“เออแล้วเรื่องที่แกโกงเงินเค้า คุณน่านว่ายังไง” ข้าวหอมอยากรู้ข้อนี้มากกว่า เพราะเงินที่เพลินฝันรับจากน่านฟ้าก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ก็ไม่เห็นว่ายังไง ไม่ได้ขอเงินคืนด้วยนะ” เพลินฝันพยายามคิดถึงคำพูดของชายหนุ่ม เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเรียกร้องเงินคืนจากเธอ เพียงแค่ต่อว่าเธอเรื่องที่หนีเขามาเท่านั้น
“ถามจริงอยู่กับคุณน่านเป็นครึ่งๆ ปี แถมทำกิจกรรมทำลูกกันอยู่ตลอดแกไม่หวั่นไหวกับเค้าบ้างเลยเหรอ”
ข้าวหอมถามจบ เพลินฝันก็เริ่มก้มหน้างุดไม่ยอมตอบอะไรคนที่ถาม
“อ่อ...พอจะเข้าใจแล้ว” ทอฝ้ายหันมามองหน้ากับข้าวหอมอย่างรู้กัน
“แกรักเค้าไปแล้ว กลัวว่าวันนึงจากกันต้องเจ็บ อย่างน้อยมีลูกมาเป็นตัวแทนความรักก็ยังดีใช่ไหม”
เพลินฝันยังคงเงียบไม่ได้ปริปากปฏิเสธอะไร เพราะมันก็จริงอย่างที่เพื่อนๆ ทั้งสองเข้าใจ
“เอาแบบนี้สิ ฉันรู้มาว่าคุณน่านยังไม่มีแฟน แล้วก็ไม่มีครอบครัว ยังไงแกก็เป็นแม่ของลูกเค้า ก็ทำให้เค้ารักแกไปเลย แกก็จะได้ทั้งหัวใจ แถมยัยหนูก็ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกด้วย” ข้าวหอมมั่นใจว่ายังไงน่านฟ้าก็ยังไม่มีแฟน เพราะถ้ามีนักข่าวอย่างเธอคงได้เขียนข่าวไปแล้ว
“เออ...ผู้ชายชาติตระกูลดีอย่างคุณน่านไม่ได้หาง่ายๆ นะเพลิน พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสไปเลย” ทอฝ้ายเห็นด้วยกับคำพูดของข้าวหอม
เพราะยังไงเพลินฝันก็รักน่านฟ้าจริงๆ แถมยังมีลูกด้วยกัน จะดีไม่น้อยถ้าน่านฟ้ารักเพลินฝันตอบ พลอยชมพูก็จะได้อยู่กับพ่อและแม่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวที่มีแต่ความรักความอบอุ่น
“คุณน่านเค้าน่าจะมีแฟนแล้ว ที่เค้ามาเจอฉันที่นี่ก็เพราะมาสั่งกุหลาบแดงช่อโตให้ใครก็ไม่รู้” เพลินฝันคิดว่าอะไรๆ คงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ก่อนจะชี้ไปที่ดอกไม้ช่อโตตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล
“เค้าบอกแกเหรอว่าสั่งให้แฟน” ทอฝ้ายมองไปยังช่อกุหลาบช่อใหญ่ที่ยังวางตั้งอยู่หน้าร้าน
เพลินฝันส่ายหัวเป็นคำตอบ
“งั้นก็อย่าคิดไปเอง”
“แต่เค้าไม่น่าจะชอบฉันหรอก เค้าคงเห็นฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินไปแล้ว” ข้อนี้เธอคิดในใจอยู่ตลอดเวลาที่หนีจากน่านฟ้ากลับมาที่ประเทศไทย
“จะยังไงก็ช่าง หรือแกอยากให้เค้ามีแฟนใหม่แล้วกลายมาเป็นแม่เลี้ยงยัยหนู แกคิดดูสิใครจะมารักลูกแกจริงๆ อย่างที่แกรัก ดีไม่ดีเค้ามีลูกกันใหม่ลูกแกอาจจะถูกแกล้งก็ได้ ไม่เห็นในละครเหรอ”
เพลินฝันเบิกตาจ้องหน้าข้าวหอมที่พูดเรื่องอนาคตในแง่ร้ายขึ้นมา
“เก็บกระเป๋า ฉันจะพาไปส่งที่บ้านคุณน่าน แล้วก็ต้องอยู่ที่นั่นให้ได้ด้วยเข้าใจไหม ผู้หญิงคนไหนมาเกาะแกะเค้าแกก็ใช้สิทธิ์การเป็นแม่ของลูกไล่ไปเลย” ทอฝ้ายลุกขึ้นพรวดก่อนจะดึงมือเพลินฝันให้ลุกตาม
“ใช่ แกอยู่กับเค้าค่อนข้างนานน่าจะรู้ว่าเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร พยายามเอาใจสิ่งที่เค้าชอบเยอะๆ มารยาหญิงใช้เข้าไป เดี๋ยวเค้าก็หลงแกเองนั่นแหละ” ข้าวหอมยกมือจับหัวไหล่ของเพลินฝันและจ้องหน้าเพื่อนเธอเขม็งราวกับสะกดจิตให้เพลินฝันเชื่อฟังในสิ่งที่เธอพูด
“เหรอ” คนที่ถูกเพื่อนทั้งสองยุในสิ่งที่ลำบากใจเริ่มทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ
“ไม่ต้องมัวเหรอ ไปเก็บของแกกับของยัยหนูเร็วเลย แล้วก็อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวดีๆ ทำหน้าให้มันสดใสด้วย คุณน่านเค้าจะได้อยากต้อนรับเข้าบ้าน” ข้าวหอมหมุนตัวเพลินฝัน เธอดันหลังเพื่อนให้ขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปเก็บของด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
เพลินฝัน พงษ์ศกาล หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวอมชมพูหุ่นนาฬิกาทรายใบหน้าหวานจิ้มลิ้มผมสีน้ำตาลยาวสลวยถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตขนตางอนยาวปากนิดจมูกหน่อย ดูรวมๆแล้วสาวเจ้าเสมือนตุ๊กตาเดินได้ หญิงสาวอายุ 25ย่างเข้า26
