คงไม่ต้องถามนะว่า หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง... นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจถึงแก่นว่าการแหย่ราชสีห์หลับมันเป็นยังไง จนบางทีผมนึกสงสัย ความจริงลูเซียสคงไม่ใช่สิงโตแต่เป็นงูมากกว่า อะไรจะเจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาตแรงขนาดนี้ เล่นเอาผมฟ้าเหลืองใช้ชีวิตอยู่แค่บนเตียงกับห้องน้ำไปเจ็ดวันเต็ม สามวันแรก ถูกกินสลับพักเป็นวงจรอุบาทว์ สี่วันหลังกินนอนพักฟื้นร่างกายประดุจผู้ป่วยระยะสุดท้าย มีไนท์แวะเวียนมาดูใจพร้อมของเยี่ยมเป็นวาจาเจ็บแสบยิ่งกว่าแม่ค้าปากตลาด จนผมมือลั่นขว้างของใส่อย่างลืมตัวไปหลายที ปกติผมไม่ใช่คนก้าวร้าวนะ ออกจะมีความอดทนสูงด้วยซ้ำ แต่กับไนท์นี่แค่เห็นหน้าก็หมั่นไส้แล้ว ส่วนลูเซียส ใช้เวลาสี่วันนี้อย่างเต็มที่ด้วยการเคลียร์กองเอกสารแล้วแจกจ่ายงานให้กับลูกน้องล่วงหน้าโดยไร้ผมรบกวน ทำให้งานเสร็จเร็วกว่าที่คิด มีเวลาเก็บของเหลือเฟือ งานนี้คนที่เดินทางไปด้วยมีเพียงพี่อาคม ไมค์และการ์ดอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่เหลือประจำอยู่ไทยเช่นเดิม เห็นว่าไนท์มีปัญหาที่ต้องสะสางจึงไปด้วยไม่ได้ เดาๆ ว่าน่าจะเป
“...นายยังไม่บอกฉันเลยนะว่าพาใครมาบ้านของเรา” พอลูคัสลงมาถึงชั้นล่างก็ก้าวฉับๆ ไปไล่จี้กับหลง ไม่ชายตาแลผมสักนิด ผมเลยไม่มีจังหวะให้แนะนำตัว หนุ่มจีนยกมือปราม “โว้วๆ ใจเย็นก่อน ไว้ฉันจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง เอาเป็นว่ามีเหตุผลบางอย่างทำให้ลูกบุญธรรมของบอสต้องมาอยู่กับพวกเราชั่วคราว” หลงส่งไม้ต่อ ผมรีบคว้าไว้ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อแนะนำตัว “ผมมิทรี่ มิไรฮอฟ ขอรบกวนด้วยครับ” รอยยิ้มการค้าต้องมาก่อน ความประทับใจแรกพบนั่นสำคัญ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไร นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังจับหลงเพื่อสำรวจหาบาดแผล กระทั่งเห็นเลือดที่ซึมเป็นวงกว้างตรงช่วงเอว สีหน้าหงุดหงิดยิ่งเพิ่มความโหดแบบที่ผมไม่สงสัยเลย ว่านี่แหละญาติลูเซียสชัวร์! “เลือด…นายบาดเจ็บ! อยู่กับฉันหลายเดือนไม่มีแผลแม้รอยแมวข่วน พอไปรับหมอนั่นแค่ไม่ถึงชั่วโมงนายก็บาดเจ็บกลับมา รีบทำแผลซะ ฉันจะโทรไปต่อว่าสักหน่อย” มาเร็ว ไปเร็ว โผล่มาพูดๆ แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องทำงานเฉย และผมก็โดนเมินอีกตามเคย เอาเถอะ ผมควรจะสนใจหลงมากกว่า อันที่จริงระหว่าง
“ฉันมีโปรแกรมต้องไปคุยงานที่ฮ่องกงเร็วๆ นี้ นายติดต่อกับฝ่ายนั้นบ่อย ช่วยเป็นคนกลางพูดเรื่องอำนวยความสะดวกให้ที” ประโยคยาวเหยียดถูกพูดออกมาจากปากมาเฟียอังกฤษที่พกพ่อบ้านมาถึงสองคนแถมยังทำตัวประดุจเป็นเจ้าบ้าน เชิญเจ้าของตัวจริงจิบชาหน้าตาเฉย มือซ้ายกระตุกนึกอยากหยิบปืนมาฝึกยิงกับเป้าจริง อาคมรู้ทันก้าวถอยหลังห่างจากระยะเอื้อมถึงป้องกันไม่ให้บอสชิงปืนไปลั่นไก “น้ำชาครับ” รอยยิ้มพิมพ์ใจจากมือขวา ‘สเตฟาน’ เรือนผมสีแดงยาวมัดรวบด้วยริบบิ้นตรงท้ายทอย ดวงตาสีเทาและสูทสีขาวประจำกาย บรรจงรินชาให้ด้วยท่วงท่าไร้ที่ติ ไม่หวั่นเกรงสีหน้าดำมืดของคนรับชา “ต้องขออภัยด้วยที่คุณชายไร้มารยาท พวกผมไร้ความสามารถไม่อาจสั่งสอนคุณชายให้ดีกว่านี้” มือซ้ายยกมือแนบอกโค้งกายได้องศาแสดงความเสียใจทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉย ‘สตีฟ’ ชายร่างสูงในชุดสูทดำ เรือนผมสีเงินเสยขึ้น สวมแว่นไร้กรอบเงินแต่ไม่อาจบดบังประกายคมกล้าของดวงตาสีเขียวได้ “เดี๋ยวสิ! อยู่ต่อหน้าคนอื่นบอกให้เรียกฉันว่านายท่านไง แล้วอีกอย่างตกลงใครเจ้านาย ใครลูกน้องก
พอตัดสินใจเป็นลูกศิษย์จำเป็นให้หลง กิจวัตรประจำวันหลังจากนั้นก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ตื่นเช้ามากินข้าวพักท้องฟังหลงสอนภาคทฤษฎี พอย่อยก็เริ่มการวอร์มร่างกายดัดตัวตามประสาแล้วฝึกภาคปฏิบัติแบบตัวต่อตัวกับหลงหลังมื้อเที่ยง คงเพราะหลงเป็นคนสบายๆ แถมยังอารมณ์ดีอยู่เนืองนิตย์ การสอนเลยไม่น่าเบื่อหรือรู้สึกกดดันเท่าตอนฝึกกับไนท์ที่ด่าทุกหนึ่งนาที ถึงแม้หลงยังชอบหลุดอธิบายเรื่องการฆ่าคนอย่างไรให้ตายชัวร์ก็ตาม แต่ใช่จะฝึกตลอด หลงบอกว่าผมมาพักผ่อน ไม่ได้เตรียมตัวเข้าแก๊ง ว่างๆ ถ้าไม่จิ๊กหนังสือลูคัสมาให้ผมนอนอ่านเล่น ก็จะลากผมไปเที่ยวในเมืองมอสโก เรียกได้ว่าพยายามหาอะไรให้ผมทำตลอด จะได้ไม่เบื่อกับการรอลูเซียสอยู่เฉยๆ เนื่องจากลูเซียสเวลานี้ กำลังวุ่นกับการทำความสะอาดแก๊ง หลังปล่อยปละละเลยมานาน พวกเราเลยแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย ลึกๆ ผมก็แอบเหงานิดๆ นะ ยิ่งเวลาเห็นหลงกับลูคัสสวีทกันแบบไม่เกรงใจผู้ร่วมอาศัยอย่างผม มันพาลให้นึกถึงลูเซียสอยู่ตลอดเลย เหมือนอย่างตอนนี้... ท่านประธานบริษัทใหญ่ในเครือมิไรฮอฟ สลัดมาดเดิมทิ้งกลายเป็
ถึงจะบอกว่าขออยู่ดูแลแม่ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ นอกจากการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เพราะคนป่วยต้องได้รับการดูแลที่ถูกวิธี เลยมีนางพยาบาลเข้ามาดูแลความเรียบร้อยทุกๆ หนึ่งชั่วโมง ส่วนผมเป็นคนเฝ้ามองอยู่วงนอกและคุยกับแม่เวลาที่แม่ตื่นมาเท่านั้น จริงสิ ผมยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าแม่ผมเป็น ‘โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ’ ซึ่งเกิดจากความเครียดจากการโหมทำงานและไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองแถมยังเพิกเฉยตอนมันส่งสัญญาณเตือน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะสายไปแล้ว ผมยังจำความหวาดกลัวของวันนั้นได้ดี ขณะที่ผมกำลังหาทางหลบพ่อเลวๆ ไปอยู่ที่ไหนสักที่หลังเลิกเรียน จู่ๆ ป้าก็โทรมาจากรัสเซียแจ้งข่าวร้ายว่าแม่ผมทรุดที่ทำงาน กว่าจะส่งถึงมือหมอหัวใจก็หยุดเต้นไปแล้ว ตอนนั้นผมล้มทั้งยืนเหมือนโลกมันถล่มลงมาตรงหน้า ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากความว่างเปล่า โชคยังดีที่พระเจ้ายังไม่ทอดทิ้งพวกเรา ป้าโทรกลับมาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่ถึงวัน บอกว่าแม่พ้นขีดอันตรายแล้ว และวันนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าแม่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบร่วมกับความดันโลหิตสูง หลังจากเ
หลังจากการแนะนำตัวกันแบบง่ายๆ ก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ กระทั่งเสียงหายใจแฮ่กๆ ของเจ้าหมาก็ไม่อาจทำลายความเงียบนี้ลงได้ ผมยืนตัวเกร็งจนตะคริวแทบกิน นอกจากลูเซียสจะไม่ช่วยแล้วยังจะร่วมด้วยช่วยกันจ้อง แม้ภายนอกสองอาหลานจะไม่เหมือนกันเลย แต่แววตาเหมือนถอดพิมพ์กันมา ผมเลยเกร็งคูณสอง พอเหลือบสายตามองด้านหลังไม่เห็นเงาพี่อาคม คาดว่าน่าจะรออยู่ในรถไม่ได้ลงมาด้วย ยิ่งบ่งบอกความสำคัญของผู้ที่อยู่บนรถเข็น สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไงดี... “เด็กเลี้ยง?” อาคนงามแม้อายุจะล่วงเลยถึงเลขห้าเงยหน้าถามหลานชายตัวเอง ในขณะที่คนฟังแทบจะโห่ร้อง ในที่สุดก็ไม่เงียบแล้ว แม้จะเป็นประเด็นอ่อนไหวก็ตาม! ลูเซียสก้มตอบด้วยรอยยิ้มจาง “ครับ ทั้งเลี้ยงและเอ็นดู” ดวงตาสีน้ำเงินสวยสองคู่ สัญลักษณ์ของสายเลือดมิไรฮอฟมองสบตากันสื่อความนัย “ติดใจลีลาบนเตียง?” “ครับ” “สมกับเป็นหลานฉันจริงๆ” ผมอึ้ง นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บรรยากาศที่กดดันตอนแรกก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นเพียงแค่หลานชายมาพ
คุณคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อกที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผม
วันนี้วันลอยกระทง แถมยังเป็นวันซูเปอร์มูน พระจันทร์เต็มดวงและเข้าใกล้โลกมากที่สุด สิ่งที่ผู้คนควรทำคือเตรียมตัวไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ แล้วเดินเที่ยวเล่นชมความงามของพระจันทร์กับเพื่อนฝูง ครอบครัวไม่ก็คนรัก ตัวผมน่ะเหรอ? นั่งไถมือถือด้วยความเบื่อหน่าย... ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบ แต่เพื่อนมันดันไปลอยกับแฟนกันหมดเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าถ่ายรูปมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก เฮียเฟย์ถ่ายรูปปอนด์ถือกระทงยืนคู่กับแม่ โดยมีฉากหลังเป็นผู้คนกับผืนน้ำที่มีกระทงลอยอยู่เต็มไปหมด เกิดเป็นดวงไฟสีส้มระยิบระยับ ซันโป้ ไอ้คู่ผัวเมียฮาร์ดคอ โป้มันถ่ายรูปเท้าตัวเองทำท่าจะยันก้นซันลงน้ำ ขณะที่ซันกำลังนั่งอธิษฐาน ริวถ่ายภาพกระทงสองอัน เห็นชายเสื้อชอปประจำสาขามันแวบๆ แสดงว่ามันไปลอยกับพี่ธันชัวร์ ภาพของวาเล่นับว่าเด็ดสุด เล่เซลฟี่ระหว่างหอมแก้มวาที่ทำหน้าเซ็งถือกระทง ด้านหลังสองคนนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีโคมลอยมากมาย ดูบรรยากาศคึกคักสมเป็นภาคเหนือ พูดถึงลอยกับครอบครัวยิ่งหดหู่ พ่อผมไม่รู้เป็
‘ดาวิดอฟ เฟรคดริก คอลลินส์’ หรือ ‘เดฟ’ คือชื่อของผม ผมเกิดที่รัสเซีย เป็นลูกคนเล็กมีพี่ชายพี่สาวอย่างละคน จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้านโภชนาการที่มอสโก เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ปกติธรรมดา(?) ไม่มีส่วนไหนขาดเกิน เส้นผมสีทองเหลือบเงิน ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ผิวขาวจัดแม้ตอนนี้จะเริ่มคล้ำจากแดดในเมืองไทยก็ตาม ส่วนสูงก็...193 cm. สิ่งที่ชอบคืออาหารอร่อย ดอกไม้และคนฉลาด ผมเกลียดพวกไม่รู้คุณค่าของอาหาร กินทิ้งกินขว้างกับคนโง่มากที่สุด อาหารที่ถนัดคือ ซุปโบร์ช (Borshch) , โปลฟ (Pilaf) , ไก่เคียฟ (Chicken Kiev) อาหารรัสเซียและอาหารฝรั่ง ตอนนี้มีความสนใจอาหารไทย ปัจจุบันอายุ 25 ปี ทำงานให้กับบอสลูเซียส มิไรฮอฟ ตระกูลเก่าแก่ที่มีอำนาจมากมายจนน่าตกใจ ถามว่ามาทำงานให้บอสได้ยังไงเหรอ? เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังเรียนจบได้ผลการเรียนที่น่าพอใจ ผมถูกจองตัวจากหลายโรงแรมมีชื่อในมอสโก แต่ผมชอบทำอาหารให้คนที่รักการกินมากกว่าทำเพื่อเอาหน้าตาเลยปฏิเสธงานเหล่านั้นไป แล้วเลือกมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งแทน ร้านนี้มีความเข้มงวดสูงมาก ไม่
ภายใต้ความหอมหวานของอำนาจ คือความเน่าเฟะที่น่ารังเกียจ... เมื่อพ่อให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พ่อจะแต่งงานกับแม่เพื่อผลประโยชน์ ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว ก่อนจะพาคนรักเข้ามาหลังจากที่แม่ตรอมใจตาย ฟังดูเหมือนพล็อตของบทละครน้ำเน่า แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนอิงมาจากชีวิตจริง เขาเกลียดชังพ่อ รังเกียจผู้หญิงคนนั้น และขยะแขยงครอบครัวของตัวเอง เลยตัดสินใจเข้าโรงเรียนประจำ พอปิดเทอมหากไม่เที่ยวก็หางานพิเศษทำ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็ใช้ทรัพย์สินจากพินัยกรรมของแม่ผ่านทางผู้ดูแลที่แม่เลือกมาด้วยตัวเอง ต่อมา เขาสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ติดอันดับหนึ่งของรุ่นจนเรียนจบแล้วเริ่มทำงานจากตำแหน่งระดับล่าง กระทั่งบรรจุเข้าหน่วยปราบปรามและพบลูเซียสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ลูเซียสในตอนนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งแก๊ง มีคนติดตามอยู่ไม่กี่คนและเกิดสนใจฝีมือของเขาขึ้นมา เลยยื่นข้อเสนอให้มาทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ ไม่ใช่ว่ารักในอาชีพของตัวเอง แต่เขาไม่เคยมีความคิดที
ชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องที่เสียใจหนักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง เรื่องแรกคือการจากไปของพ่อแม่ด้วยวัยชรา เรื่องที่สองคือความล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว ระหว่างที่ผมเป็นทหารทำตามความตั้งใจของตัวเองก็ทิ้งลูกเมียไว้ด้านหลังโดยไม่นึกถึงใจของคนเฝ้ารอ กระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาที่แต่งงานกันมาหลายปีเป็นฝ่ายขอหย่า เธอร้องไห้ พร่ำบอกว่าขอโทษที่อดทนรอต่อไปไม่ได้ เธอเข้าใจความต้องการของผม แต่เธอที่มีลูกอ่อนก็ต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่เช่นกัน ผมไม่เคยโทษเธอเลยที่เริ่มมองหาผู้ชายที่ดีกว่า ดังนั้นผมเลยดึงเธอเข้ามากอด ลูบผมเบาๆ พร้อมกระซิบปลอบโยนเธอว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง ‘ชนิศา’ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง การที่เธอเลือกทางนี้แสดงว่าทุกอย่างมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ พอเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจฝืนอยู่ด้วยกันอีกต่อไป ผมเลยยอมรับการตัดสินใจของเธอ และมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้เธอไป หลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ลาออกจากราชการทหารเพื่อหางานที่มีรายได้มากกว่าส่งเสียให้ลูกชายได้เรียนโรงเรียนดีๆ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว วันไหนผมมีวันหยุดก็จ
ลูเซียสทานมื้อเช้าพร้อมกับลูกชายบุญธรรมที่มีความสัมพันธ์อันแสนครุมเครือ พออิ่มบอสใหญ่ปล่อยให้อีหนูได้พักโดยมีไมค์คอยดูแล ส่วนตัวเองปลีกตัวออกมาจัดการงานส่วนที่เหลือ จากวันที่ลูเซียสลั่นวาจาให้กวาดล้างคนทรยศในแก๊งก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เพียงแต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น เนื่องจากข่าวการกลับมาของบอสใหญ่ไม่ได้หลุดออกไปจากเหล่าคนทรยศ แต่มีบุคคลที่สามเป็นผู้ปล่อยข่าว นั่นคือเรื่องที่ต้องจัดการกันต่อไป ลูเซียสนั่งประจำในห้องเดิมที่เคยคุยวิดีโอคอลกับหยางซิ่ว แต่เปลี่ยนคู่สนทนาเป็นแฝดผู้กุมอำนาจในอิตาลี แฝดคนพี่ชื่อ ‘ซิริอัส’ บุคลิกมาดขรึมจริงจัง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ดูเยือกเย็นต่างจากแฝดน้อง ‘สกอร์เปียส’ ที่ดูร้อนเหมือนเปลวเพลิงและมีรอยยิ้มติดมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ ช่างเป็นแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง นอกจากเพศ คนรักคนเดียวกันและนิสัยอันแปลกประหลาดยากจะคาดเดา /หายากนะที่นายจะติดต่อมาเอง ลูเซียส/ สกอร์เปียสเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ติดต่อสื่อสารกับลูเซียสผ่านทางคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของซิริอัส ด้วยพื้นที่มีจำกัด แ
ปากเก่งไปแบบนั้นแต่ผมก็ยังหนีความจริงเรื่องที่ตัวเองยังอยู่ในวัยเรียนไม่พ้น ดังนั้นผมเลยทำตัวให้สมวัยด้วยการอยู่ดูแลแม่ในระหว่างที่ลูเซียสเคลียร์งานที่รัสเซียตามคำแนะนำของอดีตพาคาน ทำให้ช่วงนั้นผมกับลูเซียสห่างกันอีกรอบ ด้วยตัวตนของลูเซียสไม่สะดวกมาที่โรงพยาบาลบ่อยอยู่แล้ว เลยได้แต่ส่งบรรดาการ์ดมาเฝ้า “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจริงๆ” ป้านาเดียร่างท้วมมีเค้าโครงของแม่เอ่ยถามเป็นรอบที่ห้าของวัน เมื่อเข้ามาเจอผมนั่งเล่นไพ่กับไมค์ระหว่างแม่พักผ่อนหลังทานยา อันที่จริงไมค์เองก็ไม่ได้ตัวหนาหุ่นบึกเท่ากับการ์ดคนอื่นๆ แต่เทียบกับคนธรรมดาแล้วก็ยังดูตัวสูงใหญ่กว่าอยู่ดี น่าจะตัวหนากว่าหลงไม่เท่าไหร่ แถมยังเป็นหมอบรรยากาศรอบตัวเลยไม่เยือกเย็นเท่าหลง ถึงแบบนั้นป้านาเดียก็ยังแสดงทีท่าระแวงชัดเจน ในขณะที่ผมสุดแสนจะชิลหรือเป็นเพราะผมเจอแต่พวกหุ่นหมีจนชินแล้วก็ไม่ทราบ “อย่าห่วงเลยป้านาเดีย พี่ไมค์เป็นคนที่พ่อบุญธรรมส่งมาเพื่อดูแลผม เห็นแบบนี้เขาเป็นหมอนะ” ผมตบมือป้าที่วางบนแขนเบาๆ เป็นเชิงปลอบ หลังป้ารีบถลาเข้ามาคว้าตัวผมไปหลบทั
ผมเกิดในซ่อง เติบโตในสลัม มีแม่เป็นโสเภนีที่หลังจากคลอดผมเสร็จก็เอาผมไปทิ้งแถวถังขยะ ก่อนที่คนจรจัดเก็บไปเลี้ยงดูด้วยหวังว่าจะให้ผมดูแลเขาต่ออีกที แต่เขาไม่ได้มอบความรักความเอาใจใส่อย่างที่คนใจบุญพึงกระทำ เพราะเขาเลี้ยงผมเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ถ้ามีอาหารเหลือพอก็จะโยนให้ผมกิน พอแค่ผมไม่ตายไปก่อนที่จะได้ใช้งานเท่านั้น จนบางทีผมก็สงสัยว่าความตายอาจจะดีกว่ารึเปล่า ไม่ต้องทนอดอยากหิวโหย โดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเคยคิดที่จะตายอยู่หลายครั้ง หากไม่ติดว่าคนจรจัดที่เก็บผมมาเลี้ยงจะช่วยผมไว้ทันตลอด แล้วจัดการลงโทษอย่างหนักเมื่อผมพ้นขีดอันตราย ให้อดข้าวบ้าง จับขังบ้างหรือบางทีก็โดนซ้อมเป็นเครื่องระบายอารมณ์ แน่นอนว่าการรักษาแต่ละครั้งไม่ได้ไปหาหมอในโรงพยาบาล แต่เป็นหมอเถื่อนที่ไม่มีใบรับรองแถวสลัม ไม่ก็รักษาเอาตามมีตามเกิด และผมดันดวงแข็งจนรอดมาได้เสียทุกครั้ง จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็แสนลำบาก สุดท้ายได้แต่ฝืนทนกับสิ่งที่เป็น กระทั่งอายุหกปี ชายแก่ที่เลี้ยงดูผมดันไปขัดขานักเลงวัยรุ่นเข้า เลยถูกพวกนั้นซ้อมอย่างคึกคะนอง เสียงตาแก่โหยหวนด้วยความเจ็
เรื่องราวต่อจากนี้เป็นเรื่องหลังจากที่ผมเรียนจบมหา’ลัย กรุณาอย่าถามถึงเกียรตินิยม แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงานของตัวเอง ตัวผมเองก็เช่นกัน เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับลูเซียส แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เกิด ย่อมเห็นตื้นลึกหนาบางจนหมดสิ้น เลยอยากให้ผมที่มีโอกาสเลือกเส้นทางของตัวเองหลีกหนีให้ไกลจากมันที่สุด แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ผมเลือกทำงานไซด์ไลน์และกลายเป็นเด็กเลี้ยงของลูเซียส ตัวผมก็ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ครึ่งตัวแล้ว ในเมื่อไม่มีทางเลือก ลูเซียสเลยสั่งให้ผมเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารเพื่อมาช่วยดูแลธุรกิจที่ไทยแทน ซึ่งงานนี้ลูเซียสให้ผมเรียนต่อที่รัสเซีย ทุกคนเลยถือโอกาสนี้กลับรัสเซียกันยกทีม เหลือแค่พวกการ์ดอยู่เฝ้าตึกจำนวนหนึ่งเท่านั้น เรื่องพ่ออย่าไปพูดถึง ล่าสุดเห็นว่าออกจากคุกแล้ว แต่จะไปทำอะไรที่ไหนอยู่ยังไงผมไม่สนเพราะอยู่กันคนละประเทศ ส่วนแม่ผมไม่ต้องเป็นห่ว
วันนี้วันลอยกระทง แถมยังเป็นวันซูเปอร์มูน พระจันทร์เต็มดวงและเข้าใกล้โลกมากที่สุด สิ่งที่ผู้คนควรทำคือเตรียมตัวไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ แล้วเดินเที่ยวเล่นชมความงามของพระจันทร์กับเพื่อนฝูง ครอบครัวไม่ก็คนรัก ตัวผมน่ะเหรอ? นั่งไถมือถือด้วยความเบื่อหน่าย... ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบ แต่เพื่อนมันดันไปลอยกับแฟนกันหมดเท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหน้าถ่ายรูปมาเยาะเย้ยอีกต่างหาก เฮียเฟย์ถ่ายรูปปอนด์ถือกระทงยืนคู่กับแม่ โดยมีฉากหลังเป็นผู้คนกับผืนน้ำที่มีกระทงลอยอยู่เต็มไปหมด เกิดเป็นดวงไฟสีส้มระยิบระยับ ซันโป้ ไอ้คู่ผัวเมียฮาร์ดคอ โป้มันถ่ายรูปเท้าตัวเองทำท่าจะยันก้นซันลงน้ำ ขณะที่ซันกำลังนั่งอธิษฐาน ริวถ่ายภาพกระทงสองอัน เห็นชายเสื้อชอปประจำสาขามันแวบๆ แสดงว่ามันไปลอยกับพี่ธันชัวร์ ภาพของวาเล่นับว่าเด็ดสุด เล่เซลฟี่ระหว่างหอมแก้มวาที่ทำหน้าเซ็งถือกระทง ด้านหลังสองคนนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีโคมลอยมากมาย ดูบรรยากาศคึกคักสมเป็นภาคเหนือ พูดถึงลอยกับครอบครัวยิ่งหดหู่ พ่อผมไม่รู้เป็
คุณคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อกที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผม