เราออกมาจากคฤหาสน์หลังโตในเวลาบ่ายสองนิดๆ ผมได้รูปเซลฟี่มาหลายรูปเลยล่ะ เพราะไหว้วานให้คุณชายท่านช่วยถ่ายให้ ตอนนี้ในคลังภาพของผมมีรูปใหม่เพิ่มเข้ามาเกือบห้าสิบหกสิบรูป แต่อย่าคิดนะว่ารูปทั้งหมดนั้นจะสวยและออกมาดูดีทุกรูป รูปที่พอดูได้น่ะมีแค่ไม่กี่รูปหรอก เพราะคนถ่ายไม่ได้ตั้งใจถ่ายให้ผมจริงๆ คนอะไรแกล้งผมได้ตลอดเวลาผมใช้นิ้วโป้งสไลด์ดูแต่ละรูปภาพแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หันไปมองค้อนเขาอย่างเคืองๆ ส่วนคุณชายท่านเอง ตอนนี้รู้สึกว่าใบหน้าจะอิ่มเอิบจนน่าหมั่นไส้“นี่คุณ ผมว่าหน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ แต่ทำไมคุณถึงถ่ายผมออกมาได้ทุเรศแบบนี้อะ” ผมถามอย่างใส่อารมณ์ ผมที่อยู่ในรูปนั้นถ้าไม่หยีตาก็หลับตา ไม่อ้าปากก็ปากเบี้ยวเพราะคงกำลังพูดอะไรสักอย่าง รูปเอ๋อๆ มีมากกว่ารูปดีๆ มันดูแบบ...ทุเรศมาก ผมล่ะอนาจใจตัวเองจริงๆ“ผมก็ถ่ายปกติ เช็คดูแล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนี่ ออกจะน่ารักมากด้วยซ้ำ” โอ๊ะ ดูพูดเข้า ไม่ได้น่าเกลียด? น่ารัก? น่ารักกับผีน่ะสิ“ผมว่าคุณควรไปหาหมอนะ” เขาหันมาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “หาหมอทำไม? ผมไม่ได้ป่วย สบายดี ไม่ได้อยู่ในอาการเสี่ยงที่จะติดโควิดด้วย"โอยยยยย เหนื่อย
เมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงผมจะเจอศึกหนักไปถึงสามรอบแต่ก็ถือว่ายังไหวอยู่ หลังจากรอบแรกจบลงไปเมื่อช่วงหัวค่ำ รอบสองช่วงสามทุ่มหลังกินข้าวและอาบน้ำเสร็จ รอบสามกลางดึกที่ผมตาปรือปรอยคล้อยจะหลับอยู่รอมร่อ ก็ยังถูกปลุกให้ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ทั้งๆ ที่แม่งโคตรจะง่วงและเพลียแต่ก็อย่างว่าแหละ เรื่องแบบนี้ผมขัดได้ที่ไหนถึงแม้ร่างกายจะอ่อนล้าแทบไร้เรี่ยวแรง แต่ด้านอารมณ์แล้วต้านทานไม่ได้จริงๆ เพราะว่าเขาปลุกปั่น ปลุกเร้าผมได้เก่งมาก เชี่ยวชาญทั้งมือทั้งปาก วุ่นวายอยู่กับผิวกายเปลือยเปล่าของผมไม่ว่างเว้น ทุกส่วนอ่อนไหวในร่างกายถูกกระตุ้นเร้าจนผมแทบบ้าสุดท้ายแล้วก็ต้องนอนร้องครวญครางจนเสียงแหบเสียงแห้ง ร่างกายโยกคลอน กระเด้งกระดอนตามแรงขับเคลื่อนของคนหื่นและบ้ากาม แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบซะหน่อย วันนี้เป็นวันหยุดของคุณกฤษณ์ เมื่อเช้าเขาบอกว่าจะพาผมออกมาเดินเล่นที่ห้าง ตอนนี้ผมก็เลยได้มาเดินร่าตากแอร์อยู่ห้าง เดินเคียงข้างกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา การแต่งกายของเขาสบายๆ เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนและรองเท้าแตะ แล้วก็ยังใส่แมสสีดำเหมือนเดิม ส่วนผมก็ไม่ได้ต่างจากเขามากนักหรอก หรือจะบอกว่
“ตาแก่นิสัยไม่ดีหลอกกินเด็ก” หม่อมราชวงศ์กฤษณ์ ธนวรรณก้องไพศาลนั่งฟังคำนี้จนหูแฉะ แก้วหูเต้นระบำครั้งแล้วครั้งเล่า นับตั้งแต่ออกมาจากห้างสรรพสินค้า กระทั่งมาถึงบ้านโยธินยังคงพูดประโยคเดิมซ้ำๆ เหมือนเปิดซีดีเล่นวนซ้ำไปซ้ำมาให้เล่นแต่ประโยคเดิมๆ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ พรูลมหายใจออกมาเล็กน้อย “มันเป็นเรื่องก่อนที่ผมจะได้เจอคุณนะคุณโย” โยธินตวัดตามามองขวาง “อาจารย์ใจบาป หลอกฟันนักศึกษาแล้วทิ้ง” “ผมจ่ายเงินทุกครั้ง ไม่เคยเอาฟรีๆ”“หึ!” โยธินแค่นเสียงไม่พอใจ ก็คำพูดของคนข้างๆ มันทำให้ในใจของคนฟังเจ็บจี๊ดๆ “หรือว่าคุณอยากให้ผมไปรับเขามาอยู่บ้านด้วยกันเลยล่ะ สามคนผัวเมียก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ” ตุบ!หมอนใบโตที่วางอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ถูกโยนมาใส่หน้าราชนิกูลหนุ่มเจ้าของคำพูดร้ายกาจเข้าอย่างจัง โยธินจ้องมองตาขวาง คล้ายลูกตากำลังจะถลนออกมาจากเบ้า “คนบาป!” ว่าแล้วก็วิ่งตึงๆ ขึ้นห้องไป ปล่อยให้คนถูกทำร้ายนั่งอึ้งอยู่กับที่ พูดไม่ได้หัวเราะไม่ออก หรือแม้กระทั่งอารมณ์โมโหยังไม่ตอบสนอง ไม่เคยมีใครปาหมอนใส่หน้าชายหนุ่มมาก่อนเลยในชีวิตหรือจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่มีใครหน
บอกตามตรงเลยนะครับว่า… ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมยอมนอนหมดแรงให้เขารังแกจนกว่าเขาจะพอใจคงจะดีกว่านี้ ผมจะยอมนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงหลังหอบแดก หลังจากถูกเขาเยเสร็จดีกว่า ดีกว่าต้องมานั่งทำหน้าเด๋อๆ ท่ามกลางเพื่อนฝูงของเขาที่พากันนั่งล้อมวงมุงดูผมกันหน้าสลอน เหมือนกำลังดูสัตว์สงวนหายากที่สวนสัตว์ก็ไม่ปาน นี่ผมเป็นคนนะครับ เป็นมนุษย์เหมือนพวกเขาสี่ห้าหกเจ็ดคนนี่แหละ ไม่ได้มีอะไรผิดแผกแตกต่างกันหรอก นอกจากรูปร่างหน้าตาอะตอนนี้ผมนั่งอยู่ในอาณาเขตบ้านพักหรูพูลวิลล่าที่ปราณบุรี ถามว่าสวยไหม? ก็สวยมากนะ เพราะตัวบ้านพักกับทะเลไม่ได้ไกลกันเลย เดินไม่ถึงยี่สิบก้าวเท้าก็เหยียบน้ำทะเลแล้ว แถมน้ำทะเลยังใสแจ๋วน่าเล่นอีก สระว่ายน้ำใกล้ๆ นี่ก็น่าเล่น แต่ว่านับตั้งแต่ที่ผมเดินตามเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเข้ามา ผมยังไม่ได้ย่างกายไปไหนเลย ห้องพักก็ยังไม่ได้เข้าไปดู ห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้าไปทำธุระส่วนตัว น้ำก็ยังไม่ได้กินสักอึก ขนมสักชิ้นก็ยังไม่ได้แตะ เพราะต้องมานั่งทำตาปริบๆ ยิ้มแห้งๆ อยู่ท่ามกลางเสือ สิงห์ กระทิงเถื่อนทั้งหลายให้เขาดูชมผมเหมือนเป็นของแปลกใหม่สำหรับพวกเขาก่อนหน้านี้คุณกฤษณ์แนะนำผมกับเพื่อน
เมื่อคืนผมหมดแรงจนต้องขี่หลังเจ้าของร่างสูงกลับบ้านพัก ที่ชายหาดผมถูกเขารีดพิษเอายาปลุกเซ็กส์ออกไปถึงสองรอบ ถึงแม้ว่าตอนนั้นร่างกายของผมจะไม่ไหว หมดแรงไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่ความรู้สึกของผมมันก็บอกว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ แล้วเขาก็บอกอีกว่าต้องขับยาปลุกเซ็กส์ออกให้หมด ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้เชื่อเขาหรอกนะ ว่าแค่มีเซ็กส์แล้วจะหายน่ะ แต่มันก็แบบขัดไม่ได้ไง อารมณ์ตอนนั้นแค่ถูกเขาปลุกเร้านิดๆ หน่อยๆ ลูบไล้ผิวกายอย่างแผ่วเบา ร่างกายของผมก็ตอบสนองอย่างกับถูกติดตั้งโปรแกรมเอาไว้ ตอนนี้ผมเลยต้องมานอนปวด นอนเมื่อยร่างกาย นอนขดตัวแบบคนขี้เกียจอยู่บนเตียงแบบนี้ โดยที่มีร่างสูงกอดก่ายอยู่อย่างแนบชิดอยู่ไม่ห่าง “คุณกฤษณ์ เช้าแล้ว” แม้จะเหนื่อยแค่ไหน ผมก็ชินกับการตื่นเช้าไปแล้ว ทว่าภายในห้องก็ยังคงมืดสนิทอยู่ คงเพราะผ้าม่านปิดทึบป้องกันแสงจากภายนอกรบกวน“หืม?…นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เมื่อคืนคุณนอนดึกมากนะ” เอ่อ…เอ่อ ปกติผมก็ไม่ได้นอนเร็ว“แต่ว่า…” “คุณโย เราไม่ต้องรีบไปเช็คเอาท์ ไม่มีใครมาเคาะห้องไล่เราหรอก เพราะงั้นนอนต่ออีกนิดเถอะ” เสียงแหบแห้งงึมงำอยู่บนศีรษะของผม วงแขนกอดกระชับแน่น ดูท่าท
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่ย้ายกลับมาอยู่คอนโดฯ เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้ผมกำลังจัดของให้เข้าที่เข้าทางอยู่ ก็ไม่มีอะไรให้จัดมากนักหรอก แต่อยู่ว่างๆ แล้วมันเบื่อ บ้านหลังนั้นคุณกฤษณ์เขาขายให้พี่หญิงของเขาไปแล้ว ขายในราคาถูกแบบที่คนซื้อไม่ได้อยากจะได้เลยสักนิด ทว่าที่ซื้อไว้ก็เพราะเสียดายถ้าหากจะขายให้คนอื่นไป มันเป็นการซื้อขายที่รวดเร็วจนน่าตกใจ เพราะถึงจะบอกว่าขายถูกยังไงราคามันก็แพงมากอยู่ดี“อีโย ขอโทษทีที่มาช้า พอดีต้องไปส่งพี่แดนไทยที่สนามบินน่ะ” ฟูจิเดินเข้ามาหาผมที่นั่งรออยู่ใต้คอนโดฯ มันส่งยิ้มกว้างมาให้ ในมือนั้นถือกระเป๋าสัมภาระของผมอยู่ ก็กระเป๋าที่ผมฝากไว้นั่นแหละผมยิ้มรับ ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปรับกระเป๋ามาถือไว้เอง “ไม่เป็นไรเลย ว่าแต่ทำไมพี่ไทยบินด่วนล่ะ” ผมประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเรื่องแบบนี้มันหาดูได้ยากมากๆ เลยนะ ก็มีแดนไทยน่ะติดฟูจิจะตายไป ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝด ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมไม่เห็นว่าเขาสองคนจะห่างกันได้เกินครึ่งวันเลยสักครั้ง ขนาดทำงานยังทำที่ออฟฟิศเดียวกัน แผนกเดียวกันเดียวกันเคยได้ยินมาว่าอย่าหาแฟนที่ทำงานที่เดียวกัน เพราะมันจะทำให้ลำบากทีหลัง ผมว่าค
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณกฤษณ์ก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น มันราบรื่นดีจนน่าตกใจเลยล่ะครับ วันจันทร์ถึงวันศุกร์เขาก็ออกไปทำงาน ไปสอนหนังสือ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ขลุกอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีใครมากวนใจ เราสองคนยังคงมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันอยู่ทุกค่ำทุกคืน แล้วก็มีบ่อยครั้งที่ผมถามว่าเขาออกไปว่า ‘เคยคิดที่จะเบื่อเซ็กส์ของผมบ้างไหม?’ คำตอบที่ได้ก็คือผมโดนจัดหนักจัดเต็มจนร่างแทบร่วงเป็นมะม่วงถูกสอยลงมาจากต้น แล้วจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลิกถาม เพราะว่าผมต่อกรกับคนหื่นกามอย่างคุณกฤษณ์ไม่ไหวจริงๆ “คุณโย พรุ่งนี้พี่หญิงชวนไปปิกนิก คุณโยคิดว่าไงครับ อยากไปไหม?” คำถามจากคนที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันกับผมซึ่งเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมเบิกตาโตเล็กน้อย รีบเคี้ยวข้าวในปากให้หมดก่อนถามออกไป “ปิกนิกเหรอครับ?”เขาพยักหน้ารับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ใช่ครับ ไปน้ำตกที่นครนายก ครอบครัวของผมเรามีบ้านพักอยู่ที่นั่นด้วย” พูดมาแบบนี้คงไม่คิดที่จะไปค้างคืนหรอกใช่ไหม?“พี่หญิงชวนค้างที่นั่น คงต้องค้างสักคืน” นั่นไง กูว่าแล้วเชียว“ต้องค้างด้วยเหรอครับ” ผมกะพริบตาป
“คุยอะไรกับพี่หญิงครับคุณโย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่นั่งลงข้างๆ ผม ผมมองเขาแวบหนึ่งแล้วเหลือบมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่ข้างๆ เจ้าของคำถาม ก่อนที่จะตอบคำถามของเขาด้วยเสียงเรียบเรื่อย “คุยเรื่องทั่วไปๆ แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะแสดงสีหน้าปกติ แต่ว่าภายในใจของผมก็นึกอยากจะถามเขากลับไปอยู่เหมือนกัน ว่าเขาหายหัวไปไหนมาตั้งนานสองนาน ทำไมไม่ตามผมออกมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมหนีมาจากดงผู้ดีนั้นแล้ว แต่มาคิดๆ ดูอีกทีให้มันดีๆ แล้ว หากว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะดูเป็นคนที่แย่มากในสายตาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหม่อมแม่ของเขา แล้วเสียงหวานๆ ของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการพูดคุย การมองตาของผมกับคนข้างๆ เหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะแทรกเข้ามาระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว“น้ำเย็นมากไหมคะคุณโย ริตากลัวหนาวจังเลยค่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยอ่า...แต่ว่าดูจากชุดที่คุณริตาเธอใส่มาแล้ว ไม่น่าถามคำถามนี้ออกมาเลยนะครับ ดูคุณริตาเธอก็เตรียมตัวมาเล่นน้ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เสื้อสายเดี่ยวสีหวานๆ รัดๆ ขับเน้นหน้าอกหน้าใจให้เห็นกันจะๆ แบบไม่ปิดบังสายตา
ในวันที่ฝนตกพรำๆ ในวันที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าสายฝนกำลังกระหน่ำเทลงมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้ สำหรับคนส่วนมากแล้ว ถ้าต้องออกไปทำงานมันคงเป็นอะไรที่แย่สุดๆ เพราะไหนจะสภาพอากาศที่ชื้นขึ้นจนอบอ้าว ไหนจะเสี่ยงต่อการโดนฝนแล้วเจ็บป่วยอีกแต่…แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เพราะเรื่องที่ผมห่วงตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตอนไหน? เมื่อไหร่!? ผมถึงจะได้ลุกไปอาบน้ำล้างตัว ล้างคราบคาวกามออกไปจากตัวสักที!!ไอ้บ้าเอ้ย…นี่จะล่อผมจนตายคาเตียงจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่ไม่เรียกที่รักคะ ที่รักขา ตอนคร่อมขี่กันเนี่ย กะจะเอาจนผมตาเหลือกคางเหลืองตายเลยหรือไง ฮือออออ กูอยากจะบ้าตายรายวันจริงๆ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองและมีกำลังหื่นกามได้ถึงขนาดนี้“อ๊ะ อือ พะ พอแล้ว ฮื้อออ พอก่อน ผมจะตายแล้ว” ผมอ้อนวอนครวญครางออกมาด้วยเสียงอันผะแผ่ว เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต ถ้าหากเขายังทำต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมต้องตายแน่“อืม…อะไรกันคุณโย ทำไมคุณถึงร่างกายอ่อนแอแบบนี้ล่ะ หืม?”“อ๊า! บะ เบาๆ หน่อย แล้วผมก็ไม่ได้อ่อนแอ คุณต่างหากที่ไม่…ไม่รู้จักพอ อื้อ! นี่มัน…รอบที่เท่าไหร่แล้ว เจลหล่อลื่น…หมดไปกี่ขวด…แล้
แขกที่ไม่ได้เชิญเย็นวันนี้บ้านผมจะมีแขกล่ะ ซึ่งมันเป็นแขกที่จู่ๆ ตัวมันก็อัญเชิญตัวเองมาเป็นแขก โดยที่ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่า เย็นนี้ผมกับคุณกฤษณ์จะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย จากที่คิดว่าจะสั่งอาหารเมนูง่ายๆ มากินกันสองคนแบบผัวๆ เมียๆ นั่งดูซีรีส์ คุยหยอกเอินกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็จบลงที่เราทั้งคู่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน แต่ผมกลับต้องมาทำเมนูตามสิ่งที่แขกที่ไม่ได้เชิญมาบอกซะอย่างนั้นมันบอกว่าอยากกินอาหารอิตาเลียน ฉิบหาย! กูคงทำเป็นมั้ง เชฟมือทองเลยมั้งกูอะ แค่อาหารไทยบางอย่างที่ง่ายๆ ผมยังทำไม่ค่อยจะอร่อยเลยครับ ส่วนคนที่บอกว่าอร่อยนั่นน่ะ เขามันคงลิ้นจระเข้แล้ว อย่างเช่น…สามีสุดหล่อของผมเอง ที่พอผมทำอะไรให้กินก็บอกว่าอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ แต่ผมว่านะ อีกหน่อยแก่ตัวไป ไม่ได้ตัดขาก็ได้ไปนอนฟอกไตอยู่เตียงข้างๆ กันอะ คิกคิก ถึงแม้ว่าตอนที่ได้อ่านสาส์นจากเพื่อนรัก แล้วอยากพิมพ์ด่ากลับไปมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเองก็เป็นคนมีมโนธรรมอยู่บ้างคนหนึ่ง เพราะงั้น…จะเห็นแก่คุณงามความดีของมัน ที่มันคอยช่วยซัพพอร์ต คอยให้การช่วยเหลือคุณกฤษณ์ ในการซุ่มจัดเตรียมงานแต่งงานของเ
ฝึกเอาใจใส่สามีนี่ก็ผ่านวันแต่งงานมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมกับคุณกฤษณ์พักกันอยู่ที่เรือนเล็กทรงไทยทันสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักที่รีสอร์ทมากกว่าพักอยู่บ้านซะอีก เรือนเล็กหลังนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ของหม่อมแม่คุณกฤษณ์ เดิมทีผมเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ค้างที่นี่หรอก เพราะว่ามันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันไม่คุ้นชินที่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากหักหน้าผู้ใหญ่ท่าน ในเมื่อท่านแสดงความเมตตาต่อผม ผมที่เป็นเด็กกว่า แถมยังหลงรักลูกชายท่านหัวปักหัวปำขนาดนี้จะกล้าขัดได้อย่างไรผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมก็ว่าแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าท่านเมตตาเด็กที่ไม่มีอะไรติดตัวอย่างผมมากๆ แล้ว ที่ยอมให้เด็กตัวคนเดียวแถมยังจนอีกอย่างผม คบหาและแต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน แทนที่จะได้แต่งงานมีลูกหลานไว้สืบสกุล แถมวันงานท่านยังเดินยิ้มแย้ม เชิดหน้าชูตา ไม่สน ไม่แคร์ว่าจะมีกลุ่มคนที่ได้รับเชิญมาเป็นแขกในงานมงคล จะแอบซุบซิบนินทา ว่าร้ายอะไรให้ระคายหูบ้าง ที่ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดาๆ อีกด้วยวันนั้น หลังจากที่พิ
วันนี้ผมนัดเจอกับฟูจิที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ที่ทำงานของฟูจิ เพื่อที่จะเอาของฝากที่ซื้อมาให้มันกับพี่แดนไทย คุณกฤษณ์แวะมาส่งผมที่หน้าห้างก่อนที่เขาจะเลยไปทำธุระส่วนตัวต่อร้านกาแฟชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้า คือสถานที่นัดพบของผมกับเพื่อนเลิฟที่มีอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ คือพอดีว่าผมเน้นเพื่อนที่คุณภาพไม่ได้เน้นปริมาณ เพราะงั้นก็เลยมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทกันจริงๆ น่ะผมเข้ามารอในร้านและสั่งเครื่องดื่มมานั่งรอ เนื่องจากอากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนจัดจนแทบเดือด นั่งจิบกาแฟที่สั่งมาได้ไม่นาน เพื่อนรักของผมก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสภาพที่เรียกว่าตัวแทบเปื่อยจนแทบจะเหลวเป็นน้ำได้ “จิ ทางนี้” ผมเรียกเบาๆ พลางโบกมือไปมา ส่งยิ้มทักทายให้ด้วยความดีใจที่ได้เจอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร“โทษทีวะมึง รถแม่งโคตรติด ข้างนอกร้อนฉิบหายเลย” มาถึงฟูจิมันบ่นๆ พลางกระพือเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนระบายความร้อน พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมก่อนที่มันจะโบกลมใส่หน้าตัวเอง ด้วยท่าทางมีจริตจะกร้าน เห็นแล้วชวนให้น่าหมั่นไส้มากกกก“เออๆ ไม่เป็นไร กูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ที่นัดมึงตอนเวลาพักเที่ยงแบบนี้ จะกินน้ำอะไรด
แสงแดดยามเช้า สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใสเข้ามาในห้อง แสงตกกระทบลงบนใบหน้าของผมที่นอนฝั่งใกล้หน้าต่างเข้าพอดี ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมารับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ ไกลถึงประเทศสิงคโปร์ หันมองข้างตัวก็เจอความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่หูก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็เลยรู้ว่าคุณกฤษณ์กำลังอาบน้ำอยู่ ผมลุกขึ้นมานั่งเอามือยีหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกพลัง บิดแขนเอี้ยวตัวไปมาอีกนิดหน่อย อืม...ผมว่าผมหายเป็นปกติแล้วล่ะ ไม่ปวดเมื่อยตัว ไม่มึนหัว ไม่ง่วงนอนเหมือนเมื่อวานนี้แล้ว และพอจะก้าวขาลงจากเตียงคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เดินออกมาพอดี ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขายังมีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อย ดูบนแผงอกกว้างกำยำนั่นสิ มีหยดน้ำเม็ดเล็กๆ เกาะพราวอยู่ด้วย แล้วตรงหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเขามันก็ตั้งชันสู้อากาศเย็นฉ่ำภายในห้องด้วย มันช่างท้าทายผมซะเหลือเกิน…ฮึ่ม!! อึก! ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอึกใหญ่ เลื่อนสายตาจากแผงอกและหัวนมของเขาลงไปที่หน้าท้องซึ่งมีกล้ามสวยเป็นลอนงามๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ปมผ้าขนหนูสีขาวผืนหนาที่พันอยู่รอบเอวสอบที่ผมชอบกอด ชอบเอาขาเกาะเกี่ยวด้วยใบหน้าเห่อร้อนอา...เซ็กซี่เป็น
เกือบหนึ่งทุ่มผมกับคุณกฤษณ์ถึงได้พากันออกจากบ้าน รถติดตลอดทาง ซึ่งกว่าจะไปถึงร้านพี่ย้งที่อยู่อารีย์ก็เรียกว่าไปสายมากพอสมควร ตอนที่อยู่ในรถไอ้ฟูจิก็ไลน์มาเร่งผมยิกๆ ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา กลัวเหล้าที่ร้านพี่ย้งหมดร้านหรือว่ากลัวร้านพี่ย้งจะหายไปในอากาศหรือยังไงก็ไม่รู้และเพียงก้าวเท้าเข้าไปข้างในร้าน นอกจากลูกค้าที่มาใช้บริการกันอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ผมยังปะหน้ากับพี่ย้งที่ในมือถือแก้วเหล้าเป็นปกติของแกเข้าพอดี ผมคาดเดาว่าคงเป็นลูกค้าสาวๆ กลุ่มนั้นนั่นแหละ ที่จัดการแบ่งปันเครื่องดื่มที่พวกตัวเองเป็นจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านได้เมาเกือบหัวราน้ำตั้งแต่หัวค่ำ“โอ้โห ไอ้คุณโยครับ กว่าจะโผล่หัวมาให้พี่ให้เชื้อเจอตัวได้นะ กูนึกว่าดาราดัง!” พี่ย้งเอ่ยแกมประชด แซวผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเบนสายตาไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมซึ่งก็คือคุณกฤษณ์ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาที่ผมพลางเบ้ปากหน่อยๆ หนวดที่ขึ้นหรอมแหรมอยู่เหนือริมฝีปากบนนี่กระดิกยิกๆ เลย ราวกับว่าความอยากเสือกและความช่างกระแนะกระแหน มันพุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดแข่งกับแอลกอฮอล์ที่แกดื่มอยู่ทุกคืน“พี่ย้ง สวัสดีครับ” ผมรีบเ
หลังกลับมาจากนครนายก นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบสุขจนน่าหวั่นเกรงหน่อยๆ เส้นทางมันราบรื่นมากเกินไปจนน่ากลัว ทางบ้านของคุณกฤษณ์ก็ไม่มีการโทรมาตามผมไปต่อว่าต่อขาน ไม่มีการเรียกตัวคุณกฤษณ์ไปพบ ไม่มีการสร้างเรื่องราวมาให้ชวนปวดใจและปวดหัวเหมือนในละครหลังข่าวแต่ว่าวันนี้มันก็มีข่าวหนึ่งที่ผมเห็นผ่านตาจากโซเชียลแล้วมันก็ทำให้ผมตกใจมากเช่นกัน ตกใจจนตาค้างเลยล่ะครับระหว่างที่ผมกำลังไถเฟซบุ๊กเล่นอยู่นั้น หน้าฟีดจากสำนักข่าวซุบซิบเซเลปคนดังก็ขึ้นข่าวของคุณริตา ผมจำเธอได้เพราะรูปเธอขึ้นเด่นหราขณะที่กำลังก้าวขาขึ้นรถคันหรูไปกับผู้ชายหนึ่งคน หัวข้อข่าวเขียนว่าทั้งคู่กำลังจะจัดงานแต่งงานกันเร็วๆ นี้ และฝ่ายชายก็เป็นถึงทายาทเศรษฐีนักธุรกิจในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์“เชี่ย!” ผมรีบถือโทรศัพท์วิ่งไปยังห้องทำงานของคุณกฤษณ์ทันที ไม่สนใจเรื่องมารยาทที่ว่าต้องเคาะประตูก่อน ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป คนในห้องก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโย หน้าตาตื่นมาเชียว” คุณกฤษณ์ถาม พลางวางปากกาที่อยู่ในมือลงบนสมุดตรวจงาน พลางมองมาที่ผมด้วยสีหน้าใคร่รู้“คุณ คุณเห
“คุยอะไรกับพี่หญิงครับคุณโย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่นั่งลงข้างๆ ผม ผมมองเขาแวบหนึ่งแล้วเหลือบมองไปยังผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่ข้างๆ เจ้าของคำถาม ก่อนที่จะตอบคำถามของเขาด้วยเสียงเรียบเรื่อย “คุยเรื่องทั่วไปๆ แหละครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะแสดงสีหน้าปกติ แต่ว่าภายในใจของผมก็นึกอยากจะถามเขากลับไปอยู่เหมือนกัน ว่าเขาหายหัวไปไหนมาตั้งนานสองนาน ทำไมไม่ตามผมออกมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมหนีมาจากดงผู้ดีนั้นแล้ว แต่มาคิดๆ ดูอีกทีให้มันดีๆ แล้ว หากว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงจะดูเป็นคนที่แย่มากในสายตาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหม่อมแม่ของเขา แล้วเสียงหวานๆ ของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการพูดคุย การมองตาของผมกับคนข้างๆ เหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะแทรกเข้ามาระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว“น้ำเย็นมากไหมคะคุณโย ริตากลัวหนาวจังเลยค่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยอ่า...แต่ว่าดูจากชุดที่คุณริตาเธอใส่มาแล้ว ไม่น่าถามคำถามนี้ออกมาเลยนะครับ ดูคุณริตาเธอก็เตรียมตัวมาเล่นน้ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เสื้อสายเดี่ยวสีหวานๆ รัดๆ ขับเน้นหน้าอกหน้าใจให้เห็นกันจะๆ แบบไม่ปิดบังสายตา
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณกฤษณ์ก็ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น มันราบรื่นดีจนน่าตกใจเลยล่ะครับ วันจันทร์ถึงวันศุกร์เขาก็ออกไปทำงาน ไปสอนหนังสือ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ขลุกอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีใครมากวนใจ เราสองคนยังคงมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันอยู่ทุกค่ำทุกคืน แล้วก็มีบ่อยครั้งที่ผมถามว่าเขาออกไปว่า ‘เคยคิดที่จะเบื่อเซ็กส์ของผมบ้างไหม?’ คำตอบที่ได้ก็คือผมโดนจัดหนักจัดเต็มจนร่างแทบร่วงเป็นมะม่วงถูกสอยลงมาจากต้น แล้วจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลิกถาม เพราะว่าผมต่อกรกับคนหื่นกามอย่างคุณกฤษณ์ไม่ไหวจริงๆ “คุณโย พรุ่งนี้พี่หญิงชวนไปปิกนิก คุณโยคิดว่าไงครับ อยากไปไหม?” คำถามจากคนที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันกับผมซึ่งเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมเบิกตาโตเล็กน้อย รีบเคี้ยวข้าวในปากให้หมดก่อนถามออกไป “ปิกนิกเหรอครับ?”เขาพยักหน้ารับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ใช่ครับ ไปน้ำตกที่นครนายก ครอบครัวของผมเรามีบ้านพักอยู่ที่นั่นด้วย” พูดมาแบบนี้คงไม่คิดที่จะไปค้างคืนหรอกใช่ไหม?“พี่หญิงชวนค้างที่นั่น คงต้องค้างสักคืน” นั่นไง กูว่าแล้วเชียว“ต้องค้างด้วยเหรอครับ” ผมกะพริบตาป