เป็นคนค่อนข้างโลกสวย เพราะก่อนหน้าถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม แต่หลังจากสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทรอย่างพ่อกับแม่ไป และต้องกลายมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอก็เริ่มเข้มแข็งและเผชิญโลกความจริงได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เดิมทีเพลินฝันเป็นลูกเจ้าของปั๊มน้ำมันหลายสาขาในกรุงเทพมหานครและตามต่างจังหวัด ชีวิตของเธอสุขสบายมาโดยตลอด จนหลังเรียนจบยังไม่ทันได้เข้าช่วยกิจการของพ่อกับแม่ ทั้งสองก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียไปเสียก่อน หลังจากนั้นเธอก็มารู้ว่าพ่อกับแม่ของเธอได้ขายกิจการให้กับครอบครัวของเพื่อนไปแล้ว สรุปว่าตอนนั้นเธอเหลือแต่ตัวญาติที่ไหนก็ไม่มีให้พึ่ง
ชีวิตของเธอเคว้งคว้างไปหมดจึงได้ไปนั่งร้องห่มร้องให้อยู่ที่สวนสาธารณะ แล้วจู่ๆ อินทัชก็ได้เข้ามาหาเธอและยื่นข้อเสนอที่มีมูลค่าหลายล้านบาท เธอตอบตกลงโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเพราะชีวิตของเธอจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ใครจะไปคิดว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้เธอต้องมาเป็นทุกข์อยู่ในตอนนี้
น่านฟ้ากลับมาถึงก็เอาแต่ยืนมองเจ้าตัวกลมที่นอนหลับอุตุ ยิ่งมองก็รู้สึกว่าเจ้าแก้มย้วยดึงดูดสายตาของเขาเหลือเกิน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป เพราะถอดใจในการจะได้เป็นพ่อคนมานานมากแล้ว
เพิ่งจะได้รับรู้ความรู้สึกของคนเป็นพ่อคนก็ตอนนี้นี่เอง ทั้งดีใจแปลกใจปนสับสนความรู้สึก ที่จู่ๆ ก็เจอผลผลิตที่เหมือนกับตัวเองอย่างกับแกะแต่คนละเพศเท่านั้น ตอนนี้เจ้าตัวกลมคือคนแปลกหน้าที่เขารู้สึกผูกพันธ์ละสามารถมอบความรักให้ได้อย่างง่ายดาย
นึกแล้วก็เคืองใจเพลินฝันที่ได้ชื่นชมความน่ารักของลูกอยู่คนเดียว หากวันนี้เขาไม่ได้มีธุระจะต้องเข้าไปในร้านดอกไม้ร้านนั้นเขาจะได้รับรู้หรือไม่ว่าตัวเองได้เป็นพ่อคนแล้ว
น่านฟ้า คิรินก้องสกุล ชายหนุ่มวัย31 หน้าตาหล่อเหลานัยน์ตามีเสน่ห์ รูปร่างบึกบึนสูงเกือบสองเมตร ตัดผมรองทรงสูงคิ้วเข้มหน้าคมจมูกโด่งเป็นสันปากหนาอมชมพูมีไรหนวดเคราเล็กน้อยตามวัย เขาเพิ่งจะได้ขึ้นบริหารบริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศเมื่อไม่นานมานี้
คราแรกอยากจะทำธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรมที่พัก แต่ที่ดินที่เขาจะสร้างธุรกิจดันหลุดมือไปเพราะเพลินฝันที่ทำผิดสัญญากับเขา
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว ย่าของเขาได้เสียลงด้วยโรคชราและได้ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้พ่อและลุงของเขาอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนของหลานๆ อย่างเขากับน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องอีกคนได้ที่ดินคนละหนึ่งพันไร่ แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งงานและมีลูกภายในหนึ่งปี ไม่เช่นนั้นที่ดินที่พวกเขาจะได้จะถูกยกให้กับองค์กรการกุศล
ตอนนั้นเขาก็มีคนที่ถูกใจแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีใจให้เขา ด้วยความที่อยากได้ที่ดินเป็นพันไร่เพื่อมาทำธุรกิจแต่ยังหาแฟนไม่ได้ เขาเลยปรึกษากันอย่างลับๆ กับอินทัชว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าต้องหาผู้หญิงมาแกล้งเป็นภรรยาและมีลูกให้ทันเวลาภายในหนึ่งปี และหน้าที่หาผู้หญิงคนนั้นก็เป็นหน้าที่ของอินทัช หลังจากเพลินฝันตกลงรับงานได้เขาก็เตรียมตัวไปอยู่ต่างประเทศในขณะที่เหลือเวลาที่จะต้องมีลูกและครอบครัวเพียงแค่หกเดือนกว่าๆ
ในระหว่างที่อยู่ที่นั่นเขาพยายามทำทุกอย่างให้เพลินฝันท้อ งแต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะท้อง เขาอยู่กับหญิงสาวมาห้าเดือนกว่าสุดท้ายแล้วเธอก็หนีเขาไปพร้อมเงินก้อนโตที่เขาโอนให้เธอเป็นก้อนแรก
หลังจากนั้นเขาก็พอจะรู้ชะตากรรมแล้วว่าจะต้องเสียที่ดินหนึ่งพันไร่ไปแน่นอน แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากนั้นก็ไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนไหน หรือคิดจะมีครอบครัว เพราะไม่อยากเสียทั้งเงินเสียทั้งความรู้สึกให้กับใครอีก
