อเล็กซิสทำหน้ามุ่ย “ในนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดักจับควันแล้วมั้ง”
เขาพ่นควันออกมา “อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกมันต้องการทดสอบขีดจำกัดของพวกฉันด้วย พลังน่ะ มันพัฒนากันได้นะ”
ซาร่าห์ทำท่าเหมือนจะนอนซบตักเวดก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ เบนหลิ่วตาให้เธอ “เธอก็รู้นี่ สำหรับคนที่ค้นพบพลังมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันจะเห็นความแตกต่างชัดมาก ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ฉันเพียงแค่ขยับของได้นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่พวกนายเห็น อเล็กซ์ก็เหมือนกัน ตอนแรกยังบังคับทิศทางคลื่นพลังตัวเองไม่ได้เลย เดี๋ยวนี้เขาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ค้านเธอหรอกนะแบมบี้ เห็นด้วยกับที่เธอว่ามาทั้งหมด แต่แค่เสริมให้อีกหน่อย”
อเล็กซิสพยักหน้า
“แต่ว่า ด่านที่เราผ่านมาโคตรหินเลยนะ กว่าจะมีพลังแฝง กว่าจะรู้ว่าตัวเองมี” ซาร่าห์สั่นหน้า “ขนาดฉันยังจะไม่ไหวเลย ตายก่อนแน่”
เบนส่ายหน้า “ถ้ารอดไปได้ เธออาจจะเบิร์นคนหรือสิ่งของได้พร้อมกัน ไม่ใช่ทีละตัวเหมือนวันนี้”
“มันคือการสุ่ม” เวดออกความเห็น “ถ้ารอดตายและแ
ปืนหลากหลายรุ่นวางเรียงกันไม่เป็นระเบียบ ดวงตาสีน้ำตาลออกเหลืองไล่ดูจากซ้ายไปขวา มือข้างหนึ่งหยิบขึ้นพิจารณาแล้ววาง ทำแบบนี้จนเลือกได้ เขาเลือกขนาดกระบอกที่ใหญ่กว่าและสะดวกกว่าอันเก่า มืออีกข้างถือก้อนขนมปังรสชาติจืดชืดยัดเข้าปากไปพลาง พอเคี้ยวเสร็จหันมองเพื่อนที่ยังนอนไม่ยอมลุก เอาแต่จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น“ถ้าใช้พลังพร่ำเพรื่ออย่างเมื่อวาน เห็นทีได้นอนเป็นวันแน่” เขาโยนปืนกระบอกใหม่ให้อเล็กซ์ หนุ่มผมดำคว้าหมับ “ถ้าโผล่มานิดหน่อยก็ใช้ปืนเอา”อเล็กซ์ลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตา “ทำไมฝั่งนั้นคุยกันเครียดจังวะ” เขาบุ้ยใบ้ไปทางพวกอเล็กซิสที่กำลังถกประเด็นอะไรสักอย่างกับสาวน้อยช่างฝันเบ็กกี้ แต่ละคนดูจริงจังจนน่าตลก“ถามเขาดิวะ” เพื่อนร่างสูงค่อย ๆ คลานออกจากที่นอน มันสร้างจากกองเสื้อผ้าหลายสิบตัว เขาบิดขี้เกียจ “แล้วเมื่อวานคุยอะไรกันกับพวกนั้น”“อ้าว นึกว่าหลับไปแล้ว”“ง่วง ขี้เกียจคุยยาว กลัวว่าจะไม่ได้นอน”เบนยัดซองกระสุนลงไปในกระเป๋ามากกว่าครั้งแรก แม้หลับไปตื่นหนึ่งจะช่วยฟื้นฟูกำลังได้เยอะ แต่เขาต้องเผื่อสำหรับโอกาสที่อาจจะไม่ได้แวะจุดเซฟโซนด้วย เขาไม่อยากมีสภาพจนตรอกเหมือนพวกที่ไม่มีพลังพ
“ไง ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย พวกเราสูญเสียตัวอย่างการทดลองไปแล้วเกือบครึ่ง (“ตัวอย่างการทดลองงั้นเหรอ” เบนงึมงำในลำคอ) อย่าเพิ่งเสียกำลังใจไปเลย ทางออกอาจจะไกลแต่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ถ้าพวกเธอเร่งฝีเท้ากันสักนิด ระมัดระวังตัวอีกสักหน่อย ไม่แน่ ทุกคนที่ยังเหลือรอดอาจไปถึงครบทุกคนก็ได้ เพื่อให้มีกำลังใจต่อ เราได้ติดตั้งพอร์ตพิเศษขึ้นเพื่อพาออกจากสนามทดลองก่อนถึงจุดทางออกทั้งสาม พอร์ตที่ว่าจะตั้งอยู่สิบจุด จุดละหนึ่งเครื่อง นี่คือข้อเสนอพิเศษที่สุดแล้ว อ้อ อย่าลืมว่าแต่ละพอร์ตใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อผู้โดยสายหนึ่งท่าน ใครโชคดี ค้นพบก่อนเพื่อนก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้ทันที ดังนั้นอย่ามัวพิรี้พิไร พวกเราหวังว่าจะได้เจอพวกเธออีกในเร็ว ๆ นี้ ขอให้โชคดี”เสียงลำโพงดังซ่าก่อนจะดับลงไป ข่าวใหม่ทำให้หลายคนฟื้นจากอาการหมดอาลัยตายอยาก“ไอ้หัวฟูลมูน” เบนพึมพำ จำเสียงได้“เร่งฝีเท้ากันเถอะ พวกเราต้องรีบหาเครื่องนั้นก่อนใครใช้ไป”เบนแค่นยิ้ม ดูแคลนเด็กชายที่พูดความคิดนี้ออกมา“มันเป็นกับดัก” โนเอลท้
เมื่อนั้นดวงตาของมันส่องประกายสีแดงอีกรอบ อเล็กซ์ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปทันที หุ่นยนต์ที่อยู่บนพื้นถูกคลื่นพลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพงจนตาที่กะพริบนั้นดับลง อีกครั้งที่เขาเห็นไมเคิลจู่โจมศัตรูด้วยแรงมหาศาลและความไวที่เร็วจัด เขาตรงเข้าล็อกคอแล้วดึงส่วนหัวออกด้วยมือเปล่า ปาเศษเหล็กลงบนพื้นแล้วเตะซากลำตัวออกไปเสียไกลแต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาทึ่งหรือยินดี ไมเคิลหันไปทางที่เขาโผล่มา หุ่นยนต์เหล็กอีกสองตัววิ่งเข้ามาปะทะ เสียงปืนพร้อมใจกันดังขึ้นสกัด ตัวหนึ่งกระโดดสูงแต่ถูกยิงจนร่วงหล่นสิ้นฤทธิ์ พวกมันจัดการง่ายกว่าหุ่นยนต์ชั้นล่าง แต่...อีกสิบกว่าตัววิ่งตามมาเสริมทัพพริบตานั้น หางตาของเขาเหลือบเห็นไอ้หน้าหล่อกระชับกระเป๋าเป้บนหลังแล้วเตรียมจะวิ่งหนี “ไอ้สัตว์”ปืนของเขาหันไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นทันที “อย่าแม้แต่ขยับ” กรามของเขาสั่นระริก เพราะไอ้หน้าโง่นี่ พวกหุ่นยนต์ถึงโผล่มาเป็นฝูง “นายพาพวกมันมา อย่าคิดจะให้พวกเราจัดการให้แล้วชิ่งหนีไป”ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาของไมเคิลชำเลืองมองเบนด้วยหางตาแวบเดียว เขาไม่สนใจคำ
“จู่ ๆ เธอก็เล็งปืนไปที่หัว ฉันห้ามไม่ทัน” อเล็กซิสยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก มือที่ถือปืนนั้นอ่อนลง เลือดของเด็กสาวคนเมื่อกี้กระเซ็นเปรอะไปโดนเสื้อยืดสีขาวตัวใน แม้แต่เพื่อนของเธอ เวดและออสโล่ก็เอาแต่จ้องศพเด็กคนนั้นนิ่ง ไม่มีขยับเขยื้อนเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่รู้จริง ๆ สายตาของเขามองเด็กที่ตายไม่ต่างจากศพอื่น เหมือนมองของเล่นที่พังแล้ว“ยิงต่อไป อย่าทำตัวขี้แพ้หน่อยเลย” เขาเตือนสติ แต่คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าตุ๊กตานั้นบิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวดไปถึงข้างใน“ยิง!” เขาคำราม เวดสบถแล้วยกปืนเล็ง วินาทีนั้นเจ้าหัวทองดูท่าจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าเพื่อนอีกสองคนเพราะนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้แล้ว หากคุณไม่มีความสามารถ คุณก็ต้องสู้ หรือถอดใจแบบเด็กที่ยิงตัวตายเบนพยายามนึกถึงเวลาที่เขาฝึกตัวเอง ฝึกทั้งพลังจิตและการใช้อาวุธ เขาจินตนาการว่าที่นี่คือสนามฝึกชั้นดีชนิดที่หาไม่ได้อีกแล้ว“ไม่ไหว จำนวนมากเกินไปแล้ว”เขาไม่รู้ว่าใครพูดเพราะตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับศัตรู“แม๊กซ์ ยิงกระเป๋
นิ้วข้างซ้ายเหนี่ยวไกระรัว แสนรู้ราวกับมนุษย์ หุ่นยนต์ยกมือป้องกันจนแขนข้างขวากระจุยตามแรงกระสุนทะลวง มือข้างซ้ายของมันเพิ่มแรงบีบจนเธอเจ็บก่อนถูกกระตุกดึงลากจนล้มหน้าหงาย เธอกำลังจะถูกลากออกไปจากกลุ่ม“เวด!” เขาเอื้อมแขนสุดตัวหวังดึงเธอออกจากเงื้อมมือมัน แต่หุ่นยนต์อีกตัวเข้ามาขวางไว้ สุดท้ายอเล็กซิสถูกลากหายไปก่อนเห็นว่าเวดจะเป็นอย่างไร แขนสองข้างกระเสือกกระสนพยายามรั้งและยิงมัน มือซ้ายเหนี่ยวไกอย่างบ้าคลั่ง แขนทั้งสองข้างเกร็งไปหมด ทั้งปากยังกรีดร้อง ซึ่งช่วยให้จังหวะการยิงรัวหนักกว่าเดิมจนหัวเหล็กพรุน พอได้โอกาสจึงถีบมันออกไปแล้วยิงซ้ำให้แน่ใจ “ตายซะ ไอ้สารเลว” เธอชูนิ้วกลางใส่ซากหุ่นก่อนจะหันกลับไปยังจุดเดิม ทันใดนั้นเปลวไฟขนาดมหึมาพวยพุ่งแต่ก่อนที่ไอร้อนจะลามเลีย แรงผลักมหาศาลซัดร่างเธอกระเด็นราวกับลูกฟุตบอลที่ถูกเตะเข้าประตูก่อนคิดว่าจะไปถึงทางออกได้หรือไม่ ควรคิดว่าจะอยู่ครบสามสิบสองหรือเปล่า“อือ” อเล็กซิสคราง เจ็บระบมไปทั่วตัว พอตั้งสติได้ก็รีบคลานหนีออกห่างจากบริเวณนั
วินาทีนั้นพอลปาทุกอย่างที่เขาหยิบได้ใส่หุ่นยนต์เพื่อดึงดูดมัน ทั้งที่เจ็บสาหัสไปทั้งกาย เธอหยิบปืนพกที่เหลือกระบอกเดียวพุ่งตัวผ่านช่องว่างที่เหลืออยู่ พอตั้งหลักได้ ก็ลุกวิ่งโดยไม่หันไปมองว่าเขาจะเป็นอย่างไร ใช่ เธอเอาแต่วิ่งหนีอย่างเดียวเพื่อเอาตัวรอด เสียงร้องของพอลดังโหยหวนก่อนจะเงียบไป หุ่นอีกตัวยังคงวิ่งตามไม่ลดละ ความไวของมันเร็วอย่างกับนักกีฬาทีมชาติ ไม่สิ ยิ่งกว่า แม้หันหลังเธอยังสัมผัสได้ว่ามือของมันใกล้เข้ามา จนเมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนข้างหลัง เธอหมุนตัวกลับไปจ่อยิงระยะประชิด แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แขนเหล็กปัดปืนทีเดียว อาวุธหลักหลุดออกจากมือ อีกข้างขวาของมันจับหมับเข้าที่คอแล้วบีบ ทันใดนั้นแรงบางอย่างซัดหัวมันกระเด็นหลุดออกจากร่าง มือเหล็กหลุดออกจากคอ เธอล้มลงพร้อมกับมัน“เบน เธอเจอเบนไหม” คำถามอเล็กซ์ดังขึ้นก่อนที่เขาจะถึงตัวเธอเสียอีก อเล็กซิสส่ายหน้าช้า ๆ มือยังกำที่คอ“เห็นคนอื่นบ้างไหม”เขาปฏิเสธใบหน้าอเล็กซ์มีรอยแดงนิดหน่อย แขนและมือทั้งสองข้างมีสะเก็ดแผลอยู่บ้าง แต่ดูจากการเคลื่อนไหวแล้ว ดูท่าจะไม่ได้รับแรงกระเทือนจากแรงระเบิดเมื่อค
“เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันรู้ว่าเธอกังวล แต่...” เธอหันไปมองหน้าอเล็กซ์ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการพูดอะไร “ปกติเธอเป็นพลังบวกของทีมนะ”คลื่นความเงียบแผ่กระจาย เธอชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “นายหมายถึง...ฉันเหรอ พลังบวก?”เขายืนเอียงคอมองด้วยแววตาที่อเล็กซิสไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง “ไม่ได้หวังจะให้ทำตัวร่าเริงหรอกนะ แต่ อเล็กซิส...เธอเป็นคนกล้าหาญ ที่ผ่านมาก็รับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่าคนปกติ ถึงแม้พวกเราจะแยกจากกลุ่มมา ฉันเชื่อว่าเธอกลับไปหาพวกเขาได้”“กล้าหาญ?” เธอยิ่งสับสน “ฉันกลัวจะแย่”เขาเลิกคิ้ว “โอเค แต่ก็มีสติกว่าคนอื่น อย่าลืมว่าเธอพาพวกเราออกจากห้องนั้นได้ จากกลุ่มซอมบี้พวกนั้น”มันมีบางอย่างปั่นป่วนในท้อง หาใช่อาการเขินหรือโรแมนติกแต่อย่างใด เพียงแค่คำพูดของอเล็กซ์ทำให้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เธอหวังจะไม่เกิดขึ้น แต่เธอยอมรับว่าพอแยกจากพวกออสโล่ สมองไม่อาจข่มความกลัวได้ดีดังเดิม ในทางตรงกันข้าม มันเพิ่มทวีคูณ ทั้งเสียงร้องและสภาพไหม้ครึ่งตัวของพอล ภาพที่เด็กคนนั้นยิงหัว
“และถ้าเรายังเถียงกันอยู่อย่างนี้ พวกนั้นคงไปไกลแล้ว โนเอลบอกเองไม่ใช่เหรอว่าห้ามรอ เธอยึดคำพูดเขานี่ ขอร้องล่ะ เชื่อฉันเถอะ”แล้วอเล็กซิสตอบเขาอย่างไรเหรอ ไม่ เธอตอบไม่ได้ ถึงเบนจะชอบทำตัวก้อร่อก้อติก ริมฝีปากคมกริบยิ่งกว่ากรรไกร กวนประสาทยิ่งกว่าเวดหลายเท่าตัว แถมชอบทำท่าเหมือนโลกใบนี้มีแค่เขากับอเล็กซ์เท่านั้น แต่ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะเบนเหรอที่คอยสกัดพวกหุ่นยนต์ แล้วเขาทำตามแผนการของเธออย่างไม่มีอิดออดศึกครั้งนี้ใครชนะ คงเดาไม่ยากพวกเขามีสายใยที่เหนียวแน่นจนแม้แต่คนนอกอย่างเธอยังสัมผัสได้ สายใยที่ทำให้เธอนึกถึงตัวเองกับจูนถ้าจูนยังคิดว่าฉันคือเพื่อนและยิ่งน่าโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่ออเล็กซ์พูดถูก เขารู้จักเพื่อนตัวเองดียิ่งกว่าที่เธอรู้จักเวดและออสโล่ พวกเขาตามหากันและกัน ทำไมเธอถึงรู้ ก็เพราะไม่มีหุ่นยนต์หลงเหลือสักตัวเดียวนอกจากเศษเหล็กที่เหมือนถูกแรงอัดลึกลับบีบจนเป็นก้อน กระจัดกระจายไปตามทาง เบนตามหาอเล็กซ์ไปทั่ว แต่เขาไม่ได้อยู่ในชั้นนี้แล้ว“หมอนั่นเดินหน้าต่อ คงคิดว่าฉันยึดเส้นทางเดิม...”อเล
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย