"สวัสดีดีค่ะพี่น่าน ยี่หวาคิดถึงจังเลย"
กชกรได้แต่แอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้อยู่ในใจ ใครจะว่าเธอนิสัยไม่ดีก็ได้ เพราะเธออยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เมื่อคนสองคนตรงหน้าทำราวกับว่าพึ่งจะได้กลับมาพบหน้ากันหลังจากที่ต้องห่างกันไกล เอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงโดยที่ไม่ได้คิดจะสนใจเลยว่าที่ตรงนี้มันยังมีคนอื่นอยู่ด้วยหรือเปล่า ทำอย่างกับว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้นึกแคร์เลยว่าเธอและณภัทรยืนอยู่ตรงนี้ ราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงแค่เขาสองคน
"ขอโทษทีค่ะยี่หวาคิดถึงพี่น่านมากไปหน่อย สวัสดีนะคะพี่นะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะตั้งแต่ขายคอนโด แล้วก็ เอ่อ นี่ใครเหรอคะ"
สายตาดูร้าย! กชกรลอบประเมินดูสถานะการณ์จากหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามมาสักพักแล้ว ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย แต่งตัวจัดเต็มแบบขาดๆ เกาะอกยีนต์สีซีดโชว์สะดือกับกระโปรงยีนต์เข้าชุดสีเดียวกันเกือบสั้นเสมอต้นขาที่แอบเหลือบสายตามามองเธอสองสามหนตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบย่างเข้ามา
"สวัสดียี่หวา นี่กั้งเพื่อนสนิทพี่เอง แล้วก็ตอนนี้พ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์ของลูกสาวพี่ด้วย"
"อ๋อเหรอคะ เพื่อนสนิทพี่นะงั้นก็แสดงว่าอายุมากกว่ายี่หวาสินะคะ พี่เขาดูหน้าเด็กมากเลย ตอนแรกยี่หวาก็คิดว่ารุ่นเดียวกัน สวัสดีค่ะพี่กั้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ยี่หวาเป็นแฟนพี่น่านค่ะ"
ฮึ ที่แท้ก็เป็นผู้ชายทอแล..แล้วไหนตอนนั้นยังจะมีหน้ามาบอกเธอว่าตัวเองสถานะโสดและไม่มีแฟน ทีตอนนี้ถูกผู้หญิงคนนี้ประกาศสถานะว่าเป็นแฟนกันปาวๆล่ะทำไมถึงไม่กล้าแย้ง
"ค่ะ สวัสดี"
กชกรยกมือรับไหว้หญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอายุน้อยกว่า ตอนแรกที่เจอในห้องน้ำร้านอาหารญี่ปุ่นครั้งนั้น เธอเองก็คิดเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้จะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ หรือไม่ก็อายุมากกว่าเสียอีก ที่ไหนได้..ที่แท้ฝ่ายชายก็ชอบกินเด็ก
"ลูกแกล่ะนะ"
"ขนมพึ่งหลับครับ สงสัยว่าจะเพลียจากการนั่งรถวันนี้ผมพากลับไปเยี่ยมคุณแม่มา งั้นเข้าบ้านกันเถอะครับ วันนี้มีสปาเกตตี้โบโลเนส เดี๋ยวจะเย็นหมด"
ณภัทรเอ่ยชวนทุกคนให้เดินตามเข้าบ้าน ก่อนจะเดินนำพาทุกคนเดินไปนั่งลงยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้เสร็จแล้ว โดยณภัทรเป็นคนจัดการรินไวน์และเสิร์ฟสปาเกตตี้เอง ส่วนกชกร ณภัทรบอกว่าให้เธอนั่งอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้เขาเป็นคนบริการทุกคนเอง
โต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้สี่ตัวเป็นแบบที่นั่งฝั่งละสองหันหน้าเข้าหากัน โดยเธอนั่งข้างณภัทร ส่วนเขาก็นั่งข้างหวานใจ บรรยากาศในการทานอาหารมันก็คงจะไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอนั้นเอาแต่จ้องมองมา
"อร่อยไหมครับ วันนี้กั้งอุตส่าห์เข้าครัวรอเลย จะบอกว่าตั้งแต่โตมา ผมไม่เคยกินโบโลเนสที่ไหนอร่อยเท่าฝีมือกั้งทำมาก่อนเลย"
ณภัทรหันไปถามพี่ชายและสาวสวยที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง หากแต่ฝ่ายหญิงกลับยิ้มให้และไม่ได้ตอบ เมื่อได้ยินคำตอบของผู้ที่เป็นพี่ชายของเขา
"อร่อย พอได้กินแล้วก็อยากจะกินอีก..บ่อยๆ"
ทั้งที่พยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่คำพูดเหล่านั้นก็กลับทำให้กชกรรู้สึกหายใจติดๆขัดๆขึ้นมาได้เมื่อมองขึ้นไปสบกับดวงตาคม ราวกับสายตาที่เขามองมามันกำลังบ่งบอกเธอว่าเขาไม่ได้กำลังหมายถึงอาหาร ยิ่งที่บริเวณปลายเท้าตอนนี้สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่คลืบคลานมาจนเธอต้องเขยิบเท้าหนีก็ยิ่งมั่นใจ
การกระทำของเขามันบ้ามาก นี่เขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน ขนาดว่าแฟนตัวเองนั่งอยู่ข้างๆแท้ๆ เขาก็ยังจะกล้าทำอะไรเลวๆแบบนี้อีก น่าสงสารผู้หญิงคนนี้จังที่ต้องมาเจอผู้ชายแบบนี้
ได้สิ อยากลองดีกับเธอนักก็จะต้องเจอแบบนี้ เขาคงจะรู้จักเธอน้อยไปสินะ เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะยอมปิดปากอยู่เงียบๆหรอก คงจะต้องขอทำตัวเป็นผู้กำหนดบทลงโทษให้กับผู้ร้ายใจทรามคนนี้ดูเสียหน่อย โดยการกระทืบส้นเท้าลงไปหนักๆที่บนนิ้วเท้าที่ยังคงยื่นมาอย่างจัง เขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่าเธอจะทำอะไรแบบนี้ ทำเอานิ้วมือเรียวใหญ่ที่พึ่งจะจับส้อมเอาไว้หลังจากการตักสปาเกตตี้ขึ้นมาถึงกับหลุดจากมือและตกลงไปในจานเสียงดัง
เคล้ง!
"โอ๊ย!"
อยู่ๆสายตารอบข้างทั้งทุกคู่ต่างก็ต้องมองมาที่ณวัฒน์เพียงผู้เดียวเมื่อเขาร้องออกมาเสียงดังอย่างแทบไม่มีสาเหตุ ซึ่งนั่นสร้างทั้งความตกใจและความสงสัยจากทุกคนในสภาวะอามณ์ที่ต่างกัน จะมีก็เพียงแค่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเท่านั้นที่แอบผุดยิ้มมุมปากขึ้นมา แต่พอเงยหน้าขึ้นไปเห็นสายตาของคนที่มองมาก็เลยได้แต่หน้าแหยเจื่อนๆ
"พี่น่านคะ/พี่ครับ โอเคดีหรือเปล่า"
"นั่นสิคะ อยู่ๆก็ร้องโอดโอยขึ้นมา พี่น่านเป็นอะไรบอกยี่หวาสิคะเร็ว" ยลรดาทั้งเขย่าแขน ทั้งดึงและจับใบหน้าทั้งสองข้างของเขาให้หันกลับไปมาเพื่อพยายามหาสาเหตุของอาการเจ็บปวดแต่ก็ไม่เจอ
ทั้งโต๊ะต่างก็หันมองเขาเป็นตาเดียว ณวัฒน์เองก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่พึ่งจะประทุษร้ายตัวเองตาเขียวปัด เพราะว่ามันเจ็บมาก นิ้วเท้าของเขาคงจะต้องมีปูดมีบวมกันบ้างแน่ๆ ก็แม่คุณเล่นกระทืบลงมาเสียแรงขนาดนี้ คอยดูเถอะเขาจะต้องหาโอกาสเอาคืนเธอให้จงได้
"ขอโทษที พี่ทำส้อมหลุดมือ"
สายตาคาดโทษที่ถูกส่งมาไม่สามารถทำให้กชกรรู้สึกกลัวขึ้นมาได้หรอก ยิ่งเรื่องนี้เธอไม่ผิด มันก็สาสมแล้วสำหรับเขาคนที่กล้ามาทำรุ่มร่ามใส่เธอ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนหาเรื่องเธอก่อนแท้ๆ ยังจะกล้ามาทำท่าราวกับเธอเป็นคนผิดอีก แต่กระนั้นก็ยอมที่จะยกมือขึ้นไหว้แล้วเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกไป
"ขอโทษค่ะ คือพอดีว่ากั้งไม่ทันระวังก็เลยเผลอหยียบเท้าคุณน่านไป"
"ฮึ! จะยังมาคงมาคุณอะไร ก็บอกไปแล้วไงว่าให้เรียกพี่ เราคนกันเองแท้ๆ เรียกพี่ว่า 'พี่น่าน' สิครับ น้องกั้ง"
เขากำลังอยากเอาคืนเธอด้วยการบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ต่อหน้าคนอื่นแน่ๆ มองดูสายตาของเขาก็รู้ว่านี่คือการเอาคืนที่เธอแกล้งเหยียบเท้าเขา
"นั่นสิกั้ง กั้งเรียกพี่น่านว่าพี่น่านเหมือนเราเถอะ อย่าเรียกคุณเลย มันดูห่างไกลกันยังไงก็ไม่รู้ เราอยากให้กั้งรู้สึกว่าพี่น่านก็เป็นพี่ชายกั้งเหมือนกัน เวลาอยู่ที่นี่กั้งจะได้รู้สึกปลอดภัยแล้วก็สบายใจ จริงไหมครับ"
ณภัทรพูดจบก็หันไปถามความคิดเห็นจากผู้ที่เป็นพี่ชาย แต่รายนั้นกลับรวบช้อนส้อมที่ถืออยู่และวางมันลงอย่างเงียบๆ
"งั้นแกก็คงต้องถามน้องกั้งดูแล้วล่ะ ว่าเขาอยากจะที่จะรู้สึกว่าฉันเป็น..พี่ชายของเขาหรือเปล่า หรือว่าอยากจะรู้สึกว่าฉันเป็น.."
ช่วงจังหวะที่เขาเว้นวรรคคำพูดไป กชกรก็เกิดอาการใจหายใจคว่ำขึ้นมาแปลกๆ นี่เขากำลังพูดบ้าอะไรออกไป แค่นี้ยังทำให้แฟนตัวเองระแวงไม่พอหรือไง
"เป็นอะไรเหรอคะ"
คราวนี้เป็นยลรดาที่รีบชิงถาม สายตาหวาดระแวงเริ่มถูกส่งมาที่เธอบ่อยขึ้นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่ยังจะมาทำให้แฟนตัวเองระแวงเพิ่มมากขึ้นไปอีก นึกแล้วก็อยากจะเหยียบแรงๆอีกสักทีสองที
"ไม่นะคะพี่น่าน อย่าดูด"กชกรพยายามใช้มือในการผลักดันใบหน้าหล่อที่กำลังซุกไซ้เข้ามาดูดเม้มตามลำคอระหงของตัวเองออกอย่างสุดแรง โดยเธอได้แต่หวังว่ามือของเธอนั้นจะมีน้ำหนักมากพอที่จะสามารถหยุดรั้งเขาเอาไว้ได้ แม้จะดูเหมือนว่าทุกอย่างดูจะยากเต็มที"อยากให้เจ้านะมันได้ยินหรือไง กั้งถึงได้พยายามขัดใจพี่นัก บอกไว้ก่อนนะว่าถ้ากั้งยังไม่หยุดขัดขืน พี่จะทำตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ของกั้งให้เป็นรอย แล้วคอยดูสิว่าพรุ่งนี้กั้งจะตอบเจ้านะว่ายังไง"คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันพร้อมกับมีรังสีแห่งความไม่พอใจแผ่ขยายออกมาจากดวงตาคม กชกรยังคงจ้องมองดวงตาสีเข้มประดุจเหยี่ยวคู่นั้นเอาไว้ด้วยความนิ่งสงบเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนจำใจจะต้องปิดเปลือกตาลงยามเมื่อริมฝีปากและลมหายใจอุ่นร้อนนั้นขยับเคลื่อนใกล้เข้ามา"ยอมให้พี่จูบเสียดีๆ"เธอจะยอมรับมันจากเขาอีกครั้งก็ได้ หรือไม่ก็อาจต้องยอมให้มันได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตราบใดที่ตัวเขายังคงปรารถนา เธอก็คงไม่มีปัญญาจะขัดใจคนบ้าหื่นกามที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรนเปรอจูบสุดเร่าร้อนมาให้กชกรไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนหรือเอ่ยปากห้ามเขาได้อีกต่อไป ในเมื่อเต้านมอวบใ
หนึ่งปีก่อนกชกรยืนยิ้มทั้งน้ำตาให้กับภาพบรรยากาศคืนวันแต่งงานของเพื่อนสนิทที่เธอแอบรัก ยืนยิ้มให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเองที่ต้องสูญเสียเขาไป ในที่สุดเธอก็คว้าเขาเอาไว้ไม่ได้ เขาเป็นของคนอื่นไปแล้วทำไมความรักของเธอถึงได้ไม่สมหวัง ในวันนี้สิ่งที่เธอทำได้คือเพียงยืนมองชายคนที่ตัวเองรักต้องกลายเป็นของผู้หญิงคนอื่นไปนับจากนี้ ณภัทร คือผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เธอคงจะไม่มีโอกาสได้แอบเนียนอิงแอบใกล้ชิดเขาได้อย่างใจปรารถนาเหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อเขาคือคนที่มีครอบครัว แถมนีรยาภรรยาของเขาก็กำลังตั้งครรภ์อยู่หลังมือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ข้างแก้มของตัวเองพร้อมกับขวดไวน์ที่ถือออกมาจากในงานถูกขึ้นกระดกดื่ม กชกรพาตัวเองหลบออกมานั่งที่ตรงมุมหนึ่งใต้ต้นไม้ภายใต้แสงสลัว ยามเมื่อสายตามองเข้าไปภายในงานแต่งที่พึ่งจบลง หยดน้ำตาก็ได้แต่รินไหล"ทำไมนะถึงไม่เคยมองมาที่กั้งบ้างเลย จนกระทั่งวันนี้ ในสายตานะ กั้งก็เป็นได้แค่เพียงเพื่อนสนิทคนหนึ่งของนะเท่านั้น ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่ากั้งไม่ได้อยากเป็น"ตลอดหกปีที่ผ่านมา ณภัทรเจ้าชู้ขนาดไหนกชกรรู้ดี ด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดี เลยทำให้เขามีผู้หญิงวิ่งเข้าหาเป็นว่าเล่น
ณวัฒน์จ้องมองใบหน้างดงามราวประดุจนางฟ้าของคนที่อยู่ในอ้อมอกตาไม่กระพริบ ถึงแม้ว่าเธอจะเมาแต่เขาก็สะดุดตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ยิ่งวินาทีแรกที่ได้รับตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดตอนที่เธอล้มลงมายิ่งพอได้พิศมองใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้ยิ่งทำเอาเขาตะลึงงึงงันไปชั่วขณะสายตากวาดมองไปทั่วดวงหน้างาม แม้ว่าคืนนี้ตัวเขาเองก็ดื่มมาไม่น้อย แต่ก็ยังถือว่าครองสติได้ดีกว่าผู้หญิงที่เมาพับอยู่ในอก คิดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าเธอดี ที่ปล่อยให้ความรักที่ไม่สมหวังมามีอำนาจควบคุมเหนือกายใจจนทำร้ายตัวเอง แน่นอนว่าถ้าเป็นเขา จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดผู้หญิงคนนี้กำลังอกหักและกำลังต้องการจะใช้เขาเป็นเครื่องมือในการลืมชายคนรักเก่า ซึ่งถ้าหากว่าเขาจะ 'เอา' มันก็คงจะไม่ผิดในเมื่อเธอเป็นคนเสนอณวัฒน์อุ้มร่างคนเมาก้าวเดินไปวางลงบนเตียงขนาดหกฟุตอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ตัวเขาเองจะตามทาบทับริมฝีปากลงไปประกบจูบ ลิ้นร้อนถูกสอดควานเข้าไปในโพรงปาก หากแต่ท่าทางตอบสนองที่ดูไม่ค่อยจะประสีประสาของคนเมานั้นทำเอาเขาเองชักจะเริ่มหงุดหงิด ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้คงน่าจะดื่มเข้าไปไม่น้อย เพราะมันทำให้ทักษะในการจูบของเธ
หลังจากผ่านค่ำคืนอันดุเดือด กชกรก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพบว่าตัวเองยังคงถูกกอดเอาไว้ด้วยแขนแกร่งของเขา ร่างกายข้างใต้รู้สึกได้ถึงความปวดระบบจนต้องนิ่วหน้า หากแต่ว่าเจ้าของกายแกร่งนั่นก็ทำเพียงแค่ขยับตัวแล้วพลิกหันหนีไปอีกฝั่งแทนสายตาเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาว่าพึ่งจะตีห้าครึ่ง นี่เมื่อคืนเธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าตัวเองจะเมาจนขาดสติแล้วทำเรื่องบ้าๆพวกนี้ลงไป เธอเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนแปลกหน้าความละอายได้เริ่มก่อตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิด แต่ชีวิตก็คงต้องเดินไปต่อ เอาเป็นว่าเธอจะขอกลับไปตั้งหลักใหม่ที่กรุงเทพก่อนก็เเล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แต่ตอนนี้เธอเเค่ไม่อยากให้ณภัทรรับรู้ว่าเมื่อคืนเกิดความผิดพลาดอะไรไปกับเธอ ทางเดียวก็คือต้องรีบกลับก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยโทรมาบอกเขาทีหลังก็แล้วกันว่าเธอติดธุระพอก้าวลงจากเตียงก็กะว่าจะรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ สายตาเหลือบไปเห็นเศษถุงยางอนามัยตกเกลื่อนอยู่บนพื้น ซึ่งเธอไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่าเมื่อคืนคนบนเตียงใช้มันไปเท่าไหร่ ไม่มีเวลามายืนชักช้า กชกรตัดสินใจเดินมุ่งไปยังห้องน้ำแล้วใช้เวลาในการอาบเพียงแค่ห้านาทีก็แล้วเสร็จ แต่พอเปิดประตูออกมาก
สามอาทิตย์ผ่านไป ตั้งแต่วันนั้นมาเธอเองก็ยังไม่ได้เจอหน้าณภัทรเลย มีเพียงแค่เช้าวันนั้นที่เขาโทรมาตามเพราะว่าหาเธอตอนทานมื้อเช้าไม่เจอ พอเธอบอกว่ามีธุระด่วน เลยต้องกลับกรุงเทพมาก่อน เขาก็รับรู้แล้วก็วางสายไปอย่างว่า คนกำลังมีความสุข ตอนนี้เขาคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งกับลูกในท้องและภรรยา เพราะก่อนจัดงานแต่งงานเขาเคยวางแพลนเอาไว้ว่าหากงานแต่งเสร็จเรียบร้อยก็จะพาภรรยาไปฮันนีมูนต่อทุกๆเช้าเวลาเปิดประตูออกไปทำงาน เธอก็จะมองไปที่หน้าประตูห้องเขาทุกครั้ง ดังกับว่าต้องการที่จะระลึกถึงช่วงวันเวลาสมัยก่อน ตอนที่เขาใช้เธอเป็นเกราะกำบังความเหงาเวลาที่ไม่มีใคร'กั้งคิดถึงนะจัง คิดถึงเราสมัยก่อน'เรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันย้อนประดังเข้ามา วันนั้นเธอและเขาต่างก็เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ แถมยังถูกจับคู่ให้เป็นบัดดี้กันในกิจกรรมรับน้อง ตอนนั้นเริ่มแรกเธอก็ประทับใจในความหล่อของเขาเหมือนกับผู้หญิงทุกคน แต่พอนานเข้าก็เปลี่ยนมาประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาแทน ในฐานะเพื่อนสนิท ณภัทรมักจะดูแลเธอดีเสมอ จนคู่ของเธอและเขาถูกเหล่าบรรดาเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยช่วยกันตามลุ้นและจับต
กชกรยังคงยืนมองตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำตัวชา ไม่คิดจริงๆว่าโลกจะกลมอย่างที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ พอสรุปกับตัวเองได้ว่ามันคือเขา ใจก็นึกอยากเดินออกไปจากร้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้านี่ถ้าไม่ติดว่าอย่างไรก็คงจะต้องขอเข้าห้องน้ำก่อน ไม่เช่นนั้นระหว่างทางกลับบ้าน ถ้าเกิดว่ารถติดบนทางด่วนขึ้นมาแล้วล่ะก็ไม่อยากจะคิดตอนที่ขาเรียวเล็กพาตัวเองขยับเดินเข้าไปใกล้ๆ แม้ว่าจะไม่ได้อยากให้เขาเห็นเธอเลยสักนิด แต่ยังไงเสียทางนั้นก็จำเป็นต้องผ่าน ในเมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะพาเธอไปห้องน้ำและไม่มีทางเลี่ยง กชกรจึงทำได้แค่เพียงรีบก้าวยาวๆเพื่อที่จะได้ผ่านมาถึงทางเข้าห้องน้ำได้โดยไวใช่เขาจริงๆด้วย 'ผมชื่อ ณวัฒน์' คำนั้นดังก้องขึ้นมาในหู ผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่เธอไม่ได้อยากจะเจอะเจออีกเลยตลอดชีวิต ทำไมโลกนี้ถึงได้ใจร้ายกับเธอนัก หรือว่าปีนี้ดวงเธอจะยังซวยไม่พอ อกหักก็อกหักไปแล้ว ยังจะต้องมาถูกตอกย้ำความผิดพลาดที่เกิดจากความเมามายของตัวเองโดยการที่ต้องมาเจอหน้าผู้ชายนี้ ผู้ที่อยู่ภายใต้เบื้องหลังอันหน้าอับอายของเธอ ได้โปรดหยุดเถอะสวรรค์ โปรดอย่าได้ลงโทษเธออีกเลย แค่เรื่องณภัทรคนเดียวก็ทำให้
หกเดือนผ่านไปสมาชิกใหม่ตัวน้อยก็ได้ลืมตาขึ้นมา เด็กหญิง ณารยา หน้าตาถอดแบบณภัทรออกมาราวกับลูกแกะตัวน้อยๆ เห็นแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาที่ตัวเธอเองกับเขาไม่ได้มีวาสนาต่อกัน ไม่เช่นนั้นลูกของเธอและณภัทรก็คงจะออกมาน่ารักแบบนี้ ช่วงหลังมานี้เธอไม่ค่อยได้จมปลักอยู่ณภัทรแล้ว เรียกได้ว่าเริ่มตัดใจขึ้นมาได้บ้างหลังจากที่ณภ้ทรเองก็มักจะหายหน้าหายตาเอาเวลาไปดูแลเอาใจใส่ภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที จึงทำให้เธอได้เห็นหน้าเขาน้อยลง และพอได้เห็นทีไรก็เป็นอันว่าต้องมีภรรยาของเขาพ่วงท้ายตามมาด้วยทุกครั้ง และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเริ่มตัดใจจากณภัทรได้เร็วมากขึ้น"ลูกสาวหน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยนะ หน้าตาถอดแบบนะมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย ว่าแต่ชื่อเล่นว่าอะไรน่ะคิดเอาไว้หรือยัง"กชกรหอบของเยี่ยมมาเยี่ยมหลานสาวตัวน้อยตั้งแต่เช้า ทันทีที่ณภัทรส่งข่าวเธอก็รีบแหกขี้หูขี้ตามา แม้ว่าเมื่อคืนดึกดื่นกว่าที่เธอจะกลับถึงบ้านแล้วได้นอนก็เกือบจะเช้า แต่พอเป็นเรื่องของณภัทรทีไร ทั้งสมองและหัวใจก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เอาไว้ค่อยกลับไปนอนต่อใหม่ก็แล้วกัน'"ชื่อขนม น้องขนมลูกพ่อนะกับแม่น้ำหวานน่ะ กั้งว่าน่ารักดีไหม"ณ
หนึ่งปีผ่านไป ทุกอย่างที่กชกรเคยคิดเอาไว้ถึงชีวิตครอบครัวอันสวยหรูของณภัทรก็ดูท่าว่าจะไม่เป็นไปตามนั้น ช่วงหลังมานี้ณภัทรและนีรยาเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น สาเหตุเธอเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่มีหลายคราที่ณภัทรมักจะหอบเอาลูกสาวมาฝากไว้กับเธอตอนดึกๆแล้วบอกเพียงแค่ว่าจะออกไปตามหานีรยากลับบ้าน ยิ่งพักหลังๆมา เธอแอบได้ยินแม่บ้านกับลุงยามหน้าคอนโดคุยกันว่าสงสารณภัทรที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกคนเดียว เมื่อนีรยามักเอาแต่เที่ยวจนดึกดื่มกว่าจะยอมกลับบ้าน หลายทีที่เธอเลิกงานกลับมาตอนดึกแล้วเดินสวนกันกับฝ่ายนั้นที่กำลังเดินออกไป หากแต่ก็ไม่ได้มีใครทักใครด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการที่จะรู้จักเธออยู่แล้ว หนักมากเข้าบางทีก็มีผู้ชายมาจอดรับทำไมชีวิตของณภัทรถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้ หรือว่าจะเป็นผลจากเวรกรรมที่เขาเคยทำเจ้าชู้เอาไว้ ทำให้ชีวิตคู่ของเขาถึงต้องเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะสงสารเขามาก แต่เธอจะไปทำอะไรได้พอเปิดประตูลิฟท์มายังชั้นที่ห้องเธออยู่ เสียงทะเลาะกันที่ดังมาจากห้องณภัทรก็เริ่มดังขึ้น มีการขว้างปาข้าวของ มิหนำซ้ำเธอยังได้ยินเสียงลูกสาวเขาร้องไห้ลั่นออกมาจากภายในห้องอีกกชกรได้แต่ย
"สวัสดีดีค่ะพี่น่าน ยี่หวาคิดถึงจังเลย"กชกรได้แต่แอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้อยู่ในใจ ใครจะว่าเธอนิสัยไม่ดีก็ได้ เพราะเธออยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เมื่อคนสองคนตรงหน้าทำราวกับว่าพึ่งจะได้กลับมาพบหน้ากันหลังจากที่ต้องห่างกันไกล เอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงโดยที่ไม่ได้คิดจะสนใจเลยว่าที่ตรงนี้มันยังมีคนอื่นอยู่ด้วยหรือเปล่า ทำอย่างกับว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้นึกแคร์เลยว่าเธอและณภัทรยืนอยู่ตรงนี้ ราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงแค่เขาสองคน"ขอโทษทีค่ะยี่หวาคิดถึงพี่น่านมากไปหน่อย สวัสดีนะคะพี่นะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะตั้งแต่ขายคอนโด แล้วก็ เอ่อ นี่ใครเหรอคะ"สายตาดูร้าย! กชกรลอบประเมินดูสถานะการณ์จากหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามมาสักพักแล้ว ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย แต่งตัวจัดเต็มแบบขาดๆ เกาะอกยีนต์สีซีดโชว์สะดือกับกระโปรงยีนต์เข้าชุดสีเดียวกันเกือบสั้นเสมอต้นขาที่แอบเหลือบสายตามามองเธอสองสามหนตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบย่างเข้ามา"สวัสดียี่หวา นี่กั้งเพื่อนสนิทพี่เอง แล้วก็ตอนนี้พ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์ของลูกสาวพี่ด้วย""อ๋อเหรอคะ เพื่อนสนิทพี่นะงั้นก็แสดงว่าอายุมากกว่ายี่หวาสินะคะ พี่เขาดูหน้าเด็กมากเลย ตอนแร
กชกรใช้เวลาในการว่ายน้ำอยู่ราวๆเกือบสองชั่วโมง พอเริ่มรู้สึกว่าแสงของพระอาทิตย์แรงขึ้นแยงตา จึงได้ขึ้นจากสระว่ายน้ำแล้วพาตัวเองกลับเข้าบ้านไป จากนั้นก็หามื้อเช้าใส่ท้องให้ตัวเองด้วยอะไรง่ายๆ พวกขนมปังปิ้งอาหารเช้าแบบอเมริกันที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะแต่งตัวแล้วขับรถออกไปในเมืองเพื่อซื้อของกินของใช้ วันนี้ไหนๆก็ว่างแล้วก็เลยจะขอใช้เวลาในวันหยุดกับตัวเองให้เต็มที่สักหน่อย เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ หน้าที่การดูแลณรายาทั้งกลางวันและกลางคืนก็ตกมาอยู่ที่เธออย่างสมบูรณ์แบบ บางคืนณภัทรก็แอบไม่กลับบ้านบ้าง เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเต็มใจ และพอยิ่งอยู่นานไปก็เริ่มเกิดความรู้สึกผูกพันกับเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาราวกับว่าเป็นลูกเป็นหลานตัวเองแท้ๆพอมาถึงในเมืองกชกรก็เริ่มจากเข้าร้านทำเล็บ นวดตัวทำสปา ปกติตอนที่อยู่กรุงเทพเธอก็มักจะทำอะไรแบบนี้อยู่บ้าง ถึงจะไม่บ่อยก็ตกเดือนละครั้งสองครั้งได้ แต่พอตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่กลับยังไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้เลย วันนี้จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีหลังจากใช้บริการด้านความงามเสร็จก็พาตัวเองขับแวะต่อเข้าห้างสรรพสินค้าเพื่อห
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก อยู่ๆไปๆมาๆเธอก็กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้สี่อาทิตย์แล้ว ทุกอย่างก็ดูว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี เธอเริ่มรู้ใจณรายามากขึ้น จนทุกวันนี้ณภัทรส่งตัวลูกสาวมานอนด้วยกันกับเธอแทบจะทุกคืน เพราะบางคืนเขาเองก็เลิกงานดึก บอกว่ามีงานเลี้ยง ยิ่งช่วงนี้เป็นไฮซีซั่น ณภัทรบอกว่างานที่โรงแรมค่อนข้างจะยุ่ง เลยอยากจะขอฝากณรายาไว้เพิ่มกับเธอมากขึ้นโดยที่เขายินยอมที่จะจ่ายโอทีให้แบบงามๆ เรื่องเลี้ยงลูกสาวให้เขานั้นเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหา มัดรวมทั้งหน้าที่พี่เลี้ยงและเพื่อนสนิทรวมกันเข้าไป ดูแลเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้ถือว่าชิวมากอยู่แล้วแต่..หลังจากเมื่อเช้าที่เธอเปิดประตูพาณรายาออกไป หัวใจของเธอเองก็แทบจะหยุดเต้น เมื่อภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือณภัทรนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาส่งผู้หญิงคนหนึ่งออกประตูบ้านไป ทันทีที่เขาเห็นเธอก็หน้าเจื่อนลงคล้ายกับว่าตกใจ แต่เธอนี่สิที่ตกใจกว่า หัวใจที่เคยเบิกบานถึงกับเหี่ยวแฟบลงจนแทบจะหยุดเต้น ขนาดว่าอยากจะร้องไห้ แต่ก็กลับไม่มีน้ำตา จากนั้นณภัทรก็ขอตัวกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วจึงกลับออกมา กชกรเองยอมรับว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหน รู้เ
เช้านี้กชกรตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาเตรียมตัวในทำหน้าที่ใหม่ เมื่อคืนณภัทรเอาณรายาไปนอนด้วยเพราะอยากให้เธอได้หายเหนื่อยและมีเวลาปรับตัวก่อน เธอจึงได้มีโอกาสได้นอนหลับอย่างสบายๆ เช้านี้จึงได้ม้แรงลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้สองพ่อลูกแต่เช้า แล้วจึงตั้งใจว่าจะเข้าไปปลุกทั้งสองคนขณะที่ทำอาหารเช้าไป ในใจก็รู้สึกปลื้มปรีติอยู่ไม่น้อย ประหนึ่งว่าหน้าที่นี้ทำให้เธอแอบรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่ดูแลสามีและลูกเล็กอยู่ก็ไม่ปาน ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่มันเกิดจากการมโนของเธอเองล้วนๆ หลังจากเตรียมอาหารเสร็จก็เดินเข้าไปเคาะห้องอยู่สองสามที จากนั้นณภัทรก็เปิดประตูอุ้มลูกออกมาด้วยสภาพที่พึ่งตื่นด้วยกันทั้งคู่ จนเธอเห็นแล้วก็อดขำกับภาพที่เห็นไม่ได้"มอนิ่ง ได้เวลาตื่นนอนแล้วค่ะคุณพ่อคุณลูก อาหารเช้าเสร็จแล้ว เชิญที่โต๊ะกันได้เลยค่ะ""ตื่นเช้าจังเลยกั้ง นี่เราไม่ได้จ้างกั้งให้มาเริ่มงานตั้งแต่หกโมงเช้าขนาดนี้นะ""อันนี้กั้งไม่ได้ถือว่าทำงานหรอก นะบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราเริ่มงานแปดโมงครึ่ง แต่นี่พึ่งเจ็ดโมงกว่าเอง ตอนนี้ถือว่าเราทำหน้าที่เพื่อนก็แล้วกันนะ"ว่าแล้วกชกรก็ยื่นมือ
หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างที่กรุงเทพเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว กชกรก็พาตัวเองย้ายมาที่เขาใหญ่ในเวลาต่อมา คอนโดของเธอนั้นไม่ได้ถูกขาย ส่วนหนึ่งข้าวของที่เก็บเอาไว้ยังคงอยู่ที่นั่นเป็นส่วนมาก ส่วนกระเป๋าที่ติดตัวมาที่นี่มีเพียงสองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เท่านั้นที่เธอยัดใส่หลังรถมา โดยณภัทรบอกว่าให้เธอย้ายมาอาศัยอยู่ที่บ้านพักของเขาได้เลย ที่นี่มีที่พักให้พร้อมถ้าหากว่าเธอไม่ติด เพราะช่วงหลังๆมานี้เขาเองต้องเลี้ยงลูกเองคนเดียว เด็กหญิงณรายาก็เลยค่อนข้างติดเขา เขาก็เลยอยากให้ลูกอยู่ในสายตาตลอด ซึ่งนั่นกชกรคิดว่าก็เป็นเรื่องดีเสียอีกที่เธอจะได้มีโอกาสได้กลับมาอยู่ใกล้กับณภัทรกชกรใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าในการขับพาตัวเองมาถึงยังอาณาบริเวณที่ตั้งของโรงแรมหรูขนาดใหญ่ใจกลางเขาใหญ่ โรงแรมแห่งนี้เธอเองก็เคยพอได้เห็นผ่านตามาบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นหนึ่งในธุรกิจของบิดาณภัทร ทันทีที่รถยนต์ของเธอขับเลี้ยวเข้ามาจอดยังส่วนที่เป็นบ้านพักสไตล์โมเดิร์น ซึ่งอยู่เลยมาทางส่วนที่เป็นโรงแรมไกลอยู่พอสมควร กชกรก็ได้แต่ตกตะลึงในความงามของบ้านและทัศนียภาพที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา โดยบ้านพักที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นบ้า
หลังจากเกมรักที่ถูกบงการโดยเขาจบไป กชกรก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนหน้าอกแกร่งอีกครั้งโดยที่เธอยังคงถูกเขากอดเอาไว้ ส่วนคนด้านบนยังคงนอนหลับเป็นตาย ฟังดูจากเสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังสม่ำเสมอของเขาแล้วน่าจะกำลังหลับสบายดวงตากลมโตกระพริบอยู่สองสามทีขณะที่เงยขึ้นไปมองใบหน้าที่แสนจะหล่อเหลานั่น เธอยังคงทำเป็นนอนนิ่งเพราะกลัวว่าถ้าเธอขยับตัวแล้วเขาจะตื่น เลยทำเป็นยังคงนอนนิ่งให้เขาได้กอดไปเรื่อยๆไม่ขยับ จนกระทั่งที่แถวบริเวณสะโพกเริ่มถูกลูบไล้จากฝ่ามือใหญ่ คิ้วเรียวงามก็ค่อยขมวดขยุ้ม แน่นนอนว่าถ้าลองได้ลูบก้นเธอเล่นได้แบบนี้ เขาก็คงจะตื่นแล้วนั่นแหละ รวมทั้งวงแขนแกร่งเริ่มบีบกระชับกอดเธอแน่นขึ้น จากนั้นอยู่ๆมือเธอข้างหนึ่งก็ถูกเขาจับลากและดึงลงไปข้างล่างและจับเขากับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตื่นตัว'ไอ้คนทะลึ่ง' กชกรร้องด่าเขาอยู่คนเดียวในใจ แต่พอจะชักมือหนีไป เขาก็ไม่ยอมให้เธอปล่อย แถมยังบังคับให้เธอจับมันแน่นขึ้นอีก แล้วเขาก็หลุดเสียงครางกระหึ่มออกมาจากในลำคอ"อ่า ซี๊ด""คนบ้า ลามก ปล่อยฉันนะ!"เขาไม่ปล่อย หากแต่ขย้ำก้นนุ่มๆของเธอแรงขึ้นก่อนจะใช้ลำแขนที่กอดเธอเอาไว้อยู่รัดเธอให้เข้าหาตัวเขาแน่นขึ้น
"นี่คุณ อ๊ะ""ผมชื่อน่าน เรียกชื่อผมสิ"ใบหน้างามสะบัดส่ายศรีษะไม่ยอมทำตามอย่างที่เขาบอกอย่างง่ายๆ ในขณะที่ตัวคนที่ออกคำสั่งเองก็กำลังเมามายอยู่กับโนมเนื้ออย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา กระโปรงเดรสตัวสั้นค่อยๆถูกรูดขึ้นมาหาต้นขาอย่างช้าๆแล้วฝ่ามือร้อนก็ลูบคลึงไปตามสะโพกงามอย่างถือดีทำเอาเรี่ยวแรงกำลังที่เธอเคยมีนั้นหายวับและดับสูญ กชกรทำได้แค่นอนรอรับสัมผัสที่เขาเป็นคนบงการอย่างร้อนรุ่มเท่านั้น จากนั้นต้นขาเรียวงามด้านในก็เริ่มถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งแล้วเขี่ยสะกิดเข้ากับขอบกางเกงชั้นในพร้อมทั้งแหวกมันออกมาไว้ข้างๆ"อ๊ะ ไม่นะ""ปฏิเสธผมทั้งๆที่เปียกขนาดนี้ไม่ทรมานหรือไง""มะ ไม่ อ๊ะ ไม่ อ๊า"ทุกๆคำว่า 'ไม่' ของเธอแลกมาด้วยการที่เกสรกุหลาบงามถูกนิ้วร้ายนั่นถูไถ เรียวขางามค่อยถ่างอ้าออกอย่างช้าๆ ยามเมื่อเขาสัมผัสอย่างลืมตัว จนในที่สุดก็เผยให้เห็นความงดงามสะกดสายตาที่น่าหลงใหลถูกเคลือบเอาไว้ด้วยน้ำหวานเยิ้มวาววับจับตาในขณะที่นิ้วของเขาสอดมุดเข้าไปอย่างช้าๆ กชกรก็ได้แต่หลับตานิ่งด้วยความเสียวซ่าน นี่เธอกำลังพ่ายแพ้ให้กับความต้องการทางร่างกายอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เธอกำลังยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่
ทันทีที่บานประตูถูกปิดเขาก็วางเธอลงกับพื้นอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น พอได้โอกาสความเป็นอิสระคืนจากคนตัวใหญ่ กชกรก็รีบผละตัวเองออกจากร่างแกร่งและถอยหลังทันที แต่ดันกลับถอยเซไปชนเข้ากับเหลี่ยมของชั้นวางรองเท้าอย่างแรงจนตัวงอ"โอ๊ย เจ็บจัง""พอมีสติก็กลัวผมขึ้นมาทุกที ไอ้ตอนที่เมาๆอยู่ทำไมถึงไม่กลัวผมบ้าง ทำตัวเป็นเมรีขี้เมาแบบนี้ เกิดไปเจอผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผมขึ้นมาจะทำยังไง"แม้ว่าจะเจ็บ แต่พอได้ยินคำพูดของคนบางคนที่แสนจะขัดหูเข้าไป คนที่ยืนตัวงออยู่ก็หันขวับกลับมามองเขาตาขวางอย่างแทบไม่อยากเชื่อหูที่เขาหยิบเอาความผิดพลาดของเธอในอดีตขึ้นมาพูดใหม่อีกครั้งได้หน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั่นแหละตัวดี"คุณพูดอย่างกับว่าเจอคุณแล้วมันน่าปลอดภัยนัก""อย่างน้อยผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใคร""แต่เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในลิฟท์ คุณพึ่งจะฉวยโอกาสกับฉัน""เมื่อกี้คุณไม่ได้เต็มใจจูบกับผมหรอกเหรอ เห็นยืนนิ่งเชียว ไอ้ผมก็นึกว่าคุณเต็มใจ" "คุณมันทุเรศ รีบกลับออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ" "ข้อศอกของคุณเลือดออก อุปกรณ์ทำแผลบ้านคุณอยู่ไหน""ไม่จำเป็น ฉันดูแลตัวเองได้""อย่ามัวแต่ชักช้าสิคุณ เดี๋ยว
สรุปว่าคอนโดห้องเก่าของณภัทรนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้หญิงคนนั้น ดีที่ว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่ของฝ่ายชาย เธอไม่ได้ไปล่วงรู้ข้อมูลมาจากไหนหรอก แต่ว่าเป็นจากณภัทรนั่นเองที่เผอิญพูดออกมาว่าคอนโดของเขาถูกขายให้หญิงสาวที่เป็นรุ่นน้องของนีรยา ชื่อ ยลรดาคืนนี้เป็นงานเลี้ยงส่งเธอคืนสุดท้ายที่จัดโดยหัวหน้าฝ่ายแผนกที่เธออยู่ กชกรรู้ดีว่าตนเองนั้นเป็นคนเก่ง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องงานก็ยิ่งหนักเอาเบาสู้และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน พอมาวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้าย ทำเอาทุกคนต่างก็เศร้าไปตามๆกันเข็มนาฬิกาบนข้อมือเธอบอกเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว คืนนี้นับว่าเธอเองก็ถือว่าดื่มเข้าไปมากอยู่ ดีที่ว่ามีเพื่อนสนิทรุ่นน้องอาสาขับรถกลับมาส่งให้ เธอเลยได้ถือโอกาสปล่อยผีไปเสียหนึ่งวัน"จอดส่งพี่ตรงนี้แหละตาล ถึงคอนโดแล้วพี่เดินกลับขึ้นไปเองได้ ขอบจายตาลมากนะ แล้วก็ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ พี่ไปเองได้ พี่ไหว""แน่ใจนะพี่กั้งว่าไม่ให้ตาลเดินขึ้นไปส่ง""แน่จายน่า นี่ถึงคอนโดพี่แล้วจากลัวอาราย"กชกรพยายามประครองสติ แม้ว่าน้ำเสียงจะยานคางเล็กน้อย แต่ก็พยายามดึงสติกลับมาโฟกัสทุกอย่างให้ได้เหมือนเดิม เพื่อที่ว่ารุ่นน้องจะได้ไม่เต้องเ