พอเขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง สองเท้าของเธอตั้งมั่น มือสองข้างยกปืนขึ้นเล็งหมายจะเหนี่ยวไกให้ได้สักครั้ง ชั่วพริบตา โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์รวมทั้งบานประตูกระเด็นหลุดออกไปคล้ายพวกมันมีชีวิต เมื่อประตูเปิดออก เบนพุ่งตัวออกไปทันทีพร้อมกับอเล็กซิส (ที่ขัดคำสั่งของเบน) เรมีพยักหน้า เธอสาวเท้าเร็ว ๆ ตามออกไป ไม่ทันไรเสียงคำรามดั่งฝูงผึ้งโรมรันแล่นเข้าหูเตือนให้รู้ว่าซอมบี้อีกฝูงใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา จากนั้น ครืน! ฝูงผึ้งแตกรังกระจายออกไปเพราะ
อเล็กซ์ ตามมาด้วยเสียงของเธอเทสซ่าที่ทำให้เธอต้องอุดหู เบ็กกี้กับเรมีไม่ได้อยู่รั้งท้ายจึงเห็นว่าทางข้างหน้าเปิดโล่งพร้อมกับหลังอเล็กซ์และโนเอลที่วิ่งห่างออกไปเธอไม่วายอดชำเลืองมองหลังไม่ได้ กำแพงเฟอร์นิเจอร์กั้นเป็นทางตายไม่ให้ศัตรูแหวกเข้ามา และมันกำลังเคลื่อนดันออกไปด้วย เขาไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกสองสามคนคอยยิงศัตรูที่เหลืออยู่ให้
“พวกนายไปซะ เธอด้วย ฉันไม่เสียสละตัวเองหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เบนตะโกนไล่ ดูเหมือนเขาจะกอบกู้สติตัวเองแล้วมั่นใจมากขึ้น
“อย่ายืนอยู่แบบนี้ ไปได้แล้วเ
“เบ็กกี้ เข้ามาข้างในเร็วเข้าสิ!” เสียงของโนเอลปลุกให้เธอหลุดจากภวังค์ เขายังคงยิงปืนระรัวคุ้มกันไม่ให้พวกมันย่างกรายเข้ามา เธอวิ่งไปหาเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองพวกอเล็กซิสกับเบนอีก พอเข้าไปในห้อง เรมีพุ่งตัวเข้ามา“จะบ้าตาย นึกว่าเธออยู่ข้างฉันเสียอีก!” เหงื่อบนใบหน้าของเขาผุดเต็มไปหมด“ฉันล้ม แล้วก็...” เธอมองหาอเล็กซิส จึงเห็นว่าเด็กสาวคนดังกล่าวเพิ่งเข้ามาข้างในพร้อมกับเบน มือยังคงกุมปืนแน่นแม้จะสั่น ท่าทางที่เบ็กกี้ไม่อาจเลียนแบบได้ ความรู้สึกผิดกลืนกินไปทั้งร่าง มันเป็นความรู้สึกที่แย่ยิ่งกว่าเห็นพวกนั้นรุมทึ้งร่างเหยื่อ ทำไมเธอสงสารเจ้าพวกนั้น“พวกเราเหลือเท่าไร” เธอได้ยินพวกเขาคุยกันเหลือเพียงสามสิบกว่าคนจากห้าสิบกว่า พอเธอเหลือบเห็นนาฬิกาในมือตัวเอง ปากก็ขยับออกไปทันที “พวกมันคือพวกเรา!”ทุกคนจ้องมาที่เธอ เบ็กกี้อธิบาย “ฉันเห็นพวกมันใส่นาฬิกาเหมือนที่พวกเราสวมอยู่ พวกมันเคยเป็นมนุษย์แบบพวกเรา”“ใช่ เธอพูดถูก ฉันสังเกตเห็นเหมือนกัน” เวดเสริม มือข้างหนึ
เสียงวิ้งประหนึ่งมีแมลงบินอยู่ดังก้องในหัวอยู่หลายนาที หูของเธออื้อเมื่อเสียงห่าปืนถล่มเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว พอสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เธอเห็นห้องพังทลายไม่มีชิ้นดี พร้อมกับอีกหลายชีวิตที่นอนตายเกลื่อนดั่งกลุ่มมดตัวเล็ก บ้างถูกหุ่นยนต์พิฆาตสังหารตายทันทีก่อนที่จะรู้ตัว บ้างบาดเจ็บสาหัสแต่ยังมึนงง อเล็กซิสรู้สึกเหมือนประสาทสัมผัสหยุดทำงานไปชั่วขณะ แม้แต่รับรู้การเคลื่อนไหวตรงหน้านั้นช้าลงราวกับเทปยืดก่อนที่ภาพจะตัดเข้ามาเป็นปกติ ตรงหน้าเธอ ร่างโอ.