ทวงคืน
‘ถ้ารับสายอีกคงไม่กระอักเลือดตายหรอกมั้ง’
‘หรือไม่รับดีวะ ปล่อยให้แม่งสั่นจนกว่าเขาจะขี้เกียจโทรไปเอง’
‘เฮ้ออออ’
ความคิดที่กำลังตีกันทำให้มือเรียววนนิ้วโป้งไปมาอย่างลังเล
‘เอาไงดีโว้ยยยย’
‘เอาวะ เป็นไงเป็นกัน อยากชาเลนจ์ตัวเองก็ต้องชาเลนจ์ให้มันสุดไปเลยสิวะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วจริงๆ เราต้องทำได้’
‘เฮ้ออออ’
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังปล่อยให้เดวิลกับแองเจิ้ลทะเลาะกันในความคิดจนได้ข้อสรุป นิ้วเรียวเลื่อนกดรับสายโดยไม่พูดทักทายปลายสาย
“ฮะ…ฮัลโหล เจสซี่ ได้ยินใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มปลายสายทักทายอย่างประหม่าจนคนได้ยินรับรู้ได้
‘ตื่นเต้นเหรอ’ หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงของคนโทรมา เนื่องจากปกติแล้วเขาคนนั้นแทบจะไม่มีอาการตื่นเต้น หรือ ประหม่าให้เธอเห็นชัดเจนเลยสักครั้ง
“ทะ…เธอลืมของไว้ในห้องเรา ให้เราส่งไปให้มั้ย” เมื่อปลายสายมั่นใจว่าคนที่เขาโทรหารับสายและรอฟังเขาอยู่ เขาจึงรีบบอกเรื่องสิ่งของที่หญิงสาวลืมไว้ที่ห้องของเขาทันที
“ทิ้งไปเถอะ” เสียงหวานเรียบนิ่งตอบกลับอย่างไร้อารมณ์เพื่อแสดงให้อีกคนรู้ว่าเธอไม่ได้สนใจของพวกนั้นแล้วให้นำไปทิ้งได้เลย
“เธอเป็นคนชอบเสียดายของนี่” ปลายสายแย้งขึ้นโดยอิงจากนิสัยส่วนตัวของคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังกดบันทึกข้อมูลที่ทำงานค้างไว้ เพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอย่างน้อยไฟล์งานของเธอก็ถูกบันทึกไว้แล้ว
“ของที่อยู่กับนายอาจเป็นของที่ฉันตัดใจแล้ว ไม่เสียดายแล้วก็ได้ ทิ้งไปเถอะ” เจสซี่สื่อความหมายอย่างที่เธอกล่าวจริงๆ หากมีสิ่งของที่ยังเหลืออยู่ในห้องนั้น ก็คงเป็นของที่เธอไม่อยากกลับไปเอาแล้ว แม้จะเป็นของที่เคยรักหรือหวงมากก็ตาม
“งั้นเดี๋ยวเราเก็บไว้ให้ก่อนละกัน ช่วงนี้ยังไม่ว่างเคลียร์ของทิ้ง ถ้าจะเอาคืนก็บอกนะ” เสียงทุ้มปลายสายบอกอย่างอ่อนโยน
“ไม่เอาหรอก ทิ้งได้เลย” หญิงสาวยืนยันอย่างมั่นใจ
“โอเค” เมื่ออีกคนสัมผัสได้ถึงเสียงของคนตัวเล็กที่เหมือนกำลังหงุดหงิดจึงตอบตกลงเพื่อไม่ให้คนที่เขาอยากได้ยินเสียงรีบชิงวางสายไป
“แค่นี้ใช่มั้ย” เจสซี่ถามเพื่อที่เธอจะได้ทำงานต่อ
“ยังๆ เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวาง” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย
“...” เจสซี่จึงเงียบตั้งใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“นี่ เธอ…” เขาเรียกหญิงสาวก่อนเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“ขอบคุณมากนะครับ ที่รับสายพี” พี พสิษฐ์ ชายหนุ่มที่เจสซี่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเพื่อนกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงขอบคุณอย่างจริงใจจนคนที่ได้ยินรู้สึกได้
‘ใจเต้นอะไรเนี่ย เจ็บแล้วจำสิโว้ย อิเจสซี่ อยากหยุมหัวมึงจัง รับสายทำไมวะ’ เจสซี่เงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อนถอนหายใจอีกครั้ง
“เครื่องมันสั่น ฉันรำคาญโทรมาอะไรนักหนาคนจะนอน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอกำลังหงุดหงิดที่ทำชาเลนจ์กับความรู้สึกของตัวเอง เธอทำไปทำไมกันนะ
“ฮ่าๆ เธอโกหกไม่เนียนเลยนะ ปกติเธอนอนดึกกว่านี้นี่ หรือเดี๋ยวนี้เป็นคุณป้านอนแต่หัวค่ำเหรอ” พีหัวเราะอย่างเอ็นดูที่หญิงสาวยังคงโกหกไม่เนียนเช่นเคย
“ยุ่ง!”
“เฮ้ออ พอไม่มีเธออยู่ด้วยแล้ว มันก็เหมือนเราไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนี่สิ” เสียงทุ้มถอนหายใจจนคนฟังรู้สึกใจหายตามไปด้วย
“มาบอกทำไม”
“กลับมาได้มั้ยครับ”
‘กลับไปอะไร กลับไปอยู่ในความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน เป็นเฟื่อนงี้เหรอ ตลก’
“หึ!” เจสซี่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฮ่าๆ รู้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่กลับมา ขอโทษนะที่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกแย่ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงเศร้าลงของพีทำให้อีกคนที่ฟังอยู่รับรู้ว่าเขาพูดด้วยความจริงใจ
“สรุปโทรมาทำไม ถ้าจะพูดเรื่องเพ้อเจ้อก็จะวางแล้วนะ ฉันไม่อยากฟัง” เจสซี่ขัดขึ้น เธออยากจบบทสนทนากับคนที่กำลังทำให้เธอรู้สึกแพ้ภัยชาเลนจ์ของตัวเองตอนนี้แล้ว
“เอ่อ…คือ เอ้อ เสื้ออะ เสื้อสีดำของเราอยู่กับเธอ” ปลายสายกล่าวเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ฮะ?”
“ใช่ เสื้อสีดำของเราอยู่กับเธอ”
‘เสื้ออิหยังวะ’
เจสซี่ขมวดคิ้วนึกถึงวันที่ตัวเองเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเผลอหยิบเสื้อของอีกคนมาตอนไหน หากหยิบเสื้อพีมาจริงเธอคงรีบฝากต้นเอาไปคืนแล้ว เพราะชายหนุ่มสวมแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ราคาค่อนข้างสูง
ผิดกับเธอที่นานๆ ทีจะใส่เสื้อผ้าพวกนั้น เธอไม่อยากระวังมากเวลาใส่เสื้อผ้าราคาสูง อยากใส่เสื้อผ้าตามห้างทั่วไปที่ใส่แล้วหากขาดหรือเปื้อนอะไรก็ไม่ต้องมานึกเสียดายทีหลัง อีกอย่างเธอไม่ค่อยออกไปไหนอยู่แล้ว การชอปปิงเสื้อผ้าแฟชั่นตามเพื่อนๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับคนอย่างเธอบ่อย
“ไม่น่าใช่นะ เดี๋ยวลองหาก่อน จะให้ส่งคืนให้เหรอ” เจสซี่ตอบอย่างลังเล เธอเองก็ไม่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอกว่าไม่ได้หยิบเสื้อของเขาติดกระเป๋ามา เพราะตอนนั้นเธอแชร์ตู้เสื้อผ้าร่วมกับเขา ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้หากเธอจะหยิบเสื้อสีดำของเขามา เพราะเสื้อผ้าของเธอนั้นก็มีแต่สีคุมโทนดำเยอะมากเสียด้วย
“อื้ม” เสียงทุ้มตอบรับร่าเริงขึ้นเล็กน้อย
“ฉันมั่นใจว่าไม่ได้เอาเสื้อผ้านายออกมาด้วยแน่นอน” เจสซี่ย้ำอีกครั้งตามภาพความทรงจำเดิมเมื่อหลายเดือนก่อนตอนเก็บของย้ายออก
‘หรือว่าแม่บ้านที่ช่วยเก็บจะเผลอหยิบมาด้วยนะ’ หญิงสาวคิดในใจ
“ลองช่วยหาดูให้ก่อนได้มั้ยครับ” พีถามอย่างอ่อนโยน
“อื้ม เดี๋ยวลองดูให้ ถ้าเจอเดี๋ยวส่งให้ทางไปรษณีย์ละกัน” เจสซี่ตอบรับคำขอพร้อมเสนอวิธีส่งคืนให้
“เธอไม่ได้อยู่แถวมอแล้วเหรอ” น้ำเสียงแปลกใจจากอีกคนทำให้เจสซี่รู้สึกระแวง หรือว่าเขาเห็นเธอที่ไหนในบริเวณใกล้มอนะ
“ยุ่ง!” น้ำเสียงหวานตอบคล้ายหงุดหงิดเพื่อเลี่ยงคำตอบ
“ถ้ายังอยู่แถวมอเดี๋ยวเราไปรับเองก็ได้ไง” พีชี้แจงเหตุผล
“ไม่สะดวกอะ เดี๋ยวส่งให้ดีกว่า”
“แต่เสื้อตัวนั้นราคามันน่าจะเกินรับประกันกรณีของหายของไปรษณีย์น่ะสิ เรากังวลว่าถ้าของหายจะทำยังไง” พีชี้แจงตามเหตุผล
“งั้นเดี๋ยวฝากต้นไปให้” เจสซี่เข้าใจเรื่องของราคาเสื้อดีจึงเสนออีกทาง เพราะนัดต้นน่าจะสะดวกกว่า
“ต้นรู้เหรอว่าเธออยู่ที่ไหน” เสียงทุ้มถามแผ่วลง
‘ปากพาซวยฉิบหายเลยอิเจส’
หญิงสาวตกใจเมื่อเผลอพูดชื่อเพื่อนสนิทของคนที่โทรมา ทั้งที่กำชับต้นเอาไว้อย่างดีว่า ห้ามบอกพี เรื่องที่อยู่ หรือความเป็นไปของเธอ แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังเป็นคนเผยเรื่องนี้เองเสียแล้ว
“เธอใจร้ายจัง” เสียงเศร้าของพีทำให้หญิงสาวได้ยินแล้วรู้สึกใจหายตามไปด้วย
‘อย่าทำเสียงแบบนั้นได้มั้ย ใจฉันจะรับไม่ไหวแล้วนะ’
“เอ่อ… ฉันมั่นใจว่าไม่ได้หยิบเสื้อนายมาแน่นอน ถ้ามีจริงๆ ฉันจะนัดนายอีกทีละกัน โอเคมั้ย” เจสซี่เสนอด้วยน้ำเสียงนุ่มปลอบใจ
“ครับ”
“แค่นี้นะ” หญิงสาวกล่าวตัดบทสนทนาทันทีเมื่ออีกคนตอบรับข้อเสนอ
“เดี๋ยวสิ เธอปลดบล็อกไลน์เราด้วยสิ เผื่อเธอเจอเสื้อแล้วจะได้นัดเราได้ไง” พีขอร้องพร้อมอธิบายเหตุผลเพื่อให้สะดวกในการนัดหมาย
“ได้ ถ้าเจอแล้วจะปลดบล็อกละกันโอเคมั้ย” เจสซี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงใจดี
“ได้เลยครับ ขอบคุณนะครับ” พีขอบคุณหญิงสาวด้วยเสียงร่าเริงขึ้น
‘ทำไมฉันต้องสบายใจกับเสียงที่ร่าเริงของเขาด้วยวะ’ เจสซี่คิดในใจ
“เราไม่กวนเธอแล้ว นอนเร็วๆ นะครับ คงไม่นอนตีสามเหมือนเดิมหรอกนะ” ชายหนุ่มบอกด้วยความเป็นห่วงก่อนเน้นย้ำถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบละเลยการดูแลสุขภาพตัวเองเล็กน้อย
“อือ”
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้ ขอบคุณจริงๆ นะ อย่าลืมนะถ้าจะเอาของคืนทักมาได้เลยหรือโทรมาก็ได้ บันทึกเบอร์เราไว้ด้วย เบอร์นี้อะ เธอน่าจะลืมเบอร์เราแล้วล่ะ ไม่โทรให้เราไปรับบ้างเลย รถเราก็เหงาเป็นนะ ทำงานดีๆ นะครับ เราไม่กวนละ” พีกล่าวขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งบ่นน้อยใจให้อีกคนรับรู้ความรู้สึกของเขาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนนึกขึ้นได้ว่า แค่คนตัวเล็กยอมรับสายเขาเท่านี้ก็เป็นโชคดีของเขาแล้ว
พีจึงปัดเรื่องทั้งหมดออกไปจากความคิดก่อนตัดสินใจบอกลาหญิงสาวที่ในที่สุดเขาก็ได้คุยด้วยอย่างที่เธอยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ใช่เมาจนเขาเป็นห่วงแทบแย่เหมือนวันนั้น
“...” หญิงสาวเมื่อได้ยินคำพูดอย่างตรงไปตรงมาจากชายหนุ่มจึงเงียบลงตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ฝันดีครับ” เสียงทุ้มบอกฝันดีอ่อนโยน
“อืม ฝันดี” เจสซี่พยักหน้ารับบอกฝันดีคนที่กำลังทำให้หัวใจกับสมองของเธอตีกัน ก่อนวางโทรศัพท์มือถือลงอย่างเหม่อลอย
‘เฮ้อออ เขาแค่โทรมาทวงของเท่านั้นแหละ’
ตอนที่ 5ทำไมนะ01.30 น.นิ้วมือเรียวเคาะสัมผัสคีย์บอร์ดตรงหน้าเป็นจังหวะโดยไม่ได้ออกแรงกดแป้นพิมพ์ ดวงตาคมมองข้อมูลที่เรียบเรียงในไฟล์เอกสารอย่างครุ่นคิด‘นี่แกพิมพ์อะไรไปวะเจสซี่’หญิงสาวอ่านข้อมูลตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่หงุดหงิดตัวเอง ดูเหมือนว่าสมาธิในการทำงานของเธอนั้นลดลง หลังจากวางสายของชายหนุ่มที่ตั้งใจโทรหาเธอเพื่อทวงเสื้อของเขา‘คงต้องพักจริงๆก่อนสินะ’เจสซี่ถอนหายใจยอมรับความจริงตรงหน้า หากเธอฝืนทำงานต่อไปอาจทำให้งานที่ทำออกมาไม่ตรงตามมาตรฐานของตัวเอง ก่อนลุกจากโต๊ะทำงานตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อสีดำของคนโทรมาเมื่อตอนห้าทุ่มหลังจากรื้อเสื้อผ้าในตู้จนมั่นใจว่าครบทุกซอกทุกมุมแล้ว เธอจึงปิดตู้เสื้อผ้าลงใบหน้าพราวเสน่ห์ฉายความเศร้าหมองคล้ายมีเมฆ
ตอนที่ 6Made My Day IPin Pin Café“ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาทักทาย หญิงสาวสวมแว่นสีชากำลังดื่มน้ำสตรอว์เบอร์รีโซดาอยู่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวกันกับที่ทำให้เธอเสียน้ำตาเมื่อคืนเจสซี่มองสำรวจที่นั่งโดยรอบภายในร้านแล้วพบว่ามีเพียงโซฟาด้านหน้าของเธอที่ว่างอยู่ คงปฏิเสธไม่ได้แล้วแหละเพราะตรงนี้เธอนั่งคนเดียวเสียด้วย คงจะดูเห็นแก่ตัวมากเกินไปหากไล่คนที่เพิ่งมาใหม่ไปหาที่นั่งอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงทำเป็นเสมองทางอื่นก่อนหยิบหนังสือขึ้นอ่านโดยไม่ตอบ เพราะยังไงคนตรงหน้าก็ตั้งใจมานั่งตรงนี้อยู่แล้ว‘ทำไมต้องกลับเข้ามาในชีวิตฉัน ทั้งที่ฉันไม่ได้โคจรไปใกล้นายสักนิดด้วยนะ’คนตัวสูงถือวิสาสะอนุญาตตัวเองนั่งลงโซฟาตรงข้ามร่างเล็ก พร้อมหยิบหนังสือที่เขาเพิ่งซื้อมาขึ้นมาอ่าน ก่อนนึกขึ้นได้ว่าทำไมวัน
ตอนที่ 7Made My Day II“เจ้จะกลับไปคืนดีกับเขามั้ยนะ” พิ้งตัดสินใจถามขึ้นด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวหลังจากสังเกตเหตุการณ์วันนี้ที่ ‘พี่พี’ รุ่นพี่ที่เธอรู้ดีว่าเป็นอดีตคนรู้ใจของหญิงสาวตัวเล็กที่เธอหวง เขามานั่งอ่านหนังสือกับคนตรงหน้าอย่างมีความสุขแบบนั้นได้ยังไงกัน ทำไมหญิงสาวรุ่นพี่ของเธอถึงไม่ไล่เขากลับไปกันนะ“ตอนนี้ไม่ เขาก็เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง” เจสซี่ยิ้มบางให้คนขี้สงสัยตรงหน้าที่กำลังเคี้ยวหมูกรอบเจ้าอร่อยเหมือนไม่อร่อย“เจ้ใจดีเกินไปแล้วนะ” พิ้งส่งสายตาประท้วงความใจดีของคนตรงหน้า“ไม่หรอก ไหนบอกหิวข้าวไงทำไมกินน้อยจัง” เจสซี่ตักหมูกรอบใส่จานของพิ้งพร้อมราดน้ำจิ้มให้อย่างใส่ใจ“เปลี่ยนเรื่องเหรอคะ” พิ้งจับมือรุ่นพี่ตรงหน้าที่กำลังจะหยิบแตงกวาไว้เพื่อดึงให้เธอสนใจในสิ่งที่ตนจะพูด“พิ้งหวงเจ้นะ รู้บ้างมั้ยเนี่ย ทำไมต้องเปิดโอกาสให้เขากลับเข้ามาในชีวิตด้วยเนี่ย แถมยิ้มให้เขาอีก แล้วเขายังบอกว่าพี่ไป Made my day เขาอีก” รุ่นน้องร่างสูงตัดสินใจพูดความในใจอย่างตรงไปตรงมารุ่นพี่ตรงหน้ารู้ดีว่าเธอนั้นไม่ได้คิดกับอีกฝ่ายแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง แม้พี่เจสซี่จะขีดเส้นชัดเจนในความสัมพันธ์ระหว่างเธอไว้ใ
ตอนที่ 8Made My Day III‘ฉันเนี่ยนะขม’เจสซี่ส่ายหน้าขำเล็กน้อยกับคำพูดที่รุ่นน้องทิ้งไว้ก่อนปิดประตูห้องรีบหนีออกไปก่อนที่เธอจะได้เอ่ยเถียง ร่างเล็กสำรวจความสะอาดของห้องว่าหลงเหลืออะไรที่เธอตกหล่นและยังไม่ได้จัดเก็บหรือเปล่าหญิงสาวเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อเข้าแชตของคนที่เป็นสาเหตุให้เธอตาบวมวันนี้ แถมเจ้าตัวยังคิดว่าที่ตาเธอบวมนั้นเป็นเพราะความเครียดจากการทำงานเสียอีก22.05 น.BheeJazzyy : Sent a StickerRead‘อ่านเร็วเกิ๊น’หญิงสาวตกใจเมื่อแชตปรากฏคำว่า ‘Read’ เธอใช้เวลาเลือกหาสติกเกอร์นานกว่าการกดเข้ามาอ่านข้อความของอีกคนด้วยซ้ำ ราวกับว่าเจ้าของแชตกำลังจับโทรศัพท์มือถืออยู่ เพราะเขากดเข้ามาอ่านแทบจะในทันทีที่เธอส่งสติกเกอร์โบกมือทักทายไป‘อุตส่าห์คิดว่าจะแค่ทิ้งข้อความไว้’ เจสซี่ครุ่นคิดก่อนพิมพ์ข้อความที่ต้องการบอกเรื่องเสื้อฮู๊ดสีดำของอีกคนที่เธอจัดการซักและรีดให้เรียบร้อยแล้ว แต่เธอกลับต้องชะงักเมื่ออีกคนส่งคำถามกลับมาก่อนBheeBhee : กินอะไรยังครับJazzyy : กินแล้วBhee : Sent a photoBhee : เราทำพะแพงเนื้อเ
ตอนที่ 9หมูกรอบไข่เจียวฟูเป็นเหตุ22.30 น.Thank you, next Group [3]Namnom : เจสๆ ป้าหมูกรอบไข่เจียวฟูกลับมาเปิดร้านแล้วนะหลานรหัสกูบอกมา สนใจมากินข้าวเที่ยงกับพวกกูที่คณะมั้ยJazzy : ไป! วันไหน นัดมา กูขอปรับเวลานอนก่อนNamnom : ทีเรื่องนี้ตอบเร็วJazzy : แน่นอน คุณป้ากลับมาเปิดร้านแล้วถือว่าแต้มบุญของกูกำลังทำงานNamnom : แต้มบุญมึงสูงอยู่แล้วค่ะ Jazzy : ไม่จริง ขอพรพระแม่ไม่เคยเอ็นดูส่งแต่อะไรมาให้ก็ไม่รู้ แต่กับเรื่องงานเรื่องกินขอองค์พ่อนี่เร็วปรู๊ดปร๊าดNamnom : พระแม่คัดสรรให้มึงแล้วแต่มึงอะ เยอะ!!Jazzy : เจ็บ! สรุปจะให้กูไปวันไหนNamnom : มึงนัดสิ มึงเป็นคนปรับเวลานอนนิJazzy : พรุ่งนี้เลย กูหิวNamnom : มันปรับตรงไหนนิJazzy : 5555 เรื่องกินเรื่องใหญ่ กูอยากกินไข่เจียวฟูกรอบๆRichy : +1Richy : จะขับรถมาเอง หรือให้กูไปรับJazzy : มารับดีกว่า กูขี้เกียจขับRichy : รถเนี่ย มีไว้ขับเนาะ ไม่ได้มีไว้จอดประดับJazzy : กูรวย จบนะ!Richy : เออ! รวยก็ช่วยใช้เงินบ้า
ตอนที่ 10แต้มบุญหมด หรือ ติดลบ“อ้าว เจสซี่ ไม่ได้เอาร่มมาเหรอ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวที่กำลังเพ่งมองอาคารสะดุ้งตกใจหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่ทักทายเธออย่างเลี่ยงไม่ได้‘วันนี้ใช้แต้มบุญหมดไปกับกะเพราหมูกรอบไข่เจียวฟูแล้วหรือไงวะ อยากร้องไห้เป็นภาษาโรมัน’“อื้ม ไม่คิดว่ามันจะตกเลยแหละ” หญิงสาวพยักหน้าตอบ ต้น เพื่อนสนิทของ ‘เขา’ คนนั้น ใบหน้าคมยกยิ้มรับก่อนเดินตรงมาหาเธออย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ได้เจอเธอเสียทีหลังจากที่ได้ข่าวคราวเรื่องเพื่อนสนิทของเขาว่าเจอเธอที่ G Club โดยบังเอิญเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน แถมยังได้ข่าวจากยัยเด็กขี้หวงว่า เพื่อนสนิทของเขาจงใจติดตามคนตัวเล็กไปที่คาเฟ่อีกต่างหาก ซึ่งเขารู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้น เขาก็คงต้องถามเจ้าของเรื่องด้วยตัวเอง“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งมั้ย” ต้นเสนอทันทีเพราะรู้ว่าโดยปกติหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าไม่ชอบขับรถถ้าไม่จำเป็น เขาคาดว่าถ้าฝนไม่ตกเธอคงไปขึ้นรถบัสของมหาวิทยาลัยแล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์เป็นแน่“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอฝนหยุดก็กลับได้” เจสซี่ยิ้มปฏิเสธอย่างเป็นมิตร“งั้นเดี๋ยวรอฝนหยุดเป็นเพื่อน พอดีว
ตอนที่ 11แปรปรวน“เจ้เดินไหวมั้ยคะ ป๊าพิ้งโทรตามให้ไปงานด่วน เดี๋ยวพิ้งไปส่งเจ้ที่หอก่อน” พิ้งถามรุ่นพี่ตรงหน้าที่ตัวอุ่นๆ เล็กน้อยอย่างเป็นห่วง“งั้นไม่เป็นไร พิ้งรีบไปหาป๊าเถอะ เดี๋ยวพี่กลับเองก็ได้ พอดีพี่อยากทำพาร์ทนี้ให้เสร็จก่อนน่ะ” เจสซี่ที่รู้ว่าธุระของพิ้งนั้นสำคัญขนาดไหนจึงบอกรุ่นน้องให้รีบไป หากเป็นธุระจากทางบ้านของพิ้งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องธุรกิจครอบครัว เจสซี่เองก็ไม่อยากเป็นคนถ่วงเวลาที่สำคัญของคนที่เธอเอ็นดู ก็แค่กลับหอเองเธอกลับเองได้อยู่แล้วแหละ โตขนาดนี้แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงให้วุ่นวายเลยใบหน้าสวยครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล ถ้าพี่เจสซี่ปฏิเสธเธอด้วยเรื่องงานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอจะตื๊ออย่างไรคงไม่เป็นผลเป็นแน่ พิ้งปรายตามองสีหน้าของชายตรงหน้าที่ฉายแววความเป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้าไม่แพ้กันกับเธอ‘เฮ้อ นี่พิ้งต้องยอมปล่อยพี่ไว้กับเขาอีกแล้วงั้นเหรอ’“งั้นเจ้ต้องรายงานตลอดนะคะ” พิ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมทัดผมที่บังดวงหน้าหวานขึ้นให้คนที่กำลังยิ้มรับอย่างอ่อนโยน“ไปเถอะ” เจสซี่พยักหน้ารับอย่างใจดีมองร่างสูงวิ่งจากไป ก่อนหันกลับสนใจงานที่เธออ้างเมื่อครู่ตรงหน้าโดยไม่ไ
ตอนที่ 12ปรวนแปร I23.00 น.ครืนนThank you, next Group [3]Richy : พวกมึ๊งงงงง ไปทะเลกันม้ะNamnom : นึกไงอยากไปทะเลJazzy : ไม่ว่างอะNamnom : ถ้ามึงตอบว่างนี่จะแปลกใจกว่าอีกอิเจสRichy : มึง ไปพักที่เดิมกัน Namnom : คืออะไร ที่เดิม?Richy : ก็ที่เดิมไง งงไรNamnom : พิมพ์ให้เคลียร์ก่อน เราเคยไปทะเลพร้อมกันแค่ครั้งเดียวป้ะ คือไปพร้อมต้นกับคนนั้นJazzy : พิมพ์ชื่อเขาก็ได้ กูไม่ติด เห็นพิมพ์งี้แล้วขัดใจกว่ามึงไม่พิมพ์อีกRichy : ใจอ่อนละเหรอJazzy : อะไรRichy : ป๊าววJazzy : เชื่อก็ได้ กูไม่ว่าง พวกมึงไปเลยRichy : ไปกันเถอะนะ กูขอร้องละ กูเครียดจนจะบ้าตายรายวันอยู่แล้ว กูอยากพักผ่อนหย่อนใจที่เลทะ ทะเล นะๆJazzy : กูทำงานก่อนนะ น้ำคุยกับมันไปก่อนนะ กูปั่นงานแป๊ปNamnom : ยังไงวะ อิเจสไม่ไปแล้วเราจะไปกันสองคนเหรอ หรือไงอิริชRichy : มึง นี่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เที่ยวด้วยกันแล้วนะเว้ยNamnom : เวอร์Richy : เดี๋ยวต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงาน ก็จะมีภาระหน้าที
ตอนที่ 25ไฟเขียว“ช่วงนี้รู้สึกอิเจสซี่จะป๊อปมากขึ้น อยู่ๆ ฟอลโลเวอร์ก็เพิ่มขึ้นมา” ริชชี่กล่าวขึ้นขณะเดินไปยังเคาน์เตอร์พร้อมกับเพื่อนอีกสองคน“เออ นั่นสิ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพราะนางชอบถ่ายรูปคาเฟ่ เลยมีคนตามเยอะ แต่ว่าหลังๆไม่น่าใช่อะ เหมือนคนแห่มาจากไหนไม่รู้ กูพยายามหาสาเหตุละแต่ก็ยังไม่เจอ” น้ำพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเห็นโซเชียลของเจสซี่เป็นที่นิยมมากกว่าแต่ก่อนจนผิดสังเกต“ทำไมเหรอ ยอดฟอลเจสซี่ตอนแรกเท่าไหร่” ต้นเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย มันจะเยอะเท่าไหร่กันเชียว ทำไมทั้งสองคนถึงดูเป็นกังวล“แต่ก่อนพันกว่าๆ ตอนนี้สองหมื่น มึงว่าแปลกป้ะ” ริชชี่หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเข้าโซเชียลของเพื่อนสาวที่มัวแต่นั่งตรวจงาน“อืม ขอดูหน่อย” ต้นแบมือหนาขอโทรศัพท์มือถือของเพื่อนเพื่อช่วยวิเคราะห์อีกทาง บางทีคนสมัยนี้ก็ชอบตามคนที่ถ่ายรูปสวยๆ มีสไตล์จนทำให้บางคนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชั่วข้ามคืนได้
ตอนที่ 24รถไฟเหาะ2 ปีที่แล้ว10.30 น.Eat and Travel [5]Richy : วันนี้พวกกูจะไปลองคาเฟ่เปิดใหม่นอกเมือง สนมั้ย @TonnTonn : ไปตอนไหน กูเรียนอยู่ วันนี้มึงไม่มีเรียนเหรอRichy : จารย์งดคลาส งั้นพวกกูไปละ Tonn : ส่งโลมาด้วย เดี๋ยวตามไปกินข้าวที่นั่นRichy : ทันเหรอTonn : มึงอยู่นั่นนานแน่นอนRichy : อย่ามารู้ดี รีบมานะ อิน้ำมันจะเปลี่ยนใจไม่ไปละ อิเจสก็ลีลาอยู่ เหลือกูคนเดียวแล้วเนี่ยTonn : อ้าว งั้นกูไม่ว่างละRichy : ต้น นี่เพื่อนมึงไงTonn : 555
