หลังจากส่งมารดาที่หน้าห้องทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วประธานหนุ่มและหญิงสาวก็กลับเข้าไปในห้องทำงาน แต่ก่อนเข้าห้องประธานหนุ่มก็ได้ส่งสายตาคาดโทษไปให้เลขาหน้าห้องได้เสียวสันหลังเล่นที่ริอาจเป็นสายสืบให้คุณหญิงมณีรัตน์
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วประธานหนุ่มก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงานของตัวเองส่วนหญิงสาวที่เดินตามเข้ามาก็เดินเลี่ยงไปหยิบแฟ้มเอกสารที่เธอวางไว้บนโต๊ะรับแขกตอนที่คุยกับมารดาของประธานหนุ่ม หญิงสาวหยิบเอกสารและเดินไปหาประธานหนุ่มที่โต๊ะทำงานเพื่อที่จะให้เขาเซ็นเอกสาร เธอจะได้กลับไปทำงานต่อเสียที
“เฮียคะ อันนี้เป็นเอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ กรุณาเซ็นให้ด้วยค่ะท่านประธาน”หญิงสาวยื่นเอกสารไปตรงหน้าของเขา
“อืม เดินมานี่สิ มาบอกว่าเฮียต้องเซ็นตรงไหนบ้าง” ประธานหนุ่มไม่ได้รับเอกสารจากมือหญิงสาวแต่ออกคำสั่งให้เธอเดินไปข้างๆ เขา
“เฮียคะ ปรางไม่เล่นนะ ปราบจะลงไปทำงาน รบกวนท่านประธานเซ็นเอกสารให้ด้วยค่ะ&
เมื่อกลับมาถึงแผนกหญิงสาวก็เอาเอกสารที่ประธานหนุ่มเซ็นให้แล้วไปให้รุ้งนภา จากนั้นเธอก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานโดยระหว่างที่เธอเอาเอกสารไปให้รุ้งนภาไม่ได้มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวได้รับเพียงรอยยิ้มบางๆของรุ้งนภาส่งมาให้เท่านั้น ตอนแรกเธอคิดว่ารุ้งนภาจะถามเสียอีกว่าทำไมขึ้นไปนาน เพราะตอนเธอขึ้นไปเป็นเวลาเก้าโมงแต่กลับลงมาอีกทีสิบโมงครึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอที่รุ้งนภาไม่ได้สงสัยหรือถามอะไรเธอ หญิงสาวนั่งทำงานต่อจนเวลาร่วงเลยไปถึงช่วงพักเที่ยงซึ่งเป็นเวลาพักของหลายคนบางคนก็ออกไปกินข้างนอกบางคนก็กินที่แคนทีนของบริษัท เธอก็ติดว่าคงต้องไปกินที่แคนทีนเช่นกันเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนแคนทีนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ถ้าไม่มีบางคนบอกให้เธอขึ้นไปหาเสียก่อน เพราะเมื่อครู่มีข้อความส่งมาว่าให้เธอขึ้นไปทานข้าวกับท่านประธานจอมหื่นข้างบน ถ้าไม่ไปเขาจะลงมาหาเธอเอง เธอจึงจำยอมต้องขึ้นไปทานกับเขา เมื่อคิดได้อย่างนั่นหญิงสาวก็เก็บของบนโต๊ะให้เข้าที่ให
หลังจากประธานหนุ่มทำการทวงสัญญาจากเมียเด็กอย่างสุขสมอิ่มอกอิ่มใจเมื่อคืนนี้ ช่วงเช้าทั้งคู่ตื่นมาก็ต่างแยกย้ายอาบน้ำทานอาหารก่อนไปทำงานด้วยเหมือนทุกวัน ทุกๆเช้าประธานหนุ่มและหญิงสาวจะออกไปทำงานและกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน พอช่วงเที่ยงก็ไปทานอาหารด้วยกันที่ห้องทำงานหรือประธานหนุ่ม มื้อเย็นก็มีบางครั้งที่ไปทานนอกบ้านแต่ส่วนมากก็ทำทานกันเองที่ห้องมากกว่า แต่ปวีร์ก็คือปวีร์เพราะเขาชอบหาเศษหาเลยกับหญิงสาวทุกครั่งที่มีโอกาส ระหว่างวันประธานหนุ่มมักจะเรียกหญิงสาวขึ้นไปหาทั้งที่เป็นเวลางานของเธอ บ้างครั้งก็ลงมาหาเธอที่แผนกโดยเอาเรื่องงานมาอ้าง จนพนักงานที่เห็นก็ต่างพากันสงสัยว่าทำไมแค่เรื่องงานประธานหนุ่มต้องลงมาด้วยตัวเองแต่คงทำได้แต่สงสัยถึงจะอยากรู้ว่าแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าถาม ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็หมั่นเติมความหวานให้กันและกันไม่ขาด กิจวัตรในแต่ละวันของทั้งคู่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆมีดีบ้างทะเลาะกันบ้าง จากวันเป็นสัปดาห์จากสัปดาห์เปลี่ยนเป็นเดือนจนตอนนี้หญิงสาวฝึกงานเข้าเดือนที่สี่แล้ว การฝ
หลังจากหญิงสาววิ่งออกมาจากห้องประธานหนุ่มได้ไม่เท่าไหร่นัก เธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วจะทำอะไรก็ต้องระวังให้มากๆกว่าเมื่อก่อน จึงเปลี่ยนจากการวิ่งเป็นการเดินก้าวยาวๆไปที่ลิฟต์แทน หญิงสาวกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างสุดของบริษัทไม่แม้แต่จะกลับไปเอาของที่แผนก บนใบหน้านวลใสบัดนี้อาบเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง ความเสียใจ เธอมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับเขา แต่นี่คือสิ่งที่เธอควรจะได้รับกลับมา เธอไม่ควรให้โอกาสตัวเองได้รักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก ความคิดในหัวตีกันสับสนมั่วไปหมดไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น มือบางลูบแผ่วเบาบนหน้าท้องแบนราบที่ตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ข้างใน ชีวิตน้อยๆ ที่เกิดขึ้นมาจากความรักของเธอ เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะความผิดพลาดแต่หากมาจากความรักของเธอที่มีให้กับประธานหนุ่ม “แม่จะดูแลหนูให้ดีเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ แม่รักหนูนะ เรากลับไปอยู่บ้านเรากันนะลูก”หญิงสาวพูดกับลูกน้อยในท้องต
ร่างนุ่มนิ่มขยับตัวภายใต้ผ้าห่ม เปลือกตาสวยลืมตาตื่นหลังจากที่นอนเต็มอิ่มแล้ว ดวงตากระพริบตาถี่เพื่อปรับแสง สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย หญิงสาวกำลังจะขยับตัวลุกแต่ก็ต้องรู้สึกหนักบริเวณช่วงเอวบาง เธอสายตาเลื่อนไปมองต้นเหตุก็เห็นแขนแกร่งพาดอยู่ที่เอวทีไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าเป็นของใคร เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุที่หนักตรงช่วงเอวมาจากใคร หญิงสาวก็ค่อยๆ จับแขนของประธานหนุ่มออกจากเอวเพื่อไม่ให้เขาตื่น แต่แทนที่แขนจะหลุดออกกลับเพิ่มแรงรัดมากกว่าเดิมแต่ไม่แรงมาเพราะกลัวว่ากระทบถึงลูกน้อยในท้องของเมียเด็ก ประธานหนุ่มตื่นตั้งแต่รับรู้ถึงแรงขยับข้างกายแล้วเขาแค่อยากรู้ว่าเมียของเขาจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอนอนอยู่ในห้องของเขา “นี่ คุณปล่อยฉันนะคะ ฉันจะกลับบ้าน” หญิงสาวพูดและพยายามแกะมือที่กอดเอวเธอออกแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ออกเสียที “หนูจะไปไหน นี่ไงบ้านของเรา” ประธานหนุ่มพูดอู้อี้ใบหน้าของเขาซุกอยู
คุณพ่อมือใหม่เดินประคองคุณแม่ลงมาจากชั้นสองอย่างระมัดระวังเพราะว่าถ้าพลาดพลั้งไปอาจจะเกิดอันตรายกับทั้งแม่ทั้งลูกได้ “เฮียคะ คือไม่ต้องประคองหนูขนาดนี้ก็ได้ หนูเดินเองได้ค่ะ แค่เดินลงบันไดเอง” หญิงสาวท้วงคนเห่อลูกน้อย “ไม่ได้หรอกครับ ถ้าหนูกับลูกเป็นอะไรขึ้นมาเฮียจะอยู่ยังไงละครับ” ประธานหนุ่มกับหญิงสาวเดินเถียงกันไปจนถึงห้องอาหารกับความเวอร์เห่อลูกของเขา การกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของเหล่าแม่บ้านที่ต่างก็ยิ้มให้กับภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น “มากันแล้วหรือลูก มาๆ นั่งข้างแม่นี่มาหนูปราง” “เอ้า แล้ววีร์เป็นอะไรล่ะลูกทำไมหน้าบึ้งอย่างนั้น ไปกินรังแตนที่ไหนมา” คุณหญิงมณีรัตน์ที่นั่งอยู่ในห้องอาหารกับสามีของเธอก่อนแล้วทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้เดินเข้ามาในห้องอาหาร พร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงของลูกชาย “ก็ลูกสะใภ้คุณแม่นั่นแหละครับไม่ให
ประธานหนุ่มอุ้มหญิงไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะตามไปคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ สายตาโลมเลียเรือนร่างนุ่มนิ่มบ่งบอกถึงความต้องการผ่านทางสายตา หญิงสาวเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาก็มองหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ตรงหน้า “ฮะ...เฮียจะทำอะไรคะ” หญิงสาวถามขึ้นเสียงสั่น “ก็ทำต่อจากตอนก่อนลงไปทานข้าวไงครับเมีย” ประธานหนุ่มพูดจบก้มหน้าลงที่ซอกคอซุกไซ้จนหญิงสาวเกิดความเสียวซ่าน “อื้อ...แต่ว่าหนูท้องอยู่” หญิงสาวพูดเสียงไม่เต็มเสียงนัก “ก็นี่ไง เฮียกำลังจะเข้าไปทักทายลูก และก็ลงโทษที่ปิดบังผัวเรื่องลูกด้วย สัญญาจะทำเบาๆ” ประธานหนุ่มพูดถึงเรื่องที่เธอปิดเขาเรื่องลูกก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ก้มลงไปขบเม้มต้นคอจนเกิดเป็นรอยจ้ำสีแดงระเรื่อ “อ๊ะ เฮียเจ็บนะ เป็นรอยแน่เลย” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อรับรู้ถึงแรงขบเม้นบริเวณซอกคอที่รุนแรงและน่าจะทำให้เกิดรอยได้ไม่ยาก
แสงแดดเวลาหกโมงเช้าสาดส่องรอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอนกว้าง สองร่างนอนกอดกันหลับตาพริ้มวงแขนแกร่งกระชับอ้อมกอดเมียเด็กเข้าหาตนมากขึ้น หญิงสาวเมื่อโดยกระชับกอดก็ซุกหน้าเข้าหาลงอกแกร่ง หากเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้หญิงสาวคงจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน และเตรียมอาหารเช้าให้ประธานหนุ่มทานก่อนไปทำงาน ซึ่งมันเป็นกิจวัตที่หญิงสาวทำเป็นประจำทุกวัน แม้ว่าประธานหนุ่มบอกไม่ให้ทำก็ตามแต่เธอแค่อยากทำอะไรให้เขาบ้างถึงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ประธานหนุ่มปากจะบอกห้ามไม่ให้ทำแต่ทุกที่หญิงสาวทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมชุดไปทำงาน ทำอาหารเช้าหรือบางวันก็ทำอาหารเย็นให้เขาทาน มันทำให้ประธานหนุ่มรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้รับการกระทำต่างๆ ที่หญิงสาวทำให้เขา มันบ่งบอกว่าหญิงสาวใส่ใจเขามากแค่ไหน ยิ่งได้รับมากเท่าไหร่หัวใจแกร่งลิงโลดดีใจ พรางคิดว่าเขาเลือกคนที่จะมาเป็นเมียและแม่ของลูกไม่ผิดคนจริงๆ เพราะตั้งแต่เด็กประธานหนุ่มทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดถึงแม้จะมีคนคอย
ประธานหนุ่มขยับตัวตื่นแล้วก้มมองเมียเด็กที่ยังซุกอกเขานอนหลับอุตุไม่ยอมตื่น ประธานหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง กดเปิดหน้าจอเพื่อดูเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว “อื้ม บ่ายแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำของประธานหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆหลังจากเห็นเวลาที่โชว์บนหน้าจอมือถือ “เดี๋ยวโทรนัดไอ้หมอก่อนดีกว่า” ประธานหนุ่มนึกได้อย่างนั้นก็เลื่อนหาเบอร์เพื่อนนิ้วยาวกำลังจะกดโทรออกก็ชะงักเล็กน้อยแล้วเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิม ประธานหนุ่มค่อยๆ ดึงแขนที่สอดอยู่ตรงท้ายทอยเมียเด็กออกเพราะกลัวว่าจะรบกวนการนอนของเธอ เมื่อเอาออกมาได้ก็จับหัวเมียไปนอนที่หมอนดีๆ พร้อมจัดท่านอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมให้จนถึงอก หญิงสาวขยับตัวน้อยๆ แล้วนอนต่อ ประธานหนุ่มพยายามลุกขึ้นจากเตียงให้เบาที่สุด ขาแกร่งลงมายืนเต็มความสูงที่ข้างเตียงและมองหญิงสาวอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมา มองหญิงสาวและก้มลงไปหอมแก้มนวลก่อนจะเด
ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย “ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาวปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น “ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว “อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู
6 เดือนต่อมา หญิงสาวย้ายออกมาจากบ้านใหญ่เข้ามาอยู่บ้านที่ประธานหนุ่มซื้อไว้ตั้งแต่ลูกชายอยู่ในท้องยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เป็นบ้านที่ประธานหนุ่มสั่งให้ทำห้องเด็กเพิ่มเพราะตัวบ้านเดิมไม่มีห้องของเด็ก บ้านหลังนี้จะมีห้าห้องนอน หกห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ที่จอดรถ สนามหญ้าหน้าบ้านและก็สระว่ายน้ำส่วนแม่บ้านตอนแรกประธานหนุ่มจะจ้างคนใหม่แต่มารดาไม่ไว้ใจกลัวมาทำร้ายหลานเธอตามที่ข่าวออกเธอจึงส่งคนที่บ้านใหญ่มาสองคนซึ่งเป็นแม่บ้านที่ทำงานมานานและไว้ใจได้ ตอนนี้ลูกชายเธอน้องปริ๊นอายุเจ็บเดือนแล้วกำลังเริ่มหัดคลานคุณปู่คุณย่าก็แวะมาหาหลานเกือบทุกวัน ส่วนกิตต์คนนั้นต้องเรียกได้ว่าหลงหลานตามใจหลานทุกอย่างไม่เคยขัดจนหญิงสาวต้องคอยห้ามไว้เพราะกลัวลูกชายจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจพูดไม่ฟังตึงๆตึงๆ “น้องปริ๊นอย่าคลานเร็วนักสิลูก แหะๆ”หญิงสาวร้องเรียกตามลูกชายที่กำลังจะคลานไปหน้าบ้าน เผลอไม่ได้เลยลูกคนนี้ “คุณปรางมีอะไรให้สายใจช่วยไหมคะ”สายใจสา
1 เดือนต่อมา หลังหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายตัวน้อย เธอจึงกลับมาพักที่บ้านใหญ่ตอนแรกประธานหนุ่มอยากเข้าไปอยู่บ้านที่เขาซื้อไว้แต่มารดาของสามีไม่ยอมบอกให้อยู่บ้านใหญ่สักเดือนสองเดือนก่อน ประธานหนุ่มที่ไม่เคยพูดชนะมารดาก็จำใจต้องยอมอยู่จนกว่าลูกชายจะสองเดือน แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีคนช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแอ้ๆแอ้ๆแอ้ๆ เสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้มาจากแปลเด็กในตอนเช้าเด็กน้อยจะตื่นแต่เช้าทุกวันพอตื่นมาก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ให้ป๊ากับม๊าได้ยินจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกน้อยของเธอถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่งอแงจะมีร้องบ้างแค่ตอนหิวหรือรู้สึกไม่สบายตัวและตื่นบ่อยตามปกติของเด็กแรกเกิด “น้องปริ๊นตื่นแล้วเหรอคะ คนแก่งของม๊าไปปลุกป๊ากัน” น้องปริ๊นหรือด.ช. ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานสุดรักสุดหวงของคุณหญิงมณีรัตน์และคุณเอกภพ ชื่อนี้ประธานหนุ่มเป็นคนคิดตั้งแต่เจ้าลูกชายแปดเดือนช่วงนั้นสามีของเธอเคร
ทุกคนต่างให้ความสนใจสมาชิกใหม่ของบ้าน แต่คนที่ดูจะเห่อลูกชายเขามากที่สุดน่าจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มารดาของประธานหนุ่ม เพราะข้าวของลูกชายเขาส่วนมากที่มีตอนนี้จนแทบจะล้นบ้านก็มาจากแม่เขาทั้งนั้น “ไหนดูสิหลานย่า น่าเกียจน่าชังจังเลยลูก ดูสิคะหน้าเหมือนตาวีร์ตอนเล็กๆเลย” ประธานหนุ่มยืนดูมารดาอุ้มลูกน้อยของเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประธานหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างเตียงก่อนจะหันไปดูก็เห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้ว ประธานหนุ่มช่วงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่งและหยิบน้ำมาให้หญิงสาวดื่ม “ดื่มน้ำก่อนครับ”ประธานหนุ่มยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงสาวดื่ม “ขอบคุณค่ะ ดูคุณแม่จะเห่อหลานมาเลยนะคะ”หญิงสาวทักขึ้นยิ้มๆเธอดีใจที่ลูกชายของเธอเป็นที่รักของทุกคน “ใช่ครับ คุณแม่ท่านอยากได้หลานมาตั้งนานแล้วแต่เฮียไม่ยอมมีให้สักที”ประธานหนุ่มหันไปมองมารดาที่อุ้มหลานชายไปมารอบห้องด้วนรอยยิ้ม