เจ. ดิ้นเร่า ๆ ประหนึ่งเริงระบำอยู่บนกองไฟที่ลุกโหม จังหวะเดียวกับที่กระสุนหลายสิบนัดทะลุทะลวงเข้าร่าง ไม่นานร่างไร้วิญญาณของเขาล้มลง ห่างออกไปจากจุดที่เธอหมอบอยู่ไม่กี่นิ้ว เขามีสภาพไม่ต่างจากฟองน้ำที่มีรูพรุนไปทั่ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังมีชีวิต พูดคุย และเสนอไอเดียอยู่เลยโอ. เจ. ซิมมอนส์ เด็กเสิร์ฟวัยยี่สิบสามปี เสียชีวิตมันคงเป็นนิสัยติดตัวของเธอไปซะแล้วที่ชอบตั้งคำถาม การทดลองนี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่ หาสาเหตุหรือทดสอบพลัง? แล้วมนุษย์ธรรมดาอย่างเธอล่ะจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร ในเมื่อมนุษย์นั้นเปราะบางและอ่อนแอเกินกว่า
หุ่นยนต์อีกสองตัวที่เบนสกัดไว้กำลังจะปล่อยลำแสงเลเซอร์สีแดงอีกรอบ พอเบนหลบ พวกมันจึงเป็นอิสระอีกครั้ง พายุกระสุนเริ่มบรรเลงเพลงทำลายล้างอีกรอบแล้วหยุดชะงักเมื่อถูกคุม เทสซ่านอนกุมรอยไหม้ที่แขน แต่ละคนสบถ ก่นด่าทั้งรัฐบาล หุ่นยนต์ ซอมบี้ ศพที่ขวางทาง แม้แต่เศษปูนที่ทำให้สะดุดล้ม ไม่มีใครหยุดอยู่กับที่ อเล็กซิสมองซ้ายขวา พยายามนึกหาวิธีกำจัดพวกซอมบี้ในคราวเดียวกันให้หมด รวมทั้งเจ้าหุ่นยนต์อีกสามตัว แค่ยิงให้ล้มคงไม่พอ และถึงแม้โนเอลจะมีระเบิด แต่จะจัดการพวกหุ่นยนต์ได้หรือเปล่า สีหน้าของเบนนั้นอ่อนล้า เขาดูท่าใช้พลังไปมากที่สุดและถ้าหากเขาไม่ไหว จบเห่อเล็กซิสผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบ หลบแรงเหวี่ยงของอเล็กซ์ที หลบกระสุนคนอื่นที แวบหนึ่งที่เธอเห็นหุ่นตัวที่สู้กับอเล็กซ์กำลังจะปล่อยลำแสง ดูดี ๆ สิ ที่ตาของมันปรากฏแสงไฟกะพริบสีแดงก่อนจะ...เธอล้มตัวหมอบแนบพื้น“โว้ย ไอ้หุ่นระยำ” นั่นคือเสียงของอเล็กซ์ จากนั้นตามมาด้วยเสียงระเบิด อเล็กซ์พิชิตมันได้ในที่สุด เหลืออีกสอง และซอมบี้อีกฝูงที่กำลังรุมกินโต๊ะเพื่อนร่วมทางอีกหลายคน เธอเตะเจ้าตัวที่เข้ามาจะกินเธอเป็น
จากการต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาเดินมาถึงจุดเซฟโซนแรกโดยปราศจากศัตรูคอยสกัดแต่ต่างอยู่ในสภาพอิดโรย ได้ยินเสียงตูมตามแว่วมาบ้าง คงเป็นกลุ่มอื่นที่ยังเผชิญกับเจ้าพวกนี้อยู่ กลุ่มของเธอเหลือรอดทุกคน แต่เมื่อเห็นจำนวนคนลดลงจนบางตา เธออดใจหายไม่ได้ แม้แต่เด็กหนุ่มที่ชอบเถียงเธอ ตอนนี้กลุ่มของเขาเหลืออยู่แค่สองจากห้า และทั้งคู่เดินกอดกันแน่น ทั้งหมดเหลือกันไม่ถึงยี่สิบคนจุดเซฟโซนจะมีจุดเด่นคือประตูกระจกอัตโนมัติเผยให้เห็นของกิน อาวุธ เครื่องมือปฐมพยาบาล และพื้นที่ว่างสำหรับนอนพัก มันกระตุ้นให้พวกเขาวิ่งกรูกันเข้าไป แต่ละคนหามุมของตัวเอง อเล็กซิสทำแผลรอยถากกระสุนของออสโล่เสร็จก็จัดการแผลฟกช้ำและรอยแผลเล็ก ๆ ของตัวเอง