น่านฟ้าเดินมทอดน่องลงบันไดมาจากห้องนอนหลังจากเนื้อนวลขึ้นไปบอกที่ห้องนอนว่าหญิงสาวที่เห็นเมื่อหัวค่ำมาหา เขามองจ้องหญิงสาวที่แบกเป้ใบใหญ่กว่าตัวพร้อมทั้งตะกร้าสีครีมมีฝาปิดไม่วางตา เช่นเดียวกับหญิงสาวที่จ้องเขาไม่ละสายตาเช่นกัน
“หอบข้าวของมาทำอะไรที่นี่” เขาเดินเข้ามายืนประจันหน้าหญิงสาวก่อนจะใช้สายตากรอกมองสำรวจสิ่งที่หญิงสาวหอบมาให้ละเอียดอีกรอบ
“คุณน่านไม่ยอมคืนลูกให้เพลิน เพลินก็จะมาอยู่กับลูกที่นี่ค่ะ คุณน่านไม่ได้ห้ามให้เพลินมาที่นี่นี่คะ” เสียงของหญิงสาวยังมีปนสะอื้นอยู่บ้าง แต่เธอก็พูดด้วยความฉะฉาน ด้วยตั้งใจแน่วแน่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยให้ลูกห่างอกเธอเด็ดขาดน่านฟ้ายังคงเอาแต่เงียบมองจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม ตอนนี้เพลินฝันเริ่มเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก ว่าเขาจะยอมให้เธออยู่หรือจะไล่กลับไปกันแน่“ถ้าคิดจะอยู่บ้านของผม คุณต้องเชื่อฟังแล้วก็ตามใจผมทุกอย่าง อ่อ...ถ้าคุณจะเจอแฟนคุณ กรุณาไปเจอกันข้างนอกไม่ต้องมาที่นี่”หลังสิ้นเสียงทุ้มนุ่มลึกอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ เพลินฝันก็เริ่มใจชื้นหายประหม่าไปได้บ้าง“เพลินไม่เคยมีใครค่ะ ตอนนี้ขอแค่เพลินได้อยู่กับลูก คุณน่านจะให้เพลินทำอะไรก็ได้ค่ะ ยัยหนูอยู่ไหนคะ เพลินต้องเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก แล้วก็ต้องปลุกมากินนมด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นแกจะงอแงตอนกลางดึก” ว่าจบก็ชะเง้อพลางมองซ้ายมองขวาหาลูกสาวตัวกลมน่านฟ้าดึงเป้ใบใหญ่จากหลังของหญิงสาวมาสะพายไว้ที่ไหล่ซ้าย ก่อนจะเดินก้าวเท้ายาวๆ นำหน้าหญิงสาวขึ้นบันไดโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร ภาพนั้นทำเพลินฝันบุ้ยปากตามหลังคนตัวโต รู้สึกไม่ชอบนิสัยที่เขานั้นประหยัดถ
“เพลินไม่นอนห้องนี้นะคะ” คนที่ถูกวางลงบนเตียงกว้างหมายจะรีบดีดตัวลุก แต่ก็ถูกคนตัวโตคร่อมขึงตัวของเธอเอาไว้“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้นอนกับลูก แต่ให้เสร็จธุระที่ผมจะทำกับคุณก่อนได้ไหม” น่านฟ้าทางทับคนตัวเล็กไม่เต็มแรง เขาก้มก่ายกระซิบเสียงนุ่มละมุน ทั้งพ่นไออุ่นจากลมหายใจลงลำคอระหงส์ จนเพลินฝันเริ่มขนลุกขนชันนอนตัวเกร็ง เพราะพอจะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรจากตัวของเธอเขาเงยหน้าจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มห่างเพียงไม่ถึงคืบ ดวงตาคมไล่ลองช้าๆ บนใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะใช้นิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มนวลเบามือ “คิดว่าผมจะปล่อยให้คุณอยู่ที่บ้านนี้ฟรีๆ โดยไม่คิดค่าอะไรจากตัวคุณเลยหรือไง จะยอมผมไหม”เพลินฝันเริ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขณะที่คนตัวโตกำลังรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ พร้อมกับเริ่มสอดส่ายมือหนาเข้าไปที่ใต้เสื้อยืดตัวบางจนเพลินฝันต้องจับมือของเขาเอาไว้เธอจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาคิดถึงปนโหยหาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดปากพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจ“ที่เพลินยอมเพราะ..พะ..”ไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้พูดความในใจที่ยังไม่เคยได้พูดให้เขาฟังจบ ริมฝีปากบางก็ถูกกอบกุมบดจูบกลืนเสียงไปเรียบร้อ
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” เพลินฝันว่าจะเอ่ยถามน่านฟ้าตั้งแต่ตอนตื่นมาแล้ว แต่ก็เพิ่งจะได้มีโอกาส“ผมจะอยู่สร้างความคุ้นเคยกับลูกก่อน เรื่องข้าวของเครื่องใช้ของคุณกับลูกขาดเหลืออะไรก็รีบบอก ผมจะให้คนจัดการให้” เขามองไปยังเจ้าก้อนกลมที่กำลังคลานเล่นอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข“ขอบคุณค่ะ”“ตกลงยัยหนูอายุกี่เดือนแล้ว แกเกิดวันอะไรเกิดที่ไหนเล่ารายละเอียดมาให้ผมฟังให้หมดเลย”“ยัยหนูเกิดวันเสาร์ที่...” เพลินฝันเล่าทุกอย่างที่น่านฟ้าอยากรู้เกี่ยวกับลูกพักใหญ่ ทั้งเปิดรูปของยัยหนูพลอยชมพูตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันให้ชายหนุ่มได้ดู คนเป็นพ่อเห็นแล้วก็รู้สึกตื้นตันจนน้ำตารื้น จะดีไม่น้อยหากเขาได้อยู่กับลูกทุกเวลาที่ลูกน้อยมีการเจริญเติบโต“ถ้าผมได้อยู่กับยัยหนูตั้งแต่แรกเกิดก็คงจะดีสินะ”“เพลินขอโทษจริงๆ ค่ะ”“อืม ตอนนี้มันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วนี่” เขาเปรยน้ำเสียงขุ่น ส่วนเพลินขวัญก็ได้แต่ก้มหน้างุดเพราะรู้อยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองมีความผิด“คุณไม่มีพ่อแม่ แล้วตอนที่ท้องอยู่ยังไง”“เพลินโชคดีที่มีเพื่อนๆ ดีค่ะ ทั้งข้าวหอมแล้วก็ทอฝ้ายแวะเวียนมาดูแลเพลินตลอด อีกอย่างเพลินก็มีเง
“นั่นเป็นความต้องการของคุณแม่ พี่ไม่ได้อยากหมั้นกับไอรินสักนิด พี่รักเพลิน”“เพลินรักพี่ธันแบบพี่ชายมาโดยตลอดนะคะ คนที่เพลินรักคือพ่อของยัยหนู” ในเมื่อเขาตรงไปตรวมากับเธอ หญิงสาวก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะพูดจาตรงไปตรวงมากลับเช่นเดียวกัน“พี่ไม่เชื่อว่าเพลินรักเค้า ไหนเพลินบอกว่าเลิกกับพ่อยัยหนูไปนานแล้วไง” ครั้งนี้ธันวาเหมือนคนไม่ได้สติ เข้าโผเข้าไปกอดเพลินฝันเอาไว้แน่น โดยที่ไม่สนว่าสถานที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่หน้าบ้านของสามีหญิงสาว หรือกลัวว่าใครที่ผ่านไปผ่านมาจะเห็น“พี่ธันปล่อยค่ะ” เพลินฝันยังไม่ทันได้ยกมือผลักธันวาออก ตัวของเธอก็ลอยหลุดจากอ้อมกอดของธันวาด้วยฝีมือของน่านฟ้าแล้ว“หน้าไม่อาย! อย่ามายุ่งกับเมียกู” น่านฟ้ายกมือชี้หน้าชายหนุ่มที่ไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยท่าทีฉุนเฉียวไม่คิดเกรงใจ เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะทำอะไรไม่เกรงใจบริเวณบ้านของเขาก่อน“แกทิ้งเพลินไปตั้งนานกลับมาทำไม”“ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพล่าม” น่านฟ้ากำลังจะก้าวเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายแต่ถูกเพลินฝันมาขวางเอาไว้ก่อน“พี่ธันกลับไปเถอะนะคะ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรให้วุ่นวายกว่านี้เลย” หญิงสาวรีบไล่ธันวากลับไปเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มทั้งส
“ดึกแล้ว ทำไมยัยหนูยังไม่นอน”เพลินฝันถูกตั้งคำถามเช่นนี้เธอก็ต้องถอนหายใจอ่อน มองไปยังคนตัวโตในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีดำสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับด้วยสายตาเหนื่อยล้า“เพลินกล่อมแล้วแต่ยัยหนูไม่ยอมนอนค่ะ” เธอเองก็ยังไม่เข้าใจพฤติกรรมของลูกเธอเหมือนกัน ไม่งอแงเมื่อผิดเวลานอน แต่ยังคงเล่นได้ตาแป๋วไม่มีท่าทีว่าจะง่วง“ป่ะ... ป้ะ” เด็กหญิงเห็นหน้าคนเป็นพ่อได้ก็ส่งเสียงเรียกพร้อมยิ้มหวานโชว์ฟันซี่น้อยๆ ทั้งชูแขนเป็นปล้องหมายจะให้คนเป็นพ่อได้อุ้ม“ว่าไงคะ ปะป๊าไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะมาเล่นด้วยนะคะ” น่านฟ้าอยากจะเข้าไปอุ้มลูกในตอนนี้แต่ก็ต้องชั่งใจเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก“แอ้...” เสียงใสคราแรกเริ่มส่งเสียงแข็งขึ้น รอยยิ้มกว้างที่มีให้คนเป็นพ่อคราแรกก็เริ่มจางหาย เปลี่ยนเป็นมองด้วยสายตาแกมดุแทน “คุณน่านถอดเสื้อคลุมออกแล้วอุ้มยัยหนูสักเดี๋ยวก็ได้ค่ะ”“อืม”เพลินฝันอุ้มลูกส่งให้น่านฟ้าหลังจากที่เขาถอดเสื้อคลุมพาดไว้กับพนักพิงเก้าอี้ พอจะรู้แล้วว่าเจ้าตัวกลมทำไมไม่ยอมนอน หากเดาไม่ผิดคงจะรอคนเป็นพ่อมานอนพร้อมกันแน่“เพลินว่ายัยหนูน่าจะรอคุณน่านกลับมานะคะ” เพลินฝันยกมือลูบหัวลูกน้อยที่
“ตกลงคุณน่านเค้าคบกับคุณโมนาจริงเหรอ แกได้ถามเค้าหรือยัง” ทอฝ้ายเริ่มเปิดประเด็นถามเมื่อเห็นว่าเพลินฝันกับข้าวหอมเข้ามานั่งล้อมวงกันดีแล้ว จากที่เห็นข่าวตั้งแต่เมื่อเช้าเธอก็รู้สึกไม่สบายใจแทนเพลินฝันเอามากๆ เพราะหากน่านฟ้าคบกับโมนาจริงคราวนี้หลานเธอได้มีแม่เลี้ยงแน่“ถามแล้วเค้าก็ไม่ตอบอะไรให้ฉันรู้เลยว่าสถานะของพวกเค้าเป็นแบบไหน จนฉันต้องมานั่งทุกข์ใจอยู่แบบนี้” เมื่อถูกถามเรื่องนี้จึ้นเพลินฝันก็เริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นมาดื้อๆ เพราะในใจนั้นทุกข์ไม่รู้จะทุกข์ยังไงแล้ว“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ข้าวหอมเริ่มไม่ค่อยมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อแล้วว่าน่านฟ้าไม่ได้คบกับใคร“ไม่ตอบก็แสดงว่าทุกอย่างเป็นแค่ข่าว อย่าเพิ่งอมทุกข์แล้วก็ไปงี่เง่าใส่คุณน่านล่ะ เดี๋ยวเค้าจะรำคาญแกซะก่อน”“จะพยายาม” เพลินฝันตอบทอฝ้ายเสียงอ่อนอีกรอบ เพราะเธอดันเผลอทำเรื่องงี่เง่าไปแล้วเมื่อวาน แต่พอมาถึงวันนี้ยังพอสงบอารมณ์ได้หน่อย“เอาแบบนี้สิข้าว แกก็ทำข่าวเรื่องของเพลินกับคุณน่านมีลูกด้วยกันไปเลยสิ” ทอฝ้ายเสนอไอเดียที่ผุดขึ้นมาในหัวกับข้าวหอม“เออ...ใช่” ข้าวหอมเบิกตาโพลงเห็นด้วยกับไอเดียของทอฝ้าย“ไม่ดีมั้ง” ดู
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณกาย” จบมื้ออาหารเย็นเรียบร้อยโมนาก็เดินออกมาส่งอินทัชที่รถ หญิงสาวเริ่มมีสีหน้าระรื่นเพราะพอจะดูออกว่าแม่ของเธอดูจะพอใจในตัวของอินทัชพอสมควรหลังจากนี้เอจะได้ใม่ต้องถูกบังคับให้ไปออกเดทกับใครต่อใครเสียที หลังจากอกหักจากแฟนจอมเจ้าชู้เธอก็อยากพักหัวใจไม่อยากคบหากับใครสักพัก ถ้าแม่เธอไม่คิดจะรีบหาคู่ให้เธอก็คงไม่ต้องมาลำบากอินทัชแบบนี้แน่“ครับ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกประหม่าพอสมควร เพราะไม่รู้ว่าแม่คุณพอใจในตัวผมแค่ไหน”“เท่าที่เห็นก็น่าจะพอใจอยู่นะคะ”“เหรอครับ รู้แบบนี้ค่อยโล่งอก อย่างงั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ” อินทัชพอจะเปรยยิ้มโล่งอกเมื่อรู้ว่าตนก็เป็นที่น่าพอใจในสายตาแม่ของหญิงสาว หากครั้งหน้าต้องเจอกันอีกจะได้ไม่รู้สึกกร็งมากนัก“กายเค้าก็ดูสุขุมดีนะ ฉันโอเค เธอน่าจะรู้จักกายมากกว่าฉัน คิดว่ากายเหมาะกับยัยโมไหมล่ะ” เมทินีเริ่มกระซิบกระซาบกับปรียาภาหลังจากที่ลูกสาวเดินออกไปส่งอินทัช“อืม กายทำงานเก่งมาก แล้วก็เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าเธอไม่รังเกียจเรื่องฐานะของกายที่ไม่ได้มีเท่าเธอ ฉันก็คิดว่า ว่าที่ลูกเขยคนนี้ของแกก็โอเคนะ อนาคตหากตบแต่งกับโมนาเค้าก็น่าจ
คนที่ชอบประหยัดถ้อยประหยัดคำพูด ไม่คิดตอบว่าตนส่งตัวอย่างผมและเล็บของลูกเขาให้เพื่อนที่เป็นหมอตรวจตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงแรกที่อุ้มลูกเข้ามาในบ้านแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจว่าเจ้าตัวกลมเป็นลูกของเขา แต่ต้องทำเพื่อมีหลักฐานในการทำเอกสารรับรองต่างๆ และเอาไว้ยืนยันกับครอบครัวที่ยังไม่รู้เรื่องที่เขามีลูกด้วย“จะตอบได้หรือยังคะ ว่าทำไมถึงอยากจดทะเบียนสมรสกับเพลิน” เพลินฝันถามคำถามกับชายหนุ่มอีกครั้ง ขณะนั่งรถกลับบ้านหลังจากเสร็จธุระที่เขต เห็นจะเป็นรอบที่สามแล้วที่เธอถามคำถามเดิมๆ กับเขา เพราะชายหนุ่มยังไม่ยอมให้คำตอบกับเธอเสียที“ผมกำลังขับรถอยู่ไม่เห็นหรือไง อีกอย่างยัยหนูก็กำลังหลับผมไม่อยากคุยส่งเสียงรบกวนการนอนของลูก”“ค่ะ” เพลินฝันยอมนั่งเงียบๆ แต่โดยดี ลงได้น่านฟ้าเริ่มหาเหตุผลประกอบไม่เว้นแม่กระทั่งลูกสาวตัวกลมที่หลับอยู่ในคาร์ซีท แสดงว่าเขาคงไม่สะดวกที่จะตอบคำถามเธอแน่นอน ให้เธอรู้ได้เลยว่าไม่ต้องถามคำถามนี้กับเขาอีกต่อไปเพราะยังไงก็จะไม่ได้คำตอบอยู่ดี แต่วันนี้เธอก็คลายกังวลไปได้หนึ่งเรื่องว่าเขาไม่ได้ต้องการจะพาใครเข้ามาในชีวิตนอกจากเธอ“สวัสดีค่ะ”ทั้งเพลินฝันและน่านฟ้าที่กำลังอุ้มเ
“คุณบอกว่ามีอะไรก็ต้องพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ค่ะ”“ผมอยากมีลูกเยอะๆ บ้านเราจะได้ครึกครื้น คุณนึกไปถึงตอนที่ลูกๆ เราช่วยกันบริอหารกิจการของเราสิ ทุกคนจะมีพี่น้องให้ปรึกษาหารือกัน อีกอย่างวันรวมญาติ บ้านเราก็จะมีทั้งลูกเขยลูกสะใภ้แล้วก็หลานๆ มาคอยวิ่งเล่นให้มองเพลินตาด้วย”“โห...พูดมาขนาดนี้” เพลินฝันยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นที่น่านฟ้าคิดเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอเริ่มเอ็นดูสามีของเธอเสียแล้ว“ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ”“ก็ได้ค่ะ”พอเพลินฝันตกลงยอมที่จะมีลูกได้น่านฟ้าก็เริ่มปฏิบัติการทำลูกในทันที การพาภรรยาตัวเล็กมาอยู่ในบรรยากาศหนาวๆ เย็นๆ แล้วให้ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อกันสองต่อสองเป็นอะไรที่สามารถเรียกลูกให้มาได้ไวเสียเหลือเกินเพราะหลังกลับจากเที่ยวด้วยกันไม่นาน เพลินฝันก็ได้ตั้งท้องขึ้นมา แถมท้องครั้งเดียวยังได้ลูกแฝดเสียด้วย คราวนี้ก็สมใจคนเป็นพ่อที่อยากจะได้ลูกอีกสักสองคน“ของพี่นะ พรีมจะมาแย่งไม่ได้” พลอยชมพูนั่งหน้ามุ่ยเมื่อน้องชายวัยสี่ขวบกว่าแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกไปจากมือ“แต่พรีมอยากเล่น”น่านฟ้าวางลูกแฝดคนเล็กลงเปลก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาลูกๆ ทั้งสองที่กำลังเริ่มจะทะเลาะกัน“แบ่งกันเล่นนะครับลู
น่านฟ้าเดินเข้ามาใกล้ภรรยาและโอบกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ “แต่งงานกับผมนะครับ”“แต่งค่ะ” เพลินฝันน้ำตาคลอตอบโดยไม่ต้องคิด ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่กับเขาจนมีลูกคนที่สองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกประทับใจกับการที่ชายหนุ่มมาขอเธอแต่งงาน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจำเรื่องที่เธอเคยพูดเมื่อครั้งที่เริ่มตั้งท้องลูกคนที่สองได้ ว่าเธอฝันอยากจะถูกขอแต่งงานที่ริมทะเล“หม่าม๊ายอมแต่งงานกับป่ะป๊าแล้วยัยหนูต้องทำไงครับ”“ห้าย...แหยน มาม่ะ” เด็กหญิงส่งแหวนเพชรเม็ดโตที่กำอยู่ในมือแบตรงหน้าคนเป็นแม่“ขอบคุณนะคะ” ฟอด เพลินฝันยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือรับแหวนมาจากลูกสาวก่อนจะกดจมูกหอมไปที่แก้มย้วยๆ ของยัยหนูพลอยชมพูฟอดใหญ่“ผมใส่ให้นะครับ”“ค่ะ”คนเป็นภรรยายื่นมือซ้ายให้น่านฟ้าก็ดึงแหวนวงเก่าออกจากนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะสวมแหวนวงใหม่ที่เพชรเม็ดใหญ่กว่าเดิมไปแทนที่ หลังจากนั้นสามพ่อแม่ลูกก็ยืนกอดกันกลมพักใหญ่ จนสองสามีภรรยาอย่างโมนาและอินทัชอดน้ำตาคลอกับภาพที่ประทับใจนี้ไปไม่ได้คืนวันของความสุขได้ผ่านไปร่วมปี จนตอนนี้ยัยหนูพลอยชมพูได้สองขวบกว่าส่วนลูกชายคนเล็กของเพลินฝันอายุได้7เดือน ส่วนมากเด็กๆ ก็จะอยู่บ้านปู่กับย่าเป
“กว่าจะพูดคำว่ารักออกมาได้ เล่นซะทุกคนเหนื่อยกันหมดเลยนะคะ” เพลินฝันยืนยิ้มร่า เอ่ยหยอกชายหนุ่มที่กำลังมีสีหน้าตกใจอย่างขบขัน“อื้อ...” น่านฟ้าพุ่งตัวเข้าไปรวบเอวบางและจูบปิดปากคนตัวเล็ก เขาขยับริมฝีปากไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพลินฝันเริ่มตัวอ่อนปวกเปียกคนที่ยืนให้กำลังใจทั้งคู่อยู่ที่ริมชายหาดต่างก็ก้มหน้าไม่มองภาพนั้นและรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนทั้งสองได้แสดงความคิดถึงกันให้เต็มที่ในยามที่บรรยากาศกำลังโรแมนติกได้ของรักของหวงคืนมาได้น่านฟ้าก้เอาแต่นอนกกคนตัวเล็กไม่ให้ห่างอกอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมหรูริมทะเล“จะนอนกอดเพลินอีกนานแค่ไหนคะ เพลินอยากไปหายัยหนู” เพลินฝันอยากจะกอดหอมลูกน้อยของเธอบ้างหลังจากไม่เจอกันหลายวัน แต่พ่อของลูกก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเสียที“คุณแม่พายัยหนูไปพักที่โรงแรมอื่นแล้ว ให้เราอยู่สวีททำลูกคนใหม่กันที่นี่” เขายกมือถือโชว์ข้อความที่แม่ของตนส่งมาให้เมื่อครู่“ไม่เห็นคุณแม่บอกเพลินก่อนเลยคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มห่อเหี่ยว“ขอเพลินไปหาลูกก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาให้นอนกอดเต็มที่เลยค่ะ”“บอกก่อนว่าทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้ ผมใจจะขาดรู้บ้างหรือเปล่า”“ก็ให้ขาดไปเ
“ผมยังไม่ได้บอกรักคุณสักคำเลยเพลิน ทำไมไม่อยู่รอคำว่ารักจากผมก่อนครับ” เป็นอีกวันที่น่านฟ้าเอาแต่นอนกอดขวดน้ำเมาทิ้งตัวอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่สนใจการงาน แม้กระทั่งข้าวปลาก็ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นมาแตะ จนหน้าตาโทรมดำคล้ำตัวมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล“ท่าทางคุณน่านจะไม่อยากรับรู้อะไรเลยนะคะ คงจะรักคุณเพลินมากๆ” โมนาที่ยืนมองสภาพของน่านฟ้าอยู่ห่างๆ กับอินทัชเธออดที่จะหดหู่ใจกับภาพที่เห็นไม่ได้“ครับ” อินทัชมีสีหน้าหดหู่ไม่ต่างจากโมนา เห็นทีเอกสารที่แบกเอามาให้น่านฟ้าดูวันนี้คงจะต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมครึ่งเดือนที่น่านฟ้าไม่เป็นอันกินอันนอนทุกวินาทีของหัวใจที่เต้นมีแต่เสียงร้องเรียกหาหญิงสาวที่เคยเอ่ยบอกว่ารักเขาไม่เว้นวัน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะบอกรักเธอตอบโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องใดในอดีตทั้งนั้น“กลับมาให้ผมบอกรักคุณได้ไหมเพลิน” เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าจอมือถือ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ที่เสียใจไปกว่านั้นคือตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะได้พูดคุยดีๆ กับเธอเท่าไหร่นัก“ปะ...ป้ะ”น่านฟ้าวางมือถือที่กำลังที่หน้าจอกำลังโชว์หลารูปภรรยาตัวเล็ก ก่อนจะลุกจากโซฟ
หลังจากที่คุยกันไม่เข้าใจจนโมนาเลือกที่จะจู่โจมจูบอินทัช ทั้งคู่ก็ได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกมาและแล้วก็มาสานสัมพันธ์กันที่คอนโดของชายหนุ่ม หน้าที่ส่งแขกเหรื่อกลับบ้านตอนนี้ก็เป็นของเจ้าของบ้านอย่างเมทินี“ห้ามดูถูกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับโมอีก เข้าใจไหมคะ” โมนานอนซบแผงอกอุ่นของอินทัช ตอนนี้เธอและชายหนุ่มเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยกันทั้งคู่“ถ้าพูดอีกล่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแกมหยอกพร้อมกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นโมนาขบริมฝีปากล่างของอินทัชเบาๆ “ก็จะถูกกัดปากแบบนี้”“ทำไมเลือกให้ผมเป็นคนแรกของคุณโมล่ะครับ”“ถึงโมจะรู้จักกับคุณไม่นาน โมก็รู้ว่าคุณคือคนที่จะดูแลโมได้ไปตลอดชีวิต”“ผมรับปากครับ ว่าจะดูแลคุณโมให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกผูชายอย่างผมจะทำได้” เอ่ยจบก็พลิกตัวคร่อมคนตัวเล็กและเริ่มต้นกระชับสัมพันธ์ด้วยบทสวาทอันแสนนุ่มนวลกับเธออีกครั้ง“กายเค้าไม่เหลือใครเป็นญาติผู้ใหญ่ เหลือแค่ตัวคนเดียวทางปิ่นกับคุณพลเลยต้องมาเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าวมาสู่ขอหนูโมค่ะ ทางพี่นิดเกริ่นเรื่องค่าน้ำนมมาได้เลยนะคะ” ปิ่นมณีเกริ่นเป็นพิธีเมื่อต้องเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอโมนาให้กับอินทัชที่บ้านของเมทินี“ถึงพ
“นี่...นึกไงไปเอาพนักงานบริษัทเป็นแฟน ดูเค้าสิ ท่าจะบริการคนอื่นจนเคยชิน ทำตัวเป็นเด็กเสริฟแทบจะตลอดทั้งงานแล้วมั้ง” เอเลน่าสาวไฮโซลูกครึ่งเข้ามาพูดกับโมนาด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ไม่คิดเกรงใจเจ้าของวันเกิด เพราะหมั่นไส้ตั้งแต่โมนาเลือกที่จะคบแค่พนักงานบริษัทและปฏิเสธที่จะเดทกับพี่ชายของเธอ“เค้าจะทำงานอะไรก็เป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหละ คบกับคุณกายสบายใจกว่าคบพวกนักธุรกิจลูกไฮโซเยอะเลย”“ฉันคิดแบบแกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นฉันก็จะคบแต่คนระดับเดียวกันเท่านั้น” หญิงสาวคิดว่าโมนาจะคล้อยตามบ้าง แต่เปล่าเลยเธอกลับปกป้องแฟนหนุ่มสุดชีวิต เอเลน่าจึงรีบเดินออกไปเพราะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของโมนาได้จริงๆ“เพื่อนเหรอคะ” เพลินฝันกระซิบถามโมนาหลังจากสาวสวยหน้าลูกครึ่งเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว“ในวงสังคมน่ะค่ะ จะไม่เชิญก็ไม่ได้เป็นลูกสาวเพื่อนคุณแม่”“คุณกาย” เพลินฝันหน้าชาวาบเพราะสายตาพลันไปเห็นว่าอินทัชยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและสายตายังคงจับจ้องมายังเธอและโมนาไม่วาง เดาได้เลยว่าเมื่อครู่เขาคงได้ยนคำพูดของสาวสวยหน้าลูกครึ่งคนเมื่อครู่แน่อินทัชได้ยินทุกประโยคที่เอเลน่าพูดกับโมนา อินทัชรีบฉีกยิ้มแสดงท่าทางร่าเริ่ง
“ไม่บอกค่ะ” คนถูกถามไม่ยอมหันไปตอบได้แต่นั่งอมยิ้มมองจดจ่ออยู่กับงานในมือ“อย่ากวนประสาทผมได้ไหม” ชายหนุ่มเริ่มมีน้ำเสียงขุ่น“ทีเพลินถามอะไรคุณน่านยังไม่คิดจะบอกเพลินเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเพลินจะไม่บอกว่าพูดจริงพูดเล่น” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันหน้าน้อยๆ มาพูดจนจบประโยคแล้วจึงหันกลับไปจดจ่อกับผ้าที่กำลังพับ น่านฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ไหร่นักเพลินฝันพยายามกลั้นเสียงขบขันอยู่คนเดียว เห็นทีวิธีเอาคืนนิสัยเสียๆ ของน่านฟ้าที่ปิ่นมณีแนะนำเธอจะได้ผล หากเขาเป็นคนที่ไม่ชอบตอบคำถาม เธอก็แค่ไม่ตอบคำถามเขาบ้าง ชายหนุ่มจะได้รู้ว่าคนที่กำลังสงสัยอะไรแล้วไม่ได้คำตอบมันทุกข์ใจขนาดไหนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมเดือนกว่าที่น่านฟ้าและเพลินฝันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่พ่อได้ดีมาตลอด ทั้งดูแลเพลินฝันตามสมควรได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพลินฝันมีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาแล้วเจอหน้าลูกกับสามี จะดีไม่น้อยหากตอนนี้น่านฟ้ายอมปริปากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเป็นอีกคืนที่เพลินฝันนอนเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของน่านฟ้า เธอรอคอยคำว่ารักจากปากของเขาทุกวันแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยิน จนแอบคิดว่าหร
“ลูกพี่ลูกน้องผม เค้าจะมาที่นี่กับภรรยาแล้วก็ลูกแฝด”“มีอะไรที่ต้องห้ามพูดไหมคะ”“เรื่องข้อตกลงที่เราเคยทำด้วยกันห้ามให้ครอบครัวของผมรู้ แล้วก็ทำตัวให้เหมือนว่าเราเป็นสามีภรรยาที่เคยรักกันแล้วก็กลับมาดีกันด้วย”“ค่ะ ไม่ได้ยากเลยค่ะ” พูดพร้อมเปรยยิ้มร่า เรื่องที่เขากำชับประโยคท้ายๆ เธอทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจเลยพูดธุระจบน่านฟ้าก็ชะเง้อหน้ามองเจ้าตัวกลมในเปลครู่หนึ่งก่อนจะเดินวางมาดเข้มออกไป“นี่น่ะเหรอไม่ได้วางมาด” หญิงสาวพึมพำตามหลังคนตัวโตเสียงอ่อน นึกถึงคำพูดของเนื้อนวลที่บอกว่า ‘อย่างน่านฟ้าไม่ได้เรียกว่าวางมาด’ เธอล่ะอยากให้เนื้อนวลเห็นทุกการกระทำของเขาที่ทำกับเธอจริงๆ แล้วจะรู้ว่าที่เธอเห็นว่าน่านฟ้าชอบวางมาดมันไม่ผิดไปอย่างที่เธอพูดเลยเหนือตะวันพาเพลงขวัญและเจ้าแฝดวัยห้าขวบกว่ามารู้จักกับเพลินฝันและยัยหนูพลอยชมพูตั้งแต่ก่อนเที่ยง ดูท่าเด็กชายทั้งสองท่าจะปลื้มน้องสาวแก้มย้วยกันน่าดูเพราะตั้งแต่รับประทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยเจ้าสองแสบก็นั่งเฝ้าน้องสาวแก้มย้วยไม่ห่าง“น้องพลอย” ฟอด ปุริมภัทรไม่ค่อยจะยอมปล่อยเจ้าก้อนกลมง่ายๆ มีจังหวะไหนน้องหยุดคลานแล้วนั่งเล่นของเล่นเมื่อไหร่เป็นอัน
คนตัวโตเอาแต่จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยมเงียบๆ ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบดจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง เพราะไม่ได้คิดที่จะให้คำตอบเป็นภาษาพูด สองมือหนาขึงข้อมือเรียวกับเตียงนุ่มไม่ให้ยกขึ้นมาผลักใบหน้าของเขาได้อีกน่านฟ้าเริ่มร่ายลีลาจูบที่เร่าร้อนขึ้นกว่าเดิมภายในเวลาไม่กี่วินาที คนตัวเล็กยังไม่คลายสงสัยยังคงหมายจะขืนตัวหนี แต่ก็ทำได้ยากเพราะแรงเธอน้อยกว่าเขาหลายเท่าไม่นานนักน่านฟ้าก็สามารถทำให้คนในอ้อมกอดเคลิบเคลิ้มเตลิดไปกับรสจูบจนตัวอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งที่ถูกไฟรนไปได้ สองสามีภรรยาเปลือยเปล่าเนื้อแนบเนื้อหลังจากเล้าโลมกอดรัดกันได้พักใหญ่ทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่บนเตียงนุ่มอยู่ร่วมชั่วโมง หลังจากเสร็จสมแตะขอบสวรรค์ตามๆ กันไปได้ก็นอนกอดก่ายกันกลมไปจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่“แอบหอมแก้มเพลินเหรอคะ” เพลินฝันอมยิ้มเงยหน้ามองคนที่กำลังกดจมูกอยู่ที่พวงแก้มปลุกเธอในตอนเช้าเป็นน่านฟ้าที่สะดุ้งตกใจจนหน้าตาตื่น เมื่อคนตัวเล็กที่นอนทับอยู่บนแขนลืมตามาเห็นในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เห็น“เปล่า ผมเห็นคุณยังไม่ตื่นเลยจะพลิกตัวให้เฉยๆ” เขารีบลุกลี้ลุกลนเดินโทงๆ หน