“คุณน่านไม่ยอมคืนลูกให้เพลิน เพลินก็จะมาอยู่กับลูกที่นี่ค่ะ คุณน่านไม่ได้ห้ามให้เพลินมาที่นี่นี่คะ” เสียงของหญิงสาวยังมีปนสะอื้นอยู่บ้าง แต่เธอก็พูดด้วยความฉะฉาน ด้วยตั้งใจแน่วแน่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยให้ลูกห่างอกเธอเด็ดขาด
น่านฟ้ายังคงเอาแต่เงียบมองจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม ตอนนี้เพลินฝันเริ่มเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก ว่าเขาจะยอมให้เธออยู่หรือจะไล่กลับไปกันแน่
“ถ้าคิดจะอยู่บ้านของผม คุณต้องเชื่อฟังแล้วก็ตามใจผมทุกอย่าง อ่อ...ถ้าคุณจะเจอแฟนคุณ กรุณาไปเจอกันข้างนอกไม่ต้องมาที่นี่”
หลังสิ้นเสียงทุ้มนุ่มลึกอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ เพลินฝันก็เริ่มใจชื้นหายประหม่าไปได้บ้าง
“เพลินไม่เคยมีใครค่ะ ตอนนี้ขอแค่เพลินได้อยู่กับลูก คุณน่านจะให้เพลินทำอะไรก็ได้ค่ะ ยัยหนูอยู่ไหนคะ เพลินต้องเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก แล้วก็ต้องปลุกมากินนมด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นแกจะงอแงตอนกลางดึก” ว่าจบก็ชะเง้อพลางมองซ้ายมองขวาหาลูกสาวตัวกลม
น่านฟ้าดึงเป้ใบใหญ่จากหลังของหญิงสาวมาสะพายไว้ที่ไหล่ซ้าย ก่อนจะเดินก้าวเท้ายาวๆ นำหน้าหญิงสาวขึ้นบันไดโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร ภาพนั้นทำเพลินฝันบุ้ยปากตามหลังคนตัวโต รู้สึกไม่ชอบนิสัยที่เขานั้นประหยัดถ้อยประหยัดคำในการคุยมาแต่ไหนแต่ไรไม่หาย
เพลินฝันเดินตามน่านฟ้าเข้ามาถึงห้องนอนใหญ่ เห็นลูกน้อยนอนอยู่กลางเตียงเธอก็รีบปรี่เข้าไปหาก่อนจะวางตระกร้าลงข้างเตียง และเตรียมตระกร้านมผงพร้อมขวดนมสามสี่ขวดวางไว้บนหลังตู้ลิ้นชักที่วางถัดจากโต๊ะตั้งโคมไฟ
“คุณน่านเอาผ้าไปชุบน้ำให้เพลินหน่อยนะคะ เพลินจะถอดเสื้อผ้าให้ยัยหนูค่ะ” เธอก้มหยิบผ้าอ้อมผืนสีขาวยื่นให้กับน่านฟ้าที่ยืนกอดอกมองดูเธอไม่ละสายตา
“ห้องน้ำอยู่นั่น” เขาพยักเพยิดใบหน้าไปที่ห้องน้ำใหญ่ ใครจะปล่อยให้หญิงสาวอยู่กับลูกตามลำพัง ด้วยยังไม่ไว้ใจเธอมากนัก หากคิดจะพาลูกหนีเขาก็จะต้องยุ่งยากตามหาอีก
“เอ่อ...ค่ะ” เพลินฝันลงจากเตียงหันหน้าตรงไปยังประตูห้องน้ำหน้าละห้อย เพียงแค่วานให้เขาช่วยเธอแค่นี้ยังไม่คิดจะช่วย ท่าทางคงยังเคืองเรื่องเก่าที่เธอสร้างเอาไว้มากแน่นอน
“ห้องของเค้าเองเหรอ” เข้ามาในห้องน้ำก็เห็นแปรงสีฟันและพวกครีมอาบน้ำของผู้ชาย เพลินฝันก็พอจะเข้าใจแล้วว่าห้องนี้เป็นของน่านฟ้า ‘อยู่ใกล้เค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้’ เสียงของข้าวหอมลอยมาเข้าหัวของเธออยู่เนืองๆ คราแรกคิดว่าการที่จะต้องมาอยู่ที่นี่จะได้แยกห้องนอนกับเขาเสียอีก เป็นแบบนี้ก็ดีเธอจะได้เดินหน้าทำให้เขารักได้ง่ายขึ้น ภาวนาในใจว่าอย่าให้เขาไล่เธอออกไปนอนที่อื่น
เพลินฝันใช้เวลาเช็ดตัวให้ยัยหนูพลอยชมพูครู่ใหญ่ เจ้าก้อนกลมมีงอแงบ้างเมื่อถูกปลุกให้ตื่น แต่ก็สงบได้ด้วยนมขวดโต พฤติกรรมทุกอย่างของหญิงสาวที่กระทำต่อลูกอยู่ในสายตาของน่านฟ้าตลอดเวลา เพราะเขาต้องการเก็บรายละเอียดการเลี้ยงดูลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“คุณน่านไม่ไปอาบน้ำเหรอคะ” เพลินฝันมองรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ได้อาบน้ำอาบท่า เพราะยังอยู่ในเชิ้ตทำงานกับกางเกงขายาว เขาเอาแต่มองจ้องเธอกับลูกไม่วางตาขนาดนี้ เธอพอจะเริ่มคิดแล้วว่าชายหนุ่มคงคิดว่าเธอจะหนี หรืออีกอย่างก็อยากเรียนรู้วิธีการเลี้ยงลูกให้มากที่สุด เพื่อที่จะเก็บทุกวิธีการเอาไว้เลี้ยงลูกเอง
‘เลี้ยงเอง’ คำนี้ผุดเข้ามาในหัวได้เพลินฝันก็รีบนั่งหันหลังให้คนที่กำลังมองเธอป้อนนมและกล่อมลูกสาว เธอจะให้เขาเห็นทุกอย่างไม่ได้ หากเขาเรียนรู้เวลาเธอเลี้ยงลูกเป็นทุกอย่าง เกิดวันหนึ่งเขาเลี้ยงเป็นคงเฉดหัวเธอออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ แน่ เธอจะให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้
“จะหันหนีผมไปไหน” น่านฟ้าเดินอ้อมมาจ้องมองเพลินฝันเช่นเดิมที่เคยทำตั้งแต่เธอมาถึง
“คุณน่านตัวสกปรกมาทั้งวันแล้วยังไม่ไปอาบน้ำ เดี๋ยวสิ่งสกปรกที่ตัวของคุณจะทำให้ยัยหนูไม่สบายค่ะ”
“เหรอ” คิ้วหนาเริ่มเลิกขึ้นก่อนจะก้าวถอยห่างออกจากเตียงไป
“ค่ะ ไปอาบน้ำสิคะ” สาวเจ้าพยักหน้าพร้อมอมยิ้มน้อยๆ ที่ดูท่าว่าคำพูดของเธอจะใช้ได้ผลกับเขาแล้ว
“คุณล่ะ อาบมาแล้วเหรอ”
“ใช่สิคะ”
“อย่าลืมว่าถ้าคุณหนีผมจะตามคุณให้เจอให้ได้ แล้ววันนั้นคุณจะไม่ได้เจอลูกอีกเลย”
“ที่จ้องอยู่ตลอดเนี่ย กลัวเพลินพาลูกหนีเท่านั้นเหรอคะ”
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งจ้องหน้าคนที่ถามโดยที่ไม่ตอบอะไร แค่นี้เพลินฝันก็รู้แล้วว่านั่นคือสิ่งที่เขาคิด ตอนนี้จึงพอจะโล่งอกว่าเขาไม่ได้คิดจะเรียนรู้พฤติกรรมของเธอเพื่อต้องการจะเลี้ยงลูกเองและเฉดหัวเธอทิ้ง
“เพลินไม่พาลูกไปลำบากหรอกค่ะคุณน่าน ไปอาบน้ำเถอะค่ะ” พูดพร้อมปัดมือปัดไม้ไล่คนตัวโต
ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำไปได้เพลินฝันก็รีบวางลูกน้อยที่หลับคาอกลงกลางเตียง ก่อนจะรีบล้มตัวลงนอนข้างๆ กันกับลูก นึกย้อนไปถึงในตอนที่เธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับน่านฟ้าที่ต่างประเทศ ตอนนั้นจะว่าเธอมีความสุขก็มีความสุข แต่ก็มีความทุกข์ใจอยู่ลึกๆ เพราะเมื่ออยู่กับชายหนุ่มที่ดูสุขุมอบอุ่นอ่อนโยนนานเข้า หัวใจของเธอก็ยกไปให้เขาเสียทั้งหมด
เมื่อมารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็เกิดรักลูกขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่ตอนตกลงเซ็นสัญญากับอินทัชก่อนจะบินไปอยู่กับน่านฟ้าเธอไม่คิดว่าตัวเองจะรักลูกได้เพียงนี้เลย
ความรักความหวงแหนที่เกิดขึ้นทำให้เธอเลือกที่จะกลายเป็นคนขี้โกงไม่รักษาสัญญาหนีน่านฟ้าไปพร้อมลูกในท้อง ใครจะไปคิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกับเขาและเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้
หลังจากคิดอะไรเพลินๆ ครู่ใหญ่ เพลินฝันก็ต้องรีบหลับตาแสร้งว่านอนหลับไปแล้วหลังจากได้ยินเสียงของประตูห้องน้ำเปิด ที่ต้องรีบหลับเพราะกลัวว่าเขาจะไล่ให้เธอไปนอนห้องอื่นนั่นเอง
“เอ่อ...จะพาเพลินไปไหนคะ” หลับตาไปได้ไม่กี่วินาทีเธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นจากเตียงนุ่ม จึงต้องรีบเบิกตาโพลง จนเห็นว่าตอนนี้น่านฟ้ากำลังอุ้มเธอลุกอออกจากเตียง
“เพลินจะนอนกับยัยหนูค่ะ ไม่ไปนอนที่อื่นนะคะ”
“อยู่เฉยๆ บอกแล้วไงว่าอยู่ที่นี่ต้องตามใจผม” คนที่เปลือยเปล่าโชว์แผงกล้ามสวมผ้าขนหนูสีขาวหมิ่นเหม่ที่บั้นเอวยังไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กในอ้อมแขนดิ้นหนีไปได้ง่ายๆ
“แต่เพลินขอนอนกับยัยหนูนะคะคุณน่าน ถ้ายัยหนูตื่นตอนกลางคืนมางอแง จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณไงคะ” กว่าหญิงสาวจะพูดจบเธอก็ถูกพาเข้ามาอยู่ในห้องข้างๆ กับห้องนอนเจ้าของบ้าน ในห้องมีเพียงแสงสลัวจากไฟด้านนอกที่ส่องผ่านกำแพงกระจกเข้ามาเท่านั้น
“เพลินไม่นอนห้องนี้นะคะ” คนที่ถูกวางลงบนเตียงกว้างหมายจะรีบดีดตัวลุก แต่ก็ถูกคนตัวโตคร่อมขึงตัวของเธอเอาไว้“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้นอนกับลูก แต่ให้เสร็จธุระที่ผมจะทำกับคุณก่อนได้ไหม” น่านฟ้าทางทับคนตัวเล็กไม่เต็มแรง เขาก้มก่ายกระซิบเสียงนุ่มละมุน ทั้งพ่นไออุ่นจากลมหายใจลงลำคอระหงส์ จนเพลินฝันเริ่มขนลุกขนชันนอนตัวเกร็ง เพราะพอจะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรจากตัวของเธอเขาเงยหน้าจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มห่างเพียงไม่ถึงคืบ ดวงตาคมไล่ลองช้าๆ บนใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะใช้นิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มนวลเบามือ “คิดว่าผมจะปล่อยให้คุณอยู่ที่บ้านนี้ฟรีๆ โดยไม่คิดค่าอะไรจากตัวคุณเลยหรือไง จะยอมผมไหม”เพลินฝันเริ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขณะที่คนตัวโตกำลังรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ พร้อมกับเริ่มสอดส่ายมือหนาเข้าไปที่ใต้เสื้อยืดตัวบางจนเพลินฝันต้องจับมือของเขาเอาไว้เธอจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาคิดถึงปนโหยหาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจ“ที่เพลินยอมเพราะ..พะ..”ไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้พูดความในใจที่ยังไม่เคยได้พูดให้เขาฟังจบ ริมฝีปากบางก็ถูกกอบกุมบดจูบกลืนเสียงไปเรียบร้อ
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” เพลินฝันว่าจะเอ่ยถามน่านฟ้าตั้งแต่ตอนตื่นมาแล้ว แต่ก็เพิ่งจะได้มีโอกาส“ผมจะอยู่สร้างความคุ้นเคยกับลูกก่อน เรื่องข้าวของเครื่องใช้ของคุณกับลูกขาดเหลืออะไรก็รีบบอก ผมจะให้คนจัดการให้” เขามองไปยังเจ้าก้อนกลมที่กำลังคลานเล่นอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข“ขอบคุณค่ะ”“ตกลงยัยหนูอายุกี่เดือนแล้ว แกเกิดวันอะไรเกิดที่ไหนเล่ารายละเอียดมาให้ผมฟังให้หมดเลย”“ยัยหนูเกิดวันเสาร์ที่...” เพลินฝันเล่าทุกอย่างที่น่านฟ้าอยากรู้เกี่ยวกับลูกพักใหญ่ ทั้งเปิดรูปของยัยหนูพลอยชมพูตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันให้ชายหนุ่มได้ดู คนเป็นพ่อเห็นแล้วก็รู้สึกตื้นตันจนน้ำตารื้น จะดีไม่น้อยหากเขาได้อยู่กับลูกทุกเวลาที่ลูกน้อยมีการเจริญเติบโต“ถ้าผมได้อยู่กับยัยหนูตั้งแต่แรกเกิดก็คงจะดีสินะ”“เพลินขอโทษจริงๆ ค่ะ”“อืม ตอนนี้มันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วนี่” เขาเปรยน้ำเสียงขุ่น ส่วนเพลินขวัญก็ได้แต่ก้มหน้างุดเพราะรู้อยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองมีความผิด“คุณไม่มีพ่อแม่ แล้วตอนที่ท้องอยู่ยังไง”“เพลินโชคดีที่มีเพื่อนๆ ดีค่ะ ทั้งข้าวหอมแล้วก็ทอฝ้ายแวะเวียนมาดูแลเพลินตลอด อีกอย่างเพลินก็มีเง
“นั่นเป็นความต้องการของคุณแม่ พี่ไม่ได้อยากหมั้นกับไอรินสักนิด พี่รักเพลิน”“เพลินรักพี่ธันแบบพี่ชายมาโดยตลอดนะคะ คนที่เพลินรักคือพ่อของยัยหนู” ในเมื่อเขาตรงไปตรวมากับเธอ หญิงสาวก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะพูดจาตรงไปตรวงมากลับเช่นเดียวกัน“พี่ไม่เชื่อว่าเพลินรักเค้า ไหนเพลินบอกว่าเลิกกับพ่อยัยหนูไปนานแล้วไง” ครั้งนี้ธันวาเหมือนคนไม่ได้สติ เข้าโผเข้าไปกอดเพลินฝันเอาไว้แน่น โดยที่ไม่สนว่าสถานที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่หน้าบ้านของสามีหญิงสาว หรือกลัวว่าใครที่ผ่านไปผ่านมาจะเห็น“พี่ธันปล่อยค่ะ” เพลินฝันยังไม่ทันได้ยกมือผลักธันวาออก ตัวของเธอก็ลอยหลุดจากอ้อมกอดของธันวาด้วยฝีมือของน่านฟ้าแล้ว“หน้าไม่อาย! อย่ามายุ่งกับเมียกู” น่านฟ้ายกมือชี้หน้าชายหนุ่มที่ไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยท่าทีฉุนเฉียวไม่คิดเกรงใจ เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะทำอะไรไม่เกรงใจบริเวณบ้านของเขาก่อน“แกทิ้งเพลินไปตั้งนานกลับมาทำไม”“ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพล่าม” น่านฟ้ากำลังจะก้าวเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายแต่ถูกเพลินฝันมาขวางเอาไว้ก่อน“พี่ธันกลับไปเถอะนะคะ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรให้วุ่นวายกว่านี้เลย” หญิงสาวรีบไล่ธันวากลับไปเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มทั้งส
“ดึกแล้ว ทำไมยัยหนูยังไม่นอน”เพลินฝันถูกตั้งคำถามเช่นนี้เธอก็ต้องถอนหายใจอ่อน มองไปยังคนตัวโตในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีดำสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับด้วยสายตาเหนื่อยล้า“เพลินกล่อมแล้วแต่ยัยหนูไม่ยอมนอนค่ะ” เธอเองก็ยังไม่เข้าใจพฤติกรรมของลูกเธอเหมือนกัน ไม่งอแงเมื่อผิดเวลานอน แต่ยังคงเล่นได้ตาแป๋วไม่มีท่าทีว่าจะง่วง“ป่ะ... ป้ะ” เด็กหญิงเห็นหน้าคนเป็นพ่อได้ก็ส่งเสียงเรียกพร้อมยิ้มหวานโชว์ฟันซี่น้อยๆ ทั้งชูแขนเป็นปล้องหมายจะให้คนเป็นพ่อได้อุ้ม“ว่าไงคะ ปะป๊าไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะมาเล่นด้วยนะคะ” น่านฟ้าอยากจะเข้าไปอุ้มลูกในตอนนี้แต่ก็ต้องชั่งใจเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก“แอ้...” เสียงใสคราแรกเริ่มส่งเสียงแข็งขึ้น รอยยิ้มกว้างที่มีให้คนเป็นพ่อคราแรกก็เริ่มจางหาย เปลี่ยนเป็นมองด้วยสายตาแกมดุแทน “คุณน่านถอดเสื้อคลุมออกแล้วอุ้มยัยหนูสักเดี๋ยวก็ได้ค่ะ”“อืม”เพลินฝันอุ้มลูกส่งให้น่านฟ้าหลังจากที่เขาถอดเสื้อคลุมพาดไว้กับพนักพิงเก้าอี้ พอจะรู้แล้วว่าเจ้าตัวกลมทำไมไม่ยอมนอน หากเดาไม่ผิดคงจะรอคนเป็นพ่อมานอนพร้อมกันแน่“เพลินว่ายัยหนูน่าจะรอคุณน่านกลับมานะคะ” เพลินฝันยกมือลูบหัวลูกน้อยที่
“ตกลงคุณน่านเค้าคบกับคุณโมนาจริงเหรอ แกได้ถามเค้าหรือยัง” ทอฝ้ายเริ่มเปิดประเด็นถามเมื่อเห็นว่าเพลินฝันกับข้าวหอมเข้ามานั่งล้อมวงกันดีแล้ว จากที่เห็นข่าวตั้งแต่เมื่อเช้าเธอก็รู้สึกไม่สบายใจแทนเพลินฝันเอามากๆ เพราะหากน่านฟ้าคบกับโมนาจริงคราวนี้หลานเธอได้มีแม่เลี้ยงแน่“ถามแล้วเค้าก็ไม่ตอบอะไรให้ฉันรู้เลยว่าสถานะของพวกเค้าเป็นแบบไหน จนฉันต้องมานั่งทุกข์ใจอยู่แบบนี้” เมื่อถูกถามเรื่องนี้จึ้นเพลินฝันก็เริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นมาดื้อๆ เพราะในใจนั้นทุกข์ไม่รู้จะทุกข์ยังไงแล้ว“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ข้าวหอมเริ่มไม่ค่อยมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อแล้วว่าน่านฟ้าไม่ได้คบกับใคร“ไม่ตอบก็แสดงว่าทุกอย่างเป็นแค่ข่าว อย่าเพิ่งอมทุกข์แล้วก็ไปงี่เง่าใส่คุณน่านล่ะ เดี๋ยวเค้าจะรำคาญแกซะก่อน”“จะพยายาม” เพลินฝันตอบทอฝ้ายเสียงอ่อนอีกรอบ เพราะเธอดันเผลอทำเรื่องงี่เง่าไปแล้วเมื่อวาน แต่พอมาถึงวันนี้ยังพอสงบอารมณ์ได้หน่อย“เอาแบบนี้สิข้าว แกก็ทำข่าวเรื่องของเพลินกับคุณน่านมีลูกด้วยกันไปเลยสิ” ทอฝ้ายเสนอไอเดียที่ผุดขึ้นมาในหัวกับข้าวหอม“เออ...ใช่” ข้าวหอมเบิกตาโพลงเห็นด้วยกับไอเดียของทอฝ้าย“ไม่ดีมั้ง” ดู
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณกาย” จบมื้ออาหารเย็นเรียบร้อยโมนาก็เดินออกมาส่งอินทัชที่รถ หญิงสาวเริ่มมีสีหน้าระรื่นเพราะพอจะดูออกว่าแม่ของเธอดูจะพอใจในตัวของอินทัชพอสมควรหลังจากนี้เอจะได้ใม่ต้องถูกบังคับให้ไปออกเดทกับใครต่อใครเสียที หลังจากอกหักจากแฟนจอมเจ้าชู้เธอก็อยากพักหัวใจไม่อยากคบหากับใครสักพัก ถ้าแม่เธอไม่คิดจะรีบหาคู่ให้เธอก็คงไม่ต้องมาลำบากอินทัชแบบนี้แน่“ครับ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกประหม่าพอสมควร เพราะไม่รู้ว่าแม่คุณพอใจในตัวผมแค่ไหน”“เท่าที่เห็นก็น่าจะพอใจอยู่นะคะ”“เหรอครับ รู้แบบนี้ค่อยโล่งอก อย่างงั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ” อินทัชพอจะเปรยยิ้มโล่งอกเมื่อรู้ว่าตนก็เป็นที่น่าพอใจในสายตาแม่ของหญิงสาว หากครั้งหน้าต้องเจอกันอีกจะได้ไม่รู้สึกกร็งมากนัก“กายเค้าก็ดูสุขุมดีนะ ฉันโอเค เธอน่าจะรู้จักกายมากกว่าฉัน คิดว่ากายเหมาะกับยัยโมไหมล่ะ” เมทินีเริ่มกระซิบกระซาบกับปรียาภาหลังจากที่ลูกสาวเดินออกไปส่งอินทัช“อืม กายทำงานเก่งมาก แล้วก็เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าเธอไม่รังเกียจเรื่องฐานะของกายที่ไม่ได้มีเท่าเธอ ฉันก็คิดว่า ว่าที่ลูกเขยคนนี้ของแกก็โอเคนะ อนาคตหากตบแต่งกับโมนาเค้าก็น่าจ
คนที่ชอบประหยัดถ้อยประหยัดคำพูด ไม่คิดตอบว่าตนส่งตัวอย่างผมและเล็บของลูกเขาให้เพื่อนที่เป็นหมอตรวจตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงแรกที่อุ้มลูกเข้ามาในบ้านแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจว่าเจ้าตัวกลมเป็นลูกของเขา แต่ต้องทำเพื่อมีหลักฐานในการทำเอกสารรับรองต่างๆ และเอาไว้ยืนยันกับครอบครัวที่ยังไม่รู้เรื่องที่เขามีลูกด้วย“จะตอบได้หรือยังคะ ว่าทำไมถึงอยากจดทะเบียนสมรสกับเพลิน” เพลินฝันถามคำถามกับชายหนุ่มอีกครั้ง ขณะนั่งรถกลับบ้านหลังจากเสร็จธุระที่เขต เห็นจะเป็นรอบที่สามแล้วที่เธอถามคำถามเดิมๆ กับเขา เพราะชายหนุ่มยังไม่ยอมให้คำตอบกับเธอเสียที“ผมกำลังขับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง อีกอย่างยัยหนูก็กำลังหลับผมไม่อยากคุยส่งเสียงรบกวนการนอนของลูก”“ค่ะ” เพลินฝันยอมนั่งเงียบๆ แต่โดยดี ลงได้น่านฟ้าเริ่มหาเหตุผลประกอบไม่เว้นแม่กระทั่งลูกสาวตัวกลมที่หลับอยู่ในคาร์ซีท แสดงว่าเขาคงไม่สะดวกที่จะตอบคำถามเธอแน่นอน ให้เธอรู้ได้เลยว่าไม่ต้องถามคำถามนี้กับเขาอีกต่อไปเพราะยังไงก็จะไม่ได้คำตอบอยู่ดี แต่วันนี้เธอก็คลายกังวลไปได้หนึ่งเรื่องว่าเขาไม่ได้ต้องการจะพาใครเข้ามาในชีวิตนอกจากเธอ“สวัสดีค่ะ”ทั้งเพลินฝันและน่านฟ้าที่กำลังอุ้มเ
“อะไรนะ ไล่ออก” ข้าวหอมชาวาบไปทั้งตัวเมื่อรู้จากปากของสุจิราว่ามิรันตีถูกไล่ออกกะทันหัน หลังจากลงข่าวว่าน่านฟ้าคบหากับโมนา“ใช่...โทษฐานที่ยัยมิ้นเขียนข่าวมั่วลงไป คุณน่านยื่นคำขาดมาว่าถ้าคนเขียนข่าวไม่ถูกไล่ออก เค้าจะฟ้องที่นี่ให้เจ๊งไปเลย คุณน่านฟ้านี่ก็อิทธิพลกว้างขวางเหมือนกันเนอะ” สุจิราพูดด้วยท่าทีและสีหน้าตื่นกลัว เธออุตส่าห์เตือนมิรันตีแล้วแท้ๆ ว่าอย่าลงวจั่วหัวไปตรงๆ ว่าสองคนนั้นคบกันทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องจริงข้าวหอมทิ้งหลังพิงเก้าอี้แหมะ แค่มิรันตีจั่วหัวข่าวว่าน่านฟ้าคบหากับโมนายังถูกไล่ออก แล้วเธอที่เอาข่าวในบ้านของชายหนุ่มมาเผยแพร่จะถูกกระทำมากกว่าการถูกไล่ออกหรือเปล่า“พี่สุ ข้าวกลับก่อนนะ”“อ้าว จะไปไหน เดี๋ยว ข้าว ข้าว...” นักข่าวสาวยืนเกาหัวแกรกๆ ที่เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องลุกลี้ลุกรนสะพายกระเป๋าออกจากห้องทำงานไปดื้อๆ“มีอะไรทำไมนัดให้มาหาที่นี่กะทันหัน” เพลินฝันเข้ามาในร้านดอกไม้ของตัวเองในช่วงเย็น เพราะจู่ๆ ข้าวหอมก็โทรหาเธอให้มาเจอที่นี่ด้วยน้ำเสียงร้อนอกร้อนใจว่าต้องการเจอด่วน“คุณน่านเห็นข่าวหรือยัง” ข้าวหอมเห็นเพลินฝันเข้าร้านมาได้ก็รีบดึงตัวเพื่อนเธอเข้าม
“คุณบอกว่ามีอะไรก็ต้องพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ค่ะ”“ผมอยากมีลูกเยอะๆ บ้านเราจะได้ครึกครื้น คุณนึกไปถึงตอนที่ลูกๆ เราช่วยกันบริอหารกิจการของเราสิ ทุกคนจะมีพี่น้องให้ปรึกษาหารือกัน อีกอย่างวันรวมญาติ บ้านเราก็จะมีทั้งลูกเขยลูกสะใภ้แล้วก็หลานๆ มาคอยวิ่งเล่นให้มองเพลินตาด้วย”“โห...พูดมาขนาดนี้” เพลินฝันยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นที่น่านฟ้าคิดเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอเริ่มเอ็นดูสามีของเธอเสียแล้ว“ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ”“ก็ได้ค่ะ”พอเพลินฝันตกลงยอมที่จะมีลูกได้น่านฟ้าก็เริ่มปฏิบัติการทำลูกในทันที การพาภรรยาตัวเล็กมาอยู่ในบรรยากาศหนาวๆ เย็นๆ แล้วให้ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อกันสองต่อสองเป็นอะไรที่สามารถเรียกลูกให้มาได้ไวเสียเหลือเกินเพราะหลังกลับจากเที่ยวด้วยกันไม่นาน เพลินฝันก็ได้ตั้งท้องขึ้นมา แถมท้องครั้งเดียวยังได้ลูกแฝดเสียด้วย คราวนี้ก็สมใจคนเป็นพ่อที่อยากจะได้ลูกอีกสักสองคน“ของพี่นะ พรีมจะมาแย่งไม่ได้” พลอยชมพูนั่งหน้ามุ่ยเมื่อน้องชายวัยสี่ขวบกว่าแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกไปจากมือ“แต่พรีมอยากเล่น”น่านฟ้าวางลูกแฝดคนเล็กลงเปลก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาลูกๆ ทั้งสองที่กำลังเริ่มจะทะเลาะกัน“แบ่งกันเล่นนะครับลู
น่านฟ้าเดินเข้ามาใกล้ภรรยาและโอบกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ “แต่งงานกับผมนะครับ”“แต่งค่ะ” เพลินฝันน้ำตาคลอตอบโดยไม่ต้องคิด ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่กับเขาจนมีลูกคนที่สองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกประทับใจกับการที่ชายหนุ่มมาขอเธอแต่งงาน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจำเรื่องที่เธอเคยพูดเมื่อครั้งที่เริ่มตั้งท้องลูกคนที่สองได้ ว่าเธอฝันอยากจะถูกขอแต่งงานที่ริมทะเล“หม่าม๊ายอมแต่งงานกับป่ะป๊าแล้วยัยหนูต้องทำไงครับ”“ห้าย...แหยน มาม่ะ” เด็กหญิงส่งแหวนเพชรเม็ดโตที่กำอยู่ในมือแบตรงหน้าคนเป็นแม่“ขอบคุณนะคะ” ฟอด เพลินฝันยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือรับแหวนมาจากลูกสาวก่อนจะกดจมูกหอมไปที่แก้มย้วยๆ ของยัยหนูพลอยชมพูฟอดใหญ่“ผมใส่ให้นะครับ”“ค่ะ”คนเป็นภรรยายื่นมือซ้ายให้น่านฟ้าก็ดึงแหวนวงเก่าออกจากนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะสวมแหวนวงใหม่ที่เพชรเม็ดใหญ่กว่าเดิมไปแทนที่ หลังจากนั้นสามพ่อแม่ลูกก็ยืนกอดกันกลมพักใหญ่ จนสองสามีภรรยาอย่างโมนาและอินทัชอดน้ำตาคลอกับภาพที่ประทับใจนี้ไปไม่ได้คืนวันของความสุขได้ผ่านไปร่วมปี จนตอนนี้ยัยหนูพลอยชมพูได้สองขวบกว่าส่วนลูกชายคนเล็กของเพลินฝันอายุได้7เดือน ส่วนมากเด็กๆ ก็จะอยู่บ้านปู่กับย่าเป
“กว่าจะพูดคำว่ารักออกมาได้ เล่นซะทุกคนเหนื่อยกันหมดเลยนะคะ” เพลินฝันยืนยิ้มร่า เอ่ยหยอกชายหนุ่มที่กำลังมีสีหน้าตกใจอย่างขบขัน“อื้อ...” น่านฟ้าพุ่งตัวเข้าไปรวบเอวบางและจูบปิดปากคนตัวเล็ก เขาขยับริมฝีปากไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพลินฝันเริ่มตัวอ่อนปวกเปียกคนที่ยืนให้กำลังใจทั้งคู่อยู่ที่ริมชายหาดต่างก็ก้มหน้าไม่มองภาพนั้นและรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนทั้งสองได้แสดงความคิดถึงกันให้เต็มที่ในยามที่บรรยากาศกำลังโรแมนติกได้ของรักของหวงคืนมาได้น่านฟ้าก้เอาแต่นอนกกคนตัวเล็กไม่ให้ห่างอกอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมหรูริมทะเล“จะนอนกอดเพลินอีกนานแค่ไหนคะ เพลินอยากไปหายัยหนู” เพลินฝันอยากจะกอดหอมลูกน้อยของเธอบ้างหลังจากไม่เจอกันหลายวัน แต่พ่อของลูกก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเสียที“คุณแม่พายัยหนูไปพักที่โรงแรมอื่นแล้ว ให้เราอยู่สวีททำลูกคนใหม่กันที่นี่” เขายกมือถือโชว์ข้อความที่แม่ของตนส่งมาให้เมื่อครู่“ไม่เห็นคุณแม่บอกเพลินก่อนเลยคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มห่อเหี่ยว“ขอเพลินไปหาลูกก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาให้นอนกอดเต็มที่เลยค่ะ”“บอกก่อนว่าทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้ ผมใจจะขาดรู้บ้างหรือเปล่า”“ก็ให้ขาดไปเ
“ผมยังไม่ได้บอกรักคุณสักคำเลยเพลิน ทำไมไม่อยู่รอคำว่ารักจากผมก่อนครับ” เป็นอีกวันที่น่านฟ้าเอาแต่นอนกอดขวดน้ำเมาทิ้งตัวอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่สนใจการงาน แม้กระทั่งข้าวปลาก็ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นมาแตะ จนหน้าตาโทรมดำคล้ำตัวมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล“ท่าทางคุณน่านจะไม่อยากรับรู้อะไรเลยนะคะ คงจะรักคุณเพลินมากๆ” โมนาที่ยืนมองสภาพของน่านฟ้าอยู่ห่างๆ กับอินทัชเธออดที่จะหดหู่ใจกับภาพที่เห็นไม่ได้“ครับ” อินทัชมีสีหน้าหดหู่ไม่ต่างจากโมนา เห็นทีเอกสารที่แบกเอามาให้น่านฟ้าดูวันนี้คงจะต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมครึ่งเดือนที่น่านฟ้าไม่เป็นอันกินอันนอนทุกวินาทีของหัวใจที่เต้นมีแต่เสียงร้องเรียกหาหญิงสาวที่เคยเอ่ยบอกว่ารักเขาไม่เว้นวัน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะบอกรักเธอตอบโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องใดในอดีตทั้งนั้น“กลับมาให้ผมบอกรักคุณได้ไหมเพลิน” เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าจอมือถือ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ที่เสียใจไปกว่านั้นคือตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะได้พูดคุยดีๆ กับเธอเท่าไหร่นัก“ปะ...ป้ะ”น่านฟ้าวางมือถือที่กำลังที่หน้าจอกำลังโชว์หลารูปภรรยาตัวเล็ก ก่อนจะลุกจากโซฟ
หลังจากที่คุยกันไม่เข้าใจจนโมนาเลือกที่จะจู่โจมจูบอินทัช ทั้งคู่ก็ได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกมาและแล้วก็มาสานสัมพันธ์กันที่คอนโดของชายหนุ่ม หน้าที่ส่งแขกเหรื่อกลับบ้านตอนนี้ก็เป็นของเจ้าของบ้านอย่างเมทินี“ห้ามดูถูกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับโมอีก เข้าใจไหมคะ” โมนานอนซบแผงอกอุ่นของอินทัช ตอนนี้เธอและชายหนุ่มเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยกันทั้งคู่“ถ้าพูดอีกล่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแกมหยอกพร้อมกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นโมนาขบริมฝีปากล่างของอินทัชเบาๆ “ก็จะถูกกัดปากแบบนี้”“ทำไมเลือกให้ผมเป็นคนแรกของคุณโมล่ะครับ”“ถึงโมจะรู้จักกับคุณไม่นาน โมก็รู้ว่าคุณคือคนที่จะดูแลโมได้ไปตลอดชีวิต”“ผมรับปากครับ ว่าจะดูแลคุณโมให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกผูชายอย่างผมจะทำได้” เอ่ยจบก็พลิกตัวคร่อมคนตัวเล็กและเริ่มต้นกระชับสัมพันธ์ด้วยบทสวาทอันแสนนุ่มนวลกับเธออีกครั้ง“กายเค้าไม่เหลือใครเป็นญาติผู้ใหญ่ เหลือแค่ตัวคนเดียวทางปิ่นกับคุณพลเลยต้องมาเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าวมาสู่ขอหนูโมค่ะ ทางพี่นิดเกริ่นเรื่องค่าน้ำนมมาได้เลยนะคะ” ปิ่นมณีเกริ่นเป็นพิธีเมื่อต้องเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอโมนาให้กับอินทัชที่บ้านของเมทินี“ถึงพ
“นี่...นึกไงไปเอาพนักงานบริษัทเป็นแฟน ดูเค้าสิ ท่าจะบริการคนอื่นจนเคยชิน ทำตัวเป็นเด็กเสริฟแทบจะตลอดทั้งงานแล้วมั้ง” เอเลน่าสาวไฮโซลูกครึ่งเข้ามาพูดกับโมนาด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ไม่คิดเกรงใจเจ้าของวันเกิด เพราะหมั่นไส้ตั้งแต่โมนาเลือกที่จะคบแค่พนักงานบริษัทและปฏิเสธที่จะเดทกับพี่ชายของเธอ“เค้าจะทำงานอะไรก็เป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหละ คบกับคุณกายสบายใจกว่าคบพวกนักธุรกิจลูกไฮโซเยอะเลย”“ฉันคิดแบบแกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นฉันก็จะคบแต่คนระดับเดียวกันเท่านั้น” หญิงสาวคิดว่าโมนาจะคล้อยตามบ้าง แต่เปล่าเลยเธอกลับปกป้องแฟนหนุ่มสุดชีวิต เอเลน่าจึงรีบเดินออกไปเพราะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของโมนาได้จริงๆ“เพื่อนเหรอคะ” เพลินฝันกระซิบถามโมนาหลังจากสาวสวยหน้าลูกครึ่งเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว“ในวงสังคมน่ะค่ะ จะไม่เชิญก็ไม่ได้เป็นลูกสาวเพื่อนคุณแม่”“คุณกาย” เพลินฝันหน้าชาวาบเพราะสายตาพลันไปเห็นว่าอินทัชยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและสายตายังคงจับจ้องมายังเธอและโมนาไม่วาง เดาได้เลยว่าเมื่อครู่เขาคงได้ยนคำพูดของสาวสวยหน้าลูกครึ่งคนเมื่อครู่แน่อินทัชได้ยินทุกประโยคที่เอเลน่าพูดกับโมนา อินทัชรีบฉีกยิ้มแสดงท่าทางร่าเริ่ง
“ไม่บอกค่ะ” คนถูกถามไม่ยอมหันไปตอบได้แต่นั่งอมยิ้มมองจดจ่ออยู่กับงานในมือ“อย่ากวนประสาทผมได้ไหม” ชายหนุ่มเริ่มมีน้ำเสียงขุ่น“ทีเพลินถามอะไรคุณน่านยังไม่คิดจะบอกเพลินเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเพลินจะไม่บอกว่าพูดจริงพูดเล่น” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันหน้าน้อยๆ มาพูดจนจบประโยคแล้วจึงหันกลับไปจดจ่อกับผ้าที่กำลังพับ น่านฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ไหร่นักเพลินฝันพยายามกลั้นเสียงขบขันอยู่คนเดียว เห็นทีวิธีเอาคืนนิสัยเสียๆ ของน่านฟ้าที่ปิ่นมณีแนะนำเธอจะได้ผล หากเขาเป็นคนที่ไม่ชอบตอบคำถาม เธอก็แค่ไม่ตอบคำถามเขาบ้าง ชายหนุ่มจะได้รู้ว่าคนที่กำลังสงสัยอะไรแล้วไม่ได้คำตอบมันทุกข์ใจขนาดไหนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมเดือนกว่าที่น่านฟ้าและเพลินฝันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่พ่อได้ดีมาตลอด ทั้งดูแลเพลินฝันตามสมควรได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพลินฝันมีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาแล้วเจอหน้าลูกกับสามี จะดีไม่น้อยหากตอนนี้น่านฟ้ายอมปริปากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเป็นอีกคืนที่เพลินฝันนอนเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของน่านฟ้า เธอรอคอยคำว่ารักจากปากของเขาทุกวันแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยิน จนแอบคิดว่าหร
“ลูกพี่ลูกน้องผม เค้าจะมาที่นี่กับภรรยาแล้วก็ลูกแฝด”“มีอะไรที่ต้องห้ามพูดไหมคะ”“เรื่องข้อตกลงที่เราเคยทำด้วยกันห้ามให้ครอบครัวของผมรู้ แล้วก็ทำตัวให้เหมือนว่าเราเป็นสามีภรรยาที่เคยรักกันแล้วก็กลับมาดีกันด้วย”“ค่ะ ไม่ได้ยากเลยค่ะ” พูดพร้อมเปรยยิ้มร่า เรื่องที่เขากำชับประโยคท้ายๆ เธอทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจเลยพูดธุระจบน่านฟ้าก็ชะเง้อหน้ามองเจ้าตัวกลมในเปลครู่หนึ่งก่อนจะเดินวางมาดเข้มออกไป“นี่น่ะเหรอไม่ได้วางมาด” หญิงสาวพึมพำตามหลังคนตัวโตเสียงอ่อน นึกถึงคำพูดของเนื้อนวลที่บอกว่า ‘อย่างน่านฟ้าไม่ได้เรียกว่าวางมาด’ เธอล่ะอยากให้เนื้อนวลเห็นทุกการกระทำของเขาที่ทำกับเธอจริงๆ แล้วจะรู้ว่าที่เธอเห็นว่าน่านฟ้าชอบวางมาดมันไม่ผิดไปอย่างที่เธอพูดเลยเหนือตะวันพาเพลงขวัญและเจ้าแฝดวัยห้าขวบกว่ามารู้จักกับเพลินฝันและยัยหนูพลอยชมพูตั้งแต่ก่อนเที่ยง ดูท่าเด็กชายทั้งสองท่าจะปลื้มน้องสาวแก้มย้วยกันน่าดูเพราะตั้งแต่รับประทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยเจ้าสองแสบก็นั่งเฝ้าน้องสาวแก้มย้วยไม่ห่าง“น้องพลอย” ฟอด ปุริมภัทรไม่ค่อยจะยอมปล่อยเจ้าก้อนกลมง่ายๆ มีจังหวะไหนน้องหยุดคลานแล้วนั่งเล่นของเล่นเมื่อไหร่เป็นอัน
คนตัวโตเอาแต่จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยมเงียบๆ ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบดจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง เพราะไม่ได้คิดที่จะให้คำตอบเป็นภาษาพูด สองมือหนาขึงข้อมือเรียวกับเตียงนุ่มไม่ให้ยกขึ้นมาผลักใบหน้าของเขาได้อีกน่านฟ้าเริ่มร่ายลีลาจูบที่เร่าร้อนขึ้นกว่าเดิมภายในเวลาไม่กี่วินาที คนตัวเล็กยังไม่คลายสงสัยยังคงหมายจะขืนตัวหนี แต่ก็ทำได้ยากเพราะแรงเธอน้อยกว่าเขาหลายเท่าไม่นานนักน่านฟ้าก็สามารถทำให้คนในอ้อมกอดเคลิบเคลิ้มเตลิดไปกับรสจูบจนตัวอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งที่ถูกไฟรนไปได้ สองสามีภรรยาเปลือยเปล่าเนื้อแนบเนื้อหลังจากเล้าโลมกอดรัดกันได้พักใหญ่ทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่บนเตียงนุ่มอยู่ร่วมชั่วโมง หลังจากเสร็จสมแตะขอบสวรรค์ตามๆ กันไปได้ก็นอนกอดก่ายกันกลมไปจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่“แอบหอมแก้มเพลินเหรอคะ” เพลินฝันอมยิ้มเงยหน้ามองคนที่กำลังกดจมูกอยู่ที่พวงแก้มปลุกเธอในตอนเช้าเป็นน่านฟ้าที่สะดุ้งตกใจจนหน้าตาตื่น เมื่อคนตัวเล็กที่นอนทับอยู่บนแขนลืมตามาเห็นในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เห็น“เปล่า ผมเห็นคุณยังไม่ตื่นเลยจะพลิกตัวให้เฉยๆ” เขารีบลุกลี้ลุกลนเดินโทงๆ หน