ทำไมฉันหงุดหงิดแบบนี้เนี่ย อยู่ ๆ อนันธาราหุ้นก็ตกฮวบฮาบ จนพ่อทีต้องเรียกบอร์ดบริหารเข้าประชุมแต่เช้า อิไทม์ก็ไม่อยู่ ฉันปวดหัวชะมัด ไม่รู้ไปปั๊มลูกปั๊มหลานกับน้ำปั่นถึงไหนแล้ว! “ไม่ต้องเครียด ไม่ได้เป็นเพราะลูกไปภูเก็ต หรอกปลายฟ้า” แม่เมย์เดินอ้อมมานวดไหล่ฉัน ฉันโคตรเครียดบอกตามตรง ฉันไม่เคยทำงานพลาดสักครั้ง ทำไมหุ้นต้องตก หลังฉันกลับจากที่นั่นไม่กี่อาทิตย์ด้วย “มันทยอยตก ช่วงหนูกลับจากภูเก็ตเลยนะคะแม่เมย์” “ไม่เกี่ยวเลย ๆ หุ้นโรงแรมอื่นก็ตก มันอยู่ที่นักท่องเที่ยว อย่าคิดมาก” ฉันพยักหน้าเบา ๆ ไม่คิดก็คงยาก ถ้ามันเป็นเพราะฉัน เข้าไปคุยกับบริษัททัวร์รายนั้นจริง ฉันก็จะเอาไปปรับปรุงตัวเอง เฮ้อ... ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย วันนั้นก็โอเคนี่น่า ฉันพูดอะไรผิดไปวะ ฉันเหนื่อยมากวันนี้ นี่ก็บ่ายสามแล้ว ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน ป่านนี้คุณหมอศัล เขาคงเข้าเวรอยู่ล่ะมั้ง ให้เขาทำงานเถอะ ฉันไม่อยากโทรกวน พอกลับมาถึงคอนโด ฉันก็อาบน้ำ กินมาม่าที่ห้องตัวเอง รู้สึกเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ อยากอยู่คนเดียว และอยากนอนพักสักงีบ
เป็นเมนส์! เป็นเมนส์! ปกติผมจะเฉยมากกับคำนี้ แต่วันนี้ ทำไมผมรู้สึกเจ็บใจ! ที่ผมวุ่นวายจัดเตรียมของทั้งวัน เป็นเพราะไอ้สเตตัสบ้า ๆ นั่น มันทำผมเข้าใจผิดไปหมด! หรือ... ไม่ใช่? ปลายฟ้าปั่นผม เธอต้องร่วมมือกับไอ้นาวิน ซินน์ ไออุ่นแน่! “แผนใช่ไหม” “แผน? ป่าวนะ ไม่มีแผนอะไรเลย” ผมจับข้อมือเธอ ดึงเข้าหาตัวทันที “สารภาพมา ใครเป็นคนต้นคิด” ปลายฟ้ามองตาผมสลับกับมือตัวเอง แล้วส่ายหน้ารัว “ไม่มีเบบี๋ ไม่มี ไม่มีจริง ๆ” “แน่ใจ?” เธอพยักหน้า แล้วกลืนน้ำลายลงคอ จนผมได้ยินเสียงหัวใจเธอ มันเต้นตึก ๆ ตึก ๆ ออกมา พร้อมกับปลายฟ้า ที่เริ่มหลบตาผม “เบบี๋เค้าไม่ได้โกหกนะ คือ... เบบี๋จ้องแบบนี้ เค้าทำตัวไม่ถูก” ผมไม่ตอบ รีบลากเธอเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะดันร่างบาง ๆ ที่พยายามแกะมือผมออก นั้นลงบนเตียง ‘ฟุบ’ “เบบี๋! เค้าเป็นเมนส์” ผมขึ้นคร่อมปลายฟ้าไม่ให้เธอลุกไปไหน พร้อมกับจับมือที่ปัดป่ายกดไว้แนบเตียง แล้วค่อย ๆ ก้มลง ไปจ้องตาโต ๆ ที่ไม่กล้าสบตาคู่นั้น “แน่ใจ?”
ผมช็อกหนักกว่าเดิม ถึงขั้นขู่ประจานกันเลยเหรอวะ ลูกสาวก็มี ทำไมทำกันได้ถึงขนาดนี้ “อาจารย์รู้จัก ลูกสาวหมอพวกนั้นไหม” ผมขับรถไปถามอาจารย์ไป เรากำลังมุ่งหน้าไปร้านกาแฟที่ลุงทีนัดไว้เมื่อคราวก่อน “ไม่รู้จัก แต่ผมจำนามสกุลพวกมันได้ทุกคน เรื่องนี้ถ้าลูกเมียพวกมันรู้นะ คงรับไม่ได้แน่” ผมถอนหายใจ แม่งยิ่งนึกตาม ภาพในคลิปยิ่งเข้ามาในหัวผม พอถึงร้านกาแฟ เราก็รีบลงจากรถทันที ก่อนที่จะเข้าไปในร้าน แล้วเห็นพ่อบอสกับลุงทีนั่งรออยู่ “สวัสดีครับ” “นั่ง ๆ” พอผมกับอาจารย์เลื่อนเก้าอี้นั่ง ลุงทีก็เอาศอกค้ำโต๊ะเปิดประเด็นทันที “ตอนนี้วีดีโอกล้องวรจรปิดในฐานข้อมูล พวกมันลบหมดแล้ว โชคดีที่เราแฮกมาทัน” ผมกับอาจารย์ตกใจมาก ถ้ารอบครอบกันขนาดนี้ ผมว่าพวกมันเคยทำมาก่อนแน่นอน “ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะให้ตำรวจไปค้นได้ไงครับ? ค้นไปก็ไม่มีคลิปหลักฐานให้สูบ” พ่อบอสเอามือกอดอกถอนหายใจ “เฮ้อ... ฉันว่า ตอนนี้เราไม่ต้องกลัวใครไหวตัวทันแล้วล่ะ มันเล่นสังหารหมู่คนของเราขนาดนั้น แถมยังถ่ายคลิปขู่อีก เราต้อง
พอฟางรับปากเรียบร้อยเธอก็ลุกขึ้น เดินมาหาผม “หมอนาวา หลบแฟนมาหาฟางได้ตลอดนะ นี่เบอร์ฟาง และโล่กันฉุกเฉิน” เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายใบเล็ก ก่อนจะกำบางสิ่งบางอย่างออกมา ยัดใส่กระเป๋าเสื้อผม ผมจึงรีบเอนไปหาอาจารย์เพื่อหลบเธอ จนตอนนี้ ผมแทบจะซบไหล่ท่านอยู่แล้ว! เมื่อลุงทีกับพ่อบอสเห็นผมสภาพนั้น ท่านก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังอีก “ฮ่า ๆ พอแล้วฟาง” เออ พอแล้ว ผมไม่กล้าหันไปสบตาหรือมองส่วนไหนของเธอเลย ผมกลัว! “ไม่แกล้งแล้วค่ะ แต่พูดจริง ๆ นะ” ผมไม่ตอบ ไม่สนใจ จนเธอหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินออกไปจากร้าน เฮ้อ... แล้วอะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อผมวะ! ผมรีบหยิบของทุกอย่างจากกระเป๋าเสื้อออกมา จนเห็นถุงยางอนามัยกับนามบัตรเธอ! เวรจริง ๆ ถ้าแฟนเห็นของพวกนี้ ผมคงไม่มีชีวิตรอด “ถึงกลับใส่ถุงยางให้เลย ฮ่า ๆ” พ่อบอสชี้มาที่มือผมแล้วขำไม่หยุด จนผมรีบวางมันลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนทันที “ผมขอตัวกลับนะครับ สวัสดีครับ” “เดี๋ยว ๆ ถุงยางนี่ล่ะหมอ” ลุงทีรีบกวักมือเรียกผม แล้วชี้
มันผ่านมาสองคืนแล้ว ที่ผมนอนไม่ค่อยหลับ ผมจะทำยังไงดีวะ? ‘ตึ้ง ตึ้ง~’ เสียงไลน์กลุ่มแม่งก็ดังอยู่ได้ ไอ้เวียร์โม้จนไลน์แทบแตก ว่ามันได้ลูกแฝดผู้ชายสองคน เฮ้อ! ผมไม่เข้าใจ ว่ามันจะดีใจอะไรขนาดนั้น เมียต้องอุ้มท้องหนัก บางทีอาจจะได้แฝดพี่น้องที่ไม่ได้คุณภาพเหมือนที่ผมได้มา โคตรน่ารำคาญ สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับศพ โคตรเครียด... ผมจะทำไงดี? ไม่ให้ปลายฟ้ารู้สึกแย่วะ ผมนั่งอ่านหนังสือไปนวดขมับไป ระหว่างพักเที่ยงแทบไม่ได้ทำอะไร และไม่อยากออกไปไหนด้วย มันเบื่อไปหมด จนอาจารย์ ท่านเดินล้วงกระเป๋าผิวปากเข้ามาในห้อง จากนั้นก็หยิบแฟ้มประวัติขึ้นมาอ่าน อมยิ้มอยู่คนเดียว จนหันมาเห็นผมนั่งมองอยู่ “อะไรลูกเขย ทำไมดูเครียด ๆ โดนพ่อแม่หักค่าขนมเหรอ?” ผมถอนหายใจ แล้วพับหนังสือที่อ่านเก็บ “เฮ้อ...” อาจารย์ขมวดคิ้ว แล้ววางแฟ้มประวัติในมือ เดินมาหาผม “เป็นอะไร? ปรึกษาได้นะ” ดี ช่วยผมบ้าง! “ถ้าผมทำลูกสาวอาจารย์เสียใจ อาจารย์จะว่าอะไรไหมครับ” อาจารย์ขมวดคิ้วสงสัย ท่านคงตกใจที่ผมทำน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้ ใช่ผมจ
ผมพักไม่นาน ผมก็กลับบ้าน เพราะอีกไม่กี่วัน น้ำปั่นก็แต่งงานกับไอ้ไทม์แล้ว แม่เลยค่อนข้างเหงา อีกอย่าง... ผมก็ตั้งใจจะมาคุยเรื่องร้องสภากับพ่อด้วยแหละ เพราะผมไปหาท่านที่ห้องแล้ว ท่านไม่อยู่ให้ผมคุย “ดูเหนื่อย ๆ นะนาวา พักผ่อนบ้าง” พอผมเดินเข้าบ้าน คนที่เข้ามาทักคนแรกก็คือแม่ “ครับ เพิ่งผ่าตัดเสร็จ พ่ออยู่ไหมครับ ผมจะถามเรื่องรายงาน” พอผมจะก้าวขึ้นบันไดไปหาพ่อ แม่ก็จับแขนผมไว้ “พ่อนอนอยู่ ลูกหิวไหม กินข้าวก่อน แม่ทำให้” ผมหันมาหาแม่ แล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟารอท่าน ใจจริงผมเหนื่อย อยากพัก อยากงีบสักตื่นแล้วไปคุยกับพ่อจะได้กลับ ๆ แต่อีกใจก็อยากกินกับข้าวฝีมือแม่ พอแม่ไปทำกับข้าวให้ ผมก็นั่งเล่นมือถือไปหาวไป กะจะพิมพ์บอกยัยอ้วน ว่าไม่ต้องรอผม ก็เหมือนจะไม่ไหว ตาผมมันจะหลับให้ได้ และสุดท้ายผมก็เผลอหลับไปจริง ๆ จนเสียงข่าวในทีวี และเสียงคนคุยกัน ปลุกให้ผมตื่น ผมจึงลูบเบา ๆ ที่ต้นคอ แล้วเปิดตามองรอบ ๆ ก็เห็นพ่อกับแม่นั่งซบกันดูทีวีอยู่สองคน “ลูกคงเหนื่อยมาก หมอนายดูสิ ลูกหลับมาสามชั่วโมงแ
พอผมรับปาก พ่อก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องพวกนั้น มาสองคน LINE | DAD DAD: นพ.อารัน ธนกุล, นพ.ธีรพงศ์ จินดารัตน์ DAD: สองคนนี้ไม่รับคำร้องเรียน มีคนอื่นอีกไหม พ่อไม่รู้นะ เพราะตอนที่ตำรวจกับผู้เสียหายเข้ามา มีแค่สองคนนี้ที่มีท่าทางแปลก ๆ และออกไปโทรศัพท์ข้างนอก ผม: โทรหาหมอสามคนนั้นใช่ไหมครับ? DAD: อาจจะ เพราะกลับเข้ามา ไม่ทันได้ดูเอกสารอะไร เขาก็บอกขอไม่รับเรื่องแล้ว ผม : ใต้โต๊ะคงหนามาก พ่ออ่านและเงียบไป จนสักพักใหญ่ ผมกับพ่อ ๆ ก็เห็นรถตู้สีขาวคันนึง ขับเข้ามาจอดอย่างรวดเร็วหน้าประตูทางขึ้น เมื่อประตูรถคันนั้นเปิด ทุกคนก็มองหน้ากัน เพราะมันหน้าคุ้น ๆ “นั่นล่ะพวกมัน” พออาจารย์พูดจบ พ่อบอสกับลุงทีก็ยืนขึ้น ท้าวสะเอวมองพวกมันชัด ๆ “ไอ้แก่ตัณหากลับ” ลุงทีบ่นเบาๆตามประสา แต่เมื่อสามหมอกำลังเดินเข้าไปในสภา อยู่ ๆ ประตูรถตู้คันนั้นก็เปิดออกอีก พร้อมกับขาขาว ๆ ของผู้หญิงคนนึง ที่ก้าวลงมาทีละก้าว ทีละก้าว และหยุดยืนหน้าบึ้งตึงข้
ไอ้ไทม์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปหามิน “มินต้องการอะไร?” ต้องการมึงไง แค่นี้ยังไม่รู้อีก! ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พอไอ้ไทม์ถามแบบนั้น มินก็เดินมาควงแขนมันอีก “พี่ไทม์ไง ถ้าพ่อมินรู้ว่าเรามีอะไรกัน พ่อมินไม่ยอมแน่ ๆ พ่อเราเจอกัน เราจะได้แต่งงานกันไง ดีไหม ๆ” ลุงทียิ้มที่มุมปาก เหมือนนึกขำ ที่มินพูดเองเออเองแบบนั้น “ไม่ได้หรอกมิน พี่ไม่ได้รักมิน มินตัดใจจากพี่เถอะ คนดี ๆ กว่าพี่มีอีกเยอะ” ไอ้พระเอก! แต่มันพูดถูกที่ว่า คนดีกว่ามันนั้นมีเยอะ “ไม่! มินชอบพี่ไทม์ มินรักพี่ไทม์ มินโอเคทุกอย่าง ไม่ต้องแต่งก็ได้ เราคบกันเงียบ ๆ เหมือนเดิม มินยอมเป็นที่สอง ยอมเป็นเมียน้อยพี่ไทม์ก็ได้” เฮ้อ... ผมไม่รู้จะพูดอะไร ถอนหายใจแม่ง “คนดี ๆ มีเยอะแยะ อย่ามาจมปลักกับพี่เลยมิน ไอ้นาวาไง มันหล่อ มัน...” “กูมีเมียแล้ว อย่ามายุ่งกับกู” ผมรีบพูดแทรกมันทันที มันจะโยนยัยนั่นมาให้ผมไม่ได้! พ่อบอสได้ยินถึงกลับรีบลุกขึ้นเดินออกไปขำไกล ๆ ก่อนจะกลับเข้ามาแล้วขำใส่ผมใหม่อีกรอบ
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั