งตามได้ทัน โนเอลวิ่งนำทุกคน พยายามเสาะหาที่หลบจนเจอห้องห้องหนึ่งและทั้งหมดเลือกใช้เป็นที่หลบภัย หลายชีวิตกรูเข้าไปด้านใน ปิดประตู เลื่อนเก้าอี้ โต๊ะ ทุกอย่างที่มีขวางประตูไว้ไม่ให้ใครเข้ามา ทั้งมนุษย์และสัตว์ประหลาด
“ยังมีคนอยู่ข้างนอก!” ใครสักคนตะโกนลั่น แต่ไม่มีใครกล้าแตะเครื่องกำบัง เสียงกรีดร้องของเหยื่อด้านนอกบรรยายสภาพก่อนตายโดยไม่จำเป็นต้องออกไปให้เห็นกับตา เบนยืนนิ่ง พูดไม่ออก มันเป็นครั้งแรกที่เขากลัวไปถึงขั้วหัวใจ
“มันคืออะไรวะนั่น” นั่นคือประโยคที่ออกจากปาก “พวกมันคืออะไร”
ทั้งสองจ้องตากัน เบนกับอเล็กซ์ต่างพูดไม่ออก ดวงตาสีนิลของเพื่อนมีแต่ความสับสนและหวาดกลัว
“ฉันจะไม่ตายแบบนั้น ไม่แน่นอน” เขาสาบาน
“ซอมบี้ พวกมันเหมือนซอมบี้ แต่วิ่งเร็วฉิบหาย” อเล็กซ์เกาหัว “ใช่ไหม ใช่แบบนั้นหรือเปล่า”
เขามองไปรอบห้อง ทุกคนที่เขารู้จักยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครตาย ซาร่าห์ยืนตัวสั่นเกาะเวดที่ยืนนิ่งคล้ายกับถูกแช่แข็งไว้ อเล็กซิสและออสโล่จับมือกันราวกับชาตินี้จะไม่ยอมแยกจากกัน
มินนี่กอดหลังโนเอลแน่น เบ็กกี้ทำแบบเดียวกันแต่กับเรมี เทสซ่ายืนพิงกำแพง ก้มหน้า เขามองไม่เห็นสีหน้าของเธอเพราะผมสีน้ำตาลเข้มนั้นปรกไปทั่วหน้า แต่ดูจากอาการสั่นแล้วคงเหมือนคนอื่นประตูและเครื่องกำบังสั่นไหวอย่างรุนแรง พวกข้างนอกต้องการที่จะรุกล้ำเข้ามา อาจจะเป็นคนที่ยังเหลือรอด หรือไม่ก็พวกซอมบี้ หรืออาจจะทั้งคู่ คำถามคือ แล้วพวกเขาจะออกไปได้อย่างไรโดยที่ไม่ทำตัวเป็นอาหารจานด่วนให้กับพวกสัตว์คล้ายมนุษย์เหล่านั้น
หนึ่งชั่วโมงสามสิบห้านาที กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยไม่อาจอยู่รอดจนจบการทดลอง
เธอรู้แล้วว่าทำไมถึงฝันเห็นเลือดสีแดงข้นเต็มไปหมด เบ็กกี้ไม่เคยนับว่าความฝันนั้นเป็นจริงบ่อยแค่ไหน แต่ตอนนี้หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นตรงหน้าเธอแล้ว มันเป็นเลือดของเพื่อนร่วมชายคากระซัดกระเซ็นราวกับอยู่ในเทศกาลละเลงมะเขือเทศ กลิ่นคาวรุนแรงเกินบรรยาย อีกไม่นานหรอก เลือดของเธออาจผสมอยู่ในนั้นด้วย เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะติดอยู่ในกับดักสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ ราวไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าคือความฝัน แม้จะมีปืนอยู่ในมือแต่มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในเมื่อเธอเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่ยกปืนเล็ง วิกฤติ ใช่แล้ว วิกฤติที่สุด ห้องนี้คงเป็นเกราะกำบังได้ไม่นาน พวกมันกำลังเข้ามา ความตายกำลังคืบคลานอยู่หน้าประตูพวกผู้กล้ากำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรถึงจะออกไปได้และไม่ถูกกินสด ๆ เธอใช้คำว่า ‘ผู้กล้า’ เพราะแค่จะสู้ต่อเธอยังสั่นขนาดนี้ คนพวกนั้นยังมีอารมณ์ปรึกษาวางแผนกันอีก สายตาของเบ็กกี้จดจ่ออยู่แต่กับประตูและเครื่องกั้นที่เบนตรึงไว้ มันสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอกลัวว่ามันจะพังครืนลงมาแล้วประตูเปิด พวกมันวิ่งเข้ามาทึ้งร่างเธอ“ให้ตายเถอะ นายถูกกัดนี่”พลูทักซ์ตะโกนโหวกเหวกใส่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ช่วย
“พี่เป็นไง” มินนี่สั่นแขนพี่สาว “นายสองคนก็ด้วย” แล้วตีหลังของเบนกับอเล็กซ์ ซาร่าห์รีบเบี่ยงตัวหลบเด็กสาววัยละอ่อนไม่ให้ชี้มาที่เธอ“ฉันรู้แล้วจ้ะมินนี่ ฉันหมายถึงคนอื่นนอกจากสี่คนนี้ มีใครอีกไหม”ไม่มีใครยอมรับหรืออ้างตัว“โอเค ถ้างั้น เบน...”“ว่ามา”“นายสร้างเครื่องกำบังกันไม่ให้พวกมันไล่ตาม คือไงล่ะ แบบ...”“ฉันเข้าใจ”“ขอบใจ” สายตาของเธอเลื่อนไปยังเครื่องกำบังที่ประตูเบนพยักหน้า “สบาย”“แล้วก็...พวกมันใส่เสื้อผ้าด้วยนะ” เบ็กกี้และคนอื่นไม่เข้าใจสิ่งที่อเล็กซิสพูดเบนก็เช่นกัน พวกเขาจ้องมองกันนานจนกระทั่ง “เออ ใช่ ฉันมันโง่จริง ๆ”“ส่วนนาย อเล็กซ์”หนุ่มร่างสูงขานรับ “ขอรับ”“นายอยู่ข้างหน้า คอยขับไล่ศัตรูที่จู่โจมเข้ามา ช่วยเคลียร์ทางให้หน่อย”“รับทราบขอรับ คอมแมนเดอร์” แม้เขาจะทำน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่อง
พอเขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง สองเท้าของเธอตั้งมั่น มือสองข้างยกปืนขึ้นเล็งหมายจะเหนี่ยวไกให้ได้สักครั้ง ชั่วพริบตา โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์รวมทั้งบานประตูกระเด็นหลุดออกไปคล้ายพวกมันมีชีวิต เมื่อประตูเปิดออก เบนพุ่งตัวออกไปทันทีพร้อมกับอเล็กซิส (ที่ขัดคำสั่งของเบน) เรมีพยักหน้า เธอสาวเท้าเร็ว ๆ ตามออกไป ไม่ทันไรเสียงคำรามดั่งฝูงผึ้งโรมรันแล่นเข้าหูเตือนให้รู้ว่าซอมบี้อีกฝูงใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา จากนั้น ครืน! ฝูงผึ้งแตกรังกระจายออกไปเพราะอเล็กซ์ ตามมาด้วยเสียงของเธอเทสซ่าที่ทำให้เธอต้องอุดหู เบ็กกี้กับเรมีไม่ได้อยู่รั้งท้ายจึงเห็นว่าทางข้างหน้าเปิดโล่งพร้อมกับหลังอเล็กซ์และโนเอลที่วิ่งห่างออกไปเธอไม่วายอดชำเลืองมองหลังไม่ได้ กำแพงเฟอร์นิเจอร์กั้นเป็นทางตายไม่ให้ศัตรูแหวกเข้ามา และมันกำลังเคลื่อนดันออกไปด้วย เขาไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกสองสามคนคอยยิงศัตรูที่เหลืออยู่ให้“พวกนายไปซะ เธอด้วย ฉันไม่เสียสละตัวเองหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เบนตะโกนไล่ ดูเหมือนเขาจะกอบกู้สติตัวเองแล้วมั่นใจมากขึ้น“อย่ายืนอยู่แบบนี้ ไปได้แล้วเ
“เบ็กกี้ เข้ามาข้างในเร็วเข้าสิ!” เสียงของโนเอลปลุกให้เธอหลุดจากภวังค์ เขายังคงยิงปืนระรัวคุ้มกันไม่ให้พวกมันย่างกรายเข้ามา เธอวิ่งไปหาเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกอเล็กซิสกับเบนอีก พอเข้าไปในห้อง เรมีพุ่งตัวเข้ามา“จะบ้าตาย นึกว่าเธออยู่ข้างฉันเสียอีก!” เหงื่อบนใบหน้าของเขาผุดเต็มไปหมด“ฉันล้ม แล้วก็...” เธอมองหาอเล็กซิส จึงเห็นว่าเด็กสาวคนดังกล่าวเพิ่งเข้ามาข้างในพร้อมกับเบน มือยังคงกุมปืนแน่นแม้จะสั่น ท่าทางที่เบ็กกี้ไม่อาจเลียนแบบได้ ความรู้สึกผิดกลืนกินไปทั้งร่าง มันเป็นความรู้สึกที่แย่ยิ่งกว่าเห็นพวกนั้นรุมทึ้งร่างเหยื่อ ทำไมเธอสงสารเจ้าพวกนั้น“พวกเราเหลือเท่าไร” เธอได้ยินพวกเขาคุยกันเหลือเพียงสามสิบกว่าคนจากห้าสิบกว่า พอเธอเหลือบเห็นนาฬิกาในมือตัวเอง ปากก็ขยับออกไปทันที “พวกมันคือพวกเรา!”ทุกคนจ้องมาที่เธอ เบ็กกี้อธิบาย “ฉันเห็นพวกมันใส่นาฬิกาเหมือนที่พวกเราสวมอยู่ พวกมันเคยเป็นมนุษย์แบบพวกเรา”“ใช่ เธอพูดถูก ฉันสังเกตเห็นเหมือนกัน” เวดเสริม มือข้างหนึ
เสียงวิ้งประหนึ่งมีแมลงบินอยู่ดังก้องในหัวอยู่หลายนาที หูของเธออื้อเมื่อเสียงห่าปืนถล่มเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว พอสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เธอเห็นห้องพังทลายไม่มีชิ้นดี พร้อมกับอีกหลายชีวิตที่นอนตายเกลื่อนดั่งกลุ่มมดตัวเล็ก บ้างถูกหุ่นยนต์พิฆาตสังหารตายทันทีก่อนที่จะรู้ตัว บ้างบาดเจ็บสาหัสแต่ยังมึนงง อเล็กซิสรู้สึกเหมือนประสาทสัมผัสหยุดทำงานไปชั่วขณะ แม้แต่รับรู้การเคลื่อนไหวตรงหน้านั้นช้าลงราวกับเทปยืดก่อนที่ภาพจะตัดเข้ามาเป็นปกติ ตรงหน้าเธอ ร่างโอ.เจ. ดิ้นเร่า ๆ ประหนึ่งเริงระบำอยู่บนกองไฟที่ลุกโหม จังหวะเดียวกับที่กระสุนหลายสิบนัดทะลุทะลวงเข้าร่าง ไม่นานร่างไร้วิญญาณของเขาล้มลง ห่างออกไปจากจุดที่เธอหมอบอยู่ไม่กี่นิ้ว เขามีสภาพไม่ต่างจากฟองน้ำที่มีรูพรุนไปทั่ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังมีชีวิต พูดคุย และเสนอไอเดียอยู่เลยโอ. เจ. ซิมมอนส์ เด็กเสิร์ฟวัยยี่สิบสามปี เสียชีวิตมันคงเป็นนิสัยติดตัวของเธอไปซะแล้วที่ชอบตั้งคำถาม การทดลองนี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่ หาสาเหตุหรือทดสอบพลัง? แล้วมนุษย์ธรรมดาอย่างเธอล่ะจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร ในเมื่อมนุษย์นั้นเปราะบางและอ่อนแอเกินกว่า
หุ่นยนต์อีกสองตัวที่เบนสกัดไว้กำลังจะปล่อยลำแสงเลเซอร์สีแดงอีกรอบ พอเบนหลบ พวกมันจึงเป็นอิสระอีกครั้ง พายุกระสุนเริ่มบรรเลงเพลงทำลายล้างอีกรอบแล้วหยุดชะงักเมื่อถูกคุม เทสซ่านอนกุมรอยไหม้ที่แขน แต่ละคนสบถ ก่นด่าทั้งรัฐบาล หุ่นยนต์ ซอมบี้ ศพที่ขวางทาง แม้แต่เศษปูนที่ทำให้สะดุดล้ม ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ อเล็กซิสมองซ้ายขวา พยายามนึกหาวิธีกำจัดพวกซอมบี้ในคราวเดียวกันให้หมด รวมทั้งเจ้าหุ่นยนต์อีกสามตัว แค่ยิงให้ล้มคงไม่พอ และถึงแม้โนเอลจะมีระเบิด แต่จะจัดการพวกหุ่นยนต์ได้หรือเปล่า สีหน้าของเบนนั้นอ่อนล้า เขาดูท่าใช้พลังไปมากที่สุดและถ้าหากเขาไม่ไหว จบเห่อเล็กซิสผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบ หลบแรงเหวี่ยงของอเล็กซ์ที หลบกระสุนคนอื่นที แวบหนึ่งที่เธอเห็นหุ่นตัวที่สู้กับอเล็กซ์กำลังจะปล่อยลำแสง ดูดี ๆ สิ ที่ตาของมันปรากฏแสงไฟกะพริบสีแดงก่อนจะ...เธอล้มตัวหมอบแนบพื้น“โว้ย ไอ้หุ่นระยำ” นั่นคือเสียงของอเล็กซ์ จากนั้นตามมาด้วยเสียงระเบิด อเล็กซ์พิชิตมันได้ในที่สุด เหลืออีกสอง และซอมบี้อีกฝูงที่กำลังรุมกินโต๊ะเพื่อนร่วมทางอีกหลายคน เธอเตะเจ้าตัวที่เข้ามาจะกินเธอเป็น
จากการต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาเดินมาถึงจุดเซฟโซนแรกโดยปราศจากศัตรูคอยสกัดแต่ต่างอยู่ในสภาพอิดโรย ได้ยินเสียงตูมตามแว่วมาบ้าง คงเป็นกลุ่มอื่นที่ยังเผชิญกับเจ้าพวกนี้อยู่ กลุ่มของเธอเหลือรอดทุกคน แต่เมื่อเห็นจำนวนคนลดลงจนบางตา เธออดใจหายไม่ได้ แม้แต่เด็กหนุ่มที่ชอบเถียงเธอ ตอนนี้กลุ่มของเขาเหลืออยู่แค่สองจากห้า และทั้งคู่เดินกอดกันแน่น ทั้งหมดเหลือกันไม่ถึงยี่สิบคนจุดเซฟโซนจะมีจุดเด่นคือประตูกระจกอัตโนมัติเผยให้เห็นของกิน อาวุธ เครื่องมือปฐมพยาบาล และพื้นที่ว่างสำหรับนอนพัก มันกระตุ้นให้พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไป แต่ละคนหามุมของตัวเอง อเล็กซิสทำแผลรอยถากกระสุนของออสโล่เสร็จก็จัดการแผลฟกช้ำและรอยแผลเล็ก ๆ ของตัวเอง นอกจากนี้เธอมีอาการเคล็ดที่กล้ามเนื้อรุนแรงจึงต้องทายาคลายแทบทั้งแขน เธอภาวนาขอให้ยาในนี้ยังคงประสิทธิภาพเหมือนที่ทำให้แผลบนตัวหายไปครั้งก่อน อเล็กซิสไม่เคยได้แผลเยอะขนาดนี้มาก่อนหากไม่นับเหตุการณ์ที่เจอกับพวกบรูซและคาเมรอน“เป็นไรมากไหม” เธอเงยหน้าถามเมื่อเทสซ่าเดินมาหยิบน้ำเปล่า เพื่อนสาวชูผ้าพันแผลที่แขนแล้วยิ้ม บอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่ ๆ ออสโล่ถ
อเล็กซิสทำหน้ามุ่ย “ในนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดักจับควันแล้วมั้ง”เขาพ่นควันออกมา “อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกมันต้องการทดสอบขีดจำกัดของพวกฉันด้วย พลังน่ะ มันพัฒนากันได้นะ”ซาร่าห์ทำท่าเหมือนจะนอนซบตักเวดก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ เบนหลิ่วตาให้เธอ “เธอก็รู้นี่ สำหรับคนที่ค้นพบพลังมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันจะเห็นความแตกต่างชัดมาก ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉันเพียงแค่ขยับของได้นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่พวกนายเห็น อเล็กซ์ก็เหมือนกัน ตอนแรกยังบังคับทิศทางคลื่นพลังตัวเองไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้เขาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ค้านเธอหรอกนะแบมบี้ เห็นด้วยกับที่เธอว่ามาทั้งหมด แต่แค่เสริมให้อีกหน่อย”อเล็กซิสพยักหน้า“แต่ว่า ด่านที่เราผ่านมาโคตรหินเลยนะ กว่าจะมีพลังแฝง กว่าจะรู้ว่าตัวเองมี” ซาร่าห์สั่นหน้า “ขนาดฉันยังจะไม่ไหวเลย ตายก่อนแน่”เบนส่ายหน้า “ถ้ารอดไปได้ เธออาจจะเบิร์นคนหรือสิ่งของได้พร้อมกัน ไม่ใช่ทีละตัวเหมือนวันนี้”“มันคือการสุ่ม” เวดออกความเห็น “ถ้ารอดตายและแ
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส