และแล้วผู้ชายที่เธอหลงรัก คอยแอบมอง แอบชื่นชมเขาตลอดมา ก็ได้ตกมาเป็นของเธอทั้งตัวและหัวใจ อย่างที่เธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่า สาวแว่นสุดเฉิ่มเชยไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างเธอ จะได้ลงเอยกับเขา นักธุรกิจหนุ่มหล่อกร้าวใจสุดฉลาด ที่ทั้งฐานะและระดับสติปัญญาต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว...
“จบบริบูรณ์”
สาวแว่นตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้ม ขยับริมฝีปากพูดน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะพิมพ์คำว่าจบบริบูรณ์ในหน้าสุดท้ายของนิยายที่เธอเขียน
และแล้วนิยายเรื่องล่าสุดเธอก็ได้เขียนจบและจะได้ส่งต้นฉบับเสียที หลังจากถูกบรรณาธิการตามอยู่เป็นอาทิตย์
จะให้เธอส่งต้นฉบับเร็วได้อย่างไร ในเมื่อเวลาที่เธอเขียนนิยายแทบจะไม่มี เพราะช่วงนี้กิจการรีสอร์ทเล็กๆ ของครอบครัวจะประสบปัญหาจนต้องจ้างพนักงานออก จากที่เธอช่วยงานรีสอร์ทแค่เรื่องทำบัญชีก็ต้องควบตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาดไปด้วย
พอตกเย็นก็ต้องมาปวดหัวลูกแฝดชายวัยสามขวบที่กำลังซนเป็นลิงทโมน กว่าจะได้ลงมือเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์ก็ต้องรอให้ลูกของเธอหลับไปแล้วเท่านั้น
“เฮ้อ เรียบร้อยซะที” เพลงขวัญกดส่งต้นฉบับให้บรรณาธิการในเวลาเข้าใกล้กลางดึกเต็มที เธอรีบปิดโน๊ตบุ๊คปิดไฟที่โต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอนที่ฟูกนอนข้างลูกชายตัวกลมทั้งสองที่นอนดิ้นกันไปคนละทิศคนละทาง
จุ๊บ จุ๊บ หญิงสาวรวบอุ้มลูกน้อยให้นอนที่ดีๆ และก้มลงพรมจูบพวงแก้มนุ่มของเจ้าแฝด ก่อนจะถอดแว่นตาทิ้งตัวนอนตะแคงมองใบหน้าของลูกชายผ่านแสงสลัวของโคมไฟที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ริมฝีปากบางอวบอิ่มคลี่ยิ้มอ่อนมองลูกน้อยด้วยแววตาเป็นประกาย “หล่อเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย” เพลงขวัญเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา วาดมือลูบหัวลูกๆ ทั้งสองก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟและหลับตาลงพักผ่อน
แม้ทุกอย่างจะอยู่ในความมืด แต่เพลงขวัญก็เห็นผู้ชายคนที่เป็นพ่อของลูกได้ชัด และเขาจะชัดเจนอยู่ในใจของเธอไม่มีแปรเปลี่ยน แม้เธอและเขาจะไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็มีตัวแทนของเขาอยู่ข้างๆ เสมอแค่นี้ก็สุขใจจนไม่รู้จะสุขอย่างไรแล้ว
เพลงขวัญ พิมพิพรรณ หญิงสาวผิวขาวตัวเล็กหุ่นอวบอิ่มอกเป็นอกเอวเป็นเอว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าชัง คิ้วเรียวสวยได้รูป ดวงตากลโตขนตางอนยาวปากนิดจมูกหน่อย
เป็นคนมีแก้มและมีลักยิ้มทั้งสองข้าง ในครั้งที่ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอมีเสน่ห์ขึ้นหลายเท่า และจะมากกว่านั้นหากดวงตาไม่ได้มีแว่นตาหนาๆ มาบดบังขนตางอนยาว และแววตาเป็นประกายสวยของเธอ
หญิงสาวค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมากๆ ช่างฝันช่างจินตนาการตอนนี้เลยทำงานเขียนควบคู่ไปกับการช่วยงานกิจการรีสอร์ทเล็กๆ ของครอบครัวที่อำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี
แล้วตอนนี้เธอกลายเป็นคุณแม่ลูกแฝดได้ยังไงน่ะเหรอ!
ย้อนกลับไปเมื่อหลังเรียนจบ เธอได้เข้าไปทำงานในโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เพราะมีขวัญฤดีเพื่อนของยายนั้นฝากงานดีๆ ให้ แต่เมื่อเธอตั้งท้องขึ้นมาโดยที่ไม่ได้แต่งงานแถมยังไม่มีพ่อของลูก
ยายของเธอเลยเรียกให้กลับมาช่วยงานอยู่ที่รีสอร์ท ด้วยคิดว่าเธอหัวอ่อนจนถูกผู้ชายหลอกให้เสียตัวจนตั้งท้อง ดีที่เมื่อกลับมาถึงเธอไม่ได้ถูกคนทางบ้านคะยั้นคะยอถามถึงพ่อของลูกมากมายนัก จึงไม่ได้ลำบากใจอะไรที่จะต้องใช้ชีวิตเลี้ยงลูกอยู่ที่นี่
ดวงตาคมคู่สวยราวกับดวงตาของผู้หญิง ตอนนี้นัยน์ตามีความฉ่ำเยิ้มเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล กำลังมองจ้องไปยังชั้นล่างของผับที่มีเหล่าวัยรุ่นชายหญิงจนไปถึงคนหนุ่มสาวช่วงวัยทำงานกำลังโยกย้ายร่างกายไปมาสนุกสนามตามเสียงดนตรีEDMที่มีดีเจสาวสวยเป็นคนเปิด
มือหนาใหญ่นิ้วเรียวสวยยกแก้วน้ำเมาดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าเงียบๆ จนเพื่อนที่นั่งข้างๆ ต้องรีบดึงแก้วออกมาจากมือของชายหนุ่ม
“เฮ้ย! แกเครียดเรื่องอะไรนักหนา ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่ดื่มไม่พูดไม่จากับใครเลย” ตนุภัทรหนุ่มหล่อมาดแบดบอยลูกชายเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่ดึงแก้วน้ำเมาออกมาจากมือเพื่อนรักอย่างเหนือตะวันได้ก็รีบวางลงที่กลางโต๊ะ จากนั้นก็วาดมือโอบไหล่สาวสวยเซ็กซี่ที่นั่งขนาบข้างกายทั้งสองข้าง
“ถ้าคิดถึงรีน่าก็หาเวลาว่างบินไปหาเธอสิวะ จะมานั่งเครียดอะไร” ครองภพหนุ่มหน้าคมลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนนั่งมองเหนือตะวันมาพักใหญ่ เห็นตนุภัทรเปิดประเด็นถามเรื่องเครียดของเหนือตะวันเขาจึงรีบเอ่ยเสริม เพราะคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนเครียดจนดื่มหนักนอกจากเรื่องที่ต้องห่างกับแฟนแล้ว
“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น” คนที่หน้าแดงก่ำตาปรือเยิ้มส่ายหัวน้อยๆ
“แล้วมันเรื่องอะไร” ครองภพวางแก้วน้ำเมาดีดตัวนั่งตรงจ้องหน้าเหนือตะวันเขม็ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเดาเรื่องผิด
“คุณลุงทัดเทพมาเปิดพินัยกรรมของคุณย่าเมื่อเช้า ท่านแบ่งทรัพย์สินให้พ่อฉันกับคุณอาเท่าๆ กัน และในส่วนของหลานๆ ท่านให้ที่ดินคนละ1000ไร่ แต่มีข้อแม้ว่าหลังจากที่ท่านเสียน่านฟ้ากับนับดาว ต้องมีครอบครัวและมีลูกภายในหนึ่งปีที่ดินพวกนั้นถึงจะตกเป็นของพวกเค้า ส่วนฉันต้องแต่งงานจะมีลูกด้วยกันหรือไม่มีก็ได้ ถ้าฉันทำตามพินัยกรรมว่าไว้ไม่ได้ ที่ดินพวกนั้นก็จะตกเป็นของมูลนิธิ”
“แกอยากได้ที่ดินเหรอ” ครองภพเอ่ยโพล่งทันทีหลังจากเหนือตะวันเล่าปัญหาออกมา
“เปล่า ฉันไม่ได้อยากได้ แม่ฉันอยากได้ พวกแกก็รู้ว่าแม่ฉันไม่ค่อยยอมเสียประโยชน์อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว”
“แกก็รีบขอรีน่าแต่งงานสิวะไม่เห็นยาก” ตนุภัทรไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเหนือตะวัน เพราะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เพื่อนตนจะตัดสินใจแต่งงาน
“มันทำแบบนั้นได้ก็ดีสิ ไม่รู้ว่าคุณย่ารักฉันหรือเกลียดฉันกันแน่ที่กำหนดให้ฉันแต่งงานกับคนที่ต้องการเพียงแค่คนเดียว”
ทั้งตนุภัทรและครองภพมองจ้องไปยังเหนือตะวันเป็นตาเดียว หลังจากคราแรกที่คิดว่าปัญหาของเหนือตะวันไม่ได้ใหญ่นัก แต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่
“แล้วใครล่ะ ที่คุณย่าแกอยากให้แกแต่งงานด้วย” ตนุภัทรเริ่มขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าขวัญฤดีจะหัวโบราณจ๋าหาวิธีคลุมถุงชนให้หลานชายเช่นนี้“แม่หม้ายลูกติด” เหนือตะวันเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ก่อนจะยกมือลูบหน้าลูบตาสีหน้าเคร่งเครียดครองภพได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่เงียบ พูดอะไรไม่ออกและยกแก้วน้ำเมาดื่มอึกใหญ่ เพราะเขาก็หาวิธีช่วยเพื่อนแก้ปัญหาไม่ออกเหมือนกัน“โห คุณย่าใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย” ตนุภัทรอ้าปากค้างยกมือทาบอกทิ้งตัวพิงหลังโซฟาแหมะ คิดไปถึงว่าหากเป็นตัวเองถูกคลุมถุงชนกับแม่หม้ายลูกติดแค่นี้เขาก็ทำใจไม่ได้แล้ว“ฉันอยากปล่อยที่ดินตรงนั้นไปจะตาย แต่แม่ฉันไม่ยอมเพราะท่านอยากได้ที่ดินตรงนั้นมาสร้างรีสอร์ท แถมมูลค่าที่ดินตรงนั้นก็ไม่ต่ำกว่าสามพันล้าน แม่ฉันไม่ทิ้งไปง่ายๆ แน่”“เฮ้ย แล้วทางแม่หม้ายคนนั้น เค้าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่าวะ” ตนุภัทรเอ่ยเสียงกระซิบกระซาบ“แม่ฉันบอกว่าโทรคุยมาแล้ว เธอตกลง” เหนือตะวันพยักหน้า พอรู้เรื่องพินัยกรรมตอนเช้า แม่ตนก็จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพในช่วงเย็น“อืมตกลงไว๊ ไว อย่างน้อยว่าที่เมียแกก็เป็นงานมาแล้วนะโว้ย” ตนุภัทรยกยิ้มหน้าแหย“ตลกตรงไหน” เหนือตะวันมองค้อนคนที่เอาเรื
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ สองสาวใหญ่อย่างหทัยรัตน์และปิ่นมณีนัดทานข้าวกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านที่พวกเธออยู่มากนัก เพื่อปรึกษาหารือกันถึงเรื่องพินัยกรรมที่แม่สามีของพวกเธอทำเอาไว้ก่อนที่จะเสีย“ทำไมหนูเพลงตอบตกลงง่ายๆ ล่ะ” ปิ่นมณีอยากจะรู้นักว่าหทัยรัตน์ทำอีท่าไหนเพลงขวัญถึงได้ตอบตกลงที่จะเป็นสะใภ้ง่ายนัก จากที่เธอได้รับฝากเพลงขวัญจากแม่สามีเข้ามาทำงานที่โรงแรมเมื่อสี่ปีก่อน เธอรู้จักนิสัยของเพลงขวัญดีว่าเธอคงไม่ยอมทำให้ใครรู้สึกอึดอัดใจง่ายๆ แน่หากไม่มีเหตุผลหนุนในสิ่งที่ต้องทำมากพอ“ฉันรู้ว่ารีสอร์ทของคุณป้าสายกำลังมีปัญหา เลยตะล่อมหนูเพลงว่าหากยอมมาเป็นลูกสะใภ้ ฉันจะช่วยให้รีสอร์ทหมดหนี้แล้วก็จะปรับปรุงที่นั่นให้ด้วย รวมถึงค่าเล่าเรียนเจ้าสองแฝดฉันก็จะเป็นคนรับผิดชอบ” คนที่มีลูกล่อลูกชนอย่างหทัยรัตน์หรือจะไม่รู้วิธีเข้าหาคน ไม่อย่างนั้นเธอคงมีคนล้มสถิติในการเป็นเซลล์ช่างหว่านล้อมไปแล้ว“อย่างนี้นี่เอง ดูท่าเธอจะเอ็นดูตาปลื้มกับตาเปรมเสียจริงนะ” ปิ่นมณีพูดถึงลูกแฝดทั้งสองของเพลงขวัญในตอนที่เจอครั้งล่าสุดในงานศพของแม่สามีด้วยรอยยิ้ม เธอจำได้ว่าคนที่ดูจะถูกอ
“เตรียมอาหารรับแขกเรียบร้อยแล้วใช่ไหมแม่สา” บัวสายแต่งตัวเต็มทั้งผ้าซิ่นลายสวยสีชมพูกลีบบัวและเสื้อแขนยาวลูกไม้ปิดจนถึงคอ เดินเข้ามาดูแลความเรียบร้อนที่เรือนรับรองห้องใหญ่“จะแม่”สารภีที่แต่งตัวไม่ได้ต่างไปจากคนเป็นแม่ ดูรายการอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารตัวใหญ่เสร็จก็รีบเดินปรี่เข้ามาพยักหน้าบอกถึงความพร้อมกับบัวสาย“นี่เค้ามากันเยอะเหรอถึงได้ให้ฉันเตรียมไว้ซะเยอะขนาดนั้น” เธอหันไปมองเหล่าอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารอีกครั้งด้วยสายตาแปลกใจ เพราะรู้ว่าครอบครัวของหทัยรัตน์มีเพียงแค่สามีและลูกชายเท่านั้น แต่อาหารที่อยู่บนโต๊ะน่าจะทานได้สิบกว่าคนเลย“มากันสองครอบครัวบ้านคุณดลกับคุณพล”“ตื่นเต้นเหมือนกันนะแม่” สีหน้าของสารภีแสดงออกถึงอาการแปลกใจอีกรอบ เพราะไม่คิดว่าตระกูลของคิรินก้องสกุลจะให้เกียรติในการมาสู่ขอแม่หม้ายลูกติดอย่างหลานเธอขนาดนี้“ยัยเพลงถูกสู่ขอฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าแกถูกสู่ขอฉันตื่นเต้นแน่” บัวสายเอ่ยออกมาพร้อมมีรอยยิ้มอ่อนที่มุมปาก“แม่นี่ก็พูดเล่นไปเรื่อย”“ฉันก็อยากให้มีคนมาขอแกจริงๆ นะ วันหน้าถ้าฉันไม่อยู่จะได้หมดห่วง”“พูดอะไรมาเป็นมงคลเลย นั่นท่าจะมากันแล้ว หลา
เหนือตะวันนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน เขาถอนหายใจอ่อนเมื่อเห็นว่าเพลงขวัญกำลังถือกล่องอะไรบางอย่างเดินตรงมาที่นี่ เดาได้เลยว่าเธอคงไม่พ้นมาเอ่ยทักทายเขาแน่นอน จึงหมายจะลุกเข้าไปในบ้านแต่สาวแว่นรูปร่างอวบอิ่มก็เดินมาขวางหน้าส่งยิ้มกว้างให้เขาก่อนที่เขาจะได้ก้าวข้ามประตูเข้าไปในบ้าน“ขนมหวานค่ะคุณเหนือ อร่อยมากเลยนะคะ”“คือ..ผมไม่ชอบของหวาน” เหนือตะวันตอบกลับเสียงห้วน ก่อนจะเดินอ้อมหญิงสาวหนีเข้าไปในบ้าน เพลงขวัญแทบจะหุบยิ้มไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเธอขนาดนี้ ทั้งที่เธอตั้งใจจะมาคุยเรื่องสำคัญกับเขา“เอามาให้พี่ก็ได้” น่านฟ้าเห็นเพลงขวัญยืนหน้าเสียอยู่ที่หน้าบ้านพักจึงเดินดุ่มเข้ามาหาเธอและดึงกล่องขนมในมือของเธอไปถือเอาไว้น่านฟ้าลูกชายคนโตของปิ่นมณีและดนุพล ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเหนือตะวันและตอนนี้ก็เป็นหนุ่มหล่อที่สาวๆ หมายปองไม่แพ้เหนือตะวัน เพราะได้เข้ามาบริหารกิจการนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศแทนคนเป็นพ่อในวัยเพียง29ย่างเข้า30เท่านั้น“ของพี่น่านกับนับเพลงเตรียมแยกไว้ให้แล้วค่ะ” เธอดึงกล่องขนมหวานในมือของน่านฟ้ามาไว้กับตัวก่อนจะส่งกล่อ
เพลงขวัญเดินถือถุงไก่ทอดหน้าโรงเรียนหลายไม้ พร้อมกับโตเกียวที่อยู่ในถุงกระดาษพับซ้อนด้วยถุงพลาสติกใสอีกสองถุง เดินจ้ำอ้าวตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ในสุดของรีสอร์ท เธอเงยหน้ายิ้มร่าได้เมื่อเห็นเหนือตะวันออกมาเดินเล่น“เอ่อ..” ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรชายหนุ่มก็รีบเดินมองตรงผ่านหน้าเธอไปหน้าตาเฉย โดยที่ไม่คิดจะก้มต่ำเพื่อมองเธอแม้แต่นิดเดียว“เฮ้อ แล้วจะได้คุยกันตอนไหนล่ะเนี่ย” สาวเจ้าเดินเกาหัวแกรกๆ ส่ายหน้าน้อยๆ ตรงไปที่บ้านท้ายรีสอร์ท หากเป็นแบบนี้เห็นทีคงจะไม่ได้คุยเรื่องสำคัญกันเสียทีไม่ชอบเอาเสียเลยที่ต้องถูกเหนือตะวันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หวังในใจว่าหากได้พูดคุยเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับเขาแล้วความสัมพันธ์ของเธอและเขาคงจะดีขึ้นกว่านี้ดนัยและดนุพลปล่อยให้เด็กแฝดนั่งเล่นของเล่นที่เขาเตรียมมาให้หน้าบ้าน ส่วนพวกเขาก็นั่งดูอยู่ห่างๆ พลางคุยกันเพลินๆ เคล้าบรรยากาศริมธารน้ำตกยามเย็น“เห็นเจ้าแฝดก็นึกถึงตอนที่ตาเหนือกับตาน่านยังเล็กๆ นะ วิ่งเล่นคู่กันอย่างกับเด็กแฝดคู่นี้เลย” ดนัยมองเด็กสองคนที่นั่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ ยอมรับว่ามันทำให้เขานึกถึงภาพที่เหนือตะวันและน่านฟ้าตอนเด็กๆ ชัดเหลือเกิน“จะว
“โอ้ย” คนตัวโตค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าเหยเกอีกครั้ง หลังจากเชื่อว่าเพลงขวัญไม่ได้มาทำอะไรกับตัวของเขาเช่นที่คิดคราแรก“ตาปลื้มบอกว่าเอาก้อนหินทุบขาคุณ แล้วถูกทุบตรงไหนคะไม่เห็นรอยช้ำเลย” เพลงขวัญเข้ามานั่งข้างๆ ชายหนุ่มก่อนจะก้มมองไปที่ขาของเขา ชายหนุ่มใส่กางเกงนอนขาสั้นโชว์กล้ามเนื้อขาและไรขน เธอพยายามมองยังไงก็ไม่เห็นรอยฟกช้ำแม้แต่น้อย“ไม่ใช่ที่ขา ลูกคุณฟาดเขาที่หัวผมเลย คราวหลังก็สอนลูกคุณบ้างนะว่าอย่างเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้อีก” เขาเอ่ยน้ำเสียงห้วน พูดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมากะทันหัน“หัว? ตรงไหนคะ” เพลงขวัญไม่ได้ใส่ใจฟังคำพูดของชายหนุ่ม เธอเอาแต่มองไปที่หัวของเขาก็ไม่เห็นรอยช้ำอีกเหมือนกัน และนึกภาพไม่ออกด้วยว่าลูกของเธอฟาดไปที่หัวของคนที่สูงกว่าตัวเองหลายเท่าได้ยังไง“หัวนั่นไง” เหนือตะวันรีบก้มหน้าจ้องไปยังกึ่งกลางลำตัวของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ คนที่ได้ฟังก็นั่งหน้าเจื่อนเริ่มรู้สึกหน้าชาเล็กน้อย“เอ่อ.. แล้วมัน เจ็บมากไหมคะ”“ช่างมันเถอะ มีอะไรจะพูดคุณก็พูดมา อ่อ..ทีหลังหัดเข้าตามตรอกออกตามประตูด้วย ทำแบบนี้ผมตกใจ”“ก็มันเป็นเรื่องความลับสุดยอดไงคะ ถึงใ