ตอนที่ 23อ้อน“สรุป หมูที่รอคอยยังอร่อยถูกใจเหมือนเดิมใช่มั้ยครับเพื่อนรัก” ต้นเอ่ยถามเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้ทิ้งตัวนอนด้วยความอิ่มบนโซฟา โดยพาดหัวไว้บนตักน้ำที่กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ หลังเก็บกวาดโต๊ะอาหารทั้งสองจึงมารอเพื่อนสาวอีกคนที่รับหน้าที่ล้างจานกับชายหนุ่มหน้าตาดีเจ้าของห้อง“ดูสภาพกูเอาก็น่าจะเป็นคำตอบแล้วป้ะ” ริชชี่พลิกตัวตอบเพื่อนตัวเองที่กำลังจะทิ้งตัวลงโซฟาตรงข้ามอย่างหมดแรงเพราะเพิ่งทำความสะอาดระเบียงเรียบร้อย“แล้วช่วงนี้ไม่เข้าฟิตเนสสร้างกล้ามกับโค้ชหนุ่มหล่อของมึงแล้วเหรอ ทำไมแดกไม่ยั้งอะไรเลย” ต้นเลิกคิ้วถาม“โค้ชมีเมียแล้ว เลยยกเลิกคอร์สไป ไว้กูอยากไปตอนไหนก็คงไปเอง” ริชชี่มุ่ยหน้าตอบอย่างไม่สบอารมณ์“กลับไปต่อยมวยที่บ้านกับพ่อมึงดิ นักมวยในสังกัดพ่อมึงก็หล่อไม่ใช่หรือไง”“ไม่อะ กูเหนื่อยแล้ว อยากพักตัวพักใจ มึงสนใจมาเป็นที่
ตอนที่ 22สอน“อินี่มันเก่งทุกเรื่องจริงๆ นะ แต่ตกม้าตายเพราะสำลักข้าว ขอบคุณผัวกูหรือยังอิเจส” ริชชี่ใช้ศอกกระทุ้งเพื่อนตัวเล็กที่กำลังล้างผักอยู่ด้านข้าง โดยที่เขาเองนั้นมีหน้าที่ถือถาดรอเพื่อเอาผักไปส่งให้น้ำที่กำลังจัดแจงอุปกรณ์เตรียมสำหรับการทานมื้อค่ำแสนพิเศษสำหรับพวกเขาวันนี้“เพื่อนครับ” ต้นแย้งเพื่อนตัวเองที่ชอบโมเมไปก่อนจนบางครั้งทำให้คนอื่นเข้าใจไปตามที่ริชชี่พูดจริงๆ“มึงก็แกล้งๆ เออออกับกูหน่อย” ริชชี่ปรายตามองอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็แค่อยากมีแฟนหล่อๆ ไว้อวดคนอื่นบ้าง ขอยืมหน้าและนามมาแอบอ้างต่อหน้าคนอื่นบ้างเพื่อความสบายใจก็ไม่ได้ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้นไม่ได้ปฏิเสธเพราะต้นเองเคยอยู่ในสถานการณ์คับขันที่ต้องให้ริชชี่ช่วยเช่นกัน“ไม่ แค่นี้ตอนรับน้องเขาก็เข้าใจผิดกูเกือบทั้งคณะละ ตอนประกวดดาวเดือนกูนับได้เลยว่ามีสาวๆ ให้กูเล่นหูเล่นตาด้วยตอนเดินประกวดได้กี่คน แต่ถ้าไม่ได้ม
ตอนที่ 21หวง“อ้าว ไอต้น แดกไรอะ” ริชชี่ที่เดินเข้ามาถึงทักทายชายหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังทานอาหารตรงหน้าใกล้หมดจานแล้ว‘เดี๋ยวนะ ริชชี่รู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอ’ เจสซี่ที่เห็นเพื่อนตัวเองทักทายคนที่เป็นเดือนคณะอย่างสนิทสนมสังเกตการณ์อย่างงุนงง‘อาจเพราะเป็นสันทนาการมั้ง เลยรู้จักคนเยอะ’ หญิงสาวละสายตาจากเพื่อนที่ทักทายชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกโต๊ะพร้อมหยิบไอแพดขึ้นมาตรวจเช็กรายงานที่อาจารย์แจ้งว่าไฟล์มีปัญหา“กะเพรา มึงมาทำไรไอฤทธิ์” ต้นเลิกคิ้วถามคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างเป็นกันเอง“ริชชี่ครับ อยู่ที่นี่ต้องเรียกริชชี่ ไม่งั้นไม่คุยครับ” ริชชี่ก้มหน้าข่มขู่คนที่เรียกชื่อที่พ่อเขาตั้งให้ในที่สาธารณะ“จะครับ หรือจะค่ะ เอาให้แน่” คนที่โดนข่มขู่ถามอย่างไม่เกรงกลัวกล้ามของอีกคนที่กำลังพยายาม
ตอนที่ 20ครั้งแรก3 ปีที่แล้วร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง“ลูกสาวเอาเหมือนเดิมใช่มั้ยจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมยิ้มถามลูกค้าคนสวยประจำของร้านที่เธอเอ็นดูเหมือนลูกหลาน จะว่าไปเธอก็ไม่ได้เอ็นดูเพียงหญิงสาวตรงหน้าเพียงคนเดียวหรอกนะ เธอเอ็นดูลูกค้าทุกคนเลยก็ว่าได้ จึงมีคำเรียก ลูกสาว ลูกชาย คนสวย คนหล่อ สุดสวย สุดหล่อ และอีกหลายคำตามอารมณ์ในแต่ละครั้งที่พบเจอลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ“วันนี้หนูอยากลองกินหมูกรอบผัดพริกเกลือค่ะคุณป้า คราวก่อนแอบกินของเพื่อนแล้วหอมกลิ่นกระทะมากๆ เลยอยากกินอีกค่ะ แต่เดี๋ยวกินเสร็จแล้วหนูจะสั่งพะแพงเนื้อกลับห้องไว้กินตอนเย็นอีกทีด้วยนะคะ เก็บเนื้อไว้ให้หนูด้วยน้า” ใบหน้าหวานเปี่ยมเสน่ห์คลี่ยิ้มอธิบายพร้อมออเดอร์เมนูที่ตั้งใจอยากทานเป็นพิเศษ และแจ้งชื่อเมนูพะแนงเนื้อที่ร้านตั้งใจตั้งชื่อเมนูให้ใหม่เพื่อเอาไว้บ่งบอกความพิเศษของเมนูนี้ของร้าน
ตอนที่ 19นัดหมาย“ไหน อิไหนมันนัดผู้ชายมาที่นี่แล้วไม่บอกเพื่อนคะ” ริชชี่ที่เข้ามาถึงโวยวายเสียงดังทันทีที่เห็นว่าทุกคนอยู่ครบแล้ว“เบาหน่อยแม๊ นั่งลงก่อนเนาะ ค่อยๆ เผือก” น้ำหัวเราะท่าทางของเพื่อนหุ่นกล้ามที่เพิ่งมาถึง“เฮ้ออ ร้อนฉิบหายเลยว่ะ” ริชชี่บ่นก่อนเดินตรงไปรับลมแอร์ที่อยู่ตรงมุมห้อง“มึงวิ่งมาเหรอ” เจสซี่ถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี“เออสิ กูแบบลนลานไปหมด จะหยิบอะไรก็หยิบไม่ถูก เลยช่างแม่งหยิบกุญแจกับคีย์การ์ดมาอย่างเดียวเนี่ย” ริชชี่อธิบายพร้อมหยิบทิชชูซับเหงื่อ“มึงเลยอิเจส แกล้งมัน” น้ำสะกิดเพื่อนที่นั่งด้านข้าง“ก็หมั่นไส้อะ โทรมายิกๆ ไม่คิดว่ามือถือกูจะพังเลยหรือไง” เจสซี่ขำท่าทางของเพื่อนที่กระตือรือร้นอยากรู้เรื่องราวจนไม่เป็นอันมีสติหยิบของสำคัญมา“ถ้ามือถือมึงพังเดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่ค่ะ” ริช
ตอนที่ 18เคลียร์ใจ‘แปลว่าที่เราเห็นวันนั้นคือเข้าใจผิดมาตลอดงั้นเหรอ… แต่มันก็ไม่ใช่แค่เหตุผลเดียวที่ทำให้เราตัดสินใจย้ายออกมาเสียหน่อย เราผิดที่ออกมาแบบกะทันหันไม่ฟังเรื่องราว แต่เขาก็ผิดที่ทำตัวไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกเองนี่’“แค่กล้าพูดทุกอย่างตามความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ไม่เหมือนแต่ก่อนที่อ้อมโลก โยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีก็ดีแล้วล่ะ นายแค่กล้ายอมรับทุกอย่างตามความรู้สึกของนายและพูดออกมา ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่นายกำลังทำนะ ต่อไปหากนายยังมัวแต่อ้อมค้อมจะไปจีบสาวก็จะลำบากเพื่อนในกลุ่มอีก”มือเรียวเล็กตบเบาๆ บนมือหนาที่ยังคงกุมมือของเธออยู่อย่างให้กำลังใจ น้อยคนจะรู้ว่าเขามีมุมแบบนี้ ทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่กล้าพูดความจริงอ้อมแอ้มจนไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน“ขอบคุณนะเจสซี่ เหมือนได้ยกภูเขาความรู้สึกออกจากอกไปเลยล่ะ แค่กำลังใจจากเธอก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
ตอนที่ 17เปิดใจ“อร่อยมั้ย” พีที่สังเกตท่าทีของเจสซี่หลังกินสตรอว์เบอร์รีแล้วเดาใจไม่ถูกว่าเธอชอบหรือเปล่าเอ่ยถามอย่างมีความหวัง อย่างน้อยถ้าเธอชอบมิชชั่นวันนี้ก็คอมพลีทแล้วล่ะ แม้ว่าจะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจเสียเท่าไหร่ก็ตาม“อื้ม อร่อยสิ นายไม่อร่อยเหรอ” เจสซี่ยิ้มตอบก่อนถามอย่างสงสัย ในเมื่อเขาเองก็ชิมพร้อมๆ กับเธอ ทำไมถึงถามกันนะ‘เราหน้านิ่งเกินไปเหรอ’“แล้วพีได้สั่งอะไรเพิ่มมากกว่าที่เขามาเสิร์ฟหรือเปล่าอะ จะได้รอกินพร้อมกัน” เจสซี่ถามคนตรงหน้าเพราะหากจะมีอาหารมาเสิร์ฟเพิ่มเธอก็จะได้รอทานพร้อมเขา“ไม่อะ เราไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เธออยากสั่งอะไรเพิ่มมั้ยเดี๋ยวเราไปสั่งให้” พียิ้มบางถาม“ไม่อะ ลองชิมอันนี้สิ พี่ผิงผิงอุตส่าห์ทำมาให้ชิม” เจสซี่เลื่อนเมนูพิเศษให้คนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เจสซี่ไม่มีท่าทีหงุดหงิดเหมือนก่