นอกจากนี้เธอมีอาการเคล็ดที่กล้ามเนื้อรุนแรงจึงต้องทายาคลายแทบทั้งแขน เธอภาวนาขอให้ยาในนี้ยังคงประสิทธิภาพเหมือนที่ทำให้แผลบนตัวหายไปครั้งก่อน อเล็กซิสไม่เคยได้แผลเยอะขนาดนี้มาก่อนหากไม่นับเหตุการณ์ที่เจอกับพวกบรูซและคาเมรอน“เป็นไรมากไหม” เธอเงยหน้าถามเมื่อเทสซ่าเดินมาหยิบน้ำเปล่า เพื่อนสาวชูผ้าพันแผลที่แขนแล้วยิ้ม บอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่ ๆ ออสโล่ถ
อเล็กซิสทำหน้ามุ่ย “ในนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดักจับควันแล้วมั้ง”เขาพ่นควันออกมา “อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกมันต้องการทดสอบขีดจำกัดของพวกฉันด้วย พลังน่ะ มันพัฒนากันได้นะ”ซาร่าห์ทำท่าเหมือนจะนอนซบตักเวดก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ เบนหลิ่วตาให้เธอ “เธอก็รู้นี่ สำหรับคนที่ค้นพบพลังมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันจะเห็นความแตกต่างชัดมาก ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉันเพียงแค่ขยับของได้นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่พวกนายเห็น อเล็กซ์ก็เหมือนกัน ตอนแรกยังบังคับทิศทางคลื่นพลังตัวเองไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้เขาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ค้านเธอหรอกนะแบมบี้ เห็นด้วยกับที่เธอว่ามาทั้งหมด แต่แค่เสริมให้อีกหน่อย”อเล็กซิสพยักหน้า“แต่ว่า ด่านที่เราผ่านมาโคตรหินเลยนะ กว่าจะมีพลังแฝง กว่าจะรู้ว่าตัวเองมี” ซาร่าห์สั่นหน้า “ขนาดฉันยังจะไม่ไหวเลย ตายก่อนแน่”เบนส่ายหน้า “ถ้ารอดไปได้ เธออาจจะเบิร์นคนหรือสิ่งของได้พร้อมกัน ไม่ใช่ทีละตัวเหมือนวันนี้”“มันคือการสุ่ม” เวดออกความเห็น “ถ้ารอดตายและแ
ปืนหลากหลายรุ่นวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ดวงตาสีน้ำตาลออกเหลืองไล่ดูจากซ้ายไปขวา มือข้างหนึ่งหยิบขึ้นพิจารณาแล้ววาง ทำแบบนี้จนเลือกได้ เขาเลือกขนาดกระบอกที่ใหญ่กว่าและสะดวกกว่าอันเก่า มืออีกข้างถือก้อนขนมปังรสชาติจืดชืดยัดเข้าปากไปพลาง พอเคี้ยวเสร็จหันมองเพื่อนที่ยังนอนไม่ยอมลุก เอาแต่จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น“ถ้าใช้พลังพร่ำเพรื่ออย่างเมื่อวาน เห็นทีได้นอนเป็นวันแน่” เขาโยนปืนกระบอกใหม่ให้อเล็กซ์ หนุ่มผมดำคว้าหมับ “ถ้าโผล่มานิดหน่อยก็ใช้ปืนเอา”อเล็กซ์ลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา “ทำไมฝั่งนั้นคุยกันเครียดจังวะ” เขาบุ้ยใบ้ไปทางพวกอเล็กซิสที่กำลังถกประเด็นอะไรสักอย่างกับสาวน้อยช่างฝันเบ็กกี้ แต่ละคนดูจริงจังจนน่าตลก“ถามเขาดิวะ” เพื่อนร่างสูงค่อย ๆ คลานออกจากที่นอน มันสร้างจากกองเสื้อผ้าหลายสิบตัว เขาบิดขี้เกียจ “แล้วเมื่อวานคุยอะไรกันกับพวกนั้น”“อ้าว นึกว่าหลับไปแล้ว”“ง่วง ขี้เกียจคุยยาว กลัวว่าจะไม่ได้นอน”เบนยัดซองกระสุนลงไปในกระเป๋ามากกว่าครั้งแรก แม้หลับไปตื่นหนึ่งจะช่วยฟื้นฟูกำลังได้เยอะ แต่เขาต้องเผื่อสำหรับโอกาสที่อาจจะไม่ได้แวะจุดเซฟโซนด้วย เขาไม่อยากมีสภาพจนตรอกเหมือนพวกที่ไม่มีพลังพ