“ขำอะไรคะ” คิ้วเรียวบางเริ่มขมวดและบุ้ยปากให้กับคนเป็นพี่“เป็นคนที่ปิดบังความลับอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นะเราเนี่ย” น่านฟ้ารวบหัวไหล่นับดาวเอาไว้หลวมๆ พลางมองขึ้นท้องฟ้าครุ่นคิดถึงผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของนับดาว“ให้พี่เดา..หมอวินใช่ไหม” เขานึกไปถึงเพื่อนรักที่ได้เจอกันบ่อยๆ เป็นคนสุภาพอ่อนโยน อีกอย่างนับดาวก็ดูยิ้มได้มากทุกครั้งที่ได้เจอหมออนาวินนับดาวเริ่มยืนตัวเกร็ง “พะ..พูดอะไรค๊า..ไม่ใช้สักหน่อย ว่าแต่พี่น่านเถอะจะหาแฟนจากไหน วันๆ เห็นสนใจแต่งาน” พอถูกจับได้เข้าก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องคุยกับพี่ชายของเธอทันที“พี่หาของพี่ได้ก็แล้วกัน”“ขอให้หาได้ไวๆ ค่ะ อยากมีพี่สะใภ้ อยากอุ้มหลานแล้ว”น่านฟ้ายกมือกุมหัวน้องสาวตนและยีผมเธอเล่นเบามือ“พี่น่านคะ”“หืม”“พี่น่านว่าจะมีสักนิดไหมคะที่เพลงกับพี่เหนือจะตกหลุมรักกันจริงๆ ” ถึงแม้นับดาวกับพี่ชายของเธอจะโชคดีที่ย่าไม่ได้กำหนดว่าต้องแต่งงานกับใคร เพียงแค่ต้องแต่งงานและมีลูก แต่ของเหนือตะวันนี่สิน่าหนักใจกว่าเธอหลายเท่า เพราะจะต้องแต่งกับคนที่ไม่คุ้นเคยกัน แถมน่าจะไม่มีอะไรที่เข้ากันได้เลยสักนิด“ไม่รู้สิ พี่ไม่ใช่เหนือ พี่ง่วงแล้วขอตัวไปนอนก่อน
หทัยรัตน์ยอมถอยในเรื่องแต่งงาน แต่หากไม่มีงานแต่งแล้วเธอก็อยากจะให้เพลงขวัญรีบจดทะเบียนกับเหนือตะวันและตามไปอยู่ที่กรุงเทพมหานครด้วยกันเลย และแล้วเพลงขวัญก็ต้องมาหนักใจกับเรื่องนี้อีกจนได้“ต้องไปอยู่กรุงเทพเลยเหรอ” บัวสายหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าหทัยรัตน์จะเป็นคนคิดเร็วทำเร็วขนาดนี้ ทุกคนที่นั่งคุยกันอยู่ในห้องรับประทานอาหารใหญ่ ต่างก็พูดอะไรไม่ออกเพราะรู้แก่ใจว่าหทัยรัตน์ลงได้คิดวางแผนอะไรและพูดออกมาแล้ว หากจะมีใครเปลี่ยนใจต้องพูดกันปากเปียกปากแฉะ และหากเหตุผลไม่มีมากพอก็เอาชนะความคิดของหทัยรัตน์ไม่ได้ด้วย“ค่ะ ไหนๆ เด็กๆ ก็คุยกันแล้วว่าจะจดทะเบียนสมรสกันอย่างเดียว ฉันก็อยากจะทำให้มันเสร็จไปเลยค่ะ”บัวสายและสารภีมองหลานๆ ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารสีสวยใกล้ๆ ตาละห้อย เพราะไม่คิดว่าจะต้องจากเจ้าสองแสบรวดเร็วขนาดนี้“คือ รออีกสักหน่อยได้ไหมคะคุณแม่ ให้โรงเรียนเด็กๆ ปิดเทอมก่อนค่ะ” เพลงขวัญมองออกว่าตอนนี้ยายและน้าของเธอหน้าเสียแค่ไหน“นั่นสิคุณ จะลำบากเอานะย้ายเด็กๆ กลางคันแบบนี้” ดนัยเอ่ยเสริมว่าที่ลูกสะใภ้“เรื่องโรงเรียนเจ้าแฝดไม่ต้องเป็นห่วงแม่ทำเรื่องให้โรงเรียนที่กรุง
“เพลงไม่คุยด้วยแล้วค่ะ คุ้กกี้พี่เหนือเพลงก็ไม่ทำให้แล้วด้วย” เธอถอดถุงมือและหมายจะเดินออกไปจากในครัวแต่ก็ถูกคนตัวโตรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน“อ้าวเพลง แต่พี่หิวมากเลยนะ แล้วก็อยากกินคุ้กกี้ผักฝีมือเพลงมากด้วย แต่ถ้าเพลงไม่ทำให้พี่ก็ไม่รบกวนก็ได้” เขาเอ่ยเสียงอู้อี้พลางตีสีหน้าน่าสงสาร“เพลงทำให้ก็ได้ค่ะ แต่ขอเถอะนะคะอย่าพูดถึงพ่อเด็กๆ แบบนี้อีก”“ก็ได้ ก็ได้”“ถอนคำพูดด้วยค่ะที่บอกว่าขอให้เค้าไม่ตายดี เพลงไม่ได้อยากให้เค้าตาย”“โอเค ขอให้คนๆ นั้นอายุมั่นขวัญยืน พอใจยัง”“ค่ะ” เพลงขวัญยอมใจอ่อนกลับไปปั้นคุ้กกี้ต่อจนได้เหนือตะวันได้แต่ยืนกอดอกอมยิ้ม เพราะเห็นอยู่กับตาได้ยินกับหูว่าเพลงขวัญยังคงปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา เขานับถือหัวใจของเธอเลยที่รักคนอื่นโดยที่ไม่วังอะไรตอบแทนได้จริงๆ แต่เขาก็อยากจะแกล้งเธอต่อให้สมกับที่เธอทำให้เขาดูเป็นคนบาปทิ้งลูกทิ้งเมียในวันหยุดยาวของเดือนหทัยรัตน์เลือกที่จะพาครอบครัวของเธอขับเรือยอร์ชมาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว ที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ทุกคนมาถึงเกาะเล็กๆ ที่มีธรรมชาติรายล้อมอุดมสมบูรณ์ในช่วงบ่ายของวันเด็กชายทั้งสองเหยียบหาดทรายได้ก็วิ่งโล่เป็นจับปูใส่กร
“เอ่อ”“แถมลูกของเพลงตอนนี้ยังหน้าเหมือนแกมากๆ ด้วย”เหนือตะวันเริ่มพูดอะไรไม่ออก เขานึกย้อนไปถึงเรื่องพ่อของลูกเพลงขวัญ ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของผู้ชายคนนั้น เพราะหญิงสาวไม่เคยปริปากบอกใคร และเธอก็ไม่ยอมให้ใครพูดถึงพ่อของลูกไปในทางที่ไม่ดีด้วย หรือว่าสิ่งที่ตุลภัทรคิดน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ปักใจเชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นอยู่ดี“เพลงเขียนหนังสือเล่มนี้ตอนไหน”“คุณสืบบอกว่าเป็นเล่มแรกที่เธอเขียนแล้วส่งให้พิจารณาประมาณสามปีที่แล้ว”“แกว่าพระเอกที่เพลงเขียนจะเป็นฉันจริงๆ หรือเปล่าวะ”“ใจฉันเชื่อไปแล้ว80เปอร์เซ็น จะเชื่อ100เปอร์เซ็นเลยถ้าแกตรวจดีเอ็นเอลูกของเพลงแล้วปรากฎว่าเป็นลูกแก”“ถ้าปลื้มกับเปรมเป็นลูกฉันจริง เหมือนเพลงทำให้ฉันเป็นคนบาปโดยไม่รู้ตัวเลย”“ในหนังสือเขียนว่านางเอกไม่ได้ตั้งใจท้อง เธอกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว แต่ก็น่าจะไม่ได้ผล แล้วเธอก็รักพระเอกเกินกว่าจะเอาภาระบอกให้พระเอกหนักใจ”“ฉันขอเอาหนังสือไปอ่านได้ไหม”“เอาไปสิ”เหนือตะวันนึกถึงไปถึงตอนที่เพลงขวัญชอบตามใจเขาทุกอย่าง และไม่ยอมให้เขาพูดไม่ดีถึงพ่อของเด็กๆ ถ้าเขาเป็นพ่อเด็กๆ จริงก็น่าเคืองหญิงสาวอยู่เหมือนกัน ที่ทำให้เข
“แม่ก็นึกว่าสาวที่ไหนมาหาตาเหนือ” หทัยรัตน์เดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาในห้องทำงานของลูกชาย คราแรกได้ยินพนักงานคุยกันว่ามีผู้หญิงมาหาประธานหนุ่ม เธอคิดว่าเป็นคาริน่าจึงรีบเข้ามาดู แต่ก็ใจชื้นเมื่อเห็นหน้าลูกสะใภ้ของตัวเอง“คุณแม่สวัสดีค่ะ เพลงเอาขนมมาให้พี่เหนือน่ะค่ะ” หญิงสาวรีบละมือจากเอกสารมายกมือสวัสดีผู้ใหญ่ที่เพิ่งเข้ามา“แล้วของแม่ล่ะมีหรือเปล่า”“เอ่อ เพลงไม่รู้ว่าคุณแม่เข้าบริษัทด้วยค่ะ” สาวเจ้ายิ้มหน้าแหย“ล้อเล่นจะ แม่ไม่กวนแล้วตามสบายนะ” หทัยรัตน์มาเร็วไปเร็วเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของสามีภรรยา ยิ่งเห็นหน้าของเหนือตะวันไม่ได้มีความทุกข์ใจหลังจากผ่านข่าวการเปิดตัวแฟนใหม่ของคาริน่าแค่นี้เธอก็สบายใจมากแล้วเหนือตะวันส่ายหัวน้อยๆ หลังจากที่แม่ของเขาเดินออกไป ที่แม่ตนมาไวไปไวขนาดนี้ไม่วายต้องการเข้ามาจับผิดเขาแน่นอนวันเวลาของความสุขพ้นผ่านไปนานร่วมสามเดือน เหนือตะวันมีความสุขขึ้นทุกวันเมื่อได้มีเพลงขวัญอยู่ใกล้ๆ จนตอนนี้หญิงสาวก็ขโมยหัวใจของชายหนุ่มไปครองได้โดยที่ตัวของเธอก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเหนือตะวันพยายามทำดีเอาอกเอาใจเพลงขวัญทุกครั้งที่ทำได้ แต่ก็ยังไม่เคยกล้าเผยความในใจเพราะคิดว
“เป็นใครกันนะ” เหนือตะวันนอนก่ายหน้าผากมองเพดานห้องผ่านแสงสลัวของโคมไฟ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าพ่อของเด็กๆ เป็นใคร ทำไมเพลงขวัญถึงได้ดูรักและออกตัวปกป้องคนที่ใจจืดใจดำทิ้งลูกทิ้งเมียได้ขนาดนี้“หื้ม..” เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า นึกสงสารเด็กชายทั้งสองลึกๆ หากเขาได้เป็นพ่อคนจะไม่กระทำทิ้งๆ ขว้างๆ ปัดความรับผิดชอบให้ฝ่ายหญิงอยู่ฝ่ายเดียวแน่เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสสำหรับเหนือตะวันนัก ถึงจะเป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจทำงานเพราะเห็นข่าวของแฟนสาวตัวเองประกาศเปิดตัวคบกับนักธุรกิจชื่อดังชาวอังกฤษ“มันเรื่องอะไรกันรีน่า ทำไมข่าวออกไปแบบนั้น” เหนือตะวันละจากงานมาหาคาริน่าถึงที่บ้านอีกครั้ง เพื่อถามหาความจริงจากปากของเธอโดยที่ไม่เชื่อข่าวไปก่อน“แล้วทีคุณไปแต่งงานจดทะเบียนกับผู้หญิงคนอื่นไม่บอกรีน่าล่ะคะ” ดาราสาวเอ่ยตอบเสียงห้วนมีสีหน้าท่าทีไม่สนใจคนที่เข้ามาหา เพราะตอนนี้เธอได้ตกลงคบหากับนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่น่าจะทำให้เธอสบายกว่าการคบกับเหนือตะวันได้หลายเท่าชายหนุ่มชาวาบไปทั้งตัว เพราะเข้าใจได้จากคำตอบของหญิงสาวว่าเรื่องราวมันเป็นจริงตามข่าวที่ออกมา หากเปิดตัวคบกันในเวลา
“ก็เมื่อวานฉันอุตส่าห์วางยาคุณเหนือจนจะเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่แล้ว ยัยหทัยรัตน์พาคนมาลากลูกชายกลับไป แถมยังขู่ฉันว่าถ้าไม่เลิกยุ่งกับลูกชายนางจะแฉให้ฉันอยู่ในวางการไม่ได้ เพราะนางบอกว่านางรู้เรื่องที่ฉันไปมั่วผู้ชายอยู่ที่ต่างประเทศ”“โอ้โห งั้นแกก็เลิกยุ่งกับคุณเหนือเด็ดขาดเลย เพราะความฝันที่แกจะได้เป็นสะใภ้บ้านนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แถมถ้าถูกแฉจะหมดอนาคตในวงการอีก” ว่าแล้ว เอวารินคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเรื่องผู้ชายที่คาริน่าชอบไปพัวพันจะสร้างปัญหาให้ตัวเองสักวัน“ถ้าเค้ามาก็ไล่เค้ากลับไปด้วยแล้วกัน ฉันขอตัวก่อน พอดีมีนัด”“แกนี่มันจริงๆ”เอวารินส่ายหัวและมีสีหน้าอ่อนใจกับคาริน่า ที่โยนปัญหาของตัวเองมาให้เธอจนได้เพลงขวัญเดินวนไปวนมาที่ห้องนั่งเล่นอยู่หลายรอบ ขณะที่ยุพินพาลูกๆ ของเธอไปอาบน้ำหลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” เธอเห็นว่าตั้งแต่เหนือตะวันกลับมาจากข้างนอกก็เอาแต่นั่งเครียดอยู่ที่หลังบ้านตลอดเวลาตอนนี้รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะเข้าไปคุยกับเขาดีหรือไม่เพราะยังไม่กล้าสู้หน้าเขาจากเหตุการณ์เมื่อคืน แต่หัวใจของเธอก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกินจนสุดท้ายก็ต้องเดินเข้า
เหนือตะวันเริ่มวาดมือเลื้อยกอดคนตัวเล็กและพลิกตัวของเธอให้นอนอยู่ใต้ร่าง เขาทาบทับกดคนตัวเล็กกับเตียงนุ่มก่อนจะเริ่มจูบตอบรับกับเธอริมฝีปากหนากดประสานกับปากของหญิงสาวแน่นขึ้น ก่อนจะเริ่มแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก จนเพลงขวัญรู้สึกขาดลมหายใจเป็นห้วงๆ เพราะรสจูบดูดดื่มของเหนือตะวันเสมือนทำให้ตัวเธอรู้สึกถูกกลืนกินแทบจะตลอดเวลาเขาดูดดึงลิ้นเรียวเล็กเล่น เร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเริ่มหายใจถี่มีเสียงฟึดฟัด มือหนาตอนนี้ทำหน้าที่ลูบไล้ไปทั่วชุดคลุมสีหวานก่อนจะดึงเชือกผูกที่กลางหน้าท้องของเพลงขวัญออกชายหนุ่มเริ่มไล่สัมผัสความอุ่นจากหน้าท้องน้อยขึ้นไปที่อกอวบอิ่มนุ่มนิ่มชูชัน จนคนใต้ร่างเริ่มแอ่นสะท้านเมื่อมือหนาบดขยำอยู่กับอกของเธอไปพร้อมๆกับลีลาการจูบที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆเวลานานสองนานที่ริมฝีปากนุ่มของทั้งสองคลอเคลียกันไม่ห่างรวมถึงมือไม้ของเหนือตะวันก็ปัดป่ายทั่วเนื้อตัวนุ่มนิ่มไม่หยุดจนอารมณ์วาบหวามของทั้งคู่เริ่มพลุ่งพล่านเต็มที่ ชายหนุ่มสลัดบอกเซอร์ตัวจิ๋วทิ้งก่อนจะแทรกขาแกร่งกับกลางขาเรียวทั้งสองและอัดบดเบียดตัวตนยักษ์ใหญ่ถูไถส่งเข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบ“อะ..อื้ออ..” เสี
เหนือตะวันปัดปอยผมให้พ้นจากใบหน้าสวยเซ็กซี่ของคนที่นั่งอยู่ข้างตัวบนโซฟาราคาแพงในห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรมหรู“ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ” เขาเอ่ยเสียงงัวเงียเพราะดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้วแล้ว อยากจะคุยธุระกับเธอเรื่องของเขากับเพลงขวัญก่อนที่จะเมาไปมากกว่านี้“ค่อยว่ากันทีหลังค่ะ ตอนนี้ดื่มก่อนนะคะ” เธอยกแก้วไวน์ให้ชายหนุ่มได้ดื่มอีกอึกใหญ่“ผมดื่มไปหลายแก้วแล้วนะครับ”“รีน่าขอแค่ให้คุณดื่มเป็นเพื่อนแค่นี้ไม่ได้เหรอคะ” คาริน่าเริ่มแสร้งทำสีหน้าไม่พอใจ เพราะเธอพอจะรู้ว่าเหนือตะวันอาจจะพูดกับเธอเรื่องที่แต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เธอยังไม่อยากฟังเพราะตอนนี้เธอต้องการทำตามแผนเพื่อที่จะเอาชนะหทัยรัตน์มากกว่า ที่เธอกล่อมให้เหนือตะวันดื่มไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าเพื่อจะมีสัมพันธ์สวาทกับเขาและหากเธอตั้งท้องลูกของชายหนุ่มได้ จะคอยดูว่าหทัยรัตน์จะปฏิเสธลูกสะใภ้อย่างเธอได้อีกหรือไม่ ร้อยทั้งร้อยคนอย่างหทัยรัตน์เกลียดตัวกินไข่ทั้งนั้นติ๊งต่อง ...“หื่ม” คาริน่ารีบลุกขึ้นกระฟัดกระเฟียดไปเปิดประตู นึกตำหนิพนักงานที่นี่ที่ชอบมารบกวนไม่รู้เวลาแกร๊ก.. “คุณรัตน์” คาริน่าเบิกตาตกใจที่เปิ
“รับอันนี้ครับคุณลุง” ปริญภัคปาลูกบอลลูกใหญ่ส่งให้ตุลภัทร“พี่สิครับ” ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเด็กชายหน้าเสีย“หน้าแกเหมาะกับการที่หลานจะเรียกลุงแล้ว พูดคำว่าพี่ออกมาได้ไงวะ” ครองภพส่ายหัว“เงียบปากไปเลย เออ ฉันนั่งมองอยู่นานแล้วแกว่าหน้าเด็กๆ เหมือนใคร”“น่านฟ้า” ครองภพเห็นคราแรกก็นึกไปถึงลูกพี่ลูกน้องของเหนือตะวัน“หึ ฉันว่าเหมือนเหนือมากกว่า”“ก็เหมือนทั้งคู่นั่นแหละ น่านกับเหนือมันเหมือนกันนี่หว่า”“เพลงเตรียมหลักฐานเรียบร้อยแล้วค่ะ ไปกันเลยไหมคะ” ไม่ทันที่สองหนุ่มจะได้ต่อปากต่อคำอะไรกันต่อ เพลงขวัญก็หอบโน๊ตบุ๊คพร้อมเอกสารปึกใหญ่ลงมาจากชั้นบนเรียบร้อยแล้ว“ครับ”“เดี๋ยวแม่มานะครับเด็กๆ อยู่กับป้ายุพินห้ามดื้อกันนะครับ”“ค้าบ/ค้าบแม่”ฟอด ฟอด เพลงขวัญกอดหอมเจ้าก้อนกลมทั้งสองฟอดใหญ่ก่อนจะรีบไปทำธุระสำคัญต่อ เพราะวันนี้เธอจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเองให้ได้“ที่สำนักพิมพ์เราไม่มีคนชื่อนี้จริงๆ แต่บก.ที่รับนิยายเรื่องนี้มาเธอชื่อวิภาวีครับ” สืบสกุลดูหลักฐานทั้งหมดที่เพลงขวัญเตรียมมาเขาก็เชื่อว่าหญิงสาวเป็นคนเขียนต้นฉบับนิยายรักที่เพิ่งตีพิมพ์เล่มล่าสุดจริงๆ แต่เขายังสงสัยว่าหญิงสาว
“ก็ยัยรัตน์ไม่ได้ต้องการติดต่อฉันไปคุยงานจริงๆ น่ะสิ เค้าเรียกฉันไปคุยต่อหน้าก็เพื่อที่จะบอกว่าคุณเหนือแต่งงานจดทะเบียนสมรสตั้งสองเดือนกว่าแล้ว แต่งกับใครรู้ไหม แต่งกับแม่หม้ายเฉิ่มๆ แถมมีลูกติดตั้งสองคน ไม่รู้ว่ายัยนั่นมีดีอะไรกว่าฉันตรงไหน” เธอพูดถึงหทัยรัตน์เน้นเขี้ยวเน้นฟัน ทั้งยังเคืองใจเหนือตะวันมากถึงมากที่สุด“ห้ะ แล้วคุณเหนือเค้าไม่เคยบอกแกเรื่องนี้เลยเหรอ” เอวารินนั่งไม่ติดเก้าอี้ เธอรีบลุกเข้ามาทิ้งตัวนั่งข้างๆ คาริน่าเพื่อสาวความ“ไม่เคยน่ะสิ”“แต่เค้าไม่เคยพาเมียเค้าออกสื่อเลยนะ ตอนนี้ทุกคนก็ยังรู้กันว่าแกคือแฟนของเค้า ผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษอย่างที่คิดจริงหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่รู้ล่ะยังไงฉันก็ไม่ยอม”“แกจะไปเคลียกับคุณเหนือเลยไหม ฉันจะไปด้วย”“ยัง พรุ่งนี้เค้านัดฉันดินเนอร์ ฉันจะรอดูว่าเค้าจะพูดอะไรบ้างไหม แต่จะพูดหรือไม่พูดฉันก็ไม่ยอมเสียเค้าไปให้ใครง่ายๆ แน่” คาริน่ากอดอกหน้าบึ้งตึงไม่ยอมคลายเพราะที่น่าเคืองไม่ใช่แค่เหนือตะวันแต่งงานลับหลังเธอเท่านั้น แต่เขาดันไปเลือกคนที่ไม่มีอะไรเทียบเธอได้เลยมาเป็นเมียตีทะเบียน แบบนี้เธอหรือจะยอม หากแต่งได้ก็ต้องเลิกได้เหมือนกัน“เ