ช่วงเย็นวันต่อมา
“ พวกมึงไปดูเด็กปีหนึ่งรับน้องปะ ปีนี้มีแต่แจ่มๆ กูไปส่องมาละ ” กันต์เอ่ยถามหลังจากลงมาจากตึกเรียนแล้วเจอเข้ากับกลุ่มเพื่อนของตน “ กูไป ” ขุนเขารีบยกมือขึ้นอย่างไวด้วยท่าทางกระตือรือร้น “ พวกมึงอะจะไปไหม ” กันต์เอ่ยถามแดนดินกับเป็นหนึ่ง “ อืม ” เพราะไม่รู้จะไปไหนเขาสองคนจึงตอบตกลงไป หลังจากตกลงกันได้แล้วสี่หนุ่มฮ็อตคณะวิศวะก็มุ่งหน้าไปยังลานเกียร์ ลานเกียร์วิศวะ วันนี้เป็นวันรับน้องวันแรกของนักศึกษาวิศวะปีหนึ่งรวมทุกสาขา ซึ่งปีนี้ทางมหาลัยได้ออกนโยบายให้จัดกิจกรรมนับน้องได้ไม่เกินสามวันทุกอย่างเลยเป็นการเร่งรีบและรวบรัดแบบง่ายๆ รุ่นพี่ปีสองปีสามใส่เสื้อช็อปประจำแต่ละคณะของตัวเองส่วนปีหนึ่งใส่เสื้อสีดำที่รุ่นพี่แจกจ่ายให้เพื่อเปลี่ยนใส่ในตอนเลิกเรียนก่อนมาทำกิจกรรมรับน้อง โดยสาขายานยนต์ใส่เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมู สาขาโยธาใส่เสื้อช็อปสีเทา สาขาอื่นๆ ก็จะแตกต่างกันออกไป “ เห้ย!! นั่นน้องคนสวยที่ถามทางเมื่อวานนี่หว่า ” ขุนเขาเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ไปที่หลินและเหมยลี่ที่นั่งอยู่ลานเกียร์ “ จริงด้วยว่ะ แม่ของลูกกูเลย ” กันต์เอ่ยสมทบดวงตาเต็มไปด้วยความชมชอบ จนเป็นหนึ่งตวัดสายตาไปมองเพื่อนอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็เก็บซ่อนอาการไว้อย่างมิดชิดภายใต้สายตาเรียบนิ่ง เฉยชาตามสไตล์เขา “ เอ้า!!น้องๆ พวกพี่ปีสามแนะนำตัวกันหมดแล้วทีนี้ก็ถึงทีพวกคุณแนะนำตัวกันบ้างนะครับ ” เสียงของประทานเฮดว๊ากวิศวะปีสามเอ่ยขึ้น “ แต่ถ้าจะให้แนะนำตัวแบบธรรมดามันคงจะไม่ใช่สไตล์วิศวะซักเท่าไหร่ ” รองประธานเฮดว๊ากเอ่ยขึ้นตามด้วยเสียงเนิบๆ “ แต่ว่า…ผมจะให้พวกคุณเต้น พร้อมเอ่ยแนะนำตัวทีละคนเป็นไงครับ ” “ โหววว / โอ๊ยพี่ ” เสียงปีหนึ่งต่างพากันร้องอิดออดยกใหญ่ “ เงียบบบบ ” ประธานเฮดว๊ากตะโกนลั่นลานเกียร์หยุดเสียงของรุ่นน้องปีหนึ่งได้อย่างดี หลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวตามสไตล์ของแต่ละคนต่างสร้างเสียงเฮฮาดังลั่นทั้งลานเกียร์จนมาถึงคิวของหลิน “ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อหลิน หนูชื่อหลิน มากับเหมยแล้วก็มากับภีม เรียนวิศวะสาขาโยธาค่ะ ” หลินทำท่าเต้นเบาๆ พร้อมชี้เข้าหาตัวแล้วชี้ไปที่เหมยลี่และภีมเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันด้วยรอยยิ้มอย่างน่ารัก น่าเอ็นดูจนเห็นลักยิ้มสองข้างทรงเสน่ห์ “ เย็ดโด้ววว อย่างน่ารักอะ / คนรึนางฟ้าวะนั่น / แม่งสเป็กเลยว่ะ ” หนุ่มๆ แถวนั้นต่างจ้องไปที่ร่างบางพร้อมเอ่ยราวกับละเมอจน สร้างความไม่พึงพอใจให้กับเป็นหนึ่งเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องข่มกั้นความรู้สึกโดยการกำมือแน่นแต่หารู้ไม่ว่าทุกอากัปกริยาของเขาได้ตกอยู่ในสายตาของแดนดินผู้ที่เป็นอินโทรเวิร์ตแต่สายตาเก็บรายละเอียดได้ทุกอย่างเป็นอย่างดี “ ชอบ? ” แดนดินเตะขาเป็นหนึ่งใต้โต๊ะเบาๆ พรางเลิกคิ้วเป็นการถาม “ ชอบเหี้ยไร ลำคานเสียงดัง ” หนึ่งชักสีหน้าใส่เพื่อนทันทีที่ถามอะไรไร้สาระ “ หึ!! ” แดนดินยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ กูว่ากูเจอแม่ของลูกแล้วว่ะไอ้ขุน ” กันต์ยกแขนขึ้นมาพาดคอขุนเขา ที่นั่งอยู่ข้างกันพร้อมเอื้อนเอ่ยออกไปราวกับคนถูกมนต์สะกด “ กูก็เห็นมึงพูดแบบนี้ทุกราย ” ขุนเขาทำหน้าเอือมๆ แล้วยกแขนเพื่อนออก “ แต่คนนี้กูจริงจังนะเว้ย ” กันต์พูดออกไปโดยไม่ได้มองสายตาเพื่อนที่นั่งตรงข้ามกันเลยสักนิดเพราะสายตามัวแต่จับจ้องร่างบางของหลินอยู่ไม่วางตา จนเวลารับน้องล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกการรับน้องของวันนี้ รุ่นพี่ปีสามจึงได้สั่งแยกย้ายกลับบ้านได้ “ เอาล่ะครับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนเอาพอหอมปากหอมคอพอวันนี้ พรุ่งนี้เราจะมาจับฉลากคำใบ้พี่รหัสกัน…จะได้ตื่นเต้นกว่านี้แน่ๆ วันนี้เชิญแยกย้ายครับ ” หลังจากจบเสียงพี่ปีสามปีหนึ่งก็แยกย้ายกันทันทีเพราะเหนื่อยล้าเต็มทีทั้งเรียนทั้งรับน้องติดต่อกันหลายชั่วโมง “ กลับห้องเลยไหมคุณ…” เสียงของเหมยลี่หายไปแค่นั้นเพราะโดนสายตาของหลินจ้องมองเขม็ง แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นจนไม่ทันได้มีใครสังเกตเห็นก็ปรับสีหน้าปกติ " บอกให้เรียกว่าไง " เสียงหลินเอ่ยนิ่งๆ เบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่ถึงอย่างนั้นเหมยลี่ก็ได้ยินชัดแจ๋ว “ เอ่อ…หลิน ” เหมยลี่มีสีหน้าสลดลงนิดหน่อยก่อนจะทำตัวให้เป็นปกติดังเดิม “ อืม ” หลินตอบรับในลำคอประมาณว่า ‘จำได้ก็ดี’ “ วันนี้จะไปทำงานที่ผับ จะไปด้วยกันอีกปะ ” หลินเลิกคิ้วถามเหมยลี่ขณะที่กำลังเดินไปที่รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ไม่ได้ทรุดโทรมอะไรแต่ก็ไม่ได้มียี่ห้อที่หรูหราเหมือนคนอื่นๆ ที่เรียนที่มหาลัยแห่งนี้ “ ไปสิหลินไปไหนเหมยก็ไปที่นั่น ” เหมยตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด “ ไม่ต้องตามติดหลินขนาดนี้ก็ได้นะเหมย ไปใช้ชีวิตของตัวเองบ้างงง ” หลิ่นเอ่ยบอกอย่างอ่อนอก อ่อนใจที่เหมยตามติดเธอไปซะทุกที่ตั้งแต่มาถึงไทย “ ถ้าทำแบบนั้น แม่ก็ได้ดุเหมยน่ะสิแล้วที่สำคัญ หลินเพิ่งจะมาใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้จะไม่ให้เหมยห่วงได้ไง ” เหมยมีสีหน้าจริงจัง “ เอาน่าเหมยก็รู้ว่าหลินเก่งจะตายเอาตัวรอดได้น่าาา ” หลินยกมือขึ้นไปจับมือของเหมยลูบเบาๆ ให้วางใจ “ เอางั้นก็ได้…แต่ถ้ามีอะไรหลินรีบโทรหาเหมยทันทีเลยนะเข้าใจไหม ” จากนั้นหลินก็ยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเบาๆ “ หลิน…เหมย รอก่อนๆ ” เป็นภีมที่วิ่งตามมาที่ลานจอดรถ “ หืมมม!! ” ทั้งสองสาวชงักฝีเท้าแล้วหันหลังไปมอง พรางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม “ เราลืมแลกคอนแทรกกับพวกเธอสองคนไว้น่ะ ไหนๆ เราก็เรียนคณะสาขาเดียวกัน ห้องเดียวกันแล้วนี่ ” ภีมยิ้มให้สองสาวจนตาหยี “ อ่อ อื้มเอาโทรศัพท์มาสิ ” เหมยแบมือขอโทรศัพท์จากภีมแล้วก็ให้ไลน์กับไอจีทั้งของตัวเองและหลินให้กับภีมไป เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับโดยที่เหมยลี่กลับกับหลินเพราะพักคอนโดเดียวกันแต่คนละห้อง อีกด้านหนึ่งของลานจอดรถในมหาลัย “ หึ!!! เสน่ห์แรงไม่เบานี่ ” ในขณะที่หนึ่งนั่งอยู่ในรถคันหรูสีดำเงาราคาห้าสิบล้านเตรียมจะขับออกไปอยู่นั้นก็มองไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินมาที่รถโดยมีหนุ่มหล่อวิ่งตามหลังมาคาดว่าจะน่ามาขอเบอร์ไม่ใครก็คนนึง“ หึ!!! เสน่ห์แรงไม่เบานี่ ” ในขณะที่หนึ่งนั่งอยู่ในรถคันหรูสีดำเงาราคาห้าสิบล้านเตรียมจะขับออกไปอยู่นั้นก็มองไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินมาที่รถโดยมีหนุ่มหล่อวิ่งตามหลังมาคาดว่าจะน่ามาขอเบอร์ไม่ใครก็คนนึงBig As ผับ 21:30 น.“ ไงมาช้านะมึง ” กันต์ทักขึ้นหลังจากที่ร่างสูงของหนึ่งนั่งลงที่โซฟาโต๊ะประจำเป็นโซน VIP ที่อยู่ชิดด้านขวาของเวทีมีโซฟายาวสองตัว และโซฟาเดี่ยวอีกสองตัวล้อมรอบโต๊ะหรู ส่วนโซนด้านซ้ายสุดจะเป็นมุมบาร์เครื่องดื่ม โซนกลางเดินลงบรรไดไปสี่ถึงห้าขั้นก็จะเป็นโซนปกติที่เหล่านักท่องราตรีส่ายสะโพกโยกย้ายกันอยู่ผับแห่งนี้เป็นผับหรูเปิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ได้ยินข่าวว่ารุ่นพี่ที่จบไปแล้วเป็นเจ้าของผับแห่งนี้โดยร่วมหุ้นกันอยู่สองคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นเขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครหรือออกมาเปิดตัวกันซักเท่าไหร่“ รถติด ” เป็นหนึ่งตอบสั้นๆ เพียงแค่นั้นก่อนจะนั่งที่โซฟาเดี่ยว กลายเป็นตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนนั่งโซฟากันคนละตัว จากนั้นเขาก็ยกมือกวักเรียกพนักงานเป็นสัญญาณให้มาชงเหล้าให้อีกด้านของผับ โซนบาร์เครื่องดื่ม“หลินๆ ไปดูโซนVIPฝั่งนู้นให้พี่หน่อยสิวันนี้คนมาเยอะกว
“ เอ๊ะ!! นี่พี่ขึ้นมาทำไม ” เธอเหวใส่เขาเสียงดังขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย“ ก็จะกลับ ไปส่งหน่อยดิพอดีฉันไม่ได้เอารถมา ” เค้าตอบออกมาปกติ ราวกับว่าสนิทสนมรู้จักกันมาเนิ่นนาน ถึงแม้เขาจะเอารถมาอยู่ก็ตามเถอะแต่เดี๋ยวค่อยให้ลูกน้องมาขับกลับไป“ เรื่องอะไรล่ะคะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเพื่อนพี่ก็มีก็ให้เพื่อนไปส่งสิ ” เธอยังคงไม่ยินยอม เพราะไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาทำตัวสนิทสนมและขึ้นรถส่วนตัวของตัวเองโดยที่ไม่ได้ยินยอม“ อยากสนิทไหมล่ะ ” เขาโน้มหน้ามาใกล้จนเธอต้องเอนหลังหนีจนชิดกับขอบประตู“ ถอยไปนะ…จะเข้ามาใกล้ทำไมเล่า…ใครอยากสนิทกับพี่กัน ” เธอดันอกเขาให้ออกห่างและยังคงรักษาสีหน้าได้อย่างปกติ แม้ในใจจะเต้นแรงมากก็ก็ตามเพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้นอกจากพี่ชายกับป๊าของเธอเท่านั้น“ หึ เพื่อนฉันกลับกันหมดแล้ว แค่ไปส่งรุ่นพี่แค่นี้จะเป็นไร…อย่าแล้งน้ำใจหน่อยเลยน่าาาา ”“ โอเคๆ อยู่แถวไหนบอกทางหนูด้วยละกัน ” เธอจึงจำใจตอบรับที่จะไปส่งเขาเพราะดูท่าเขาน่าจะไม่ยอมลงไปแล้วล่ะจากนั้นเธอก็ขับรถพาเค้ามาส่งที่คอนโดหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง“ ถึงแล้วค่ะลงไปสิคะ ”เป็นหนึ่งลืมตาขึ้นมามอง เพ
ตอนที่5 ในห้องน้ำช่วงเที่ยงวันต่อมาเนื่องจากวันนี้อาจารย์ยกคลาสสอนทำให้ห้องเรียนของหลินว่างคาบบ่าย หลังจากทานข้าวเสร็จก็พากันมานั่งพี่โต๊ะหินอ่อนข้างช็อปโยธาซึ่งใกล้กับช็อปของคณะยานยนต์เพื่อรอเวลารวมรับน้องช่วงเย็นจะให้กลับห้องก่อนก็กลัวเสียเวลาจึงพากันมานั่งรอจะดีกว่า“ หลิน เหมยตอนเย็นว่างปะไปช็อปปิ้งกันไหม ”ภีมหรือภีมมี่เอ่ยถามสองสาวหลังจากที่แอ็บแมนมานานพอได้คุย ได้รู้จักสนิทสนมกันภีมจึงยอมรับที่จะเปิดเผยตัวตนให้สองสาวได้รู้จักว่าตัวเองเป็นเกย์สองสาวเลยสนิทใจกับภีมมากขึ้น“ ไปสิ หลินล่ะไปเปล่า ” เหมยลี่ตอบรับก่อนจะหันไปถามหลิน“ อื้อไปดิ……เห้ย!!ไม่ได้ ” หลินที่ฟุบหน้าหลับตาอยู่ตอบรับเพื่อน ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งยืดตัวตรง เอ่ยเสียงอุทานดังจนเพื่อนตกใจ เมื่อเธอคิดอะไรบางอย่างออก“ ตะเถร!! แม่...แม่ร่วง ” ภีมยกมือขึ้นทาบอกตกใจกับหลินที่จู่ๆ ก็ลุกนั่ง พรวดขึ้นมา“โอ๊ยหลินแกจะร้องเสียงดังทำไมตกอก ตกใจหมด”“ นั่นสิหลินเป็นอะไร ” เหมยลี่เอ่ยถาม“ คือหลินลืมอะ ว่าต้องไปทำงานวันนี้ ”“ งาน…งานอะไรของแก ” ภีมเอ่ยถามแต่เหมยลี่ไม่ได้ถามต่อเพราะหลินเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างแล้ว พวกเธอสองคนไม่เ
เรื่องนี้เป็นภาคของเป็นหนึ่ง เพื่อนของแดนดินพระเอกจากเรื่อง STORY OF LOVE - DANDIN เพราะรักมันฝังใจ นะคะใครที่ยังไม่ได้ดูภาคของแดนดินต้องอ่านก่อนมาอ่านเรื่องนี้นะคะเดี๋ยวไม่รู้เรื่องน๊าาา🩷เป็นหนึ่ง หรือ โนอาร์ วิลสัน อายุ 20 ปี สูง187เรียนวิศวะยานยนต์ ปี2ภายนอกที่คนมองเขา อาจจะคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกชายเจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู มีสายตาที่ดูดุกร้าว หน้านิ่ง เย็นชา แต่เบื้องหลังที่ผู้คนภายนอกไม่รู้คือ เขาเป็นทายาทมาเฟียลิตาลี่ ที่โหดร้าย เยือกเย็น สมกับฉายา เจ้าชายน้ำแข็ง ที่เพื่อนสนิทตั้งให้ไม่มีผิดเพี้ยนเลยซักนิด*******************หลิน หรือ ลี่หลิน อายุ 19 ปี สูง165 เธอเป็นสาวเรียบร้อย อ่อนหวาน ใสซื่อ เป็นหนึ่งเข้าใจว่าเธอต้องการเงินจึงจ้างให้มาทำงานบ้านให้ เธอมาเรียนที่ไทยกับเหมยลี่เพื่อนสาวคนสนิทเพียงสองคนแต่นั่นเป็นเพียงภายนอกที่สร้างขึ้นเท่านั้น เบื้องหลังของเธอนั้นลึกลับกว่าที่ใครจะคาดคิด**********************เรื่องนี้มีE-Book แล้วนะคะ สามารถหาซื้ออ่านได้ที่Meb เลยค่าซื้ออีบุ๊ค จิ้มเลยจ้าhttps://www.mebmarket.com/ebook-347119-Mafia-Of-LovendashNoah-มาเฟียร้ายพ่ายรัก******
ณ มหาวิทยาลัย Kingหน้าช็อปวิศวะยานยนต์ช่วงพักกลางวันนักศึกษาต่างพากันจับจองที่นั่งจับกลุ่มคุยกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณหน้าช็อปคณะเป็นทางยาว แทบจะไม่มีที่ว่าง เป็นภาพที่ชินตาไปแล้วสำหรับชาวคณะวิศวะยานยนต์ร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ใบหน้าคมคาย จมูกโด่ง รับกับเรียวปากกระจับสวยได้รูป ผิวพรรณขาวราวกับผู้หญิง แต่สายตาคมแฝงไปด้วยความดุร้ายแต่กร้าวใจ กำลังนั่งไถมือถือเล่นไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง แม้ว่าจะมีสายตาของสาวๆ ต่างคณะส่งสายตาทอดสะพานให้เค้าก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยโดยมีหนุ่มหล่อร่างสูงอีกสองคนนั่งร่วมโต๊ะด้วยอีกคนนั่งอ่านหนังสือโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเช่นกันแต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่ส่งสายตาแพรวพราวให้กับเหล่าสาวสวยที่เดินผ่านซึ่งหนุ่มหล่อ หนุ่มฮ็อตคนแรกที่จดจ่อกับมือถือเครื่องหรูนั่นก็คือ เป็นหนึ่ง หรือโนอาร์ วิลสัน อายุ20 ปี สูง187/62 เรียนวิศวะยานยนต์ปี2 เป็นลูกเสี้ยวไทย-จีน-อิตาลี่ นิสัยดุ โหด ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ชอบพูดกับคนไม่สนิท ทั้งชีวิตมีเพื่อนสนิทแค่3คน ได้แก่ แดนดิน กันต์ ขุนเขาคนที่สองที่นั่งอ่านหนังสือ แดนดิน หนุ่มหล่อฟ้าประทานแห่งคณะบริหาร ผู้ที่ไม่เคยสนใจสาวๆ หรือข้องแวะ
ตอนที่5 ในห้องน้ำช่วงเที่ยงวันต่อมาเนื่องจากวันนี้อาจารย์ยกคลาสสอนทำให้ห้องเรียนของหลินว่างคาบบ่าย หลังจากทานข้าวเสร็จก็พากันมานั่งพี่โต๊ะหินอ่อนข้างช็อปโยธาซึ่งใกล้กับช็อปของคณะยานยนต์เพื่อรอเวลารวมรับน้องช่วงเย็นจะให้กลับห้องก่อนก็กลัวเสียเวลาจึงพากันมานั่งรอจะดีกว่า“ หลิน เหมยตอนเย็นว่างปะไปช็อปปิ้งกันไหม ”ภีมหรือภีมมี่เอ่ยถามสองสาวหลังจากที่แอ็บแมนมานานพอได้คุย ได้รู้จักสนิทสนมกันภีมจึงยอมรับที่จะเปิดเผยตัวตนให้สองสาวได้รู้จักว่าตัวเองเป็นเกย์สองสาวเลยสนิทใจกับภีมมากขึ้น“ ไปสิ หลินล่ะไปเปล่า ” เหมยลี่ตอบรับก่อนจะหันไปถามหลิน“ อื้อไปดิ……เห้ย!!ไม่ได้ ” หลินที่ฟุบหน้าหลับตาอยู่ตอบรับเพื่อน ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งยืดตัวตรง เอ่ยเสียงอุทานดังจนเพื่อนตกใจ เมื่อเธอคิดอะไรบางอย่างออก“ ตะเถร!! แม่...แม่ร่วง ” ภีมยกมือขึ้นทาบอกตกใจกับหลินที่จู่ๆ ก็ลุกนั่ง พรวดขึ้นมา“โอ๊ยหลินแกจะร้องเสียงดังทำไมตกอก ตกใจหมด”“ นั่นสิหลินเป็นอะไร ” เหมยลี่เอ่ยถาม“ คือหลินลืมอะ ว่าต้องไปทำงานวันนี้ ”“ งาน…งานอะไรของแก ” ภีมเอ่ยถามแต่เหมยลี่ไม่ได้ถามต่อเพราะหลินเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างแล้ว พวกเธอสองคนไม่เ
“ เอ๊ะ!! นี่พี่ขึ้นมาทำไม ” เธอเหวใส่เขาเสียงดังขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย“ ก็จะกลับ ไปส่งหน่อยดิพอดีฉันไม่ได้เอารถมา ” เค้าตอบออกมาปกติ ราวกับว่าสนิทสนมรู้จักกันมาเนิ่นนาน ถึงแม้เขาจะเอารถมาอยู่ก็ตามเถอะแต่เดี๋ยวค่อยให้ลูกน้องมาขับกลับไป“ เรื่องอะไรล่ะคะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเพื่อนพี่ก็มีก็ให้เพื่อนไปส่งสิ ” เธอยังคงไม่ยินยอม เพราะไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาทำตัวสนิทสนมและขึ้นรถส่วนตัวของตัวเองโดยที่ไม่ได้ยินยอม“ อยากสนิทไหมล่ะ ” เขาโน้มหน้ามาใกล้จนเธอต้องเอนหลังหนีจนชิดกับขอบประตู“ ถอยไปนะ…จะเข้ามาใกล้ทำไมเล่า…ใครอยากสนิทกับพี่กัน ” เธอดันอกเขาให้ออกห่างและยังคงรักษาสีหน้าได้อย่างปกติ แม้ในใจจะเต้นแรงมากก็ก็ตามเพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้นอกจากพี่ชายกับป๊าของเธอเท่านั้น“ หึ เพื่อนฉันกลับกันหมดแล้ว แค่ไปส่งรุ่นพี่แค่นี้จะเป็นไร…อย่าแล้งน้ำใจหน่อยเลยน่าาาา ”“ โอเคๆ อยู่แถวไหนบอกทางหนูด้วยละกัน ” เธอจึงจำใจตอบรับที่จะไปส่งเขาเพราะดูท่าเขาน่าจะไม่ยอมลงไปแล้วล่ะจากนั้นเธอก็ขับรถพาเค้ามาส่งที่คอนโดหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง“ ถึงแล้วค่ะลงไปสิคะ ”เป็นหนึ่งลืมตาขึ้นมามอง เพ
“ หึ!!! เสน่ห์แรงไม่เบานี่ ” ในขณะที่หนึ่งนั่งอยู่ในรถคันหรูสีดำเงาราคาห้าสิบล้านเตรียมจะขับออกไปอยู่นั้นก็มองไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินมาที่รถโดยมีหนุ่มหล่อวิ่งตามหลังมาคาดว่าจะน่ามาขอเบอร์ไม่ใครก็คนนึงBig As ผับ 21:30 น.“ ไงมาช้านะมึง ” กันต์ทักขึ้นหลังจากที่ร่างสูงของหนึ่งนั่งลงที่โซฟาโต๊ะประจำเป็นโซน VIP ที่อยู่ชิดด้านขวาของเวทีมีโซฟายาวสองตัว และโซฟาเดี่ยวอีกสองตัวล้อมรอบโต๊ะหรู ส่วนโซนด้านซ้ายสุดจะเป็นมุมบาร์เครื่องดื่ม โซนกลางเดินลงบรรไดไปสี่ถึงห้าขั้นก็จะเป็นโซนปกติที่เหล่านักท่องราตรีส่ายสะโพกโยกย้ายกันอยู่ผับแห่งนี้เป็นผับหรูเปิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ได้ยินข่าวว่ารุ่นพี่ที่จบไปแล้วเป็นเจ้าของผับแห่งนี้โดยร่วมหุ้นกันอยู่สองคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นเขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครหรือออกมาเปิดตัวกันซักเท่าไหร่“ รถติด ” เป็นหนึ่งตอบสั้นๆ เพียงแค่นั้นก่อนจะนั่งที่โซฟาเดี่ยว กลายเป็นตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนนั่งโซฟากันคนละตัว จากนั้นเขาก็ยกมือกวักเรียกพนักงานเป็นสัญญาณให้มาชงเหล้าให้อีกด้านของผับ โซนบาร์เครื่องดื่ม“หลินๆ ไปดูโซนVIPฝั่งนู้นให้พี่หน่อยสิวันนี้คนมาเยอะกว
ช่วงเย็นวันต่อมา“ พวกมึงไปดูเด็กปีหนึ่งรับน้องปะ ปีนี้มีแต่แจ่มๆ กูไปส่องมาละ ” กันต์เอ่ยถามหลังจากลงมาจากตึกเรียนแล้วเจอเข้ากับกลุ่มเพื่อนของตน“ กูไป ” ขุนเขารีบยกมือขึ้นอย่างไวด้วยท่าทางกระตือรือร้น“ พวกมึงอะจะไปไหม ” กันต์เอ่ยถามแดนดินกับเป็นหนึ่ง“ อืม ” เพราะไม่รู้จะไปไหนเขาสองคนจึงตอบตกลงไปหลังจากตกลงกันได้แล้วสี่หนุ่มฮ็อตคณะวิศวะก็มุ่งหน้าไปยังลานเกียร์ลานเกียร์วิศวะวันนี้เป็นวันรับน้องวันแรกของนักศึกษาวิศวะปีหนึ่งรวมทุกสาขา ซึ่งปีนี้ทางมหาลัยได้ออกนโยบายให้จัดกิจกรรมนับน้องได้ไม่เกินสามวันทุกอย่างเลยเป็นการเร่งรีบและรวบรัดแบบง่ายๆรุ่นพี่ปีสองปีสามใส่เสื้อช็อปประจำแต่ละคณะของตัวเองส่วนปีหนึ่งใส่เสื้อสีดำที่รุ่นพี่แจกจ่ายให้เพื่อเปลี่ยนใส่ในตอนเลิกเรียนก่อนมาทำกิจกรรมรับน้องโดยสาขายานยนต์ใส่เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมู สาขาโยธาใส่เสื้อช็อปสีเทา สาขาอื่นๆ ก็จะแตกต่างกันออกไป“ เห้ย!! นั่นน้องคนสวยที่ถามทางเมื่อวานนี่หว่า ” ขุนเขาเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ไปที่หลินและเหมยลี่ที่นั่งอยู่ลานเกียร์“ จริงด้วยว่ะ แม่ของลูกกูเลย ” กันต์เอ่ยสมทบดวงตาเต็มไปด้วยความชมชอบ จนเป็นหนึ่งตวัดสายตาไปมอง
ณ มหาวิทยาลัย Kingหน้าช็อปวิศวะยานยนต์ช่วงพักกลางวันนักศึกษาต่างพากันจับจองที่นั่งจับกลุ่มคุยกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณหน้าช็อปคณะเป็นทางยาว แทบจะไม่มีที่ว่าง เป็นภาพที่ชินตาไปแล้วสำหรับชาวคณะวิศวะยานยนต์ร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ใบหน้าคมคาย จมูกโด่ง รับกับเรียวปากกระจับสวยได้รูป ผิวพรรณขาวราวกับผู้หญิง แต่สายตาคมแฝงไปด้วยความดุร้ายแต่กร้าวใจ กำลังนั่งไถมือถือเล่นไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง แม้ว่าจะมีสายตาของสาวๆ ต่างคณะส่งสายตาทอดสะพานให้เค้าก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยโดยมีหนุ่มหล่อร่างสูงอีกสองคนนั่งร่วมโต๊ะด้วยอีกคนนั่งอ่านหนังสือโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเช่นกันแต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่ส่งสายตาแพรวพราวให้กับเหล่าสาวสวยที่เดินผ่านซึ่งหนุ่มหล่อ หนุ่มฮ็อตคนแรกที่จดจ่อกับมือถือเครื่องหรูนั่นก็คือ เป็นหนึ่ง หรือโนอาร์ วิลสัน อายุ20 ปี สูง187/62 เรียนวิศวะยานยนต์ปี2 เป็นลูกเสี้ยวไทย-จีน-อิตาลี่ นิสัยดุ โหด ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ชอบพูดกับคนไม่สนิท ทั้งชีวิตมีเพื่อนสนิทแค่3คน ได้แก่ แดนดิน กันต์ ขุนเขาคนที่สองที่นั่งอ่านหนังสือ แดนดิน หนุ่มหล่อฟ้าประทานแห่งคณะบริหาร ผู้ที่ไม่เคยสนใจสาวๆ หรือข้องแวะ
เรื่องนี้เป็นภาคของเป็นหนึ่ง เพื่อนของแดนดินพระเอกจากเรื่อง STORY OF LOVE - DANDIN เพราะรักมันฝังใจ นะคะใครที่ยังไม่ได้ดูภาคของแดนดินต้องอ่านก่อนมาอ่านเรื่องนี้นะคะเดี๋ยวไม่รู้เรื่องน๊าาา🩷เป็นหนึ่ง หรือ โนอาร์ วิลสัน อายุ 20 ปี สูง187เรียนวิศวะยานยนต์ ปี2ภายนอกที่คนมองเขา อาจจะคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกชายเจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู มีสายตาที่ดูดุกร้าว หน้านิ่ง เย็นชา แต่เบื้องหลังที่ผู้คนภายนอกไม่รู้คือ เขาเป็นทายาทมาเฟียลิตาลี่ ที่โหดร้าย เยือกเย็น สมกับฉายา เจ้าชายน้ำแข็ง ที่เพื่อนสนิทตั้งให้ไม่มีผิดเพี้ยนเลยซักนิด*******************หลิน หรือ ลี่หลิน อายุ 19 ปี สูง165 เธอเป็นสาวเรียบร้อย อ่อนหวาน ใสซื่อ เป็นหนึ่งเข้าใจว่าเธอต้องการเงินจึงจ้างให้มาทำงานบ้านให้ เธอมาเรียนที่ไทยกับเหมยลี่เพื่อนสาวคนสนิทเพียงสองคนแต่นั่นเป็นเพียงภายนอกที่สร้างขึ้นเท่านั้น เบื้องหลังของเธอนั้นลึกลับกว่าที่ใครจะคาดคิด**********************เรื่องนี้มีE-Book แล้วนะคะ สามารถหาซื้ออ่านได้ที่Meb เลยค่าซื้ออีบุ๊ค จิ้มเลยจ้าhttps://www.mebmarket.com/ebook-347119-Mafia-Of-LovendashNoah-มาเฟียร้ายพ่ายรัก******