“ไง ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย พวกเราสูญเสียตัวอย่างการทดลองไปแล้วเกือบครึ่ง (“ตัวอย่างการทดลองงั้นเหรอ” เบนงึมงำในลำคอ) อย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปเลย ทางออกอาจจะไกลแต่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ถ้าพวกเธอเร่งฝีเท้ากันสักนิด ระมัดระวังตัวอีกสักหน่อย ไม่แน่ ทุกคนที่ยังเหลือรอดอาจไปถึงครบทุกคนก็ได้ เพื่อให้มีกำลังใจต่อ เราได้ติดตั้งพอร์ตพิเศษขึ้นเพื่อพาออกจากสนามทดลองก่อนถึงจุดทางออกทั้งสาม พอร์ตที่ว่าจะตั้งอยู่สิบจุด จุดละหนึ่งเครื่อง นี่คือข้อเสนอพิเศษที่สุดแล้ว อ้อ อย่าลืมว่าแต่ละพอร์ตใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อผู้โดยสายหนึ่งท่าน ใครโชคดี ค้นพบก่อนเพื่อนก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ทันที ดังนั้นอย่ามัวพิรี้พิไร พวกเราหวังว่าจะได้เจอพวกเธออีกในเร็ว ๆ นี้ ขอให้โชคดี”เสียงลำโพงดังซ่าก่อนจะดับลงไป ข่าวใหม่ทำให้หลายคนฟื้นจากอาการหมดอาลัยตายอยาก“ไอ้หัวฟูลมูน” เบนพึมพำ จำเสียงได้“เร่งฝีเท้ากันเถอะ พวกเราต้องรีบหาเครื่องนั้นก่อนใครใช้ไป”เบนแค่นยิ้ม ดูแคลนเด็กชายที่พูดความคิดนี้ออกมา“มันเป็นกับดัก” โนเอลท้
เมื่อนั้นดวงตาของมันส่องประกายสีแดงอีกรอบ อเล็กซ์ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปทันที หุ่นยนต์ที่อยู่บนพื้นถูกคลื่นพลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพงจนตาที่กะพริบนั้นดับลง อีกครั้งที่เขาเห็นไมเคิลจู่โจมศัตรูด้วยแรงมหาศาลและความไวที่เร็วจัด เขาตรงเข้าล็อกคอแล้วดึงส่วนหัวออกด้วยมือเปล่า ปาเศษเหล็กลงบนพื้นแล้วเตะซากลำตัวออกไปเสียไกลแต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาทึ่งหรือยินดี ไมเคิลหันไปทางที่เขาโผล่มา หุ่นยนต์เหล็กอีกสองตัววิ่งเข้ามาปะทะ เสียงปืนพร้อมใจกันดังขึ้นสกัด ตัวหนึ่งกระโดดสูงแต่ถูกยิงจนร่วงหล่นสิ้นฤทธิ์ พวกมันจัดการง่ายกว่าหุ่นยนต์ชั้นล่าง แต่...อีกสิบกว่าตัววิ่งตามมาเสริมทัพพริบตานั้น หางตาของเขาเหลือบเห็นไอ้หน้าหล่อกระชับกระเป๋าเป้บนหลังแล้วเตรียมจะวิ่งหนี “ไอ้สัตว์”ปืนของเขาหันไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นทันที “อย่าแม้แต่ขยับ” กรามของเขาสั่นระริก เพราะไอ้หน้าโง่นี่ พวกหุ่นยนต์ถึงโผล่มาเป็นฝูง “นายพาพวกมันมา อย่าคิดจะให้พวกเราจัดการให้แล้วชิ่งหนีไป”ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาของไมเคิลชำเลืองมองเบนด้วยหางตาแวบเดียว เขาไม่สนใจคำ
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย