คนในอ้อมกอดขยับตัวจนอเล็กซิสจำต้องคลายมือลง เขาเขยิบออกห่างเหมือนเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าเข้าใกล้ ณ เวลานั้นหัวใจข้างในเต้นระรัวเมื่อมันรับรู้ได้ว่า เขาไม่เหมือนเดิม
“อเล็กซ์?” อย่าทำแบบนี้ ฉันขอร้อง เธออยากจะร้องไห้ แต่น้ำตาได้จ่อปริ่มออกมาแต่แรกแล้ว กอดฉัน ได้โปรดกอดฉัน
เขากลืนน้ำลาย ไม่ยอมสบตา อเล็กซิสเอื้อมมือจับแก้มแต่เขาขืนไว้ “ฉันไม่น่าจูบเธอเลย ไม่น่าทำแบบนั้น”
แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจ แต่กระนั้นหัวใจกลับเหมือนแหลกสลาย อเล็กซิสเหมือนคนโง่ที่คาดหวังว่าเขาจะกอดแล้วจูบปลอบ ทำอย่างไรก็ได้ที่ให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่มันกลับตรงกันข้าม เขาไม่ได้สนใจว่าเธอเพิ่งเสียเพื่อนไปหรือไม่
“ทำไม อเล็กซ์เกิดอะไรขึ้น นายโกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหม”
มันเหมือนกับว่าแทนที่เขาพยายามจะคว้าตัวเธอ กลับเป็นอเล็กซิสที่พยายามเปิดประตูเข้าไปในโลกของเขาอีกรอบ
“ถ้าเบนไม่ตาย...เธอจะจูบฉันไหม” เขาหันมาเผชิญหน้าพร้อมกับดวงตาสีเข้ม แต่สายตานั้นกลับแสดงความเจ็บปวด “ฉันชักไม่แน่ใจ”
“หา”
“รถยนต์ของโวลคอฟแบ่งออกเป็นสามชนิดตามกลุ่มลูกค้า โลโก้ตัววีชิ้นนี้มีลักษณะเหมือนปีกนกฟินิกซ์เพราะใช้สำหรับโมเดลรถหรู ส่วนโลโก้ตัววีที่มีลักษณะคล้ายกับสายฟ้าสำหรับรถสปอร์ต แต่ทั้งสองจะมีกลุ่มลูกค้าที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือลูกค้ากระเป๋าหนัก แบบแรกเหมาะสำหรับนักธุรกิจหรือรถประจำตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงไปจนถึงพาหนะของประธานาธิบดี แบบที่สองสำหรับพวกรักความเร็ว หรือลูกคุณหนูทั้งหลาย โลโก้ตัวสุดท้ายเป็นตัววีแบบธรรมดา ใช้งานอเนกประสงค์เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป”ซังเกรีย เรนขยับเนกไท แล้วอธิบายต่อ “โวลคอฟไม่เหมือนกับยี่ห้อรถอื่นที่แบ่งแยกเกรดลูกค้าตามชื่อ แต่เราแบ่งตามการใช้งาน ถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นยี่ห้อเดียวกัน แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงความต่างชนชั้นแต่อย่างใด เพราะคุณภาพและงานหลังขายที่เท่าเทียมกัน แตกต่างเพียงเชิงรายละเอียดเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะกลุ่มไหน จะได้รับบริการและคุณภาพอย่างเต็มเปี่ยม”โลโก้ตัววีปีกเพลิงฟินิกซ์กว่าร้อยคันวางเรียงกันเป็นระเบียบรอเวลาประกอบเข้ากับตัวรถ ด้านหลังเป็นรถรุ่นโวลคอฟ แอลเซเว่น ขนาดสี่ประตูเคลือบสีไวน์แดง เขายืนฟังนายเรนผ
ทั้งสองจับมือกัน มารีน่าเป็นผู้หญิงร่างสูงและอวบกำลังดี ทว่าท่าทางคล่องแคล่วฉับไว เธอพกมือถือติดตัวไม่ต่ำกว่าสองเครื่องเหมือนมอร์ตัน และน่าจะมีอายุราวสามสิบต้น“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเดวิส”“เช่นกันครับ คุณเบิร์กแมน”เธอหันกลับไปหามอร์ตัน “คุณวลาดิเมียร์ออกมารอแล้ว แต่ว่าท่านประธานยังสนทนาอยู่กับตัวแทน ท่านจึงขอให้พวกเราไปรอในห้องก่อน เราจะคุยกันที่นั่นแทน ทางนี้ค่ะ” เธอกล่าวแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ พวกเขาจึงขึ้นต่อไปยังชั้นสูงสุดห้องทำงานของฟิโอดอร์ โวลคอฟเป็นห้องกว้างกึ่งพาโรนามา มองเห็นวิวเมืองหลวงได้เกือบรอบทิศ ตรงมุมรับรองมีรูปสมาชิกครอบครัวในเฟรมเดียวกันถึงห้าคน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวผมสีบลอนด์ซีด ดวงตาสีฟ้ากลมโตเผยอยิ้มไม่เห็นฟัน แม้รูปร่างจัดว่าสูงสง่าแต่อยู่ในข่ายผอมแห้งจนเกินไป ทว่าเจสซี่ติดใจกับใบหน้าเธอเพราะแวบหนึ่งทำให้นึกถึงอเล็กซิส ส่วนสมาชิกชายที่เหลือแทบถอดใบหน้าผู้เป็นพ่อจนเหมือนร่างโคลนนิ่ง ถ้าไม่นับอายุ พวกเขาต่างมีผมและดวงตาสีดำสนิท รูปร่างสูงผอมด้วยกันทั้งหมดเขาพยายามมองหาลูกชายคนกลาง แต่ว่าแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ขวาน่าจะ
“โอเค เข้าเรื่อง” ฟิโอดอร์ชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือรอบที่สอง “มอร์ตันคงอธิบายไปแล้วว่าทีมผู้ช่วยของฉันมีตำแหน่งอยู่ในผังองค์กรก็จริง แต่ขอบเขตงานเน้นที่ตระกูลโวลคอฟ ไม่ว่าจะเป็นฉัน วลาด หรือ...” เขาชี้ไปที่เด็กหนุ่มผิวซีดในรูปอีกสองคน “หรือแม้แต่อเล็กซ์และนิคเนื่องจากขอบเขตค่อนข้างกว้าง และแม้ฉันจะมีผู้ช่วยอย่างโคล สิ่งที่ฉันต้องการคือคนที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้โคล มารีน่า และคาร์ล”คาร์ล โครเกต์ เป็นทนายประจำตระกูลโวลคอฟ สืบทอดตำแหน่งนี้จากบิดาและปู่อีกที ซึ่งเจสซี่ยินดีที่มีผู้รู้กฎหมายอาวุโสคอยคุมบังเหียนให้ตัวเอง เพราะถึงแม้เกรดและผลการทำงานอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่ประสบการณ์ของเขายังไม่มากพอรับผิดชอบคนทั้งตระกูลเพียงลำพังรวมทั้งผลประโยชน์ของคนระดับนี้ด้วย“และนั่นก็คือภาพรวมโดยทั่วไป”เขายืดตัวตรง รู้สึกตัวเองสำคัญขึ้นมาฟิโอดอร์กุมมือ หากว่าสีหน้าเมื่อครู่จริงจังเวลานี้ไอรังสีกดดันแผ่ซ่านยิ่งกว่าเก่า “เธอรู้เรื่องลูกชายฉันใช่ไหม”ชายหนุ่มพยักหน้าพลางชำเลืองมองอเล็ก
ประธานโวลคอฟหัวเราะ “เกินไป เกินไป ไม่ใช่เบ็ดแน่นอน และเรื่องนั้นมันแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เธอคิดว่าทุกคนจะทำงานตำแหน่งนี้ได้แค่เพราะลูกหลานถูกจับตัวไปอย่างนั้นหรือ อย่างนั้นฉันคงมีตัวเลือกเป็นพัน ไม่ใช่ทุกคนรู้กฎหมาย ไม่ใช่ว่าทุกคนรู้เรื่องธุรกิจ ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าต่อปากต่อคำกับฉัน”เขามองหน้าคนที่เหลือ ทุกคนล้วนมีสีหน้าคล้อยตามคำพูดประธานสูงสุด“และอย่างที่มอร์ตันบอก เธอมีเสน่ห์ต่อทั้งสองเพศ”ใบหน้าของเขาร้อนฉ่า ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้แล้ว แต่เขาไม่ชอบคำว่าการใช้เสน่ห์เพื่อให้งานลุล่วง และไม่ชอบที่พวกเขารู้ถึงขั้นนี้ โวลคอฟไม่ใช่แค่สืบประวัติ แต่ตามสืบชีวิตเขาด้วย แน่นอนว่าคนพวกนี้ย่อมรู้เรื่องโจชัว“อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะเจสซี่” มอร์ตันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทีอ่อนโยนกว่า “แม่สาวผมน้ำตาลสะโพกงามเมื่อครู่ นอกจากเธอจะสนนายแล้ว ตัวนายเองก็เล่นหูเล่นตากลับไม่ใช่หรือ ฉันเห็นอากัปกิริยาของนายทุกอย่าง นายเป็นงาน”“ดีสิ ระหว่างทำงานด้วยกันน่าจะสอนชั้นเชิงให้วลาดบ้างนะ หากลูกกับโอลิเวียไปกันรอด พ่อค
ผู้โดยสารวัยกลางคนนั่งหันหน้าไปทางหน้าต่าง มือข้างขวาเกาะขอบกระจกเคาะนิ้วเป็นจังหวะถี่ ๆ ทัศนียภาพด้านนอกชวนมองเพราะท้องฟ้ากระจ่างใส เห็นเมฆบางเป็นริ้ว เขายังคงเคาะกระจกอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่รู้ตัวจนคนข้างหน้าถอนหายใจเสียงดัง “ขอโทษครับ” แม็กซิมอนจึงวางมือบนลงตักยานโดยสารเริ่มลดระดับลงจนเห็นท้องทะเลสีน้ำเงินระยิบระยับ แววตาเด็กคนนั้นปรากฏขึ้นในหัว “หนูขอร้อง” เขาจับแผ่นแท็บเล็ตที่อยู่ในอกแน่น ไม่รู้ตัวอีกเช่นกัน จากเมฆขาวและท้องฟ้าสีคราม หมอกเริ่มหนาจนบดบังวิวข้างนอก ร่างกายขยับตามแรงสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งแสดงว่ายานผ่านเกราะคุ้มกันชั้นแรกแล้ว แม็กซิมอนเห็นเงาที่มีลักษณะละม้ายคล้ายกับต้นไม้ในเมืองคนยักษ์ มันแผ่กิ่งก้านสาขาโอฬารไม่มีสิ้นสุด ยามหมอกจางลงจึงเห็นชัดขึ้นว่าแนวกิ่งก้านโยงใยแท้จริงคือตึกรามบ้านช่องที่เชื่อมต่อกัน ยังมีท่อระโยงระยางสำหรับช่องโดยสารด่วนพิเศษ ตัวยานปรับระดับให้อยู่บนเส้นทางหมายเลขหนึ่งศูนย์สำหรับยานสาธารณะขนส่งตัวยานจอดเทียบท่าเป็นที่เรียบร้อย แม็กซิมอนหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กแล้วลุกออกจากที่นั่ง คนไม่เยอะ
“แกลิสบอกผมแล้ว แล้วก็จำเงาพี่เขยได้นะครับแม้จะแกล้งทำทีอ่านแท็บเล็ต” ชายหนุ่มยิ้มกว้างในขณะที่แกลิสทำผมสีแดงอมชมพู น้องชายของเธอตัดผมสั้นเกรียน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเครื่องแบบนักวิจัยที่สวมอยู่ คนอื่นอาจนึกว่ากลีเป็นพวกศิลปินหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเขาเจาะระเบิดหูข้างซ้าย แถมยังสักลายไว้ตามแขนอีก และเพราะกลีเคยเป็นรุ่นน้องร่วมทีมวิจัยสมัยที่แม็กซิมอนยังมีชื่อ เขาย่อมรู้ว่าแม็กซิมอนอยากมีส่วนร่วมกับการประชุมมากแค่ไหน เพราะมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาหลงใหลมาตลอดทั้งชีวิต...เอชโอวัน“เอานี่” เขาโยนสิ่งที่มีลักษณะเหมือนเพชรเล็ก ๆ สองเม็ดมาให้ “ใส่หูแล้วอย่าให้จับได้” ว่าแล้วก็ปิดประตูออกไป แม็กซิมอนยัดเข้าไปในหูทันที แต่ได้ยินเสียงคนขยับ คงเป็นเสียงกลีเดินกลับไปเขาหัวเราะ “รู้ดีจริง ๆ”พอกลีกลับเข้าไปนั่งที่ตัวเองในห้องประชุมแล้ว แม็กซิมอนจึงได้ยินเสียงข้างใน พวกเขาเริ่มประชุมไปสักพักแล้ว“...เราไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป แต่เรากำลังพูดถึงการส่งผ่านรูปแบบความสามารถ..
แม็กซิมอนรออีกหนึ่งชั่วโมง ลูซินด้าจึงพาเขาเข้าพบซีโนฮอฟ เอไลโต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งนี้ แล้วยังเป็นหนึ่งในสภาปกครองอันประกอบไปด้วยสมาชิกผู้เรืองปัญญาจากหลายสาขา การทหาร กฎหมาย วิศวกรรม นวัตกรรม อวกาศ ภาษาศาสตร์ และอื่น ๆ แม้ซีโนฮอฟเป็นหัวหน้าใหญ่ในกลุ่มสาขาวิจัยทางการแพทย์ แต่เนื่องจากเคสเอชโอวันและทอยซิตี้เป็นเคสพิเศษ หน่วยทหารจึงมีเอี่ยวชั้นผู้บริหารอยู่สูงขึ้นไปอีก และกว่าจะผ่านเข้าแผนกยังต้องสแกนม่านตาผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ทว่าเมื่อเข้ามายังห้องทำงานของซีโนฮอฟกลับพบเพียงร่างโฮโลแกรม นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ใช้วิธีเข้าประชุมผ่านการสื่อสารทางไกลร่างโฮโลแกรมซีโนฮอฟยืนอยู่หลังโต๊ะทำงาน พอเขาหันมาเห็นแม็กซิมอนจึงผายมือให้นั่ง ลูซินด้านั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ ในมือถือแท็บเล็ตพร้อมจดรายละเอียด“ลูบอกว่าคุณมีเรื่องสำคัญที่ต้องพบผมโดยเฉพาะ”“ครับ” แม็กซิมอนกล่าว ซีโนฮอฟมีนัยน์ตาเรียวคมและแทบจะชิดกลืนไปกับคิ้ว ใบหน้าจึงเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หากนับตามอายุ แม็กซิมอนแก่กว่าเพียงยี่สิบปี แต่ลักษณะทางกายภาพของซีโนออฟอ่อนเยาว์กว่า ที่น่า
รอยเท้าบนพื้นทรายลากยาวไปตามตรอกจากนั้นเลือนหายไปกลายเป็นรอยล้อรถแทนที่ เขาหยุดอยู่ตรงนี้เป็นรอบที่เท่าไรแล้วจำไม่ได้ แต่ร่องรอยของสองคนนั้นมีเพียงแค่นี้ เสียงย่ำเท้าของอีกคนตามมาด้านหลัง“เธอคิดว่าพวกมันไม่เห็นกล้องเหรอ เธอคิดว่าพวกมันไม่มีทางไม่รู้ว่าพวกเธออยู่ไหนเหรอ” เทสซ่าไม่ตอบ เธอแค่วางมือบนไหล่เขาเพื่อปลอบใจการเริ่มต้นใหม่ขรุขระตั้งแต่วินาทีแรก เสียงน้ำฝนดังเป็นจังหวะช้า ๆ ก่อนจะตกรัวลงมาเป็นห่าใหญ่ น้ำจากเบื้องบนกระทบศีรษะเพียงนิดหน่อย เพราะเทสซ่ายื่นแขนกางร่มบังให้ ไม่นานทรายไหลมากองรวมกัน ร่องรอยทั้งหมดไม่เหลืออีกแล้ว เขาปาดละอองน้ำฝนและเหงื่อที่คลุกเคล้าเป็นน้ำเดียวกันออกจากแก้ม แดดร้อนอบอ้าวมาหลายวัน คืนนี้ฝนจึงตกหนัก“พวกเขาอาจหายไปในราซา มีคนหายไปเสมอ สองสามคนต่ออาทิตย์ ส่วนใหญ่เป็นพวกเร่ร่อนไม่มีชิป ไม่มีที่นอน” เสียงเทสซ่าสั่น “เข้าข้างในเถอะไมเคิล พวกเรามีเรื่องให้ถกเยอะแยะ”เขาไม่ขยับ พวกเขาถกกันมาหลายรอบแล้ว และสุดท้ายก็จบลงที่ความว่างเปล่า“เรมีบอกว่าพวกนายจะอยู่ที่นี่”เข
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย